สิ่ว มีกี่ประเภท แต่ละแบบใช้งานต่างกันยังไงบ้าง

Customers Also Purchased

สิ่ว มีกี่ประเภท แต่ละแบบใช้งานต่างกันยังไงบ้าง

สิ่วเป็นเครื่องมือพื้นฐานในงานไม้ งานโลหะ และงานอื่นๆมานานหลายศตวรรษ เป็นเครื่องมือที่มีส่วนช่วยให้ช่างฝีมือและสามารถทำงานประเภทการขึ้นรูป แกะสลัก และตัดเจาะได้อย่างแม่นยำ เป็นเครื่องมืออเนกประสงค์เลยก็ว่าได้ สิ่วจึงถูกพัฒนาให้มีหลายประเภท แต่ละประเภทได้รับการออกแบบมาสำหรับงานเฉพาะด้านตามวัตถุประสงค์  ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกประเภทต่างๆ ของสิ่วกัน ว่ามีกี่ประเภทและเหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหนได้บ้าง

ประวัติความเป็นมาของ สิ่ว

สิ่ว คือ เครื่องมือช่าง ใช้สำหรับงานไม้เป็นหลัก ซึ่งคำว่า “สิ่ว” มาจากคำภาษาละติน “seco” แปลว่า “การตัด” โดยทั่วไปแล้วสิ่วมักจะทำมาจากโลหะ  มีลักษณะรูปร่างหลากหลายแบบ เช่น ปากบาง ปากหนา โดยสิ่วมักจะใช้งานร่วมกันกับค้อน โดยเป็นการตอกที่ด้ามสิ่วเพื่อส่งแรงไปที่ปลายคมของสิ่ว ปัจจุบันมักจะใช้ในงานเซาะร่อง การเข้าเดือย การติดบานพับ สายยู ลิ้นชักตู้ หรือโต๊ะ สิ่วนั้นมีขนาดตั้งแต่ ขนาดเล็กที่สามารถใช้ทำงานรายละเอียดเล็กๆ ไปจนถึงเครื่องมือขนาดใหญ่ที่ใช้ในการเซาะตัดหรือเจาะส่วนของไม้และหิน ในงานแกะสลักไม้และหินเป็นต้น

ประเภทต่างๆของสิ่วและการใช้งาน

สิ่วมีหลายรูปทรงและขนาด คุณไม่จำเป็นต้องมีทุกอัน แต่เราจะอธิบายที่นี่เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่าสิ่วตัวไหนดีที่สุดสำหรับงานที่คุณต้องทำ ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

สิ่วงานไม้ (BENCH CHISEL)

สิ่วงานไม้ (BENCH CHISEL)

สิ่วงานไม้ (BENCH CHISEL) เป็นสิ่วที่พบได้บ่อยที่สุดและเป็นสิ่วที่อเนกประสงค์ มากที่สุดสำหรับช่างไม้ เนื่องจากสิ่วงานไม้มีคมที่เอียงด้านข้างซึ่งช่วยให้สามารถเข้าถึงเนื้องานได้สูงสุด และมีหลายขนาดให้เลือกมากที่สุด สิ่วสิ่วงานไม้ะจะสั้นกว่าสิ่วประเภทอื่นเหมาะกับเพื่อใช้กับโต๊ะทำงานหรือพื้นผิวเรียบ เป็นเครื่องมือช่างที่มีใบมีดโลหะคมและด้ามจับ ใช้ขึ้นรูป แกะสลัก และตัดไม้ โดยทั่วไปจะมีขอบเอียงที่ด้านหนึ่งของใบมีด ช่วยให้ตัดได้อย่างแม่นยำและควบคุมได้เมื่อตีด้วยค้อนหรือผลักด้วยมือ

สิ่วปากบาง (Paring Chisel)

สิ่วปากบาง (Paring Chisel)

มีลักษณะขอบของใบสิ่วจะมีความหนาน้อยกว่าแบบอื่น และเฉียงเป็นมุมตั้งแต่ 15-30 องศา โดยใบที่มีมุม 15 องศามักใช้กับการทำงานที่ต้องการความละเอียด ใบที่มีมุม 20องศาขึ้นไปเหมาะกับการทำงานที่ต้องการความโค้งและการทำมุมชันเป็นต้น สิ่วปากบางมักจะไม่ทนต่อแรงกระแทกหรือแรงงัดมากนักเพราะอาจจะทำให้ใบสิ่วหักหรือบิ่นได้ในบางกรณี การใช้ค้นกับสิ่วปากบางแนะนำให้ใช้เป็นค้อนหน้าอ่อนเพราะจะดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่า ส่วนมากสิ่วปากบางมักจะถูกใช้ทั่วไปในงานไม้

สิ่วเล็บมือ (Gouge Chisel)

สิ่วเล็บมือ (Gouge Chisel)

