ใช้ สว่านไฟฟ้า ขันสกรูได้ไหม? ตอบได้ง่าย ๆ หรือ มีอะไรมากกว่านั้น?

สว่านเจาะกระแทก MAKITA M8103B ขนาด 13 mm.

1,460 บาท

สว่านกระแทก MAKITA HP1630

2,280 บาท

ชุดสว่านกระแทก MAKITA HP1630kx3 (HP1630x100) พร้อมชุดดอกสว่าน

2,800 บาท

สว่านไฟฟ้า ATOLI TC-20 ขนาด 3/4 นิ้ว, แรงดันไฟ 220 โวลต์

20,100 บาท

สว่านไฟฟ้า Dewalt DWD014-B1 (ขนาด 10 มม.)

1,450 บาท

ชุดสว่านเจาะกระแทกไฟฟ้า MAKITA M8103KX5B พร้อมอุปกรณ์เสริม 74 ชิ้น

2,690 บาท

เคยสงสัยไหมครับ ว่า สว่านไฟฟ้า ที่ขึ้นชื่อว่ารอบจัด แรงไม่ตก และไม่ต้องชาร์จแบตนั้น มันมีข้อจำกัดอะไรบ้าง นอกจากสายไฟที่ทำให้พกพาไม่สะดวก? หรือว่า ความแรง และความเร็วรอบที่มากขึ้นของมัน จะกลายเป็นดาบสองคม ทำให้ควบคุมได้ยาก เวลาต้องการความละเอียด สำหรับงานเบา?

คล้ายกับคำถามที่ว่า สว่านหนึ่งตัว ใช้ได้กี่งาน? ถ้าคุณเป็นมือใหม่ และเพิ่งซื้อสว่านไฟฟ้ามา หรือกำลังเล็งตัวหนึ่งไว้อยู่ ไม่ว่าจะตั้งใจใช้ในงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ หรืองานช่างจริงจัง คำถามที่ผมว่าผุดขึ้นมาอยู่บ้าง ก็คงจะเป็น “สว่านไฟฟ้ามีสาย ใช้ขันสกรูได้ หรือเปล่า?”

ฟังเผิน ๆ เหมือนจะตอบง่าย ๆ “ไม่มีคลัตช์ ไม่มีแหวนปรับแรงบิด เอามาไขสกรู งานจะพังเอานะ” แต่ถ้ามองลึกลงไปอีกนิด คำถามนี้อาจซ่อนรายละเอียดมากกว่าที่ใครหลายคนคิดครับ

แม้ว่าสว่านไฟฟ้าจะออกแบบมาเพื่อการเจาะเป็นหลัก แต่หลายคน รวมถึงตัวผมเอง ก็อดไม่ได้ที่จะอยากลองเอามาใช้ขันสกรูดู และพอได้เห็นผลลัพธ์ ก็มีทั้งที่ออกมาดี และไม่เวิร์ก ในบทความนี้ ผมเลยอยากชวนมาคุยกันแบบเจาะลึกครับ ว่า ถ้าเราจะเอาสว่านไฟฟ้าที่มีสายมาใช้ขันสกรู มันจะใช้ได้จริงไหม และมีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษบ้าง

ทำไมถึงมีคำถามนี้ขึ้นมา? 

สว่านไฟฟ้า เอามาใช้ขันสกรูได้ไหม เป็นหนึ่งคำถามยอดฮิตของมือใหม่ หรือคนทำ DIY เลยครับ ใครล่ะจะไม่อยากได้สว่านตัวเดียวจบ? แต่ความอเนกประสงค์ตรงนี้ มันเป็นเพียงของสว่านไร้สาย หรือเปล่า? ต้องเป็นสว่านที่มีโหมดสำหรับขันสกรู และรวมหลายฟังก์ชั่นหลากหลายให้เลือกใช้?

ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าคนส่วนใหญ่ไม่อยากซื้อเครื่องมือซ้ำซ้อนครับ ซื้อสว่านมาแล้ว ก็น่าจะใช้ทำได้ทุกอย่างทั้งเจาะทั้งขัน แต่ความจริงเครื่องมือแต่ละชนิดมันถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ที่ต่างกัน สว่านไฟฟ้า เน้นพลังในการเจาะ ส่วน สว่านไร้สายจะมีการปรับ ความละเอียดในการควบคุมอะไรต่าง ๆ ได้มากขึ้น ทีนี้พอเราคิดจะเอาสว่านไฟฟ้ามีสายมาขันสกรู มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดคำถามว่า มันจะดีจริง หรือไม่

