อ่านให้แม่น เลื่อยไฟฟ้า ชนิดต่าง ๆ สำหรับช่าง ภาษาอังกฤษ คืออะไร?

Customers Also Purchased

เวลาผมเดินดูของที่เรียงกันเป็นระเบียบในร้านเครื่องมือช่าง สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นบ่อย ๆ คือ ภาษาอังกฤษที่อยู่บนกล่องเครื่องมือแทบทุกกล่องครับ และใครที่เคยหยิบกล่อง เลื่อยไฟฟ้า ขึ้นมาอ่าน แล้วสับสนกับชื่อภาษาอังกฤษที่ปรากฏอยู่บนกล่อง คุณไม่ได้เป็นคนเดียวแน่นอน เพราะเลื่อยไฟฟ้าก็เป็นกลุ่มเครื่องมือ ที่ไม่ได้มีชนิดเดียว แล้วผู้ผลิตเจ้าดัง อย่าง Makita, Bosch, หรือ Milwaukee นั้น ส่วนมาก ก็จะระบุบนกล่องเป็นภาษาสากล และแน่นอนว่า ภาษาอังกฤษก็จะอยู่ในนั้น

บางทีผมก็เจอลูกค้างง ถามประมาณว่า Circular Saw กับ Jigsaw คืออะไร แล้ว Scroll Saw ต่างกันไหม หรือทำไม Band Saw มีทั้งแบบตั้งโต๊ะกับแบบมือถือ ใช้ไม่เหมือนกันอีก? งงไปหมดครับ ว่าอันไหนคืออันไหน แล้วใช้ยังไงกันแน่ เลื่อยไฟฟ้า แต่ละประเภท เหมาะกับการตัดหนาเท่าไหร่?

ในบทความนี้ ผมเลยอยากมาเล่าให้ทุกคนรู้จักเลื่อยไฟฟ้าแต่ละประเภท และคำสากลไปพร้อม ๆ กันครับ เพื่อให้คุณเข้าใจแบบครบถ้วนทั้งเรื่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ส่วนประกอบของ เลื่อยไฟฟ้า และข้อมูลทางเทคนิคที่ควรรู้ก่อนเลือกใช้งาน

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่กำลังหาข้อมูล เป็นช่าง คนทำ DIY ที่กำลังหาซื้อเลื่อยไฟฟ้าสักเครื่องมาใช้ หรือแค่ต้องการความรู้และข้อมูลด้านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ก็สามารถมาอ่านได้ครับ อ่านเสร็จรับรองว่าไม่งง ทั้งเรื่องภาษา และเรื่องเครื่องมือ

เลื่อยวงเดือน (Circular Saw) 

ถ้าพูดถึง เลื่อยไฟฟ้า ที่เจอบ่อยที่สุด และเป็นเหมือนตัวแทนของเลื่อยไฟฟ้าสำหรับงานไม้ทั่วไป ต้องยกให้ เลื่อยวงเดือน หรือที่เรียกว่า Circular Saw ในภาษาอังกฤษ เลยครับ ใบเลื่อยจะมีลักษณะเป็นแผ่นกลมหมุนด้วยความเร็วสูง ใช้สำหรับตัดตรงเป็นหลัก เหมาะกับงานไม้ ไม้อัด แผ่น MDF หรือ แผ่นอะคริลิกบาง ๆ ก็ยังตัดได้ 

ส่วนประกอบสำคัญของ เลื่อยวงเดือน 

  • Blade (ใบเลื่อย): ใบกลม ทำจากเหล็ก หรือคาร์ไบด์ มีขนาดตั้งแต่ 4 นิ้ว จนถึง 12 นิ้วขึ้นไป ฟันเลื่อย (Teeth) จะมีจำนวนต่างกัน เช่น 24T, 40T, 60T โดย T จะหมายถึงจำนวนฟัน ยิ่งฟันมากงานตัดยิ่งละเอียด แต่ตัดช้าลง
  • Blade Guard (ฝาครอบใบเลื่อย): มีทั้งฝาครอบบน และฝาครอบล่าง ช่วยป้องกันอันตรายเวลาทำงาน ผมสังเกตว่าฝาครอบจะช่วยป้องกันเศษไม้กระเด็นใส่หน้าได้เยอะเลย
  • Base Plate หรือ Shoe (ฐานเลื่อย): ใช้ปรับองศาการตัด เช่น 45° หรือ 90° รู้สึกว่าส่วนนี้ช่วยให้งาน DIY ดูมีมืออาชีพขึ้นเยอะ
  • Motor (มอเตอร์): ส่วนใหญ่จะใช้ Universal Motor ที่ให้รอบสูง และรองรับทั้งระบบ AC และ DC
  • Handle & Trigger (ด้ามจับ และไกสวิตช์): ใช้ควบคุมการทำงานสำหรับเลื่อยที่เป็นแบบด้ามจับ

