Customers Also Purchased
ในโลกของการทำงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง รองเท้าเซฟตี้ คือหนึ่งในไอเทมที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะในงานที่เสี่ยงต่อการเหยียบของมีคม พื้นเปียกลื่น หรือแม้กระทั่งเจอสารเคมีต่างๆ นี่แหละที่ทำให้ รองเท้าเซฟตี้ กลายเป็นของจำเป็นที่ไม่ใช่แค่ใส่กันพลาด แต่ช่วยเซฟชีวิตได้จริงๆ แล้วรู้มั้ยว่า? หนึ่งในส่วนที่สำคัญมากของ รองเท้าเซฟตี้ ก็คือพื้นรองเท้านี่แหละ เพราะพื้นรองเท้าไม่ได้มีแค่เรื่องลวดลายกันลื่น แต่วัสดุของพื้นยังมีผลต่อความสบาย ความปลอดภัย และอายุการใช้งานด้วย ซึ่งในตลาดตอนนี้ก็มีวัสดุหลักๆ ที่เราเห็นบ่อย ได้แก่ พื้น PU (Polyurethane) กับ พื้นยาง NBR (Nitrile Butadiene Rubber) แล้วระหว่างสองแบบนี้...อะไรดีกว่ากัน? หรือพูดอีกแบบก็คือ แบบไหนที่เหมาะกับลักษณะงานของคุณที่สุด? บทความนี้จะพาไปคุยแบบเข้าใจง่ายๆ เลยครับ
ทำความรู้จักวัสดุพื้น รองเท้าเซฟตี้
ร้องเท้าเซฟตี้ พื้น PU (Polyurethane)
คุณสมบัติเด่นของ รองเท้าเซฟตี้ พื้น PU
- น้ำหนักเบา ใส่แล้วไม่รู้สึกหนักเท้า เดินทั้งวันก็ไม่เมื่อย
- กันกระแทกได้ดี ช่วยลดแรงกดที่ส้นเท้า เหมาะกับคนที่ต้องยืนหรือเดินเยอะๆ
- ทนต่อน้ำมันในระดับปานกลาง เจอน้ำมันบ้างเล็กน้อยก็เอาอยู่
- ยืดหยุ่นดี พื้นไม่แข็ง ไม่กระด้าง ใส่แล้วรู้สึกนุ่มสบาย
- อายุการใช้งานค่อนข้างนาน ถ้าไม่ได้เจองานหนักๆ ทุกวัน ถือว่าอยู่ได้สบายหลายปี
ร้องเท้าเซฟตี้ พื้นยาง NBR (Nitrile Rubber)
NBR หรือ Nitrile Rubber เป็นยางสังเคราะห์ที่ขึ้นชื่อว่าอึด ถึก ทน โดยเฉพาะกับเรื่องน้ำมันและสารเคมี ใครทำงานในสายโรงงานหนักๆ อย่างช่างกล อู่ซ่อมรถ หรือโรงงานผลิตน้ำมัน น่าจะรู้ดีว่าพื้น รองเท้าเซฟตี้ แบบนี้ช่วยชีวิตได้จริงๆ เพราะมันทนสารเคมีได้ดี ไม่ละลาย ไม่เปื่อยง่ายๆ แถมยังไม่กลัวความร้อนด้วยนะ ใครที่ทำงานใกล้เตา หรือพื้นที่ที่ต้องเจอความร้อนบ่อยๆ ก็สบายใจได้เลยครับ
คุณสมบัติเด่นของ รองเท้าเซฟตี้ พื้น NBR
- ทนต่อน้ำมัน สารเคมี กรด-ด่าง ได้แบบสบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นเปื่อยหรือพังง่าย เจอของเหลวแรงๆ ก็ยังไหว
- ทนความร้อนได้สูงมาก บางรุ่นเอาอยู่ถึง 300 องศาเซลเซียสเลย ใครทำงานใกล้เตา เศษเหล็กร้อนๆ นี่เหมาะมาก
