TH
English
Customers Also Purchased
เคยไหมคะ…ตอนซ่อมโต๊ะไม้ หรือเก้าอี้กินข้าวที่ใช้งานมาหลายปี พอเจอรูตะปู รอยแตกเล็ก ๆ หรือรอยร้าวขอบ ๆ เราก็หยิบ สีโป๊วไม้ (Wood Filler) มาปาดปุ๊บ จบปั๊บ เรียบเนียนจนเหมือนไม่เคยมีร่องรอยมาก่อน
น้องช่างเองก็ใช้บ่อยค่ะ เรียกว่ามีติดบ้านไว้ตลอด เพราะมันเหมือน “ยาแก้ปวด” ของงานไม้เล็ก ๆ ซ่อมง่าย ประหยัดเวลา แถมทำให้เฟอร์นิเจอร์เก่ากลับมาดูดีเหมือนใหม่ แต่! ปัญหาคือ พอซ่อมเสร็จ มักจะเหลืออยู่เต็มกระป๋อง แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่า…
--- “เอ๊ะ! ถ้ามีรอยบนผนังปูน จะใช้ สีโป๊วไม้ อุดได้ไหมนะ?”
--- “หรือเจอสนิมบนประตูเหล็ก เอา สีโป๊วไม้ ปาดกลบแทนโป๊วโลหะได้รึเปล่า?”
คำถามนี้ ทำเอาหลายคนพลาดมาแล้ว รวมถึงน้องช่างเองด้วยค่ะ เพราะมันดูเหมือนง่ายและสะดวก แต่จริง ๆ แล้วการใช้ผิดวัสดุอาจทำให้งานซ่อมที่ตั้งใจไว้พังไวกว่าเดิม วันนี้น้องช่างเลยอยากจะมาเล่าให้ฟังว่า “สีโป๊วไม้” ใช้กับปูนหรือโลหะได้ไหม? ใช้ได้แค่ไหน? และถ้าไม่ได้ควรใช้ตัวไหนแทน
ทำความรู้จัก “สีโป๊วไม้”
ก่อนจะไปตอบคำถาม เราต้องรู้จักตัวละครหลักของเราก่อนค่ะ ว่า สีโป๊วไม้ จริง ๆ แล้วมันคืออะไร และทำไมถูกออกแบบมาเฉพาะกับงานไม้
ส่วนประกอบหลักของ สีโป๊วไม้
1. สารยึดเกาะ (Binder)
- มักใช้ลาเทกซ์ อะคริลิก หรือกาวไม้
- หน้าที่คือช่วยให้เกาะแน่นกับพื้นผิวไม้ และยืดหยุ่นพอให้ตามการหด–ขยายตัวของไม้ได้บ้าง
2. ผงแร่หรือเส้นใยไม้บด
- เป็นตัวเติมเนื้อ ให้โป๊วมีสีและสัมผัสคล้ายไม้จริง
- เวลาแห้งแล้วขัด จะกลมกลืนกับพื้นผิวไม้ ทำให้ทาสี วานิช หรือแลคเกอร์ทับได้สวย
3. ตัวทำละลายหรือน้ำ
- ทำให้เนื้อโป๊วเกลี่ยง่าย ปาดเรียบไว ใช้งานสะดวก
คุณสมบัติเด่นของ สีโป๊วไม้
- เกาะติดกับไม้ได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะไม้เนื้อแข็งหรือไม้เนื้ออ่อน
- ขัดง่าย แห้งไว พอทาสีทับก็เนียนเหมือนใหม่
- หดตัวน้อย ทำให้ไม่ต้องโป๊วซ้ำหลายรอบ
แต่ก็มีข้อจำกัดนะ
- ไม่ทนความชื้นจัด → ถ้าโดนน้ำบ่อย ๆ จะบวม แตก ร่อน
- ม่เหมาะกับวัสดุที่หด–ขยายตัวต่างจากไม้ เช่น ปูนหรือโลหะ
- ไม่กันสนิม ไม่กันน้ำ
นี่แหละค่ะที่เป็นเหตุผลว่า สีโป๊วไม้จึงเกิดมาเพื่อ “งานไม้” เท่านั้น
เมื่อ “สีโป๊วไม้” เจอ “ปูน” จะเกิดอะไรขึ้น?
น้องช่างเชื่อว่าหลายคนต้องเคยเจอสถานการณ์นี้: กำลังซ่อมบ้าน เจอรูตะปูบนผนัง หรือรอยแตกร้าวเล็ก ๆ แต่ขี้เกียจออกไปหาซื้อโป๊วปูน เลยคว้าสีโป๊วไม้มาใช้แทน ดูเหมือนจะสะดวกและประหยัดดีใช่ไหมคะ?
ความจริงคือ…ไม่เหมาะเลย
เพราะปูนกับไม้ต่างกันมาก!
- ปูน → เป็นวัสดุมีรูพรุนสูง ดูดซับความชื้นเก่ง และมีการขยาย–หดตัวตามอุณหภูมิ
- ไม้ → แม้จะหด–ขยาย แต่พฤติกรรมต่างกันมาก สีโป๊วไม้เลย “ตามไม่ทัน”
ผลลัพธ์จริงที่มักเจอ
- แรก ๆ ดูเรียบเนียน แต่ไม่กี่เดือนก็แตกร้าว
- ถ้าเจอห้องน้ำหรือครัว → ความชื้นทำให้โป๊วบวม หลุดเป็นแผ่น
- สีที่ทาทับไม่เกาะผิว เพราะโป๊วกับปูนไม่เข้ากัน
แล้วควรใช้อะไรแทน?
