วิธีเลือกซื้อ ปั๊มลมขนาดใหญ่ ปั๊มลมสายพาน ให้เหมาะกับงานที่ใช้

ปั๊มลม PUMA PP2-NM ไม่รวมมอเตอร์ ถัง 64 ลิตร 2 ลูกสูบ

10,130 บาท

ปั๊มลมขนาดใหญ่ ปั๊มลมสายพาน PUMA PP-275 ถัง 315 ลิตร 2 ลูกสูบ ตัวเปล่า (ไม่รวมมอเตอร์)

65,460 บาท

ปั๊มลมเครื่องยนต์เบนซิน JET JT-10262EG กำลัง 1 แรงม้า, ขนาด 62 ลิตร

7,000 บาท

ปั๊มลมสายพาน PUMA PP23P-MI220V 260L. มอเตอร์ MITSUBISHI 3 HP (2 ลูกสูบ)

49,670 บาท

ปั๊มลม PUMA รุ่น PP-32 PM มอเตอร์ PUMA 2 HP ถัง 148 L. (3 ลูกสูบ)

26,400 บาท

ปั๊มลมขนาดใหญ่ ปั๊มลมสายพาน PUMA PP23-PPM380V 3HP 380V ถัง 165 ลิตร 2 ลูกสูบ

35,580 บาท

วิธีเลือกซื้อ ปั๊มลมขนาดใหญ่ ปั๊มลมสายพาน ให้เหมาะกับงานที่ใช้

การเลือกซื้อ ปั๊มลมขนาดใหญ่ ปั๊มลมสายพาน สำหรับการใช้งานภายในบ้านหรือในโรงงานอุตสาหกรรมนั้นถือว่าเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ ดังนั้นการเลือกปั๊มลมคุณภาพและเหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุดจะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากอีกทั้งยังทำให้งานของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและใชะเวลาในการทำงานลดลงด้วย

ขนาดของถังที่มหญ่ขึ้นจะช่วยให้คุณสามารถใช้งานเครื่องมือได้หลายตัวพร้อมกันมากขึ้นและสามารถใช้ได้เป็นเวลานานมากขึ้น ก่อนที่แรงดันจะลดลงเพิ่มเติมอากาศเข้าไปใหม่แต่จะอย่างไรก็ตามด้วยตัวถังเก็บลมขนาดใหญ่ และตัวปั๊มอาจจะมีน้ำหนักมากและมีความเทอะทะ ทำให้คุณควบคุมได้ยากต่างจากการเคลื่อนย้ายพกพาที่สะดวกมากกว่าอย่างปั๊มลมขนาดเล็กเพราะสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวกมากกว่าแต่อาจจะใช้งานอุปกรณ์เครื่องมือพร้อมกันได้น้อยลงตามไปด้วย

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

- 10 วิธีการบำรุงรักษา ปั้มลมขนาดใหญ่ ให้ใช้งานได้นานขึ้น

- ปั้มลมขนาดใหญ่ แบ่งเป็นกี่ประเภทจะเลือกซื้ออย่างไรให้คุ้ม

ทำไมผู้คนจึงนิยมใช้งานปั๊มลม

เครื่องอัดอากาศหรือ ปั๊มลม เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สะดวกในการทำงานหลายอย่างและหลายด้านผู้คนเริ่มต้นใช้งานปั๊มลมกันตั้งแต่ย้อนกลับไปที่ต้นทศวรรษที่ 1500 และไม่นานนักเครื่องปั๊มลมก็ถูกพัฒนาขึ้นไปอีกในระยะเวลาอันรวดเร็วเพื่อรองรับกับการใช้งานและรองรับกับอุปกรณ์ลมที่มีหลากหลายมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ดีเทคโนโลยีเครื่องอัดอากาศก็ยังคงได้รับการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และจนถึงในปัจจุบัน จนมีอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานกับเครื่องปั๊มลมได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยในการลดเวลาในการทำงาน

ปั๊มลม หรือเครื่องอัดอากาศเป็นอุปกรณ์นิวเมตริกส์ที่เปลี่ยนแหล่งพลังงานที่เก็บไว้และใช้พลังงานลมอัดออกไปเครื่องอัดอากาศสมัยใหม่มีหลายรุ่นให้เลือกใช้งาน ด้วยประเภทที่มีให้เลือกมากมาย อาจเป็นเรื่องยากที่จะเลือกตัวเลือกเดียว ตัวอย่างเช่น เครื่องอัดอากาศแบบลูกสูบลูกสูบสามารถจ่ายพลังงานให้กับเครื่องมือต่างๆ มากมายสำหรับเจ้าของบ้านและธุรกิจต่างๆ ในทางกลับกัน เครื่องอัดอากาศแบบสกรูโรตารีมักจะใช้งานในอุตสาหกรรมเนื่องจากให้แรงลมได้มากกว่าหลายเท่าตัว

