Customers Also Purchased
เคยไหมครับ... เวลาเดินในร้านขายอุปกรณ์นิรภัย มักจะเห็น หมวกนิรภัย วางเรียงเต็มไปหมด ทั้งราคาหลักร้อย ไปจนถึงพันกว่า แล้วในใจแอบคิดว่า “เอ... มันต่างกันยังไงกันแน่?” บางใบดูเหมือนกันเป๊ะจนงง แต่ราคากลับห่างกันเกือบเท่าตัวเลย! พอถามพนักงานก็ตอบกลับมาคล้าย ๆ กันว่า “ของแท้ครับพี่” หรือ “ของโรงงานครับ” มันก็ฟังดูดีทั้งคู่ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ใช่ไหมครับ ว่าที่แท้มันต่างกันตรงไหน? แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า หมวกนิรภัย ที่ถืออยู่ในมือ “แท้แน่ ปลอดภัยจริง” ไม่ใช่ของลอกเลียนแบบที่อาจแตกตั้งแต่ครั้งแรกที่โดนกระแทก?
เราเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เองครับ ตอนนั้นแค่จะซื้อ หมวกนิรภัย ไว้ใช้ในไซต์งานเล็ก ๆ แต่พอไปถึงร้านกลับเลือกไม่ถูก เพราะ หมวกนิรภัย ทุกใบดูคล้ายกันหมด จะต่างกันก็แค่โลโก้กับราคาเท่านั้นเอง จนสุดท้ายได้คุยกับพี่ช่างคนหนึ่งในร้าน แล้วเขาบอกว่า “หมวกนิรภัย ของแท้มันดูไม่ยากหรอกน้อง แค่ต้องรู้จุดที่มันซ่อนอยู่” คำพูดนั้นแหละครับ ที่ทำให้เราเริ่มสนใจ จนได้รู้ว่าหมวกดี ๆ กับของลอกมันต่างกันมากกว่าที่ตาเห็น
ในบทความนี้เราเลยอยากชวนมาคุย ว่าก่อนจะซื้อ หมวกนิรภัย สักใบ มีอะไรที่ควรเช็กให้ดี เพื่อไม่ให้พลาดซื้อของที่ไม่ได้มาตรฐาน
เช็ก สัญลักษณ์มาตรฐาน ของ หมวกนิรภัย ก่อนเสมอ
หมวกนิรภัย ทุกใบที่ผ่านการรับรอง มันจะต้องมี สัญลักษณ์มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) หรือถ้าเป็นของนำเข้า ก็จะมี สัญลักษณ์มาตรฐานสากล อย่างเช่น ANSI (อเมริกา), EN (ยุโรป) หรือ JIS (ญี่ปุ่น) ติดอยู่บน หมวกนิรภัย อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่จะอยู่ด้านในเปลือกหมวก หรือพิมพ์ไว้บริเวณขอบด้านในของตัวหมวกครับ ลองหยิบขึ้นมาดูดี ๆ จะเห็นว่ามีรหัสพวกนี้อยู่
- มอก. 368-2554 สำหรับหมวกนิรภัยงานอุตสาหกรรมในประเทศไทย
- ANSI Z89.1 Type I/II สำหรับมาตรฐานในสหรัฐฯ
- EN 397 สำหรับมาตรฐานยุโรป
รหัสพวกนี้คือหลักฐานว่า หมวกนิรภัย ผ่านการทดสอบด้านความแข็งแรง การกระแทก การเจาะทะลุ และระบบรองใน มาแล้วจริง ๆ ซึ่งกว่าจะผ่านได้ ต้องทดสอบหลายขั้นตอนมาก ทั้งโดนแรงตกกระแทกจากความสูง หรือโดนของแข็งหล่นใส่ซ้ำ ๆ
แต่ถ้า หมวกนิรภัย ใบไหน ไม่มีสัญลักษณ์เหล่านี้เลย หรือมีแต่พิมพ์เลือน ๆ เหมือนสติ๊กเกอร์ทั่วไป แปะไว้เฉย ๆ ไม่ชัดเจน ให้สงสัยไว้ก่อนเลยครับว่าไม่ได้มาตราฐานแน่นอน บางครั้ง “ราคาถูกเกินจริง” ก็เป็นสัญญาณเตือนชัด ๆ แล้วครับว่า ไม่ใช่ของแท้แน่ ๆ เพราะหมวกนิรภัยแท้ ๆ ที่ผ่านมาตรฐาน มันไม่ได้แพงเพราะแบรนด์ แต่มันแพงเพราะ “ผ่านการทดสอบจนมั่นใจว่า ปลอดภัยจริง” นั่นแหละ
ข้อควรระวังในการใช้งาน หมวกนิรภัย ใช้ผิดอาจเกิดอันตรายได้ ต่อให้หมวกได้มาตรฐานแค่ไหน ถ้าใช้ผิดวิธี เช่น ปรับสายรัดไม่แน่น วางตากแดดนานจนวัสดุกรอบ หรือใช้ใบเดิมที่เคยกระแทกรุนแรงมาก่อน ก็อาจ เกิดอันตรายได้จริง
