TH
English
Customers Also Purchased
ไม่ว่าอุปกรณ์อะไรก็มีตัวเลือกมากมาย เลเซอร์วัดระยะ เองก็เช่นกัน แล้วควรจะเลือกยังไงดีละ?
จริงๆ แล้วยี่ห้อเป็นแค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยมากๆ ที่ต้องพิจารณาเวลาเลือก >> เลเซอร์วัดระยะ <<
เพื่อช่วยกำจัดตัวเลือกต่างๆ สำหรับคนที่กำลังมองหา เลเซอร์วัดระยะ บทความนี้จึงจะชี้แนะแนวทางการเลือก เลเซอร์วัดระยะ เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถพิจารณาคุณสมบัติหลัก วัตถุประสงค์การใช้งาน และปัจจัยเสริมอื่นๆ เพื่อเลือก เลเซอร์วัดระยะ ที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด
ก่อนเลือกซื้อเครื่องวัดระดับเลเซอร์ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจคุณลักษณะหลักที่มีให้ใช้งาน ต่อไปนี้เป็นคุณลักษณะบางประการที่ควรพิจารณาเมื่อซื้อเครื่องวัดระดับเลเซอร์:
1. ประเภทเลเซอร์: มีเลเซอร์สองประเภทหลักที่ใช้ในเครื่องวัดระดับเลเซอร์ - สีแดงและสีเขียว โดยทั่วไปแล้วเลเซอร์สีเขียวจะสว่างกว่าและมองเห็นได้ชัดเจนกว่าเลเซอร์สีแดง ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้งและในระยะทางที่ไกลกว่า
2. ประเภทการปรับระดับ: เครื่องวัดระดับเลเซอร์สามารถปรับระดับด้วยตนเองหรือด้วยตนเอง เครื่องวัดระดับด้วยเลเซอร์แบบแมนนวลต้องการให้คุณปรับระดับด้วยตนเอง ในขณะที่เครื่องวัดระดับด้วยเลเซอร์แบบปรับระดับเองจะปรับระดับโดยอัตโนมัติ
3. ความแม่นยำ: ความแม่นยำของเครื่องวัดระดับเลเซอร์วัดจากระดับที่สามารถปิดได้กี่มิลลิเมตรต่อเมตร ยิ่งความแม่นยำต่ำ ระดับก็จะยิ่งแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น
4. ช่วง: ช่วงของเครื่องวัดระดับเลเซอร์หมายถึงระยะทางสูงสุดที่มองเห็นเลเซอร์ได้ ระยะอาจแตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่กี่เมตรไปจนถึงหลายร้อยเมตร ขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ที่ใช้
5. อายุการใช้งานแบตเตอรี่: อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของเครื่องวัดระดับเลเซอร์เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้เครื่องมือเป็นระยะเวลานาน มองหาเครื่องวัดระดับเลเซอร์ที่มีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานหรือแบบที่สามารถชาร์จซ้ำได้ง่าย
6. ตัวเลือกการติดตั้ง: สามารถติดตั้งเครื่องวัดระดับด้วยเลเซอร์ได้หลายวิธี รวมทั้งบนขาตั้งสามขาหรือติดตั้งด้วยแม่เหล็ก พิจารณาว่าคุณจะใช้เครื่องวัดระดับเลเซอร์อย่างไร และเลือกรุ่นที่มีตัวเลือกการติดตั้งที่เหมาะสม
7. คุณสมบัติเพิ่มเติม: เครื่องวัดระดับเลเซอร์บางรุ่นอาจมีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น เลเซอร์หลายเส้น เลเซอร์ข้ามเส้น หรือเครื่องตรวจจับเลเซอร์ พิจารณาคุณสมบัติเพิ่มเติมที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับความต้องการเฉพาะของคุณ
เมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติเหล่านี้ คุณสามารถเลือกเครื่องวัดระดับเลเซอร์ที่เหมาะกับความต้องการและงบประมาณของคุณมากที่สุด อย่าลืมอ่านบทวิจารณ์และเปรียบเทียบรุ่นต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเลือกเครื่องวัดระดับเลเซอร์ที่เหมาะสมกับความต้องการเฉพาะของคุณ
เลเซอร์วัดระยะ คืออะไร?
