TH
English
Customers Also Purchased
ลองจินตนาการว่า คุณเดินเข้ามาในร้านเครื่องมือ เพื่อตามหา เครื่องตัดคอนกรีต แล้วพนักงานก็เข้าใจ ว่า “อ๋อ รถตัดถนนใช่ไหม?” แล้วคำคำนี้ ก็ทำให้คุณงงไปหมด ว่าตกลงแล้ว มันคือเครื่องมือเดียวกันเหรอ?
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่คนทั่วไปที่สับสนนะครับ เพราะช่างหลายคน ที่ใช้มานานก็ยังเถียงกันสนุกอยู่เลยว่า “จะต่างกันยังไง ก็ใช้ใบตัดเพชรเหมือนกัน” จนหลายคนเริ่มสงสัยว่า หรือจริง ๆ แล้วเรากำลังพูดถึงเครื่องมือเดียวกัน แค่เรียกคนละชื่อกันแน่?
เพราะงั้น ในบทความนี้ ผมเลยอยากพาทุกคนมาดูกันแบบละเอียด เกี่ยวกับเครื่องตัดคอนกรีต กับรถตัดถนนครับ ว่าเครื่องมือทั้งสองชนิดนี้เป็นเครื่องตัดคอนกรีตเหมือนกันไหม ต่างกันตรงไหน ใช้งานในสถานการณ์แบบไหนถึงจะเหมาะสม แล้วถ้าคุณต้องเลือกใช้งานจริงในไซต์งาน ตัดพื้นถนนหรือตัดพื้นโรงงาน จะรู้ได้ยังไงว่าเครื่องไหน คือคำตอบที่ใช่ที่สุด?
เครื่องตัดคอนกรีต คืออะไรกันแน่?
มาถึงตรงนี้ บางคนก็อาจสงสัยอยู่ ว่า เครื่องตัดคอนกรีต จริง ๆ หน้าตามันเป็นยังไง? ใช่เลื่อยวงเดือน ไหม? หรือเป็นแท่นใหญ่ ๆ คล้าย ๆ เครื่องตัดไฟเบอร์ 14 นิ้ว
เพราะฉนั้น ก่อนอื่นต้องเริ่มจากทำความเข้าใจกันตรงนี้ก่อนครับว่า เครื่องตัดคอนกรีต (Concrete Cutter/ Cut-off Machine) คือกลุ่มเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อตัดวัสดุเนื้อแข็ง เช่นหิน คอนกรีต ซีเมนต์ หรือแอสฟัลต์ (ยางมะตอย) โดยเฉพาะ
เครื่องตัดคอนกรีต คืออะไร? และทำงานอย่างไร? หลักการทำงานของเครื่องตัดคอนกรีต ก็ไม่ซับซ้อนอะไรมากครับ สร้างพลังตัดจากการใช้ “ใบตัดเพชร” หมุนด้วยความเร็วสูงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ไร้สาย หรือเครื่องยนต์ เพื่อกัดลงในเนื้อคอนกรีต จนขาดออกจากกัน หรือเป็นร่องเรียบ และตรง จุดเด่นอยู่ที่ความแม่นยำ และความเร็วสูงกว่าการใช้วิธีสกัด หรือเจาะ
เครื่องตัดคอนกรีต มักใช้ในงานทั่วไป
- ตัดร่องคอนกรีต ก่อนวางสายไฟ หรือท่อน้ำ เพื่อให้ระบบท่อ และสายไฟฝังอยู่ในพื้นได้อย่างเรียบเนียน ไม่ทำให้เกิดการแตกร้าวภายหลัง และช่วยให้งานเดินระบบมีความสวยงาม
- เปิดร่องขยาย ป้องกันพื้นแตกร้าว เช่นในอาคาร หรือถนนที่มีการขยายตัวจากความร้อน
- ตัดพื้น หรือผนังเพื่อซ่อมบำรุงเฉพาะจุด เช่น เมื่อต้องการซ่อมท่อรั่วใต้พื้น หรือต้องเปิดพื้นที่เพื่อวางฐานรากใหม่ การใช้เครื่องตัดคอนกรีตจะช่วยให้ทำงานได้สะอาด และแม่นยำกว่าใช้ค้อน หรือสกัดมือ
- ใช้ในงานรื้อถอน หรือซ่อมแซมถนน เช่น การตัดแนวถนนเดิมออกก่อนปูยางมะตอยใหม่ หรือเปิดช่องสำหรับเดินท่อระบายน้ำ ช่วยให้ขอบการตัดเรียบ และลดความเสียหายของคอนกรีตส่วนอื่น
รถตัดถนนคืออะไร? เป็น เครื่องตัดคอนกรีต ด้วยไหม?
