Customers Also Purchased
ใครที่มีบ้สนามหญ้าหน้าบ้าน และกำลังเล็ง ๆ ว่าจะซื้อ รถตัดหญ้า สักเครื่องมาใช้งาน เชื่อเลยครับว่าต้องมีคำถามวิ่งวนอยู่เต็มหัวว่า “เลือกยังไงดีเนี่ย!?” พอคุณเป็นมือใหม่ เวลาไปยืนอยู่หน้าร้าน หรือกดเข้าเว็บไซต์ดูทีไร ก็เจอสารพัดแบบ ทั้งรถตัดหญ้าแบบเข็น แบบนั่งขับ บางรุ่นใช้น้ำมัน บางรุ่นใช้ไฟฟ้า แถมยังมีฟีเจอร์เสริมให้เลือกอีกเพียบ จนบางทีไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อนดี มึนเลยใช่ไหมล่ะครับ?
ในบทความนี้ เราจะมาเล่าเรื่องราว ผสมกับประสบการณ์จริงของคนที่ผ่านสนามหญ้ามาแล้วนับไม่ถ้วน จะได้เห็นภาพกันง่ายขึ้นว่า ถ้าจะซื้อ รถตัดหญ้า สักคันเนี่ย มันต้องดูอะไรบ้าง เลือกยังไงถึงจะคุ้ม และที่สำคัญ ไม่พลาดจนต้องมานั่งบ่นทีหลังว่า “รู้งี้เลือกอีกแบบก็ดี”
จุดเริ่มต้น : ทำไม รถตัดหญ้า ถึงสำคัญกว่าที่คิด?
เราเคยคุยกับเจ้าของบ้านหลายๆคนเล่าให้ฟังว่า “ตอนแรกคิดว่าใช้ กรรไกรตัดหญ้า ก็พอ หรือไม่ก็ เครื่องตัดไฟฟ้า ก็เอาอยู่” แต่… พอเอาเข้าจริง หญ้าในสนามมันไม่รอให้เราว่างหรอกครับ แดดดี ๆ ฝนลงหน่อยเดียว โตเร็วแบบสุด ๆ นี่แหละครับคือเหตุผลที่ รถตัดหญ้า คือผู้ช่วยมือหนึ่งที่ช่วยเซฟทั้งแรงและเวลา ยิ่งถ้าใครชอบบ้านที่ดูเรียบร้อย โล่งตา สนามหญ้าเขียว ๆ จะได้เป็นจริงสักที ไม่ใช่แค่ในฝัน
ลองนึกภาพง่าย ๆ ดูครับ สมมติว่าคุณมีสนามหน้าบ้านประมาณ 100 ตารางเมตร ถ้าใช้กรรไกรหรือเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้าแบบเล็ก ๆ คุณอาจต้องยืนตัดจนเหงื่อซกเป็นชั่วโมง ๆ แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้ รถตัดหญ้าไฟฟ้า ทางเลือกที่ประหยัดพลังงาน สำหรับการดูแลสวนของคุณ แค่เข็นวนไม่กี่รอบ สนามก็เรียบเนียนสวยงามเหมือนกันทั้งแปลง แถมยังไม่ต้องออกแรงมาก บอกเลยว่าพอได้ลองใช้สักครั้ง คุณจะเข้าใจทันทีว่า “เออ…มันคุ้มจริง ๆ”
สิ่งที่ต้องดู ก่อนตัดสินใจซื้อ รถตัดหญ้า