มีลักษณะใบโค้งเกือบครึ่งวงกลมมีร่องเว้าเข้าไปคล้ายกับเล็บมือ สิ่วเล็บมือมักใช้สำหรับงานประเภทการเจาะ แซะ หรือเฉือนเพื่อตกแต่งผิววัสดุที่ต้องการทำงานเช่นเนื้อไม้เป็นต้น ผิวการแซะหรือเจาะจะทำให้เนื้อไม้เป็นร่องแบบโค้ง ไปตามลักษณะของใบสิ่วโดยสิ่วเล็บมือจะถูกแบ่งไปอีก 3 แบบคือ หน้าโค้งกว้าง หน้าโค้งกลาง หน้าโค้งแคบ โดยมีมุมโค้งทั้งภายนอกและภายในอยู่ที่ระหว่าง 30-35 องศา การใช้งานมักจะอยู่ในรูปแบบของการแซะหรือเฉือนเนื้อไม้ออกไปตามแนวเสี้ยนไม้สลับกันไปเพื่อทำร่องหรือทำให้ผิวไม้เรียบตามขนาดที่กำหนด

สิ่วเจาะ (Mortise Chisel)

สิ่วเจาะ (Mortise Chisel)

สิ่วเจาะ (Mortise Chisel) เป็นประเภทหนึ่งของสิ่วที่ออกแบบมาเพื่อการตัดหรือเจาะร่องโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้เนื้องงานถูกเซาะออกเป็นรูสี่เหลี่ยมที่มักใช้ในงานไม้เพื่อสำหรับการใส่เดือย (ส่วนที่ยื่นออกมาของชิ้นไม้) เพื่อสร้างข้อต่อที่แข็งแรง สิ่วร่องมีใบมีดที่ยาวและทนทาน โดยมีด้านขนานกันและปลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ช่วยให้สามารถตัดขอบร่องที่ได้ขนาดและแม่นยำได้ สิ่วเหล่านี้มักใช้ร่วมกับค้อนเพื่อเพิ่มแรงเจาะลงบนวัสดุและสร้างรูเป็นร่องตามต้องการ เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับงานไม้ต่อไม้และงานไม้ ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างโครงสร้างไม้ที่ทนทาน มักใช้ในงานทำเฟอร์นิเจอร์ หรือใช้ในงานไม้สร้างบ้านเป็นต้น

สิ่วญี่ปุ่น (Japanese Chisel)

สิ่วญี่ปุ่น (Japanese Chisel)

สิ่วญี่ปุ่นหรือที่รู้จักในชื่อ "โนมิ" มีความหนากว่าสิ่วโต๊ะตะวันตก สิ่วญี่ปุ่นถูกสร้างขึ้นจากโลหะสองประเภท ส่วนกลางของเครื่องมือทำจากเหล็กเหนียวที่ค่อนข้างอ่อน ในขณะที่คมตัดของใบมีดประกอบด้วยเหล็กกล้าคาร์บอนสูงซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความคมและความแข็งเป็นพิเศษ โดยทั่วไปแล้ว ใบมีดเหล่านี้จะถูกอบด้วยความร้อนโดยมีความแข็งแบบ Rockwell ประมาณ "C" 64 ทำให้ได้คมตัดที่เฉียบคมและเฉียบคมอย่างยิ่ง ใบมีดได้รับการตีขึ้นรูปอย่างพิถีพิถันเพื่อรักษาความคมและขอบที่ละเอียด ด้านหลังของสิ่วญี่ปุ่นมักจะมีพื้นกลวง และตัวเครื่องมือเองก็มีพื้นผิวที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อน การออกแบบนี้ไม่เพียงเพิ่มความแม่นยำในการตัด แต่ยังป้องกันความเสียหายต่อไม้เนื้ออ่อนด้วยการต้านทานแรงกระแทกของไม้เนื้อแข็งแปลกใหม่ 

จะเลือกใช้งานสิ่วแบบไหนกี่อันถึงจะพอกับงานของคุณ

ในความคิดเห็นของผู้เขียน ช่างฝีมือทุกคนควรมีสิ่วงานไม้สองขนาดต่างกันและสิ่วเล็บมือ กับสิ่วเจาะอย่างละหนึ่งอัน อย่างไรก็ตาม สิ่วงานไม้และสิ่วปากบางก็สามารถทดแทนกันได้ในบางกรณีแต่ประสิทธิภาพที่ได้อาจจะไม่เท่ากันมากนัก ส่วนสิ่วเจาะเป็นเครื่องมือใช้เฉพาะสำหรับสร้างรูเจาะ ส่วนสิ่วญี่ปุ่นเป็นเครื่องมือที่ต้องอาศัยความชำนาญในการใช้งานแต่ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องเมืออเนกประสงค์เช่นกันเหมาะสำหรับการทำงานกับไม้มากกว่าเพราะช่วยรักษาเนื้อไม่เวลาตอกเข้าไปไม่ให้เกิดรอยแตกได้ง่ายและยังสามารถเก็บงานได้ดีอีกด้วย

