Customers Also Purchased
ทุกวันนี้เครื่องมือไฟฟ้าได้มีการพัฒนาให้ แรงขึ้น ฉลาดขึ้น และใช้งานได้หลากหลายมากกว่าเดิม จนทำให้หลายคนเริ่มสงสัยว่า เครื่องมือที่เราเคยใช้กับงานหนัก ๆ อย่าง บล็อกไฟฟ้า นั้น มันจะเอามาใช้กับงานเบาอย่างการขันสกรูได้ไหม? คำถามนี้ดูเป็นคำถามที่ไม่น่าถาม ที่ช่างรุ่นเก๋าหลาย ๆ ก็คงจะตอบว่า “ไม่ได้สิ สกรูจะเสียเอานะ!” หรือ “เครื่องจะพังเพราะใช้ไม่ถูกงาน” แต่จริง ๆ แล้ว มันจะมีอะไรมากกว่านั้น หรือเปล่า?
ผมเชื่อว่าใครที่เคยใช้ บล็อกไฟฟ้า สักครั้ง คงต้องเคยสงสัยเหมือนกันครับ ว่าทำไมไม่ออกแบบมาให้ใช้กับดอกไขควงไปด้วยเลย เพราะ ใช้ขันเหมือนกัน เป็น impact tool ใช้ระบบกระแทกในแนวบิดเหมือนกัน ซึ่ง ดูเผิน ๆ ก็น่าจะได้
แต่ถ้าได้ลองจริง ๆ หลายคนจะเริ่มรู้สึกว่า “เอ๊ะ มันขันแรงไปหน่อยนะ” หรืออาจได้เรื่องเลย คือขันนิดเดียว “สกรูหักซะงั้น!” ทำให้เรื่องการขันสกรูด้วยบล็อกไฟฟ้านี้ เป็นเรื่องที่ช่างหลายคนถกเถียงกันมานาน บางคนบอกว่าใช้ได้ และบางคนก็บอกว่า “อย่าเสี่ยงเลย”
มาถึงตรงนี้ คุณคงจะสงสัยว่า แล้วทำไมช่างหลายคนถึง ไม่แนะนำ เพราะสกรูขนาดเล็กจะรับแรงจากบล็อกไฟฟ้าไม่ไหม หรือว่ามันจะทำให้หัวสกรูบาน ? แล้วถ้าอยากใช้จริง ๆ ต้องมีเทคนิค หรือข้อควรระวังอะไรบ้าง ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราจะค่อย ๆ ไขข้อสงสัยกันในบทความนี้กันครับ
รู้จัก “บล็อกไฟฟ้า” กันก่อน แล้วทำไมอาจไม่เหมาะกับสกรู?
หลายคนอาจจะสับสนระหว่าง “บล็อกไฟฟ้า” กับ “ไขควงไฟฟ้า” เพราะรูปร่างมันก็คล้ายกัน มีด้ามจับ มีไกควบคุม มีหัวหมุนเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองอย่างนี้ มีการออกแบบพื้นฐาน มาเพื่อคนละงานเลยครับ
บล็อกไฟฟ้า คืออะไร?
จริง ๆ บล็อกไฟฟ้ามีหลายประเภทครับ ถึงขั้นที่อาจ ชวนงง บล็อกไฟฟ้า คือประแจ? แล้ว Ratchet กับ Wrench คืออะไรกันแน่? แต่ที่เราจะมาพูดถึง ณ ที่นี้คือ อุปกรณ์อเนกประสงค์ ที่สามารถหาอแดปเตอร์หัว Hex ใส่ดอกไขควงได้ อย่าง บล็อกกระแทก (Impact Wrench) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อขันน็อต และโบลท์ที่ต้องการแรงบิดสูง เช่น น็อตล้อรถ น็อตโครงสร้างเหล็ก หรือชิ้นส่วนเครื่องจักร โดยภายในตัวเครื่องจะมี “กลไกกระแทก” (Impact Mechanism) ที่สร้างแรงหมุนแบบเป็นจังหวะ ๆ คล้ายการตอก ช่วยให้คลายน็อตแน่น ๆ ได้ง่ายโดยไม่ต้องออกแรงมาก
พูดง่าย ๆ คือ มันไม่ใช่แค่หมุน แต่มัน “กระแทกไปพร้อมกัน” ด้วยแรงระดับหลายร้อยนิวตันเมตร (Nm)
บล็อกไฟฟ้า ต่างจากไขควงกระแทกยังไง?