มารู้จัก สว่านไฟฟ้า แบบมีสาย กันก่อน

ก่อนจะไปถึงเรื่องการใช้งานจริง ลองมาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่าเครื่องมือที่ชื่อว่า สว่านไฟฟ้า หรือ Corded Drill นี้มีจุดเด่น จุดด้อย อะไรบ้าง และในยุคที่ เครื่องมือส่วนใหญ่เป็นแบบไร้สายกันหมด สว่านไฟฟ้า ยังจำเป็นหรือไม่? หลายคนอาจจะนึกภาพแค่เครื่องมือที่เสียบปลั๊กแล้วหมุนเร็ว ๆ ทำอะไรได้หมด แต่ความจริงมันมีรายละเอียดมากกว่านั้น และการเข้าใจพื้นฐานตรงนี้ จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้นเวลาเอาไปใช้ขันสกรู หรือทำงานอื่น ๆ ครับ

จุดเด่นของ สว่านไฟฟ้า

• ทำงานได้ต่อเนื่องตราบใดที่มอเตอร์ไม่ร้อน ให้แรงบิด และความเร็วรอบที่เสถียร เพราะดึงไฟตรงจากปลั๊ก

• ไม่ต้องกลัวแบตหมด ใช้งานได้ต่อเนื่องยาว ๆ ถ้าไฟไม่ดับ

• มีกำลังสูง เจาะไม้ เจาะปูน เจาะเหล็ก ได้สบาย ๆ

ข้อจำกัดของ สว่านไฟฟ้า บางงานทำไมถึงไม่เหมาะ? 

• ความเร็วรอบสูงเกินไป ทำให้ควบคุมแรงยากขึ้น ถ้าใช้กับงานเบา ๆ

• ส่วนใหญ่ไม่มีคลัตช์ ที่จะใช้ปรับแรงบิด ไม่ให้ชิ้นงานเสียหาย

• มีสายไฟเกะกะ ทำให้งานบางประเภทใช้งานได้ไม่คล่องตัว

ตรงนี้แหละครับที่เป็นเหตุผลว่า ทำไมหลายคนถึงสงสัยกันอยู่บ่อย ๆ ว่า ถ้าจะเอาสว่านไฟฟ้ามีสายมาขันสกรูนั้น มันทำได้จริง ๆ เหรอ? และเราควรต้องดูปัจจัยอะไรเป็นพิเศษ อย่าง เรื่องความเร็วรอบ แรงบิด หรือดอกขันสกรูที่เลือกใช้ เพราะรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้เป็นตัวกำหนด ให้งานออกมาเสร็จสมบูรณ์ หรือพังได้เลย 

ใช้ สว่านไฟฟ้า ขันสกรูได้จริงไหม? 

ตอบสั้น ๆ: ได้ครับ แต่ไม่ใช่ทุกงาน และไม่ใช่ทุกคนจะใช้ได้ถนัด

ผมเองได้มีโอกาสไปดูการทดสอบ เอาสว่านไฟฟ้า ที่ไม่ได้มีระบบปรับแรงบิดมาขันสกรูโดยสาธิตกับงานทำโต๊ะไม้ ผลคือขันแรงไปนิดเดียว ไม้แตกยาวเลยครับ นี่แหละคือตัวอย่างว่ามันใช้ได้ ก็จริง แต่ตัวผู้ใช้เองต้องรู้จักควบคุม และเข้าใจข้อจำกัดของมันครับ

สิ่งที่ต้องดู ถ้าจะใช้ สว่านไฟฟ้า ขันสกรู

ก่อนจะหยิบสว่านไฟฟ้าขึ้นมาลองขันสกรู ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูก่อนครับว่า งานที่เรากำลังทำอยู่นั้นต้องการความละเอียดแค่ไหน ต้องการแรงบิดมากน้อยเพียงใด และเรามีทักษะควบคุมรอบของเครื่องได้ หรือไม่ เพราะงั้นเรามาดูกันทีละปัจจัยดีกว่า ว่า แต่ละปัจจัย มันส่งผลกับอะไรบ้าง และให้ตอบคำถามไปเลยว่า สว่านไฟฟ้าของคุณนั้น เหมาะจะเอามาขันสกรู หรือไม่

1. ความเร็วรอบ (RPM) 