ข้อมูลทางเทคนิคที่ควรรู้ 

  • Blade Diameter: เส้นผ่านศูนย์กลางใบเลื่อย เช่น 185 mm หรือ 7-1/4 นิ้ว ถือว่าใช้บ่อยสุด
  • No-load Speed (รอบหมุนเปล่า): อยู่ประมาณ 4,000–6,000 รอบต่อนาที (RPM)
  • Cutting Depth: ความลึกสูงสุดที่เลื่อยตัดได้ เช่น 55 mm ที่ 90° และ 40 mm ที่ 45°
  • Power Input: 1,200–2,000 วัตต์ (สำหรับรุ่นไฟฟ้า) 

อ่านให้แม่น เลื่อยไฟฟ้า ชนิดต่าง ๆ สำหรับช่างภาษาอังกฤษ คืออะไร

มาดูกันต่อครับว่า เลื่อยวงเดือน สามารถ แบ่งเป็นเลื่อยไฟฟ้า ชนิดไหนได้อีกบ้าง เหมาะสมกับงานอะไร หรือใช้งานต่างกันยังไง และใครควรเลือกเลื่อยไฟฟ้าแบบไหน

เลื่อยวงเดือนแบบตั้งโต๊ะ หรือ โต๊ะเลื่อยวงเดือน (Table Saw) 

เลื่อยไฟฟ้าชนิดนี้ ภาษาอังกฤษ สามารถแปลง่าย ๆ ว่า Table Saw เป็น เลื่อยไฟฟ้าเวอร์ชันที่เป็นโต๊ะติดตั้งเลื่อยวงเดือน ตัวงานถูกดันเข้าไปหาใบเลื่อย แทนที่จะเลื่อนเลื่อยไฟฟ้าเข้าไปหาไม้ ข้อดี คือให้ความแม่นยำสูงขึ้น ตัดไม้ซ้ำหลายชิ้นได้เท่ากันเป๊ะ ใช้ในโรงงานเฟอร์นิเจอร์ หรือช่างไม้ที่เน้นงานละเอียด แต่ขนาดจะใหญ่หน่อย ต้องมีที่ตั้งถาวร และพกพาไปไหนอาจไม่สะดวกนัก 

เลื่อยราง (Track Saw) 

เลื่อยไฟฟ้าอีกหนึ่งประเภทที่น่าสนใจคือ เลื่อยราง ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Track Saw ครับ เลื่อยไฟฟ้าชนิดนี้ จริง ๆ ก็คือเลื่อยวงเดือนที่แยกประเภทออกมาอีกที เป็นเลื่อยไฟฟ้าที่ออกแบบมาให้เลื่อนบนรางสไลด์ (Guide Rail) โดยเฉพาะ และให้เส้นตัดที่ตรง เรียบมาก เหมาะสำหรับงานตัดไม้แผ่นใหญ่ เช่น แผ่น MDF ไม้อัด หรือ แผ่นวัสดุประกอบเฟอร์นิเจอร์ ใช้ง่าย พกสะดวก และให้ความแม่นยำเกือบเทียบเท่า Table Saw แต่เคลื่อนย้ายสะดวกกว่ามาก

เลื่อยฉลุไฟฟ้า (Jigsaw) 

บางครั้งงานตัดไม้ไม่ได้ตรงเสมอไป ผมเองก็เจอช่างทำงานที่ต้องตัดโค้งบ่อย ๆ เช่น งานทำเฟอร์นิเจอร์ หรืองาน DIY นี่แหละครับที่ เลื่อยฉลุไฟฟ้า หรือ Jigsaw ตอบโจทย์สุด ๆ

เลื่อยไฟฟ้าชนิดนี้ใช้ใบเลื่อยเส้นเล็ก ที่มีหลายขนาด ระบบตัดเป็นแบบขึ้นลง (Reciprocating Blade Movement) เหมาะกับงานตัดโค้ง ลายเฉพาะ หรืองานโลหะบาง ๆ และพลาสติ