ไขควงกระแทก (Impact Driver) จะเน้นความเร็ว และแรงบิดที่ควบคุมได้ดีกว่า เหมาะกับงานขันสกรูทั่วไป เช่น งานไม้ งานเฟอร์นิเจอร์ งานติดตั้งราง หรือโครงเบา ๆ
ส่วนบล็อกไฟฟ้า แม้จะมีหน้าตาคล้ายกัน แต่แรงบิดของมันมากกว่าหลายเท่า ระดับที่สามารถ “บิดหัวสกรูขาด” ได้ภายในเสี้ยววินาที ถ้าเลือกใช้ผิดงาน
ทำไมหลายคนถึงสงสัยเรื่องการเอา บล็อกไฟฟ้า มาขันสกรู?
พูดตรง ๆ เลยครับ ว่าผมเองก็เคยอยากจะลอง! เพราะในตอนแรกผมคิดเหมือนหลาย ๆ คนว่า “แรงเยอะกว่าน่าจะใช้ได้” แล้วบล็อกไฟฟ้าสมัยใหม่หลายรุ่น ทั้งแบบมีสาย และไร้สาย ก็เริ่มมีขนาดกะทัดรัดขึ้น จับถนัดมือขึ้น เสียงก็ไม่ได้ดังเท่าเดิม แถมแบตเตอรี่ก็อึด จนชวนให้คิดว่ามันน่าจะใช้แทนไขควงไฟฟ้าได้เลย

แรงบิด (Torque) คือจุดโฟกัสของเรื่องนี้
คำว่า “แรงบิด” หรือ Torque นี่แหละครับ คือสิ่งที่แยกบล็อกไฟฟ้า ออกจากไขควงไฟฟ้า ได้ชัดเจนที่สุด แต่หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า แรงบิด ไม่ใช่แค่แรงหมุนธรรมดา แต่คือแรงที่เกิดจากการหมุนรอบจุดศูนย์กลาง เช่นเดียวกับเวลาที่เราใช้มือหมุนประแจ หรือขันสกรู ยิ่งแรงบิดมาก เครื่องมือก็ยิ่งหมุนได้แรงขึ้น แต่ก็เสี่ยงต่อการทำให้ชิ้นงานเสียหายถ้าแรงมากเกินไป
แรงบิดจึงเป็นเหมือนสมดุลระหว่างพลังและความแม่นยำ ถ้าแรงน้อยเกินไป สกรูจะไม่แน่น แต่ถ้าแรงมากเกินไป สกรูอาจขาดหรือวัสดุแตกได้ โดยเฉพาะในงานไม้หรือวัสดุบาง ๆ
นี่แหละครับคือเหตุผลที่ว่าทำไมการเข้าใจค่าแรงบิดถึงสำคัญมาก เพราะมันช่วยให้เราเลือกใช้เครื่องมือได้ถูกงาน
บล็อกไฟฟ้า มีแรงบิดเท่าไหร่?
บล็อกไฟฟ้าโดยทั่วไปจะมีแรงบิดตั้งแต่ 150 Nm ไปจนถึง 1,000 Nm หรือมากกว่านั้นในรุ่นอุตสาหกรรม แรงขนาดนี้เพียงพอจะขันน็อตล้อรถกระบะให้แน่น หรือคลายน็อตที่ติดแน่นมานานได้สบาย ๆ
สกรูทั่วไปต้องการแรงบิดเท่าไหร่?
สกรูงานไม้ หรือสกรูเหล็กบาง ๆ ที่เราใช้ในงานบ้านทั่วไป ใช้แรงบิดเพียงแค่ 2–10 Nm เท่านั้นครับ ลองเทียบดูนะครับ บล็อกไฟฟ้าแรง 300 Nm เท่ากับแรงบิดของไขควงไฟฟ้าธรรมดาประมาณ 30 ตัวรวมกัน! พอเห็นภาพไหมครับว่าทำไมถึงบิดหัวสกรูขาดได้ง่ายมาก ถ้าเป็นสกรูยาวหน่อย หรือใหญ่หน่อย แรงบิดที่ต้องใช้ ก็ยังไม่ถึง 300 หรือ 400 Nm เทียบดูจริง ๆ บล็อกไฟฟ้ายังแรงนำไปมาก
เพราะงั้น ต้องยอมรับเลยครับว่า จะเอาบล็อกไฟฟ้ามาประยุกต์ใช้กับสกรูนั้น มันไม่ได้ทำกันง่าย ๆ แค่เปลี่ยนหัวแล้วจบ แน่นอน
ถ้าจะใช้ บล็อกไฟฟ้า ขันสกรูจริง ๆ ต้องทำยังไง?