การเลือกซื้อ รถตัดหญ้า สักคันเนี่ย มันก็ไม่ต่างจากการเลือกเพื่อนคู่ใจสำหรับดูแลสนามหญ้าเลยครับ ถ้าเลือกพลาดล่ะก็… อาจได้ของแพงแต่ไม่ได้ใช้จริง หรือซื้อแบบถูกแล้วเหนื่อยกว่าเดิมก็มี ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจ ลองเช็ก 5 เรื่องนี้ให้ครบ จะได้ไม่เสียทั้งเงินและเวลา
ขนาดสนามของคุณ
นี่คือจุดเริ่มต้นที่ต้องถามตัวเองก่อนเลยครับ สนามเล็ก ๆ ไม่ถึง 100 ตร.ม. รถตัดหญ้าไฟฟ้าหรือแบบเข็นธรรมดาก็เอาอยู่แล้ว ตัดไม่กี่นาทีก็เรียบ แต่ถ้าเกิน 300 ตร.ม. ขึ้นไป ลองคิดภาพว่าคุณต้องเดินเข็นไป–กลับกี่รอบ…เหงื่อท่วมแน่ ๆ แบบนี้แนะนำว่ามองพวก Self-Propelled (มีระบบขับเคลื่อนเอง) หรือไม่ก็ Riding (แบบนั่งขับ) ไปเลยครับ จะได้ไม่เหนื่อยเกินจำเป็น ฟังแล้วอาจจะดูทางการไปหน่อยนะ
ความสูงของหญ้าที่ต้องเจอ
หญ้าแต่ละประเภท ก็มีลักษณะต่างกันไป บางบ้านปลูกหญ้านวลน้อยหรือหญ้ามาเลเซีย โตช้า ใบไม่สูงมาก รถไฟฟ้าธรรมดาก็สบาย ๆ แต่ถ้าเป็นหญ้าที่โตเร็วแบบหญ้าเนเปียร์ หรือลักษณะใบใหญ่หนา แบบนั้นต้องเลือก รถตัดหญ้า ที่แรงพอ และที่สำคัญคือ ปรับระดับใบมีดได้หลายระดับ ไม่งั้นตัดทีเหมือนฝืน ๆออกมาไม่สวยแน่นอน
ระบบเก็บหญ้า
อันนี้แล้วแต่สไตล์เลยครับ แต่เราว่าควรมี รถตัดหญ้า บางรุ่นพอตัดเสร็จก็พ่นหญ้าออกด้านข้างเลย สะดวกเร็วแต่คุณก็ต้องเก็บเองทีหลัง แต่ถ้าใครไม่อยากเหนื่อยซ้ำ ก็ดูพวกรุ่นที่มี ถุงเก็บหญ้า ไปเลย ตัดทีเดียวเสร็จ ไม่ต้องมาโกยใหม่ เหมาะกับคนที่อยากให้สนามเรียบกริ๊บตั้งแต่แรก
งบประมาณ
บอกตรง ๆ เลยครับ รถตัดหญ้า ราคาไล่ตั้งแต่หลักพันปลาย ๆ ไปจนถึงหลักแสน มีให้เลือกเยอะมาก! หลายคนพลาดเพราะเห็นรุ่นนั่งขับแล้วเท่ดี สนามจริง ๆ แค่ 200 ตร.ม. สุดท้ายซื้อมาใช้ไม่กี่ครั้ง จอดทิ้งจนฝุ่นจับ เลือกให้เหมาะกับการใช้งานจริงเถอะครับ จะได้ไม่รู้สึกว่าซื้อมาเกินจำเป็น
ประสบการณ์จริง : มือใหม่ที่พลาดเพราะไม่ศึกษามาก่อน
มีเพื่อนเราคนนึงครับ เพิ่งซื้อบ้านใหม่ มีสนามหญ้าประมาณ 500 ตร.ม. มันมาอวดว่า ไปจัดรถตัดหญ้าไฟฟ้าขนาดเล็กมาเลย เพราะคิดว่าเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา น่าจะเอาอยู่แน่ ๆ แต่… พอเอามาใช้จริง ตัดได้ไม่ถึงครึ่งสนาม แบตก็หมดซะแล้ว ต้องนั่งรอชาร์จอีกหลายชั่วโมง กว่าจะกลับมาตัดต่อได้ก็หมดแรง หมดไฟไปก่อนแล้ว ผลคือ ตัดหญ้าแต่ละครั้งไม่เคยเสร็จในวันเดียว ต้องแบ่งเป็นสองวัน