ตรวจโครงใน หมวกนิรภัย จุดที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกตัวจริง
หลายคนเวลาเลือก หมวกนิรภัย มักจะดูแต่ภายนอกก่อนเสมอ ว่าสีสวยไหม โลโก้ชัดไหม หรือดูแข็งแรงรึเปล่า แต่สิ่งที่คนมักมองข้ามที่สุด กลับเป็น โครงในหมวกนิรภัย หรือที่เรียกกันว่า Suspension ซึ่งจริง ๆ แล้วมันคือ “หัวใจสำคัญ” ของความปลอดภัยเลยครับ เพราะเวลามีของตกใส่ หมวกไม่ได้ป้องกันด้วยเปลือกอย่างเดียว แต่แรงกระแทกจะถูกถ่ายผ่านลงมาที่โครงในนี่แหละ ถ้าโครงในดี มันจะ “ยืดหยุ่น” และ “ดูดซับแรง” ได้ ไม่ให้แรงนั้นมากระแทกถึงกะโหลกโดยตรง เหมือนโช้กกันสะเทือนในรถยนต์เลยครับ
หมวกนิรภัย ของแท้จะมีโครงในแบบ 4 หรือ 6 จุด ทำจาก สายไนลอนหรือโพลีเอสเตอร์คุณภาพสูง ที่ทั้งเหนียวและยืดหยุ่นดี แถมยังมี ตัวปรับระดับ ให้หมวกกระชับเข้ากับศีรษะพอดี ไม่ว่าจะศีรษะเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ส่วนตรงกลางหัวก็จะมี ที่รองศีรษะ (Cushion Pad) เพิ่มความสบายเวลาใส่นาน ๆ เรียกว่าใส่แล้วไม่อึดอัด ไม่ปวดหัว
- โครงในจะบาง หลวม หรือไม่มีระบบปรับเลย
- สายรัดแข็งมาก กดหัวเจ็บแบบรู้สึกได้ทันที
- ไม่มีแผ่นรองศีรษะ หรือถ้ามีก็เป็นโฟมบาง ๆ ที่หลุดง่าย
ลองทดสอบง่าย ๆ ครับ ใส่ หมวกนิรภัย แล้วขยับศีรษะขึ้นลงเบา ๆ ถ้าเป็นของแท้ หมวกจะกระชับแต่ไม่แน่นเกินไป และยังเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นของปลอม... แค่ก้มหน่อยหมวกก็เอียง หรือบางทีขยับแรง ๆ หน่อย หมวกถึงขั้น “หลุด” ออกจากหัวเลยก็มี
วัสดุของ หมวกนิรภัย ABS หรือ HDPE ของแท้ต้องไม่เปราะ ไม่บางจนเกินไป
อีกจุดหนึ่งที่หลายคนไม่ค่อยรู้ แต่สำคัญมาก ๆ คือ วัสดุของ หมวกนิรภัย นั่นเองครับ เพราะวัสดุที่ใช้ผลิต หมวกนิรภัย นี่แหละ ที่จะเป็นตัวชี้ชะตาว่า เวลามีของตกใส่ หมวกจะ “แตก” หรือ “รับแรงไว้ได้”หมวกนิรภัย ที่ผ่านมาตรฐาน เขาจะใช้วัสดุอย่าง ABS (Acrylonitrile Butadiene Styrene) หรือ HDPE (High-Density Polyethylene) ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดพิเศษที่ทั้ง แข็งแรง ยืดหยุ่น และทนแรงกระแทกสูงมาก เวลาโดนของตกใส่แรง ๆ หมวกนิรภัย จะไม่แตกทันที แต่จะ “ยุบตัวเล็กน้อย” เพื่อดูดซับแรงก่อน แล้วคืนรูปกลับได้ เหมือนกันชนรถยนต์ดี ๆ เลยครับ
แต่ของที่ไม่ได้มาตราฐาน… ส่วนใหญ่ใช้ พลาสติกรีไซเคิลราคาถูก ที่เนื้อบางและเปราะมาก บางทีแค่จับก็รู้แล้วว่าเบาแปลก ๆ พอลองส่องแสงดูจะเห็นฟองอากาศเล็ก ๆ อยู่ในเนื้อพลาสติก หรือมีรอยขาวขุ่นจากการขึ้นรูปไม่ดี ซึ่งนั่นหมายความว่าเนื้อหมวกไม่แน่น และเวลาโดนกระแทกแรง ๆ ก็มีโอกาส “แตกทันที” แบบไม่มีการดูดซับแรงเลยครับ
- ถ้าเป็นของแท้ เสียงมันจะ “ตัน ๆ แน่น ๆ” เหมือนเคาะของแข็งที่มีน้ำหนัก
- แต่ถ้าเป็นของปลอม เสียงจะ “แป๊ก ๆ” เบา โปร่ง เหมือนเคาะพลาสติกของเล่น
สายรัดคางและจุดยึด ของที่ได้มาตรฐาน จะละเอียดแม้แต่เข็มเย็บ