จริง ๆ แล้วสำหรับงานขันสกรูทั่วไป โดยเฉพาะงานไม้หรือเฟอร์นิเจอร์ ช่างส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแนะนำให้ใช้บล็อกไฟฟ้าครับ เพราะแรงบิดของมันสูงเกินกว่าที่สกรู และเนื้อไม้จะรับได้ แต่ก็อย่าเพิ่งตกใจ เพราะ ถ้าเราเข้าใจหลักการดี ๆ และรู้วิธีควบคุมแรง มันก็ยังมีเทคนิคที่สามารถใช้บล็อกไฟฟ้าได้อย่างปลอดภัย มาดูกันครับ ว่าถ้าคุณต้องการจะใช้บล็อกไฟฟ้า ขันสกรู จะต้องทำยังไง เพื่อไม่ให้งานเสีย หรือขันแน่นจนเกินไป
1. เลือกโหมดแรงบิดต่ำสุดเสมอ
บล็อกไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ โดยเฉพาะแบบไร้สาย จะมีโหมดปรับแรงบิด เช่น Low / Medium / High หรือบางรุ่นมีระบบ ที่ตัดแรงอัตโนมัติเมื่อขันแน่นถึงจุด ถ้าคุณจะขันสกรู แนะนำให้เลือก โหมดแรงบิดต่ำสุดเท่านั้นครับ และควร “แตะไกเป็นจังหวะ” อย่ากดค้างยาว ๆ เพราะแม้จะอยู่โหมดต่ำ แรงก็อาจจะยังสูง เกินกว่าที่สกรูจะรับได้อยู่ดี
2. ใช้หัวบล็อกที่เหมาะสม (หรืออะแดปเตอร์ต่อดอกไขควง)
หัวของบล็อกไฟฟ้าโดยทั่วไปจะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดต่างกัน เช่น 1/2 นิ้ว 1/4 หรือ 3/8 นิ้ว ซึ่งออกแบบมาสำหรับลูกบล็อก ไม่ได้ใส่ดอกไขควงโดยตรง ถ้าคุณจะเอาไปขันสกรู ต้องใช้อะแดปเตอร์ที่แปลงจากหัวบล็อกเป็นหัวหกเหลี่ยม (Hex 1/4”) เพื่อใสดอกไขควงได้พอดี
แต่ต้องระวังว่าอะแดปเตอร์บางตัว อาจจะรับแรงกระแทกไม่ไหว ใช้ไปสักพักปลายจะบาน หรือหักกลางงาน เพราะแรงบล็อกไฟฟ้ามันสูงมาก
3. อย่าขันจบด้วยบล็อกไฟฟ้า
ช่างมืออาชีพหลายคนแนะนำว่า ถ้าอยากใช้บล็อกไฟฟ้า ใช้ได้ในการ แค่ช่วย “เร่งต้น” ควรใช้แค่ขันพอให้หัวสกรูจับเกลียว แล้วจบงานด้วย ไขควงมือ เพื่อคุมแรงในจังหวะสุดท้าย
แบบนี้จะปลอดภัยกว่าเยอะครับ เพราะคุณจะรู้ด้วยมือเลยว่าแน่นแค่ไหน ป้องกันการขันแน่นเกินไป จนสกรูเสีย หรือทะลุงาน
4. ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นถ้าใช้ บล็อกไฟฟ้า ขันสกรู
ถ้าใครคิดว่า “แค่สกรูเล็ก ๆ เอง ใช้อะไรก็เหมือนกัน” อาจต้องคิดใหม่ครับ เพราะผลเสียจากการใช้บล็อกไฟฟ้าขันสกรู หรือ ผิดประเภทงานนั้น มันไม่ได้จบแค่หัวสกรูหักเท่านั้น
- สกรูขาด หรือหัวบาน แรงบิดที่มากเกินไปทำให้เหล็กของสกรูเสียรูป บางครั้งขาดในรู ทำให้งานซ่อมยุ่งยากขึ้นอีกเท่าตัว ยิ่งถ้าเป็นงานไม้ หรือโครงอลูมิเนียมบาง ๆ หัวสกรูที่จมหรือบานอาจทำให้วัสดุแตกได้
- ดอกไขควงเสียหาย บล็อกไฟฟ้ามีแรงกระแทก (Impact) ที่สูง ดอกไขควงทั่วไปที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับแรงระดับนี้จะบานหรือหักง่าย ดอกคุณภาพดีอย่างพวก Impact Bit ของ แบรนด์มาตรฐาน ยังพอรับไหว แต่ของทั่วไปอาจเสียรูปตั้งแต่ใช้ครั้งแรกได้เลย
- เครื่องเสียก่อนเวลา แม้บล็อกไฟฟ้าจะดูแข็งแรง แต่การใช้ผิดลักษณะงาน เช่น หมุนต่อเนื่องกับสกรูเล็ก ๆ จำนวนมาก จะทำให้กลไกกระแทกภายในสึกหรอเร็ว เพราะระบบ Impact ของบล็อกออกแบบมาให้ “กระแทกน็อตแข็ง” ไม่ใช่หมุนค้างนาน ๆ แบบไขควงไฟฟ้าครับ
ถ้าอยากทำงานขันสกรูจริง ๆ ควรใช้เครื่องมืออะไร?