ส่วนประกอบของ เลื่อยไฟฟ้าแบบ Jigsaw 

  • Blade (ใบเลื่อยเล็ก): มีหลายแบบ เช่น ใบสำหรับไม้ (Wood), ใบสำหรับโลหะ (Metal), ใบสำหรับพลาสติก (PVC/PC) แต่เลือกถ้าใบผิดที งานพังเลยก็มีครับ เช่น ใบตัดไม้ ใช้ไปตัดเหล็ก นี่ไม่รอดแน่นอน
  • Shoe/Base Plate: ปรับองศาการตัดได้ 0–45°
  • Orbital Action Control: ควบคุมการขยับใบเลื่อยแบบวงรี ทำให้ตัดเร็วขึ้น หรือละเอียดขึ้น เวลาเปิดโหมดนี้ รู้สึกเลยว่าตัดไม้ได้เร็วขึ้น แต่ถ้างานละเอียดก็ควรปิดไว้
  • Variable Speed Trigger: ปรับรอบการตัดตามแรงกด 

ข้อมูลเทคนิค 

  • Stroke Length: ระยะการเลื่อยขึ้นลง เช่น 18–26 mm
  • Strokes per Minute (SPM): รอบการเลื่อยต่อหนึ่งนาที ประมาณ 500–3,000 SPM
  • Cutting Depth: ความลึกในการตัด เช่น ตัดไม้ได้ลึก 65–100 mm, ตัดโลหะได้ 5–10 mm

เลื่อยฉลุละเอียด หรือเลื่อยฉลุแบบตั้งโต๊ะ (Scroll Saw) 

Scroll Saw คือเลื่อยฉลุไฟฟ้า ที่ยกระดับงานฉลุขึ้นไปอีกขั้น ตัวเครื่องจะตั้งอยู่บนโต๊ะ หรือมีฐานวาง ใช้ใบเลื่อยเส้นเล็ก และบางมาก ใช้งานโดยการเลื่อนงานเข้าใบหาใบเหมือนกับโต๊ะเลื่อย เลื่อยไฟฟ้าชนิดนี้ ตัดได้อย่างประณีต มักใช้กับงายเช่น ทำลายไม้ฉลุ ศิลปะ หรืองานโมเดล จุดเด่นอีกอย่างคือสามารถตัดโค้งเล็ก ๆ หรือหักมุมแคบ ๆ ได้ดีกว่าเลื่อยไฟฟ้าแบบ Jigsaw แต่ข้อเสียคือใช้ได้ไม่หลากหลายเท่ากับเลื่อยจิ๊กซอครับ 

อ่านให้แม่น เลื่อยไฟฟ้า ชนิดต่าง ๆ สำหรับช่างภาษาอังกฤษ คืออะไร

เลื่อยสายพาน (Band Saw) 

หลายคนอาจคุ้นเคยกับเลื่อยไฟฟ้าที่มีใบเลื่อยเป็นเส้นยาว ๆ ร้อยบนล้อหมุนคู่ นั่นก็คือ เลื่อยสายพาน ที่ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Band Saw ครับ จุดเด่นของเลื่อยสายพาน คือใช้ผ่าไม้ท่อนใหญ่ ๆ ให้เป็นแผ่นได้ และตัดโค้งได้บ้าง แต่ไม่แม่นยำเท่าจิ๊กซอว์

ส่วนประกอบของเลื่อยสายพาน 

  • Band Saw Blade (ใบเลื่อยสายพาน): เป็นแถบยาว ๆ มีฟันเลื่อยอยู่ด้านหนึ่ง
  • Wheel (ล้อบน-ล้อล่าง): ใช้ขับเคลื่อนใบเลื่อย
  • Work Table: โต๊ะวางชิ้นงาน ปรับองศาได้
  • Guide & Bearing: ชุดนำใบเลื่อยให้ตัดตรง และไม่สั่น

เลื่อยสายพานแบบมือถือ (Portable Band Saw) 

เลื่อยไฟฟ้า ชนิดเลื่อยสายพานแบบมือถือ หรือ Portable Band Saw ในภาษาอังกฤษ คือเลื่อยสายพานคนละชนิดกับแบบโต๊ะหรือแท่นที่ใช้ตัดไม้แผ่นนะครับ อันนีเจะเป็นเลื่อยไฟฟ้า ที่ออกแบบให้ช่างถือไปใช้งานนอกสถานที่ได้ เน้นงานโลหะ เหมาะสำหรับงานติดตั้งท่อ หรืองานที่ไม่สะดวกยกชิ้นงานขึ้นโต๊ะ ใช้ตัดเหล็ก เหล็กกล่อง หรือท่อสแตนเลส ได้อย่างสะดวก รอยตัดเรียบกว่าการใช้เครื่องเจียร และปลอดภัยกว่าในหลาย ๆ กรณี