เลเซอร์วัดระยะ ใช้เลเซอร์และเซ็นเซอร์ออปติคัลเพื่อกำหนดระยะห่างระหว่างพื้นผิวสองด้าน ใช้เพื่อหาความสูงของห้อง ความยาวของบันได หรือการวัดที่เป็นประโยชน์อื่นๆ ถ้ามีเครื่องมือนี้ ก็ไม่ต้องพึ่งตลับเมตรให้ยุ่งยาก และไม่ต้องอ่านค่าเอง เพราะเครื่องจะคำนวณให้เสร็จสรรพ นอกจากนี้ยังใช้วัดพื้นที่หรือหาปริมาตรได้ด้วย โดยมีความแม่นยำที่ 1/8 นิ้ว, 1/16 นิ้ว หรือแม้แต่ 1/32 นิ้ว เรียกว่าละเอียดและแม่นยำกว่าเครื่องมือวัดทั่วไปมาก
สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือก เลเซอร์วัดระยะ
1. การใช้งานในร่มกับกลางแจ้ง
แม้ว่าการวัดด้วยเทปเลเซอร์ส่วนใหญ่จะเหมาะสำหรับการใช้งานภายในอาคารเท่านั้น แต่ก็มีบางรุ่นบางยี่ห้อที่เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้งโดยเฉพาะเช่นกัน และรุ่นกลางแจ้งส่วนใหญ่จะสามารถวัดระยะทางได้ไกลกว่าด้วย
อย่างไรก็ตาม ตัวเครื่องประเภทใช้งานกลางแจ้งต้องสามารถทนทานต่อฝน หิมะ และอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้วไปมาได้ ความทนทานต่อสภาพอากาศนี้ ช่วยป้องกันไม่ให้ภายในของเครื่องมือเสียหายจากการสะสมความชื้น และกล่องที่ปิดสนิทยังช่วยป้องกันฝุ่นได้ดีอีกด้วย
2. ความแม่นยำและระยะในการวัด
โดยทั่วไปแล้ว ความแม่นยำและช่วงการวัดจะแสดงร่วมกัน ส่วนใหญ่จะบอกว่ามีความแม่นยำเฉลี่ย 1/8 นิ้วที่ระยะ 50 ฟุต ซึ่งนับว่าเป็นมาตรฐาน แต่ก็มี เลเซอร์วัดระยะ ที่สามารถวัดระยะทางได้ยาวกว่ามาก แต่ความยาวมากขึ้นความแม่นยำก็อาจจะเริ่มคลาดเคลื่อนได้ หากเลือกรุ่นที่วัดได้ยาว 150-200 เมตร และคลาดเคลื่อนน้อยราคาก็จะสูงขึ้นตาม
3. ฟังก์ชั่น
ฟังก์ชันต่างๆ ของ เลเซอร์วัดระยะ อาจช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จมากขึ้น คนที่ไม่เคยใช้ เลเซอร์วัดระยะ มาก่อนควรเลือกแบบที่มีคำแนะนำการใช้งานโดยละเอียด หรือรุ่นที่มีฟังก์ชันช่วยให้ทำงานง่ายงานขึ้น เช่น ระบบเสียง หรือมีรูปและตัวหนังสือช่วยเพิ่มความเข้าใจ
โดยปกติ เลเซอร์วัดระยะ จะใช้วัดระยะห่างระหว่างจุดสองจุด แต่เครื่องวัดบางรุ่นสามารถทำหน้าที่พิเศษเพิ่มเติมได้ เช่น การวัดอ้อม การหาพื้นที่ หาปริมาตร หรือความลาดชัน เป็นต้น
4. จอแสดงผล
จอแสดงผลที่สว่าง พร้อมข้อความที่อ่านง่ายในแสงสลัว เป็นคุณสมบัติที่สำคัญของเครื่องวัดระยะด้วยเลเซอร์ หากหน้าจอมีไฟพื้นหลัง ข้อความจะมองเห็นได้ง่ายขึ้นทั้งในสภาพแสงจ้าและแสงน้อย