ไฟฟ้าหรือน้ำมัน

คอมเพรสเซอร์น้ำมันควรใช้กลางแจ้งหรือเมื่อต้องเคลื่อนย้ายจากสถานที่ทำงานต่างๆ ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำว่าไม่ปลอดภัยหากใช้งานปั๊มน้ำมันในพื้นที่ปิดด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยคอมเพรสเซอร์แบบมอเตอร์ไฟฟ้ามักเป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่เลือกใช้ เนื่องจากมีราคาถูกกว่าเล็กน้อยและต้องการการบำรุงรักษาน้อยกว่า คอมเพรสเซอร์ไฟฟ้ามาในเฟสเดียวหรือ สิ่งสำคัญคือต้องตรวจสอบว่าคุณใช้แหล่งจ่ายไฟประเภทใด จากที่กล่าวมา หากคุณสามารถใช้งานเครื่องจักร ขอแนะนำให้เลือกน้ำมัน เนื่องจากมีประสิทธิภาพมากกว่ามากและผ่านกระบวนการบำรุงรักษาเดียวกัน 

ระบบ CFM

การวัดปริมาตรอากาศที่ผลิตออกมาโดยคอมเพรสเซอร์ซึ่งมักจะมีค่าวัดเป็น CFM หากว่าคุณมีเครื่องมือหลายตัวและต้องการจะใช้เครื่องมือหลาย ๆ ตัวพร้อมกัน คุณควรจะต้องคำนึงถึงค่า CFM จากเครื่องมือเพื่อเป็นการตรวจสอบให้แน่ใจว่าการส่งลมของคอมเพรสเซอร์จะเท่ากับหรือมีค่าเกินกว่านั้น เพื่อให้สามารถใช้งานอุปกรณ์เครื่องมือของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดและไม่ทำให้เกิดข้อบกพร่องตามมาขณะที่คุณกำลังใช้งานเครื่องปั๊มลม

PSI ของคอมเพรสเซอร์

คอมเพรสเซอร์ที่ขนาดต่างกันจะมีระดับค่า PSI ที่แตกต่างกัน PSI เป็นตัวบอกค่าความแรงของแรงดันอากาศที่ปั๊มลมผลิตได้ หากว่าเครื่องมือของคุณต้องใช้แรงดันลมอยู่ที่ 150 PSI คอมเพรสเซอร์ปั๊มลมของคุณจะต้องมีแรงดันลมขั้นต่ำอย่างน้อย 150 PSI ขึ้นไปเพื่อทำให้สามารถทำงานได้แต่ก็ต้องประมาณการว่าจะไม่ใช้แรงดันลมที่สูงจนเกินไปเนื่องจากอาจจะทำให้เครื่องมือของคุณเสียหายได้ หรืออาจจะใช้ตัวปรับแรงดันช่วยได้ในการคุมแรงดันให้เหมาะสม

รอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์

รอบการทำงานคือค่าอัตราส่วนระหว่างเวลาที่คอมเพรสเซอร์เริ่มดูดลมเข้าและพักการทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าคอมเพรสเซอร์ได้รับการดูแลอย่างดีและยืดอายุการใช้งาน จะเป็นการดีที่สุดหากไม่ปล่อยให้ทำงานเกิน 60% ของเวลาทั้งหมด หากคุณพบว่าคอมเพรสเซอร์ของคุณหมดลมเร็วเกินไป และกำลังทำงานหนักเกินไปในการเติมอากาศ คุณควรมองหาคอมเพรสเซอร์ที่มีถังเก็บลมที่ใหญ่ขึ้น 

เครื่องมือแบบไหนที่คุณต้องการใช้กับปั๊มลม

ประเภทของเครื่องมือที่คุณต้องการใช้จะมาพร้อมกับข้อกำหนดที่แตกต่างกัน การทราบเครื่องมือที่คุณต้องการใช้ล่วงหน้าสามารถช่วยคุณกำหนดประเภทของ ปั๊มลม เครื่องอัดอากาศที่ตรงตามข้อกำหนดที่คุณต้องการคุณจะต้องมองหาคะแนน CFM เฉลี่ยในแต่ละเครื่องมือเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจสิ่งที่คุณกำลังมองหาได้ดีขึ้น และคอมเพรสเซอร์ชนิดใดที่จะให้กำลังที่คุณต้องการ