ไม่ใช่ว่า รถตัดหญ้า ที่ใช้แบตเตอรี่ไม่ดีนะ แต่… มันต้องมีแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน หลังจากนั้น เพื่อนเราก็ตัดสินใจขายรถตัดหญ้าไฟฟ้าตัวนั้นออก แล้วไปจัด รถตัดหญ้า ที่ใช้น้ำมันมาแทน ถึงจะเสียงดังกว่า หนักกว่า แต่ก็เหมาะกับขนาดสนามและการใช้งานจริง ๆ “มันพูดงี้”
นี่แหละครับคือบทเรียนที่ชัดเจนมาก ว่าก่อนเลือกซื้อ รถตัดหญ้า เนี่ย อย่าดูแค่รีวิวหรือฟังคนอื่นบอกว่าดีอย่างเดียว ต้องมองย้อนกลับมาที่ “สนามหญ้าของเราเองก่อน ว่าเหมาะกับ รถตัดหญ้า แบบไหน?” ไม่งั้นมีสิทธิ์พลาดจนต้องซื้อใหม่ เสียเงินรอบสองแบบเพื่อนเราก็ได้!
ฟีเจอร์เสริมของ รถตัดหญ้า ที่มือใหม่ไม่ควรมองข้าม
หลายๆคนเวลาเลือกซื้อ รถตัดหญ้า ก็มักจะไปโฟกัสที่เรื่องใหญ่ ๆ ก่อน อย่างเช่น “แรงตัดพอไหม?” หรือ “สนามหญ้าเรากว้างแค่ไหน?” ซึ่งก็ถูกต้องแล้วครับ แต่ปัญหาคือ…พอสนใจแต่เรื่องหลัก ๆ ดันลืมพวกฟีเจอร์เล็ก ๆ ที่จริง ๆ แล้วช่วยประหยัดแรง ช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
เราเจอมาแล้วหลายครั้งครับ บางคนเลือก เครื่องตัดหญ้า ที่แรงสุด ๆ สนามก็ตัดได้สบายจริง แต่พอใช้ไปสักพักกลับบ่นว่าทำไมมันเมื่อยมือ เสียงดังเกิน หรือทำไมต้องเสียเวลาเก็บหญ้าทีหลังให้เหนื่อยสองรอบ ทั้ง ๆ ที่ถ้าเลือกตอนแรกให้มีฟีเจอร์เสริมพวกนี้ ปัญหาก็แทบไม่เกิดเลย
พูดง่าย ๆ คือ ฟีเจอร์เสริมมันเหมือน “ตัวช่วยเล็ก ๆ ที่ทำให้การตัดหญ้าไม่ใช่งานบ้านน่าเบื่อ” แต่กลายเป็นงานที่ทำได้เพลิน ๆ เสร็จไว แถมสนามออกมาสวยกว่าที่คิดครับ
- ระบบปรับความสูงใบมีด อันนี้สำคัญมาก บางคนชอบสนามเตี้ย ๆ ดูเนี้ยบเหมือนกรีนกอล์ฟ บางคนอยากให้หญ้ายาวหน่อยดูเป็นธรรมชาติ ถ้ารถปรับความสูงไม่ได้ ก็ต้องทนตัดแบบเดียวตลอด แต่ถ้าปรับได้ จะเลือกสั้น–ยาวตามใจ หรือสลับไปมาได้เลย
- ถุงเก็บหญ้า ฟังดูเล็กน้อย แต่ช่วยประหยัดแรงโคตร ๆ ครับ ตัดเสร็จไม่ต้องมานั่งเก็บเศษหญ้าให้เหนื่อย บางรุ่นเก็บได้แน่นเรียบร้อย สนามเสร็จปุ๊บก็สะอาดปั๊บ เหมาะมากสำหรับคนที่อยากให้สนามดูดีแบบไม่ต้องเหนื่อยสองรอบ
