ทำความรู้จักกับ มอเตอร์ไร้แปรงถ่าน BiTURBO จาก Bosch

เมื่อปี 1984 Bosch ได้เปิดตัวสว่านกระแทกไร้สายตัวแรกของโลก และได้สร้างความเปลี่ยนแปลงขึ้นในวงการช่าง จนมาถึงปี 2021 Bosch ก็ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง โดยการเปิดตัวสว่านไร้สายและสว่านกระแทกไร้สายที่ทรงพลังเทียบเท่ากับเครื่องมือมีสาย นั่นก็คือ รุ่น GSR 18V-150 C และ GSB 18V-150 C โดยเบื้องหลังขุมพลังของสองรุ่นนี้ คือ มอเตอร์ไร้แปรงถ่าน BiTURBO ซึ่งถูกนำมาใช้ในเครื่องมือที่ทำงานด้วยมอเตอร์หลายเครื่องมือด้วยกัน ก่อนหน้าที่จะถูกนำมาในสว่านไร้สาย 


          อ่านเพิ่มเติม - สว่านไร้สาย Bosch กับประวัติความเป็นมาอันยาวนาน


โดยในในบทความนี้จะไม่ได้มาพูดถึง สว่านไร้สาย Bosch รุ่น GSR และ GSB 18V-150 C แบบเน้นๆ แต่จะขอพาคุณออกนอกเรื่อง ไปรู้จักกับเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังให้มากขึ้น และหากคุณสนใจทั้งสองรุ่นนี้ คุณสามารถดูรีวิวของเราได้ที่ด้านล่าง


BiTURBO ประกอบด้วยสองเทคโนโลยีรวมกัน คือ มอเตอร์ไร้แปรงถ่าน BiTURBO และแบตเตอรี่ ProCORE โดย Bosch ได้คิดค้นมอเตอร์ไร้แปรงถ่านแบบใหม่นี้ขึ้น เพื่อมาปลดล็อกศักยภาพของแบตเตอรี่ที่ได้คิดค้นขึ้นก่อนหน้า ซึ่งประสิทธิภาพของเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยี BiTURBO จะเทียบเท่ากับเครื่องมือมีสายที่ให้กำลังไฟฟ้าสูงถึง 1,800W

มอเตอร์ไร้แปรงถ่าน BiTURBO

แม่เหล็ก Neodymiumในมอเตอร์ไร้แปรงถ่าน BiTURBO เป็นแม่เหล็กที่มีแรงดูดสูงที่สุดในปัจจุบัน สามารถทำให้มีขนาดเล็กโดยยังรักษาแรงดูดที่สูงนั้นไว้ได้ มอเตอร์ไร้แปรงถ่านแบบใหม่จึงสามารถถ่ายทอดพลังงานได้สูง แรงบิดที่ทำได้ก็สูงตาม และเป็นเหตุผลว่า ทำไม? เครื่องมือ BiTURBO จึงมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเครื่องมือมีสาย 1800W ในขณะที่ยังคงความกะทัดรัดของเครื่องมือไร้สายไว้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณจะต้องใช้เครื่องมือ BiTURBO กับแบตเตอรี่ ProCORE 18V 8.0Ah หรือ 12Ah เท่านั้น เพื่อให้ใช้งานได้ที่ประสิทธิภาพสูงสุด

ไม่เพียงเท่านี้ เครื่องมือ BiTURBO ยังมาพร้อมกับการป้องกันความร้อนสูง (Overheat) โดย Bosch ได้ออกแบบให้พัดลมของมอเตอร์สามารถสร้างการไหลเวียนของอากาศได้มากถึง 1000L ต่อนาที เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากความร้อน และเป็นการยืดอายุของแบตเตอรี่ไปในตัวด้วย


แบตเตอรี่ ProCORE

อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า เครื่องมือ BiTURBO นั้น สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็ต่อเมื่อใช้ร่วมกับแบตเตอรี่ ProCORE ขนาด 18V 8.0Ah หรือ 12Ah โดย แบตเตอรี่ ProCORE ประกอบด้วยเซลล์แบตเตอรี่ 21,000 เซลล์ และมาพร้อมกับเทคโนโลยีจัดการแบตเตอรี่แบบใหม่จาก Bosch ที่สามารถให้พลังงานได้มากกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปถึง 87% รวมถึงเทคโนโลยี COOLPACK 2.0 ที่ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อน ที่ทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้ได้ยาวนานกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปถึง 135% 

          “เพียงแบตเตอรี่ ProCORE แค่ตัวเดียว ก็สามารถใช้งานได้เทียบเท่ากับแบตเตอรี่ทั่วไปสองตัว”

แน่นอนว่า แบตเตอรี่ ProCORE มีราคาสูงกว่าแบตเตอรี่ทั่วไป แต่ก็นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้

เทคโนโลยี COOLPACK 2.0

ความร้อนสูง ส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ เทคโนโลยีที่ COOLPACK 2.0 จึงถูกพัฒนาขึ้น เพื่อช่วยในเรื่องการระบายความร้อนในแบตเตอรี่ ProCORE ประกอบด้วย แผ่นทองแดง ซึ่ง Bosch เรียกว่า ‘Cell Connectors’ ทำหน้าที่เป็นตำนำความร้อนออกจากเซลล์ ถูกทำให้มีความต้านทานความร้อนภายในลดลงโดยการเชื่อมด้วยเลเซอร์ และมีเคสห่อหุ้มเซลล์แบตเตอรี่ที่ทำมาจาก Polyethylene ซึ่งทำหน้าที่เป็นตำนำความร้อน เช่นกัน


การใช้งาน เครื่องมือ BiTURBO และแบตเตอรี่ ProCORE

เครื่องมือไร้สาย 18V ทุกรุ่น ของ Bosch ตั้งแต่ปี 2008 สามารถใช้กับแบตเตอรี่ ProCORE ได้ ในทางกลับกัน เครื่องมือ BiTURBO ก็สามารถใช้กับแบบเตอรี่รุ่นเก่าได้เช่นกัน แต่เราแนะนำให้คุณใช้งานเครื่องมือ BiTURBO กับแบตเตอรี่ ProCORE ด้วยกัน เพื่อดึงประสิทธิภาพที่แท้จริงของเครื่องมือออกมา

เครื่องมือ BiTURBO ประกอบด้วย เลื่อยวงเดือน, เลื่อนตัด องศา, เครื่องเจียร, สว่านโรตารี่ และล่าสุด สว่านไร้สาย โดยเครื่องมือเหล่านี้ถูกออกแบบให้มีขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา จับถือได้ถนัดมือ บวกกับการทำงานบนแบตเตอรี่ ProCORE ก็จะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้หลากหลาย และต่อเนื่องได้เป็นระยะเวลานาน