ประเภทหน้าจอ เลเซอร์วัดระยะ ที่พบบ่อยคือ LCD และ LED ซึ่ง LED จะสว่างกว่า และอ่านง่ายกว่ามาก และยังมองเห็นได้แม้แดดจ้า ส่วนจอ LCD จำนวนมากจะมีไฟพื้นหลังที่ช่วยให้มองเห็นในสภาวะแสงน้อย แต่อาจอ่านยากในแสงแดดจัด
5. การเชื่อมต่อและการบันทึก
เลเซอร์วัดระยะ คุณภาพสูงมักจะมาพร้อมกับคุณสมบัติการวัดแบบต่อเนื่อง และความสามารถถ่ายโอนข้อมูลจากอุปกรณ์ไปยังคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเลตได้ผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธหรือสาย USB และสามารถบันทึกข้อมูลเหล่านั้นไว้ได้โดยไม่ต้องหยิบสมุดและปากตาติดตัวด้วยทุกครั้งเพื่อจดบันทึก
พื้นที่เก็บข้อมูลใน เลเซอร์วัดระยะ แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อแตกต่างกัน บางรุ่นเก็บได้ถึง 200 ค่า หากใครไม่ต้องการย้ายข้อมูลไปมา หรือไม่อยากวัดแล้วคอยจดทุกครั้งก็สามารถเลือกรุ่นที่มีหน่วยความจำสูงๆ ได้ แต่เครื่องที่เก็บข้อมูลได้อย่างน้อย 30 จุด ก็เพียงพอสำหรับงานขนาดไม่ใหญ่มาก มันสามารถวัดและบันทึกค่าของบ้านทั้งหลัง ได้เลย
ตัวอย่าง เลเซอร์วัดระยะ ที่แนะนำตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
1. ตัวเลือกสำหรับความแม่นยำ เลเซอร์วัดระยะ Leica DISTO D2
เลเซอร์วัดระยะ ส่วนใหญ่จะมีความแม่นยำ 1/8 นิ้วที่ 30 ฟุต แต่สำหรับ Leica DISTO D2 มีความแม่นยำมากถึง 1/16 นิ้วที่ 328 ฟุต ถือว่าแม่นยำมากกว่า เลเซอร์วัดระยะ ทั่วไปถึง 2 เท่า จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้วัดระยะทางไกลๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความคลาดเคลื่อน แต่ราคาก็อาจจะสูงกว่ารุ่นอื่นๆ เล็กน้อย
ตัวเครื่องยังบันทึกค่าที่วัดได้สูงสุด 10 ค่า นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับแอป iOS และ Google Play ผ่านบลูทูธ เป็น เลเซอร์วัดระยะ ที่ช่วยให้การใช้งานง่ายและทันสมัยมากยิ่งขึ้น วัดได้ไกลถึง 100 เมตร
2. ตัวเลือกสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง เลเซอร์วัดระยะ Bosch GLM 150 C
สำหรับคนที่ต้องใช้งานกลางแจ้ง วัดระยะได้ไกล และต้องการคุณสมบัติสมบุกสมบันพอประมาณ แนะนำ Bosch GLM 150 C เพราะใช้งานกลางแจ้งได้ดีมาก มีเทคโนโลยี IP 54 กันน้ำกันฝุ่น และวัดได้ไกลถึง 150 เมตร