สิ่วขนาดมาตรฐานคือขนาดไหนบ้าง

สิ่ว สำหรับเริ่มต้นการทำงานทุกรูปแบบมีให้พิจรณาอยู่หลักๆ 2 ขนาดสำหรับทำงานได้อเนกประสงค์และครอบคลุมคือ

¾ นิ้ว

¼ นิ้ว

เหตุผลที่ขนาดที่กล่าวมานี้เหมาะสมสำหรับการทำงานทุกงานได้ก็คือหากว่าคุณต้องการจะต่อไม้เข้าด้วยกันคุณต้องทำข้อต่อโดยการเซาะร่องซึ่งโดยยทั่วไปแล้วคุณจะต้องทำให้ชิ้นส่วนที่จะมาประกบกันมีขนาดที่ ⅓ ของความหนาของชิ้นงานหลัก ดังนั้นถ้าใช้สิ่วหนึ่งอันที่มีความกว้าใบสิ่วที่ ¾ นิ้วและใช้สิ่วอีกอันที่มีใบกว้างเท่ากับชิ้นไม้ ที่ ¼ นิ้ว ก็สามารถสร้างข้อต่อไม่แล้วอย่างง่ายๆ ในบางครั้งสิ่วที่มีใบใหญ่กว่าสามารถเจาะหรือเซาะเอาเนื้อไม้ออกมาได้มากกว่า เช่น 11/2 นิ้ว ก็มีประโยชน์มากแต่ก็ไม่ได้จำเป็นในตอนแรกเช่นกัน

สิ่วมีหลายประเภท แต่ละประเภทออกแบบมาสำหรับงานไม้โดยเฉพาะ สิ่วทำหน้าที่เป็นเครื่องมือพื้นฐานในงานไม้ งานโลหะ และงานฝีมืออื่นๆ มานานหลายศตวรรษ ช่วยให้ขึ้นรูป แกะสลัก และตัดได้อย่างแม่นยำ สิ่วหลายประเภทได้รับการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะ โดยแต่ละประเภทได้รับการออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะ

สรุป

จากการสำรวจประเภทต่างๆ เราพบว่าสิ่วตั้งโต๊ะ ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ช่างไม้เนื่องจากใช้งานได้อเนกประสงค์ โดยเฉพาะบนพื้นผิวเรียบ สิ่วปากบางที่มีใบมีดบางกว่า เหมาะสำหรับงานที่มีรายละเอียด สิ่วแซะซึ่งมีใบมีดโค้ง เชี่ยวชาญในการแกะสลักและขึ้นรูปวัสดุ เช่น ไม้ ดอกสกัดร่อง ออกแบบมาเพื่อการตัดหรือเซาะร่อง เพื่อสร้างช่องสี่เหลี่ยมที่มักใช้สำหรับงานไม้เช่นประตูหน้าต่าง สิ่วญี่ปุ่นหรือที่รู้จักกันในชื่อ "โนมิ" โดดเด่นด้วยโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ ผสมผสานส่วนกลางที่ยืดหยุ่นเข้ากับใบมีดเหล็กกล้าคาร์บอนสูง ให้ความคมและความทนทานเป็นพิเศษ

บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง - คู่มือการเลือกซื้อ สิ่ว หลากหลายชนิด

FAQ คำถามที่พบบ่อย

1. สิ่วที่จำเป็นสำหรับงานไม้มีอะไรบ้าง?

สิ่วประเภทพื้นฐานสำหรับงานไม้ ได้แก่ สิ่วงานไม้ เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปและปรับพื้นผิวให้เรียบ สิ่วปอก เหมาะสำหรับงานที่มีรายละเอียดและแม่นยำ สิ่วเซาะร่อง ออกแบบมาเพื่อการแกะสลักและการขึ้นรูป

2. จะเลือกสิ่วที่เหมาะกับงานเฉพาะได้อย่างไร?

การเลือกสิ่วที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน สิ่วตั้งโต๊ะมีความอเนกประสงค์และเหมาะสำหรับการใช้งานหลายประเภท ในขณะที่สิ่วสำหรับปอกจะดีเยี่ยมในการทำงานที่มีรายละเอียด สิ่วเซาะร่องเหมาะสำหรับการแกะสลัก และสิ่วเซาะร่องได้รับการออกแบบสำหรับงานไม้เช่นประตูหน้าต่าง

3. ชุดสิ่วพื้นฐานมีขนาดที่แนะนำคือเท่าไร?

สำหรับผู้เริ่มต้น ชุดสิ่วพื้นฐานมักจะประกอบด้วยสิ่วตั้งโต๊ะ 2 อัน สิ่วปอกเปลือก และสิ่วร่อง ขนาดที่แนะนำโดยทั่วไปคือ 3/4 นิ้วและ 1/4 นิ้ว การเลือกนี้ช่วยให้มีความคล่องตัวในงานต่างๆ โดยมีสิ่วขนาด 3 นิ้วสำหรับงานทั่วไป และดอกสกัดขนาด 1/4 นิ้วเหมาะสำหรับงานที่ละเอียดอ่อนและมีรายละเอียดมากขึ้น