- พื้นแข็งแรง ทนต่อการสึกหรอ ใส่ลุยได้ทุกวันไม่ต้องกลัวพื้นพังง่ายๆ
- ยึดเกาะพื้นได้ดีมาก โดยเฉพาะเวลาพื้นลื่น มีน้ำมัน หรือพื้นที่เปียก ไม่ต้องกลัวลื่นล้ม
- เหมาะสุดๆ กับพื้นที่เสี่ยง เช่น โรงงานกลั่นน้ำมัน โรงหล่อโลหะ หรือที่ที่ต้องเจอของแรงๆ เป็นประจำ
จากตารางจะเห็นได้ชัดเจนเลยครับว่า ถ้างานของคุณต้องเดินทั้งวัน ยกของบ่อยๆ หรือต้องเคลื่อนไหวรวดเร็ว เช่น งานคลังสินค้า งานขนส่ง หรือต้องเดินเยอะๆ แบบไม่มีพัก พื้น PU คือคำตอบที่ใช่ เพราะมันเบา ใส่แล้วไม่เมื่อย คล่องตัวสุดๆ
แต่ถ้าคุณต้องเจอสภาพแวดล้อมที่โหดหน่อย อย่างพื้นลื่นๆ มีคราบน้ำมัน สารเคมี หรือทำงานในที่ที่มีความร้อนสูง เช่น โรงงานหล่อโลหะ อู่ซ่อมรถ หรือที่ต้องลุยของหนักบ่อยๆ พื้น NBR จะตอบโจทย์มากกว่า เพราะมันอึด ทน และปลอดภัยกว่าในสถานการณ์แบบนั้นครับ
พื้น รองเท้าเซฟตี้ แบบไหนดี? ให้เหมาะกับงานของคุณ?
งานคลังสินค้า / โลจิสติกส์ / ขนส่ง
- แนะนำ พื้น PU
- เหตุผล น้ำหนักเบา ใส่เดินนานๆ ได้สบาย ไม่เมื่อยเลยครับ ยิ่งใครต้องเดินไป เดินมา เดินทั้งวันในโกดังหรือขนของตลอดเวลา บอกเลยว่าพื้นแบบนี้ช่วยลดแรงกระแทกให้เท้าสบายขึ้นเยอะ เดินลื่นๆ ไม่รู้สึกหนักเท้าแน่นอน
งานโรงงานทั่วไป / อุตสาหกรรมเบา
- แนะนำ พื้น PU หรือ NBR ก็ได้ แล้วแต่สภาพหน้างานของแต่ละโรงงานเลยครับ
- ถ้าโรงงานของคุณมีสารเคมีหรือน้ำมันอยู่เป็นประจำ เช่น พื้นมีคราบน้ำมันให้เดินเลี่ยงไม่ได้ แบบนี้แนะนำ NBR เลยครับ เพราะมันรับมือกับของพวกนี้ได้สบายๆ
- แต่ถ้างานเป็นสายประกอบชิ้นส่วนทั่วไป ไม่ได้เจอของเหลวหรืออะไรแรงๆ PU จะช่วยให้เดินสบายกว่า ใส่ทั้งวันไม่ปวดเท้าแน่นอน
งานช่างยนต์ / ซ่อมเครื่องจักร / น้ำมันเครื่องเยอะ
- แนะนำ พื้นยาง NBR
- เหตุผล เพราะงานสายช่างหรือซ่อมเครื่องยนต์ มักต้องเจอกับคราบน้ำมันหรือของเหลวอยู่ตลอด พื้น NBR จึงตอบโจทย์แบบสุดๆ เลยครับ ทั้งทนน้ำมัน ทนสารเคมี แถมยึดเกาะพื้นได้ดี เดินมั่นใจ ไม่ลื่นหัวทิ่มแน่นอน
งานเกี่ยวกับความร้อน / หล่อโลหะ / เตาเผา
- แนะนำ พื้นยาง NBR ที่ทนความร้อน
- เหตุผล PU นั้นไม่ค่อยถูกกับความร้อนสูงเท่าไหร่ เจอเตาร้อนๆ หรือพื้นที่ร้อนจัดอาจจะมีละลายบ้าง ส่วน NBR นี่คือสู้ไฟได้เลยครับ บางรุ่นเอาอยู่ถึง 300 องศาเลยทีเดียว ใครทำงานใกล้เตา หรือในพื้นที่ที่ร้อนจี๋ตลอดเวลา เลือก NBR ไว้ก่อน สบายใจกว่าเยอะ!