ชื่อรถตัดถนน จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เป็นรถ แบบที่ขับได้เหมือนรถยนต์นะครับ รถตัดถนน (Road Cutter/ Floor Saw) ก็คือ เครื่องตัดคอนกรีตขนาดใหญ่ ชนิดหนึ่งที่ออกแบบมาให้ เคลื่อนที่บนล้อ และตัดพื้นแนวนอนได้เป็นระยะทางยาว ๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะงานถนน หรือพื้นคอนกรีตหนา ๆ ที่มีความกว้าง มากกว่าพนัง กำแพงปูน หรือหินอ่อนทั่วไป
พูดง่าย ๆ คือ รถตัดถนนคือ เครื่องตัดคอนกรีต ประเภทหนึ่ง ที่พัฒนามา ให้รองรับ “งานภาคสนามหนัก” เช่น:
- ตัดพื้นถนนคอนกรีตเพื่อวางท่อระบายน้ำ มักต้องทำอย่างแม่นยำ เพื่อไม่ให้คอนกรีตส่วนอื่นเสียหาย และต้องคำนวณแนวตัดให้ตรงกับแนวท่อจริง รวมถึงควบคุมความลึกของใบตัดให้พอดี เพื่อเปิดทางเดินน้ำได้อย่างราบรื่น
- เปิดร่องสำหรับเดินสายไฟใต้ถนน ต้องใช้เครื่องตัดคอนกรีตขนาดใหญ่ และใบตัดเพชรที่ทนต่อแรงเสียดทานสูง ให้ร่องมีความกว้าง และความลึกสม่ำเสมอตลอดแนว เป็นขั้นตอนสำคัญของการวางระบบไฟฟ้าภายนอกอาคาร และงานโครงสร้างพื้นฐาน
- การซ่อมถนนลาดยาง ที่ต้องตัดแนวตรงยาว ก่อนจะปูยางมะตอยใหม่ให้แนวต่อระหว่างถนนเดิม และถนนใหม่แนบสนิท ช่วยลดการแตกร้าวของชั้นผิวถนนในอนาคต งานนี้ต้องใช้ความละเอียดสูง และต้องตัดในช่วงเวลาที่อุณหภูมิไม่ร้อนเกินไป เพื่อป้องกันการละลายของผิวยางมะตอย
- ตัดพื้นโกดังอุตสาหกรรม หรือสนามบินต้องการความเรียบ และความเที่ยงตรงสูงมาก เพราะพื้นต้องรับแรงจากเครื่องจักรขนาดใหญ่ หรือเครื่องบิน การใช้รถตัดถนนที่มีระบบควบคุมใบตัดแม่นยำจะช่วยให้งานสำเร็จได้เร็วขึ้น และได้พื้นผิวที่เรียบสมบูรณ์แบบ
ข้อสังเกตที่สำคัญมากเลย ก็คือ รถตัดถนนจะมีโครงสร้างใหญ่กว่า เครื่องตัดคอนกรีต ทั่วไป มีน้ำหนักมากเพื่อใช้ในการ กดใบตัดให้ลึก และตรง ไม่สั่น และมักใช้เครื่องยนต์เบนซิน หรือดีเซลกำลังสูงเกิน 10 แรงม้า
เครื่องตัดคอนกรีต เหมือนกัน ทำไมถึงเรียกต่างกัน?
จริง ๆ แล้วความสับสนนี้เกิดจาก “ลักษณะการใช้งาน” ครับ เพราะชื่อที่ใช้เรียกจะสะท้อนถึงบริบทของงานมากกว่าตัวเครื่องจริง ๆ ถ้าคุณใช้เครื่องขนาดเล็ก ตัดพื้นในบ้าน โรงงาน หรืออาคารทั่วไป มักจะเรียก “เครื่องตัดคอนกรีต” ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องที่น้ำหนักไม่มาก เคลื่อนย้ายง่าย ใช้ใบขนาด 4–14 นิ้ว และออกแบบให้ช่างทั่วไปสามารถควบคุมได้สะดวกด้วยมือ
ในทางกลับกัน ถ้าเป็นงานภายนอก เช่น ถนน ลานจอด หรือสนามบิน ที่ต้องตัดแนวยาวและลึกกว่า ต้องใช้เครื่องที่มีระบบขับเคลื่อนในตัว ใบใหญ่กว่า และมีกำลังเครื่องสูงขึ้น มักจะเรียก “รถตัดถนน” เพื่อแยกให้เห็นว่ามันคือระดับงานหนัก หรือภาคสนามจริง ๆ ในวงการก่อสร้างเอง แทนคำว่าเครื่องตัดคอนกรีต ซึ่งยิ่งทำให้คำเรียกแตกต่างกันออกไปตามประสบการณ์ และประเภทงานที่เจอ
แยกให้ชัด: เครื่องตัดคอนกรีต vs รถตัดถนน ต่างกันตรงไหนบ้าง?
ความแตกต่างระหว่างเครื่องตัดคอนกรีต และรถตัดถนนนั้น ไม่ได้มีแค่ในเรื่องของขนาด หรือกำลังอย่างเดียวนะครับ แต่ยังรวมถึงรูปแบบการใช้งาน ความเหมาะสมของพื้นที่ หน้างาน และระดับความละเอียดของการตัดอีกด้วย ซึ่งแต่ละจุด ต่างมีผลต่อคุณภาพงาน และประสิทธิภาพในการทำงานของช่างอย่างมาก ถ้าเข้าใจความแตกต่างพวกนี้ คุณก็จะเลือกเครื่องตัดคอนกรีต ได้ตรงกับงาน ลดปัญหาเครื่องสึกหรอ หรือการใช้แรงเกินจำเป็น และยังยืดอายุการใช้งานของใบตัดได้อีกด้วย
เรามาดูกันดีกว่าครับ ว่า ความแตกต่าง หลัก ๆ ของเครื่องตัดคอนกรีต และรถตัดถนนนั้น มีอะไรบ้าง ในแง่ของตัวเครื่อง ความเร็ว ความลึก และระบบของเครื่องโดยรวม
ขนาด และกำลังเครื่อง
เครื่องตัดคอนกรีต ทั่วไปมีขนาดเล็กกว่า ใช้เครื่องยนต์เบนซิน หรือมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 5–9 แรงม้า เหมาะกับงานในอาคาร หรือพื้นที่ที่ต้องการความคล่องตัว ส่วนรถตัดถนน มีโครงสร้างใหญ่กว่า ใช้เครื่องยนต์ดีเซล หรือเบนซินกำลังสูง 15–25 แรงม้า สามารถตัดได้ลึกถึง 300 มิลลิเมตร เหมาะกับงานภาคสนาม และโครงสร้างขนาดใหญ่
ความลึก และความแม่นยำในการตัด
เครื่องตัดคอนกรีต ทั่วไปตัดได้ลึก 5–10 เซนติเมตร พอสำหรับงานซ่อมพื้น หรือเปิดร่องเล็ก ๆ ส่วนรถตัดถนนตัดได้ลึกกว่า 20–30 เซนติเมตร ใช้ใบตัดขนาด 14–30 นิ้ว และมีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ทำให้ตัดได้ตรง และเรียบโดยไม่ต้องออกแรงมาก เหมาะกับการตัดถนน หรือลานกว้าง
ระบบระบายความร้อน และการบำรุงรักษา
เครื่องตัดคอนกรีต ทั้งสองแบบ ต่างต้องใช้น้ำร่วมกับใบตัด เพื่อลดความร้อน แต่รถตัดถนน และเครื่องตัดคอนกรีตบางประเภท จะมีแท็งก์น้ำ และระบบปั๊มน้ำ ทำให้น้ำไหลสม่ำเสมอ และช่วยลดฝุ่น ส่วน เครื่องตัดคอนกรีต เครื่องเล็กอาจต้องใช้น้ำจากภายนอก และต้องระวังเรื่องความร้อน ของใบตัด
ประสบการณ์จริงจากไซต์งาน ต่างกันมากกว่าที่คิด
ผมเคยคุยกับหัวหน้าช่างที่ทำงานถนน เขาเล่าว่า “ตอนแรกก็ใช้เครื่องตัดคอนกรีตรุ่นเล็ก เพราะพื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่พอเจองานถนนจริง ๆ พื้นหนา 20 เซน ใช้ตัดไปครึ่งวัน ใบไหม้เลยครับ ต้องเปลี่ยนใบสองรอบ”
หลังจากนั้นเปลี่ยนมาใช้รถตัดถนนเครื่องเบนซิน 16 แรงม้าแทน เขาบอกว่า “ตัดแป๊บเดียวจบ เส้นตรงเป๊ะ ไม่ต้องพักเครื่องด้วย”
ฟังแบบนี้ก็ชัดเลยครับ ว่า ถึงจะเหมือนกันในสายตาคนทั่วไป แต่ในงานจริง ความเหมาะสมคือสิ่งที่แยก เครื่องตัดคอนกรีต ทั้งสอง ออกจากกันอย่างชัดเจน
ใบตัดล่ะ? ใช้แทนกันได้ไหม?
อีกเรื่องที่หลายคนเข้าใจผิด คือเรื่องใบตัดที่ใช้กับ เครื่องตัดคอนกรีต และเครื่องตัดถนน ครับ เพราะเห็นว่ารูปร่าง ใบตัดเพชร กลม ๆ 14 นิ้วเท่ากัน เลยคิดว่าใช้แทนกันได้ทั้งหมด ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่
ใบตัดสำหรับเครื่องตัดคอนกรีตทั่วไปจะมีขนาดประมาณ 12–16 นิ้ว ใช้สำหรับงานพื้นบาง งานซ่อมเล็ก ๆ หรืองานที่ต้องการความละเอียดของรอยตัด เช่น การตัดร่องในพื้นบ้าน พื้นโรงงาน หรือพื้นที่จำกัดที่ต้องการความเรียบ และไม่ทำให้ขอบคอนกรีตเสียหาย
ใบตัดสำหรับรถตัดถนนจะมีขนาดตั้งแต่ 14 นิ้ว (รุ่นเล็ก) ไปจนถึง 30นิ้ว แต่ที่สำคัญคือ ใบเหล่านี้จะผลิตจากวัสดุฟันเพชร ที่แข็งกว่า เพื่อรองรับแรงตัดสู งและการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้มันเหมาะกับคอนกรีตผสมแน่น ถนนแอสฟัลต์ หรือพื้นสนามบินที่มีความหนาแน่นสูง และต้องการรอยตัดตรง ยาว และเที่ยงตรงตลอดแนว
รู้จัก ใบตัดเพชร เลือกใช้อย่างไรให้เหมือนช่างมืออาชีพ? ถ้าใช้ผิดประเภท ใบอาจสึกเร็ว หรือแย่กว่านั้น อาจแตกกระเด็นขณะหมุนด้วยความเร็วสูง ซึ่งอันตรายมากครับ
สรุป เครื่องตัดคอนกรีต กับรถตัดถนน ต่างกันไหม?
มาถึงตรงนี้ เรามาสรุปกันดีกว่าครับ ว่า เครื่องตัดคอนกรีต กับรถตัดถนนนั้น ไม่ใช่คนละโลกกัน แต่เป็นคนละระดับของงานประเภทเดียวกัน มากกว่า
- ถ้าเน้นความคล่องตัว งานซ่อม งานเบา ใช้เครื่องตัดคอนกรีตรุ่นเล็ก ๆ ก็พอ
- ถ้าเน้นความลึก ความยาว และความต่อเนื่อง หรืองานตัดถนน ใช้รถตัดถนนจะดีที่สุด
เครื่องตัดคอนกรีต ทั้งสองชนิดนี้ต่างก็มี จุดแข็งของตัวเอง และอยู่ที่คุณ ว่าจะเลือกให้เหมาะกับหน้างานหรือ ไม่
เวลามีคนถามผมว่า “ใช้เครื่องตัดคอนกรีต ตัวเดียวตัดถนนได้ไหม?” ผมจะตอบว่า “ได้ครับ ถ้างานไม่ใหญ่เกินไป” แต่ถ้าบอกว่า “ต้องตัดถนนยาว 200 เมตร พื้นหนา 25 เซนฯ” ผมจะบอกทันทีเลยครับว่า “ถึงเวลาเลือกรถตัดถนน แล้วแหละ”
เครื่องตัดคอนกรีต ที่เหมาะกับงาน จะช่วยให้คุณทำงานเร็ว ปลอดภัย และได้รอยตัดที่เรียบเหมือนใช้มีดกรีดเลย ดังนั้น ถ้าเลือกถูก งานก็ง่ายขึ้นเยอะครับ