สว่านไฟฟ้าส่วนใหญ่จะให้รอบที่สูงมาก ๆ ครับ บางรุ่นหมุนได้ ถึง 2,500 รอบต่อนาที ความเร็วนี้ เหมาะกับการเจาะ แต่พอเอามาขันสกรูแล้ว มันอาจจะหมุนเร็ว จนควบคุมไม่ทัน ดังนั้นควรใช้ สว่านไฟฟ้า ที่มีระบบ Variable Speed กดไกเบา ๆ ให้เครื่องหมุนช้าได้ และกดหนักให้หมุนเร็ว จะช่วยได้เยอะครับ

2. ระบบคลัตช์ (Clutch)

ซึ่งตรงนี้ก็มีข้อยกเว้นครับ แต่น้อยมาก ผมเคยเห็นสว่านมีสาย บางรุ่นที่ออกแบบมาให้มีคลัตช์แบบสว่านไร้สายอยู่บ้าง อย่างที่ชัด ๆ เลยก็ Makita DF0300 ครับ มีการระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นสว่านไขควง และใช้ขันสกรูได้แบบสว่านไร้สายเลย

3. ดอกไขควง ขันสกรู 

ความที่แรงบิดสูง และไม่มีวงแหวนปรับของสว่านไฟฟ้า อาจทำให้ดอกขันสกรูบางรุ่น ที่ไม่ทนแรง หัวบิ่นง่ายมาก ผมแนะนำว่าถ้าจะใช้จริง ควรลงทุนซื้อ ดอกขันสกรูคุณภาพดี จะทนแรงบิด และช่วยให้สกรูไม่หวานเร็ว

นอกจากนี้ ดอกคุณภาพดียังช่วยให้การจับเข้ากับหัวสกรูนั้น แน่นขึ้น ลดโอกาสที่ดอกจะลื่น หรือไถลหลุดระหว่างการใช้งาน ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริงอาจทำให้ผิวงานเสียหาย หรืออาจเกิดอันตรายกับผู้ใช้ได้ครับ

4. วัสดุ และขนาดสกรู 

นอกจากเรื่องแรงของสว่านไฟฟ้า กับคุณภาพของวัสดุอย่างดอกที่ใช้ขันแล้ว สิ่งสำคัญมาก ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง เลย คือขนาดและวัสดุ ของตัวสกรูที่ใช้ขันครับ

ถ้าเป็นสกรูเล็ก ๆ กับไม้บาง ๆ ใช้สว่านไฟฟ้ามีสายอาจพังงานเอาง่าย ๆ ดังนั้นผมแนะนำว่า ถ้าจำเป็นต้องขันสกรูด้วยสว่านไฟฟ้า จริง ๆ ให้ใช้เฉพาะกับสกรูใหญ่ ๆ ยาว ๆ ที่ขันลึกเข้าไปในโครงไม้ หรือโลหะ แบบนี้สว่านไฟฟ้าจะทำงานได้ดีและปลอดภัยขึ้นครับ

ข้อควรระวังในการใช้ สว่านไฟฟ้า ขันสกรู

ถ้าคุณมั่นใจในเครื่องมือ มั่นใจว่าดอกเจาะแข็งแรงพอ และมั่นใจว่าควบคุมตัวเครื่องได้แม่นแล้ว คุณอาจคิดว่าแค่นี้ก็พร้อมลุยได้ แต่เอาเข้าจริงการใช้สว่านไฟฟ้าขันสกรู ก็ยังมีอะไรที่ต้องระวัง เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดูเหมือนไม่สำคัญนี่แหละครับ ที่สร้างปัญหาใหญ่ได้ ถ้าเราไม่ระวัง หรือมองข้ามไป งานที่ตั้งใจทำให้เป๊ะ ๆ ก็อาจพังลงได้โดยไม่รู้ตัว

ยิ่งไปกว่านั้น แรงบิดที่สูง และความเร็วรอบของสว่านไฟฟ้า อาจทำให้ควบคุมได้ยากขึ้นกว่าที่คิด ดังนั้นการเข้าใจข้อจำกัด และเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนใช้งานจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