นี่แหละครับ คำถามสำคัญ ถ้าคุณมีงานที่ต้องขันสกรูบ่อย ไม่ว่าจะเป็นงานไม้ งานติดตั้ง หรือประกอบเฟอร์นิเจอร์ ผมแนะนำว่า ควรเลือกใช้ ไขควงไฟฟ้า หรือไขควงกระแทก (Impact Driver) โดยเฉพาะ
การรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราควรและไม่ควรใช้เครื่องมือไหน มันทำให้ช่างหลายคนเข้าใจเลยว่า เครื่องมือแต่ละตัวมี “หน้าที่” ของมันจริง ๆ บล็อกไฟฟ้าเหมาะกับงานแรงบิดสูง งานน็อต งานโครงสร้าง ส่วนงานละเอียดอย่างสกรู ให้เครื่องมือที่เหมาะกับมันทำงานเถอะครับ รู้ก่อนเลือก ไขควงกระแทก ใช้ยังไงบ้าง งานแบบไหนถึงเรียกว่าคุ้ม?
ถ้าอยากได้เครื่องเดียวจบทั้งขัน น็อต หรือ โบลต์ และสกรู มีไหม?
คำตอบคือ มีครับ! ปัจจุบันมีเครื่องมือที่อยู่ในหมวดไขควงกระแทก แต่แรงบิดสูงเป็นพิเศษ เช่น ไขควงกระแทกรุ่น Milwaukee M18 FID3 ที่จะมีระบบปรับแรงละเอียดมากพอให้ทั้งการขันน็อตที่แรงบิดประมาณ 200 Nm. และขันสกรูได้โดยไม่ทำลายหัว
นอกจากนี้ก็มีเครื่องมือที่ออกแบบให้ใช้ได้หลายงาน เช่น มีทั้ง หัวบล็อก 1/2 หรือ 1/4 นิ้ว และหัวสว่านไขควง Hex ได้ในเครื่องเดียว หรือที่เรียกว่า บล็อกไฟฟ้า แบบ 2-in-1 ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องทำงานทั้งสองแบบแต่ใช้เครื่องเดียว ยกตัวอย่าง เช่น Bosch GDX 18V-200
อย่างไรก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้ อาจมีข้อจำกัดเรื่อง การขันน็อตขนาดใหญ่ การให้แรงบิดมากเกินไปสำหรับงานเบา หรือแรงบิดไม่พอสำหรับงานหนัก ความเร็วรอบที่ช้ากว่าไขควงไฟฟ้า รวมไปถึงอายุการใช้งาน
สรุป
สรุปชัด ๆ นะครับ บล็อกไฟฟ้าใช้ขันสกรูได้ในบางกรณีเท่านั้น เช่น สกรูเหล็กใหญ่ หรือสกรูโครงสร้าง แต่ไม่เหมาะกับสกรูเล็ก หรือวัสดุบางเพราะแรงบิดสูงเกินไป ถ้าจำเป็นต้องใช้ ควรปรับโหมดแรงต่ำสุด แตะไกเบา ๆ ใช้อะแดปเตอร์ และดอก Impact เท่านั้น แต่ถ้าเป็นงานขันสกรูบ่อย ๆ ควรเลือกไขควงไฟฟ้าจะคุ้มค่า และปลอดภัยกว่ามาก