การกำหนดข้อมูลจำเพาะ

เมื่อคุณทราบแล้วว่าคุณต้องการใช้เครื่องมือใดกับเครื่องอัดอากาศของคุณ คุณสามารถกำหนดได้ว่าคุณจะต้องค้นหาข้อมูลจำเพาะใดในระหว่างการค้นหา การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้เมื่อซื้อคอมเพรสเซอร์อาจหมายความว่าเครื่องมือของคุณจะทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการทำงานให้เสร็จ พิจารณาข้อกำหนดเหล่านี้เมื่อเลือกเครื่องอัดอากาศแรงดันใช้งานสูงสุดที่คุณต้องการคือเท่าใดแรงดันใช้งานสูงสุดสำหรับเครื่องอัดอากาศคือเท่าใด

การทราบ PSI การทำงานสูงสุดของคุณจะช่วยให้คุณเลือกเครื่องอัดอากาศที่เหมาะสมได้ เนื่องจากคุณจะต้องการอัตรา PSI เดียวกัน คุณยังสามารถระบุได้ว่าคุณต้องการคอมเพรสเซอร์แบบขั้นตอนเดียวหรือสองขั้นตอน คอมเพรสเซอร์แบบสองขั้นตอนมีขั้นตอนการบีบอัดเพิ่มเติม ซึ่งจะเพิ่ม PSI ยิ่งคุณต้องใช้ PSI สูงเท่าไร คุณก็ยิ่งต้องการคอมเพรสเซอร์แบบสองขั้นตอนมากขึ้นเท่านั้นคุณสามารถกำหนด PSI ที่คุณต้องการได้โดยดูที่ข้อมูลจำเพาะของเครื่องมือของคุณ เลือก PSI สูงสุดเพื่อตัดสินใจเลือกเครื่องอัดอากาศ ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเครื่องมือหลายชิ้นและค่า PSI สูงสุดคือ 90 คุณจะต้องเลือกเครื่องอัดอากาศที่มีค่า PSI อย่างน้อย 90

ปริมาณลมสูงสุด

คุณจะต้องกำหนดจำนวน CFM ที่คุณต้องการให้เครื่องอัดอากาศผลิต เครื่องมือส่วนใหญ่ทำเครื่องหมายด้วย CFM เฉลี่ย ซึ่งเป็นเพียงประมาณหนึ่งในสี่ของ CFM ต่อเนื่อง หากคุณวางแผนที่จะเดินเครื่องอัดอากาศเป็นประจำ คุณควรคูณ CFM เฉลี่ยของคุณด้วยสี่ ตัวเลขนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณประเมินกำลังทางอากาศที่คุณต้องใช้ในการทำงานต่ำเกินไป ทำการคำนวณนี้ด้วยเครื่องมือที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องอัดอากาศของคุณจะทำงานต่อไปในระหว่างการใช้งานที่มีความต้องการมากที่สุด

คุณจะต้องพิจารณาด้วยว่าคุณจะใช้สายการบินอย่างน้อยหนึ่งสายสำหรับเครื่องมือของคุณในแต่ละครั้งหรือไม่ หากคุณวางแผนที่จะใช้สองบรรทัดขึ้นไป ให้รวมอัตรา CFM ขั้นต่ำของเครื่องมือทั้งหมดที่คุณจะใช้พร้อมกันเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีกำลังลมเพียงพอ
ตัวอย่างเช่น หากคุณวางแผนที่จะเรียกใช้สองบรรทัด และเครื่องมือหนึ่งของคุณมีค่า CFM ที่ 7 และอีกค่าหนึ่งเท่ากับ 6 คุณควรมองหาคอมเพรสเซอร์ที่มีคะแนน CFM อย่างน้อย 16

คุณต้องการถังขนาดไหน

คุณต้องการถังขนาดใดสำหรับเครื่องอัดอากาศผู้ผลิตส่วนใหญ่วัดขนาดถังเป็นแกลลอน และขนาดถังของคุณจะส่งผลต่อความสามารถในการใช้เครื่องมือเฉพาะ ตัวอย่างเช่น เครื่องมือที่ใช้งานต่อเนื่องจะต้องมีถังขนาดใหญ่ขึ้นเนื่องจากต้องใช้อากาศอัดที่มีแรงดันเพียงพอ การกำหนดขนาดถังที่คุณต้องการหา CFM นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือไปกับรถถังที่ใหญ่ที่สุดที่คุณสามารถจ่ายได้พอสมควรและบ้าน

การเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้นนั้นดีกว่าเนื่องจากคุณไม่ต้องกังวลกับการรอให้น้ำมันเต็มถังบ่อยๆ ทำให้คุณรอนานขึ้นกว่าจะเสร็จงานและทำให้มอเตอร์ของคอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก เครื่องอัดอากาศที่มีถังขนาดใหญ่สามารถใช้งานได้นานขึ้นเนื่องจากไม่ต้องทำงานบ่อยนัก ช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้งาน