ข้อมูลทางเทคนิค

  • Blade Width: ความกว้างของใบเลื่อย มีตั้งแต่ 3 mm ถึง 25 mm
  • Cutting Capacity: ความหนาที่ตัดได้ เช่น 150–300 mm
  • Motor Power: พลังงานไฟฟ้าของมอเตอร์ เช่น 500–1,500 วัตต์ สำหรับงานทั่วไป หรือ 12-40V สำหรับรุ่นไร้สาย
  • Blade Speed: ความเร็วในการตัด ใช้ค่า เมตรต่อนาที (m/min) 

เลื่อยชัก (Reciprocating Saw)

ถ้าพูดถึงเลื่อยไฟฟ้าสำหรับช่างที่ใช้ในการรื้อถอน หรืองานก่อสร้าง ผมแนะนำ เลื่อยชัก เลยครับ ภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Reciprocating Saw หรือ เรียกย่อ ๆ ว่า Recipro Saw ผมเคยได้ยินฝรั่งเรียกเลื่อยไฟฟ้าพวกนี้ว่า “ซอว์ซอล” หรือที่เขียนเป็น Sawzall อันนี้เป็นชื่อการค้าของแบรนด์ Milwaukee ครับ ซึ่งเป็นแบรนด์แรก ที่วางขายเลื่อยชักในปี 1951 และเรียกติกดปากกันมาจนถึงทุกวันนี้ ส่วน Hacksaw ของ Milwaukee คือกลุ่มเลื่อยชักที่มีขนาดเล็กลง ถือมือเดียวได้ครับ

เลื่อยไฟฟ้า ชนิดนี้มีรูปทรงคล้ายปืน ใช้ใบเลื่อยที่ชักเข้าออกด้วยความเร็วสูง เหมาะกับงานหยาบ ๆ ที่ต้องการความเร็ว และความดิบ เช่น ตัดท่อเหล็ก ท่อ PVC ไม้เก่า หรือแม้แต่ตัดท่อนไม้ก็ยังตัดได้ครับ

ส่วนประกอบ 

  • Blade (ใบเลื่อย): มีหลายแบบสำหรับตัดไม้ โลหะ หรือวัสดุก่อสร้าง เลือกใบให้ตรงงาน ตัดไม้คนละใบกับตัดเหล็กนะครับ
  • Shoe (ฐานยัน): ใช้ยันกับชิ้นงานเพื่อเพิ่มความมั่นคง เวลาเอาไปยันกับชิ้นงานจะช่วยให้คุมเลื่อยง่ายขึ้นมาก 

ข้อมูลเทคนิค 

  • Stroke Length (ระยะชัก): เช่น 19–32 mm
  • Strokes per Minute (SPM / รอบต่อนาที): เช่น 0–3,000 SPM
  • Cutting Capacity (ความสามารถในการตัด): เช่น ไม้ 100–300 mm, เหล็ก 10–20 mm
  • Power (กำลังไฟ): 800–1,200 วัตต์ (ไฟฟ้า) หรือ 18V–36V ถ้าเป็นแบบแบตเตอรี่
  • Variable Speed: มีระบบควบคุมรอบการชัก
  • Anti-Vibration System: ลดแรงสั่นสะเทือนขณะใช้งาน 

อ่านให้แม่น เลื่อยไฟฟ้า ชนิดต่าง ๆ สำหรับช่างภาษาอังกฤษ คืออะไร

สรุป 

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมว่าหลายคนคงเห็นภาพแล้วครับว่า เลื่อยไฟฟ้า ไม่ได้มีแค่แบบเดียว และแต่ละชนิดมีทั้งชื่อภาษาอังกฤษ ส่วนประกอบเฉพาะ และข้อมูลทางเทคนิคที่แตกต่างกันไป การศึกษาหรือทำความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ อาจเป็นตัวช่วยทั้งในการสื่อสาร และการเลือกของที่ใช่ครับ เพราะการเลือกใช้เลื่อยไฟฟ้าให้เหมาะกับงาน คือหัวใจสำคัญ เลือกถูก งานก็เสร็จเร็ว สวยงาม เป็นไปตามเป้า แต่ถ้าเลือก เลื่อยไฟฟ้า ผิด งานอาจเสียเวลา และเปลืองแรงโดยใช่เหตุได้ก็ได้นะครับ 

ดังนั้น ครั้งหน้า ถ้าเดินเข้าไปในร้าน แล้วเจอกล่อง เลื่อยไฟฟ้า อย่าลืมอ่านกล่องให้ละเอียด และสังเกตคำศัพท์ภาษาอังกฤษต่าง ๆ จะได้เลือกเครื่องมือที่ใช่สำหรับงานของคุณ