- โป๊วปูน (Wall Putty / Acrylic Filler) → เกาะกับปูนได้แน่น ทนชื้น ยืดหยุ่นพอ
- ซีเมนต์ซ่อมรอยร้าว → สำหรับงานหนักกว่า เช่น ผนังนอกบ้าน รอยแตกใหญ่
น้องช่างเองเคยลองใช้สีโป๊วไม้โป๊วรูตะปูในห้องนอนค่ะ อยู่ได้เกือบปีจริง แต่พอหน้าฝนมา ความชื้นเข้าปุ๊บ…ร่อนเป็นแผ่นเลย สุดท้ายก็ต้องโป๊วปูนทับใหม่อยู่ดี
แล้วถ้า “สีโป๊วไม้” ไปเจอกับ “โลหะ” ล่ะ?
นี่ก็เป็นอีกเคสที่น้องช่างได้ยินบ่อยมากค่ะ บางคนเจอสนิมบนประตูเหล็ก รั้วบ้าน หรือแม้แต่รถยนต์ แล้วคิดว่า “สีโป๊วไม้ก็น่าจะอุดได้เหมือนกัน”
ขอบอกเลยว่า…ไม่ควรอย่างแรง
เพราะโลหะมีพฤติกรรมต่างจากไม้สุดขั้ว!
- โลหะเจอแดด–ฝนตลอดเวลา → ขยาย–หดตัวไวต่ออุณหภูมิ
- ยังมีเรื่อง “สนิม” ที่เป็นปัญหาใหญ่ สีโป๊วไม้ไม่ได้มีคุณสมบัติป้องกันเลย
ผลที่เจอจริง ๆ
- โป๊วติดไม่แน่น หลุดเป็นก้อน ๆ
- ถ้ามีสนิมด้านใน → ดันออกจนโป๊วพอง
- ถ้าใช้กับรถยนต์ → ไม่ถึงเดือนก็พัง ต้องซ่อมใหม่
แล้วต้องใช้อะไรแทน?
- โป๊วอีพ็อกซี่ (Epoxy Putty) → แข็งแรง ทนแดดฝน ใช้ได้ทั้งเหล็กและงานกลางแจ้ง
- โป๊วรถยนต์ (Polyester Putty) → สูตรเฉพาะ เกาะแน่น ขัดง่าย ทาสีทับได้เนียน
น้องช่างเคยลอง สีโป๊วไม้ กับรั้วเหล็กบ้านค่ะ บอกเลยว่าได้บทเรียนราคาแพง! ไม่ถึง 2 เดือน หลุดออกมาเป็นแผ่น ต้องเสียเวลาโป๊วใหม่ด้วยอีพ็อกซี่ สุดท้ายรู้เลยว่าของมันต้องตรงงานจริง ๆ
กรณี “ใช้แทนได้ชั่วคราว”
บางคนอาจค้านว่า “แต่ฉันเคยใช้ โป๊วไม้ โป๊วผนังแล้วอยู่ได้ตั้งปีนะ!” ใช่ค่ะ น้องช่างก็เคยลองเหมือนกัน แต่มันเป็นแค่ เคสเฉพาะ
- ถ้าเป็นรูตะปูเล็ก ๆ ในห้องนอนที่แห้ง → อยู่ได้เป็นปี
- ถ้าเป็นรอยเล็กบนประตูเหล็กในบ้านที่ไม่โดนฝน → พอทน แต่ไม่เกิน 2–3 เดือน
พูดง่าย ๆ ว่า สีโป๊วไม้ ก็เหมือน พลาสเตอร์ยาแผล ติดแก้ขัดได้ แต่ไม่ได้รักษาให้หายขาด เจอความชื้นหรืออากาศเมื่อไหร่ หลุดแน่นอนค่ะ
ทำไมถึงต้องแยกโป๊วกันชัดเจนขนาดนี้?
เพราะวัสดุแต่ละชนิด มีธรรมชาติต่างกันสิ้นเชิง
- ไม้ → ดูดซึมน้ำได้ ขยาย–หดตัวตลอดเวลา
- ปูน → แข็งแรงก็จริง แต่รูพรุน ดูดน้ำไว และแตกร้าวได้
- โลหะ → แข็งแรง แต่ไวต่ออุณหภูมิ และเป็นสนิมง่าย
ดังนั้นโป๊วที่ใช้กับแต่ละวัสดุ ต้องถูกออกแบบมา “เข้ากัน” กับธรรมชาติของมัน ไม่งั้นก็เหมือนเอาไม้บรรทัดไปซ่อมมือถือค่ะ มันไม่เข้ากัน!
น้องช่างขอสรุปชัด ๆ เลยว่า
- สีโป๊วไม้ = งานไม้เท่านั้น
- ปูน = ใช้โป๊วปูน
- โลหะ = ใช้โป๊วอีพ็อกซี่หรือโป๊วรถยนต์
แม้อาจมีบางกรณีที่ใช้แทนได้บ้าง แต่ก็เป็นเพียงทางแก้ชั่วคราว ไม่ยั่งยืน ถ้าอยากให้งานออกมาสวย ทน และไม่ต้องซ่อมซ้ำ เลือกใช้โป๊วให้ถูกประเภทตั้งแต่แรกดีที่สุดค่ะ
น้องช่างเชื่อว่า การซ่อมบ้านไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้าเราเข้าใจหลักการและเลือกวัสดุถูกกับงาน ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบเรา ก็ทำได้สวยเหมือนช่างมือโปรแน่นอน