• ระวังแรงบิดสูงเกินไป สว่านไฟฟ้ามีกำลังมาก เวลาขันอย่ากดเต็มแรงทันที ให้ค่อย ๆ กดไกควบคุมรอบช้า ๆ ไม่งั้นหัวสกรูอาจขาด หรือไม้แตกได้
• ระวังหัวสกรูหวาน หัวสกรูหวานเป็นปัญหาสุดคลาสสิก เกิดจากการหมุนรอบจัดเกินไป พอหัวบิ่นแล้วก็ขันต่อไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนใหม่ไปเลย
• ระวังเรื่องสายไฟ สว่านไฟฟ้า มีสาย เวลาใช้งานต้องระวังไม่ให้สายไฟพันขา หรือไปเกี่ยวกับวัสดุรอบ ๆ โดยเฉพาะงานบนที่สูง เพราะอาจทำให้สะดุดล้มได้ อันนี้ไม่ได้เจาะจงแค่กับงานขันสกรูนะครับ ทุกงานเลย
• ระวังเรื่องเสียง และแรงสั่น สว่านไฟฟ้า มีสายมักจะเสียงดัง และสั่นแรงกว่าไขควงไฟฟ้า ทำให้งานที่ต้องทำต่อเนื่องนาน ๆ อาจทำให้รู้สึกว่าใช้แรงเยอะ หรือเหนื่อยเร็วกว่า

เมื่อไหร่ที่ สว่านไฟฟ้า ใช้ขันสกรูได้? 

งานหลัก ๆ ที่สามารถใช้สว่านไฟฟ้าในการขันสกรูได้ คืองานที่ไม่ต้องการความละเอียดสูง เช่น การประกอบโครงไม้ใหญ่ ๆ ยึดชิ้นส่วนชั่วคราว หรือการติดตั้งที่ไม่จำเป็นต้องสวยเป๊ะทุกมิลลิเมตร ลักษณะงานแบบนี้สว่านไฟฟ้ามีสายถือว่าเหมาะครับ เพราะให้แรงบิดต่อเนื่อง ไม่ต้องกลัวสะดุดเรื่องพลังงานเหมือนการใช้สว่านไร้สาย

อีกตัวอย่างงานคือ งานที่ใช้สกรูใหญ่ ๆ ยาว ๆ ซึ่งต้องการแรงขันมาก ถ้าใช้ไขควงไฟฟ้าทั่วไปอาจจะรู้สึกว่าฝืนเครื่อง หรือใช้เวลานาน แต่สว่านไฟฟ้ามีสายสามารถจัดการได้สบาย ๆ ทำให้งานเสร็จเร็ว และไม่เปลืองแรงของผู้ใช้มากเกินไป

นอกจากนี้ ถ้างานอยู่ในพื้นที่ที่มีปลั๊กไฟพร้อมใช้งาน การเลือกใช้สว่านไฟฟ้ามีสายก็สะดวก และมั่นใจกว่า ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดกลางคัน สามารถทำงานต่อเนื่องได้ยาว ๆ จนเสร็จในคราวเดียว

เมื่อไหร่ที่ไม่ควรใช้ สว่านไฟฟ้า ขันสกรู?

• งานเฟอร์นิเจอร์ งานไม้ละเอียด ที่ต้องการความประณีต ควรใช้สว่านไร้สายที่มีคลัตช์ หรือเลือกใช้ ไขควงไฟฟ้า ไปเลย
• งานในพื้นที่แคบ สายไฟเกะกะ จะเสี่ยงอันตรายได้
• งานที่ต้องขันเยอะ ๆ หลายร้อยตัว ใช้สว่านไฟฟ้าอาจเมื่อย และควบคุมได้ไม่ดีพอ ควรใช้เครื่องมือที่ออกแบบมาสำหรับงานขันโดยตรง

สรุป 

สว่านไฟฟ้า มีสาย สามารถใช้ขันสกรูได้ครับ แต่อาจไม่สะดวก เพราะต้องรู้จักเลือกใช้ให้เหมาะกับงาน และระวังเป็นพิเศษ ไม่งั้นจากงานง่าย ๆ อาจกลายเป็นงานซ่อมใหญ่ที่เสียเวลาไปฟรี ๆ สิ่งสำคัญคือ การเข้าใจข้อจำกัดของเครื่องมือ แล้วเลือกใช้ให้ถูกที่ถูกทาง

ถ้าคุณเน้นงานเจาะเป็นหลัก และมีขันสกรูใหญ่ ๆ อยู่บ้าง สว่านไฟฟ้าก็อาจใช้ได้เพียงพอครับ แต่ถ้าคุณทำงานเฟอร์นิเจอร์ งานประกอบบ่อย ๆ การลงทุนซื้อไขควงไฟฟ้า หรือสว่านไร้สายที่ปรับแรงบิดได้ละเอียด หรือจะเป็นสว่านไขควงไฟฟ้าพิเศษ อย่าง Makita DF0300 ที่ราคาไล่เลี่ยกัน จะตอบโจทย์กว่าเยอะ และที่สำคัญ เป็นการใช้เครื่องมือตามวัตถุประสงค์ของผู้ผลิต ทำงานได้มั่นใจ และไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะพังครับ