ทำไม เลื่อยมือ ยังมีความสำคัญกับงานไม้อยู่เสมอ

Customers Also Purchased

เป็นเวลาหลายร้อยปีที่มนุษย์เราเริ่มใช้ เลื่อย ที่ใช้ตัดวัสดุต่างๆหลากหลายประเภท และได้วิวัฒนาการมาจากขอบหยักที่สร้างขึ้นที่ทำจากสิ่งต่างๆเช่นพวกเปลือกหอย หิน เหล็ก ไปจนถึงใบเลื่อยที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมที่แม่นยำซึ่งมีประสิทธิภาพและใช้งานได้ยาวนานได้อย่างน่าเหลือเชื่อ จนกระทั่งมีการประดิษฐ์เครื่องมือไฟฟ้าขึ้นมาและได้มีการพัฒนาอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าการเลือกใช้เครื่องมือไฟฟ้ามักจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่มันก็จะมีสถานการณ์หลายอย่างที่การใช้เลื่อยมือนั้นปลอดภัยกว่า ง่ายกว่าและยังมีประสิทธิภาพมากกว่าอีกด้วย

เลื่อย


เลื่อย คืออะไร?

เลื่อย หรือ เลื่อยมือ ถือว่าเป็นเครื่องมือช่างที่จำเป็น ที่คุณต้องมีไว้ในคลังเครื่องมือของคุณเลยก็ว่าได้ อันที่จริงแล้วเลื่อยเหล่านี้มันก็จะอยู่รวมกับพวกค้อน สิ่ว ประแจ นั่นแหละครับ เพราะเป็นเครื่องมือที่มักจะใช้บ่อยที่สุดสำหรับพวกงานบำรุงรักษาหรือพวกงาน DIY ทั่วไป ถึงแม้ว่าในปัจจุบันเครื่องมือไฟฟ้าจะให้ความเร็วและความสะดวกสบายที่ยอดเยี่ยมในการใช้งาน แต่มันก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาเสมอไป ในหลายๆสถานการณ์รวมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ความสามารถในการเข้าถึง ความสะดวก น้ำหนัก ความปลอดภัย หรือความปราณีต ปัจจัยเหล่านี้เองจะทำให้เลื่อยมือยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่านั่นเอง

เลื่อย


ประโยชน์ของการใช้ เลื่อย

เป็นความรู้ทั่วไปที่เครื่องมือไฟฟ้า เช่น เลื่อยวงเดือน เลื่อยสายพาน เลื่อยไฟฟ้า ที่สามารถมีการผลิตที่สูงกว่า เลื่อยมือ เป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยและข้อจำกัดมากมายเกี่ยวกับเครื่องมือไฟฟ้าอยู่บ้าง เช่น ระดับเสียง การพกพา เป็นต้น เลื่อยมือ ที่มีคุณภาพจะช่วยให้งานต่างๆของคุณเช่น การตัดขวาง เดือยทำให้การใช้งานเหล่านี้รวดเร็วยิ่งขึ้น สะอาดยิ่งขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้นนั่นเอง เลื่อย

ใบเลื่อยมีอยุ่หลากหลายประเภทหลากหลายขนาด สำหรับการใช้งานกับไม้และวัสดุอื่นๆที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น เลื่อยตัดไม้มีใบเลื่อยที่แคบมาก ซึ่งทำให้สามารถตัดในจุดที่เข้าถึงยากได้ และในขณะที่เลื่อยตัดขวางจะให้พื้นผิวที่เรียบและสะอาดกว่า ไม่ว่าคุณจะใช้เลื่อยแบบไหน คุณก็จะได้รับประโยชน์จากความสามารถในการใช้เครื่องมือเหล่านี้ และเพิ่มความคล่องตัว ความยืดหยุ่น เนื่องจากคุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับแหล่งพลังงานอีกด้วย 

เลื่อย

ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างมืออาชีพ ผู้รับเหมาทั่วไป หรือแม้กระทั่งผู้ใช้งาน DIY การรู้วิธีใช้เลื่อยมืออย่างเชี่ยวชาญ มักจะคุ้มค่าเสมอ การมีทักษะพื้นฐานเหล่านี้ทำให้คุณประสบความสำเร็จและมีคุณค่ามากขึ้น และเพิ่มความสามารถในการทำงานที่มีคุณภาพในทุกสภาพแวดล้อม นอกจากนี้เองหากไฟฟ้าดับหรือคุณทำงานในพื้นที่ ต้องระวังระดับเสียงเป็นพิเศษ การใช้งานด้วยเลื่อยมือจะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างราบรื่นแน่นอน และแน่นอนว่ามีเลื่อยอยู่หลากหลายประเภท การรู้ว่าต้องใช้เลื่อยประเภทไหน สำหรับงานต่างๆมีความสำคัญมาก หากคุณต้องการได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

เลื่อย


เลื่อย ประเภทต่างๆ

อย่างที่ผมได้พูดไว้ข้างต้น มีเลื่อยอยู่หลากหลายประเภทให้คุณเลือกใช้งาน บางประเภทได้รับการออกแบบเพื่อใช้เป็นใบเลื่อยอเนกประสงค์สำหรับใช้งานทั่วไปหรือบางประเภทใช้เฉพาะเจาะจงกับงานนั้นๆ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานนั่นเอง แต่บางทีเป็นที่น่าสังเกตว่าชื่อของเลื่อยประเภทต่างๆ มันไม่สอดคล้องกันสักเท่าไหร่ระหว่างซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต และผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดความสับสนได้ ประเภทของ เลื่อยมือ ที่คุ้นๆกันก็จะมี เลื่อยลันดา เลื่อยตัดเหล็ก เลื่อยหางหนู เลื่อยตัดกิ่งไม้ เลื่อยตัดท่อ PVC  เป็นต้น

เลื่อย

ในหลายกรณี ความแตกต่างที่แม่นยำระหว่างประเภทย่อยต่างๆเหล่านี้อาจมีความละเอียดอ่อน ถึงแม้ว่าการออกแบบเลื่อยจะแตกต่างกันและการใช้งานจริงอาจคล้ายกัน ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจเห็น เลื่อยไม้ ที่ออกแบบมาสำหรับการตัดไม้อย่างตรงไปตรงมา โดยระบุว่าเป็นใบเลื่อยที่ใช้กับงานประเภทไหน เลื่อยแบบต่างๆมีไว้สำหรับตัดรู ทางโค้ง และรูปทรงอื่นๆ ที่แม่นยำ และนอกจากนี้ เครื่องมือบางอย่างอาจถูกระบุโดยคุณลักษณะอื่นๆทั้งหมด เช่น ใบเลื่อยละเอียดหรือรุ่นที่ใช้งานหนัก เพื่อให้ง่ายขึ้นผมไปเจอเลื่อยยี่ห้อนึงมา นั่นก็คือ ZET-SAWS ที่เป็น เลื่อยญี่ปุ่น นั่นเองครับ ที่ระบุประเภทการใช้งานที่ชัดเจนทำให้คุณไม่งงในการเลือกใช้งานอย่างแน่นอน นอกจากนี้เอง เลื่อยมือ ยังจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทพื้นฐานอีกนั่นก็คือ เลื่อยยุโรปและเลื่อยญี่ปุ่น นั่นเอง

เลื่อย


TPI Guide (ฟันต่อนิ้ว)

ต่อมาผมจะพูดถึง เลื่อยมือที่มี TPI (ฟันต่อนิ้ว) กันนะครับ ถือว่าเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกซื้อ เลื่อยมือ สำหรับงานหรือวัสดุเฉพาะ อันที่จริงแล้ว TPI มักจะเป็นหนึ่งในความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดระหว่างเลื่อยมือประเภทต่างๆที่มีอยู่ในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ เพื่อให้ภาพรวมคร่าวๆของ TPI เป็นเรื่องง่ายๆ สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเลยก็คือ ยิ่งใบเลื่อยมีฟันต่อนิ้วมากเท่าไหร่ การตัดก็จะยิ่งละเอียดมากขึ้นและผลลัพธ์ที่ได้ก็จะยิ่งละเอียดมากขึ้นเท่านั้น จะพูดง่ายๆเลยก็คือ เลื่อยที่ออกแบบมาสำหรับงานละเอียด จะมีค่า TPI ที่สูงขึ้น โดยทั่วไปแล้วการนับ TPI ที่สูงมักนิยมใช้เมื่อทำงานกับไม้และโลหะที่บางกว่านั่นเองครับ

เลื่อย

เลื่อยมือ มีไว้สำหรับงานที่มีความแม่นยำไม่มากเป็นหลัก เช่น การตัดแต่งกิ่ง แผ่นตัด หรือแผ่นไม้ตัดแผ่นที่มีขนาดต่ำ โดยปกติแล้วจะมี TPI ที่ต่ำกว่า ในทำนองเดียวกันจำนวน TPI ต่ำมักจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับไม้ที่หนากว่า ไม้สด นั่นเอง แต่กลับกันกับเลื่อยที่ใช้สำหรับตัดโลหะและพลาสติก เพราะมักจะมีใบเลื่อย TPI ที่ค่อนข้างสูงเนื่องจากความต้องการทางกายภาพของวัสดุเหล่านั้น แต่ไม่ค่อยได้ใช้สำหรับงานที่มีรายละเอียดสักเท่าไหร่  TPI ของเลื่อยมือขั้นพื้นฐาน คุณจะพบผลิตภัณฑ์ที่จัดเรียงตามหมวดหมู่โดยประมาณต่อไปนี้

- ใบเลื่อยที่มีค่า TPI น้อยกว่า 7 มักจะเป็นเลื่อยฟันหยาบ

- ใบเลื่อยที่มีค่า TPI ระหว่าง 7-11 มักจะจัดอยู่ในประเภทเลื่อยฟันปานกลาง

- ใบเลื่อยที่มีค่า TPI 12 หรือมากกว่านั้นโดยทั่วไปจะระบุว่าเป็นใบเลื่อยฟันละเอียด

เลื่อย


การดูแลรักษา เลื่อย

เลื่อย

- เน้นยำว่าต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ เลื่อยของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หลังจากใช้งานเสร็จต้องเก็บให้แห้ง ดังนั้นเมื่อไม่ใช้งานให้เก็บไว้ที่ไม่มีความชื้น และมีที่กำบังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสนิม

- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีตะปูอยู่ในไม้ที่คุณกำลังตัด การตัดเป็นโลหะจะทำให้ใบเลื่อยทื่อเร็วมาก 

- ใช้กระดาษแข็งหรือปลอกพลาสติกที่ให้มาพร้อมกับเลื่อยมือของคุณ ให้วางเลื่อยไว้บนนั้นหรือใส่เข้ากลับที่เดิมตอนที่ไม่ได้ใช้งาน

- ใช้เลื่อยให้เหมาะกับประเภทงานเท่านั้น ถ้าหากคุณเผลอไปใช้เลื่อยไม้เพื่อตัดโลหะจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างแน่นอน


ผมหวังว่าคุณจะชอบคู่มือการซื้อของเราและได้เรียนรู้เพิ่มเติมอีกเล็กน้อยว่า เลื่อยมือ แต่ละประเภทใช้ทำอะไรแบบไหนที่เหมาะกับคุณ