งานกลางแจ้ง / งานก่อสร้าง
- ถ้างานของคุณต้องเดินเยอะทั้งวัน แถมยังอยากได้ รองเท้าเซฟตี้ ที่เบา ใส่สบาย ไม่ปวดขา PU นี่แหละใช่เลยครับ
- แต่ถ้าหน้างานของคุณมีความเสี่ยง อย่างพื้นลื่น มีน้ำมัน น้ำขัง หรืออยู่กลางแดดร้อนๆ เป็นประจำ NBR จะช่วยให้คุณเดินได้มั่นใจ ปลอดภัยกว่าเยอะ
>>> รหัสมาตรฐาน รองเท้าเซฟตี้ มีอะไรบ้างแล้วต่างกันยังไง? มาดูกัน!
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการเลือก รองเท้าเซฟตี้
อย่าดูแค่พื้น แต่ดูทั้งคู่
รองเท้าเซฟตี้ ที่ดี ไม่ได้ดูแค่พื้นอย่างเดียวนะครับ ต้องมองทั้งภาพรวมเลย ตั้งแต่วัสดุด้านบนว่าระบายอากาศดีมั้ย ใส่แล้วกระชับเท้าไหม หรือถ้ารองเท้าทนพื้นโลกได้แต่ตัว รองเท้าเซฟตี้ ขาดง่ายก็ไม่รอดเหมือนกัน เพราะสุดท้ายแล้วมันต้องใส่แล้วสบาย ใส่แล้วมั่นใจว่าจะลุยงานได้ทั้งวัน
ดูมาตรฐานความปลอดภัย
- มาตรฐาน EN ISO 20345 หรือ มอก. (พูดง่ายๆ ก็คือเป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล กับของไทยเอง ที่ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า รองเท้าเซฟตี้ ที่ซื้อมา ผ่านเกณฑ์ความปลอดภัย ไม่ใช่แค่ดูดีแต่ไม่ป้องกันอะไรเลย)
- เลือกตามรหัส S1, S2, S3 ซึ่งเป็นเหมือนรหัสลับที่บอกระดับความปลอดภัยของ รองเท้าเซฟตี้ แบบคร่าวๆ ครับ เช่น S1 เหมาะกับงานทั่วไปที่ไม่เจอของเหลว ส่วน S3 คือขั้นสุดสำหรับงานลุย เจอน้ำ เจอน้ำมัน หรือพื้นที่โหดๆ ก็เอาอยู่ ลองดูว่าคุณเจอสภาพงานประมาณไหน แล้วเลือกให้เหมาะ จะได้ไม่ต้องซื้อเกินความจำเป็น หรือพลาดซื้อแบบที่บางไปครับ
ลองใส่ก่อนซื้อถ้าเป็นไปได้
รองเท้าเซฟตี้ บางคู่ภายนอกอาจดูหล่อ เท่ หรือดูแน่นหนาน่าใช้ แต่พอใส่แล้วอาจจะอึดอัดจนอยากถอดทิ้งเลยก็มี เพราะฉะนั้น ถ้ามีโอกาส ลองใส่เดินสัก 10–15 นาทีดูครับ จะเดินในร้านก็ได้ หรือแค่เดินวนเบาๆ ก็ช่วยให้เรารู้ว่าคู่ไหนใส่แล้วโอเค คู่ไหนต้องโบกมือลา
พิจารณาจากลักษณะการใช้งานจริง
ไม่จำเป็นต้องซื้อ รองเท้าเซฟตี้ รุ่นที่แพงที่สุดให้เปลืองงบครับ ขอแค่เลือกให้ตรงกับลักษณะงานที่เราทำก็พอ เช่น ถ้าคุณทำงานในคลังสินค้า เดินเก็บของหรือแพ็กของทั้งวัน ไม่ได้อยู่ใกล้ของร้อนหรือพื้นที่อันตรายมาก รุ่นทั่วไปที่ใส่สบาย มีมาตรฐานรองรับ ก็เพียงพอแล้วครับ ไม่ต้องถึงขั้นรุ่นกันไฟระดับเทพให้หนักเท้าและเปลืองเงิน
สรุป
ไม่มีคำตอบตายตัวว่าแบบไหนดีกว่า เพราะทั้ง PU และ NBR ต่างก็มีข้อดีของตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าคุณ ใช้งานในลักษณะไหน:
- ถ้าคุณต้องการน้ำหนักเบา ใส่สบาย เดินบ่อย: เลือก PU
- ถ้าคุณต้องเจอน้ำมัน ความร้อน สารเคมี หรือพื้นลื่น: เลือก NBR