หน้าจอแสดงผลแบบ IPS ขนาด 2.8 นิ้ว พร้อมกระจกครอบที่แข็งแรงเป็นพิเศษ คมชัด อ่านง่าย และมีค่าการทำงานให้เลือกหลายโหมด เช่น การคำนวณความสูง และการวัดความลาดเอียงของหลังคา สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ อย่างมือถือหรือแท็บเลตได้
3. ตัวเลือกสำหรับการวัดระยะขนาดกลางๆ เลเซอร์วัดระยะ Bosch GLM 400
สำหรับคนที่จะใช้งานภายในอาคารธรรมดา ไม่ได้ต้องการสเป็คสูงมาก Bosch GLM 400 ก็นับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ด้วยราคาที่ย่อมเยา แต่มีฟังก์ชันการใช้งานค่อนข้างมาก ทั้งวัดระยะปกติ วัดอ้อม วัดความลาดชัน หาพื้นที่และปริมาณ รวมถึงมีระดับน้ำในตัว
หน้าจอแสดงผลแบบสี และวัดได้ไกลถึง 40 เมตร ซึ่งมากพอสำหรับใช้ในห้องประชุมหรือห้องจัดงานขนาดใหญ่ได้ และยังมีเทคโนโลยี IP 54 ที่ช่วยกันน้ำกันฝุ่นระดับหนึ่ง
4. ตัวเลือกสำหรับจำกัดงบ เลเซอร์วัดระยะ MAKITA LD030P
ตัวเลือกสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มใช้ เลเซอร์วัดระยะ หรือทำงานสเกลไม่ใหญ่มาก ต้องการแค่ใช้วัดระยะเพราะตลับเมตรไม่เพียงพอกับความต้องการใช้งาน ไม่ต้องการฟังก์ชันมากมายอะไร MAKITA LD030P เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมาก ใช้กับงานทั่วไปได้
ถึงแม้จะราคาไม่แพง แต่ก็มีฟังก์ชันบวก/ลบระยะที่วัดได้ และยังช่วยคำนวณพื้นที่ให้ได้ด้วย ตัวเครื่องก็ค่อนข้างแข็งแรง ด้วยเทคโนโลยี IP 54 และให้ระดับความแม่นยำสูงสุด +/- 2.0 มม.
5. ตัวเลือกสุดเพอร์เฟ็กต์ เลเซอร์วัดระยะ LEICA DISTO D810
แน่นอนว่าเป็นตัวที่ฟังก์ชันและคุณภาพอยู่ในระดับสูงสุดในบรรดาตัวเลือกทั้งหมด ผลิตในยุโรป มาตรฐานการผลิตจึงวางใจได้ วัดได้ไกลสุดถึง 200 เมตร โดยเลเซอร์สามารถยิงผ่านสิ่งกีดขวางได้ มีโหมดการทำงานมากถึง 15 โหมด มี UI หน้าจอสัมผัส และกล้องดิจิตอลในตัว จึงสามารถบันทึกการวัดแบบภาพไฟล์ jpg. ได้ เชื่อมต่อถ่ายโอนข้อมูลได้ทั้งแบบต่อสายและไร้สาย
ที่เจ๋งมากๆ คือ มีเทคโนโลยีการวัดในภาพ (MIP) เอกสิทธิ์เฉพาะของ D810 สามารถระบุความสูง ความกว้าง พื้นที่ เส้นผ่านศูนย์กลาง หรือเส้นรอบวงของวัตถุในภาพที่ถ่ายด้วย D810 ได้โดยยึดเป้าหมายที่ต้องการผ่านตัวชี้บนหน้าจอสัมผัส มันช่วยให้การทำงานง่ายที่สุดจนแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากยิงเลเซอร์ออกไป
ทั้งหมดนั้นคือเรื่องราวดีๆ ที่นำมาฝากกัน ชอบไม่ชอบ หรือคิดเห็นยังไงสอบถามกันมาได้
ดูบทความเกี่ยวกับ --> เลเซอร์วัดระยะ <--