- ใบมีดมัลติฟังก์ชัน โดยเฉพาะรุ่นที่มีระบบ Mulching จะสับหญ้าที่ตัดออกมาให้ละเอียดแล้วโปรยกลับเป็นปุ๋ยไปเลย ไม่ต้องทิ้งหญ้า แถมยังช่วยให้สนามเขียวทนกว่าด้วย ตัดทีเดียวได้สองต่อ สวยและบำรุงสนามไปพร้อมกัน
- เสียงเบา / ระบบลดการสั่น เชื่อเถอะครับว่าพอต้องตัดหญ้าเกินครึ่งชั่วโมงขึ้นไป เรื่องเสียงดังและแรงสั่นสะเทือนจะเริ่มทำให้คุณเมื่อยและรำคาญ ถ้าเลือกรุ่นที่เงียบลงหน่อย หรือมีระบบลดการสั่น ใช้ไปนาน ๆ จะรู้เลยว่ามันช่วยประหยัดแรงและทำให้ตัดได้เพลินกว่าจริง ๆ
เคล็ดลับสำหรับมือใหม่ : ซื้อแล้วใช้ รถตัดหญ้า อย่างไรให้คุ้ม
หลายคนซื้อ รถตัดหญ้า มาแล้ว พอใช้ไปสักพักกลับรู้สึกว่าทำไมสนามไม่สวยเหมือนที่คิด ทั้ง ๆ ที่เครื่องก็ยังใหม่อยู่ สาเหตุหลัก ๆ มักไม่ได้มาจากเครื่องหรอกครับ แต่มาจากวิธีใช้งานและการดูแลนี่แหละ ถ้าอยากให้คุ้มกับเงินที่จ่ายไป ลองทำตามเคล็ดลับง่าย ๆ เหล่านี้ดูครับ
- ลับใบมีดทุก 2–3 เดือน อันนี้เหมือนการลับมีดในครัวเลยครับ ถ้าใบไม่คม เวลาตัดหญ้าก็จะขาดรุงรัง ดูไม่เรียบ พอลับบ่อย ๆ หญ้าจะตัดเรียบเนียน สนามก็ดูสวยขึ้นแบบรู้สึกได้เลย
- อย่าตัดหญ้าเปียก บอกเลยว่านี่คือกับดักของมือใหม่หลายคน คิดว่า “ฝนเพิ่งหยุด หญ้าน่าจะนิ่ม ตัดง่าย” แต่จริง ๆ คือพอตัดแล้วเศษหญ้าจะอุดใบมีด เครื่องก็ทำงานหนัก เสี่ยงพังไวด้วย ทางที่ดีรอให้สนามแห้งก่อนค่อยลุยครับ
- เช็กน้ำมันเครื่องและกรองอากาศ (สำหรับรุ่นน้ำมัน) ถ้าเลือกแบบใช้น้ำมัน อย่าลืมว่ามันก็เหมือนรถยนต์เล็ก ๆ ของคุณนั่นแหละ ต้องมีการดูแลบ้าง ตรวจน้ำมันเครื่องเป็นระยะ เปลี่ยนกรองอากาศตามกำหนด เครื่องจะทำงานลื่นขึ้นและอยู่กับเราได้นาน
- ใช้ความสูงใบมีดที่เหมาะสม หลายคนอยากให้สนามดูเนี้ยบ เลยตั้งใบมีดต่ำสุด หญ้าสั้นกริ๊บ แต่จริง ๆ มันทำให้หญ้าอ่อนแอ ฟื้นตัวยาก บางทีแดดจัด ๆ อาจเหี่ยวจนเป็นด่างได้ด้วย คำแนะนำง่าย ๆ คือ อย่าตัดเตี้ยเกินไป ปล่อยให้มีความสูงพอประมาณ หญ้าจะดูเขียวทนกว่าเยอะครับ