อีกจุดที่อยากให้หลายคนสังเกตเลยครับ เพราะมักถูกมองข้ามแบบไม่รู้ตัว คือ สายรัดคาง (Chin Strap) ของ หมวกนิรภัย นั่นเอง หลายคนอาจคิดว่า ไม่เห็นจำเป็นเลย ใส่เฉย ๆ ก็พอ แต่จริง ๆ แล้ว สายรัดคางคือสิ่งเล็ก ๆ ที่ช่วยชีวิตได้จริง โดยเฉพาะเวลาทำงานบนที่สูง เช่น ปีนโครงเหล็ก เดินบนสะพาน หรืออยู่ในพื้นที่ที่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ ตลอดเวลา เพราะต่อให้หมวกดีแค่ไหน ถ้าไม่มีสายรัดคาง หมวกก็พร้อม “หลุด” ได้ทุกเมื่อครับ
หมวกนิรภัย จะมีสายรัดคางที่ทำจาก ไนลอนหรือโพลีเอสเตอร์คุณภาพสูง แข็งแรง ไม่เปื่อยง่าย และ จุดเย็บสายต้องแน่นมาก ไม่มีด้ายหลุดหรือรอยปริ ส่วนหัวตะขอหรือคลิปล็อก จะใช้วัสดุเกรดดี เช่น โลหะเคลือบกันสนิม หรือพลาสติกเกรดอุตสาหกรรม ที่ไม่กรอบแตกง่าย ตัวล็อกยังปรับระดับได้แน่นหนา ไม่เลื่อนเองเวลาใช้งาน แต่ของปลอม… เห็นได้ชัดเลยครับ
- เข็มเย็บหยาบ ขาดง่าย แค่ดึงแรงนิดเดียวก็หลุด
- สายรัดหลวม ปรับเท่าไรก็ไม่ล็อก
- บางรุ่นถึงขั้น ไม่มีสายรัดคางให้เลย ด้วยซ้ำ
น้ำหนักและความรู้สึกตอนสวม จุดที่บอกความต่างระหว่างของแท้กับของเลียนแบบ
สุดท้ายนี้ครับ อยากจะฝากสิ่งที่ช่างหลายคนพูดเหมือนกันแทบทุกคนเลยว่า “ของแท้ แค่ใส่ก็ต่างแล้ว” ฟังดูเหมือนคำพูดเล่น ๆ แต่ถ้าเคยลองจริง จะรู้เลยว่ามันจริงสุด ๆ
หมวกนิรภัย คุณภาพดีมันจะ รู้สึกดีตั้งแต่ตอนสวม ครับ เวลาหยิบขึ้นมาใส่ คุณจะรู้สึกถึง สมดุลของน้ำหนัก ทันที ไม่เอียง ไม่โคลง ไม่หนักหน้า และไม่บีบข้างศีรษะเกินไป พอปรับโครงในให้พอดีแล้ว หมวกจะอยู่บนหัวพอดิบพอดี เหมือนถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับเราเลย แถมเวลาสวมทำงานนาน ๆ ก็ยังไม่อึดอัด เพราะระบบโครงในช่วยกระจายน้ำหนักทั่วศีรษะอย่างสมดุล แต่ของที่ไม่ได้มาตราฐาน... แค่ลองใส่ครั้งแรกก็เริ่มรู้สึก “แปลก ๆ” แล้วครับ
- บางใบหนักผิดปกติ เพราะใช้พลาสติกหนาแต่ไร้ความยืดหยุ่น
- บางใบเบาเกินไปจนรู้สึกเหมือนหมวกจะปลิวได้ทุกเมื่อ
- จุดสัมผัสกับศีรษะแข็ง ไม่มีแผ่นรอง ทำให้ปวดหัวเวลาสวมไว้นาน ๆ
เราเคยลองเทียบเองครับ ใส่ของที่ได้มาตรฐาน กับ ของที่ไม่ได้มาตรฐานคนละข้าง (ตอนนั้นแค่ลองเล่น ๆ) ผลคือไม่ถึงสิบนาที... ฝั่งของที่ไม่ได้มาตรฐานเริ่มปวดขมับเลย เพราะมันกดหนักมาก และรู้สึกไม่มั่นคง เหมือนหมวกจะหลุดตลอดเวลา
อีกวิธีที่อยากให้ลองคือ ใส่หมวกแล้วก้ม เงย หรือหันซ้ายขวา ถ้าหมวกโยกตามแรงหัว หรือมีเสียง “แกร๊ก ๆ” จากโครงใน นั่นแปลว่าหมวกไม่แน่นพอ หรือโครงในคุณภาพต่ำ ซึ่งในสถานการณ์จริง ถ้ามีของตกใส่ หมวกแบบนั้นอาจไม่สามารถดูดซับแรงได้เลยครับ
สรุป
ในโลกของงานอุตสาหกรรม ความปลอดภัยคือสิ่งที่ประมาทไม่ได้เลยครับ อย่ามองว่าเป็นแค่ของเล็ก ๆ เพราะในวันที่เกิดเหตุไม่คาดคิด หมวกนิรภัย ที่ได้มาตรฐานใบเดียว...อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คุณได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยทุกครั้งหลังเลิกงานนั่นเองครับ