เครื่องมือไฟฟ้า BOSCH กับความเป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยี และนวัตกรรมสุดล้ำ

Customers Also Purchased

ในยุคปัจจุบันเราต่างก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีของเครื่องมือไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดบ้าน ซ่อมแซมสิ่งของ หรือแม้กระทั่งงาน DIY ทั่วไป ที่จะคอยอำนวยความสะดวกให้คุณในเรื่องการทำงาน การแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่สามารถจะทำให้มันออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง 

แล้วคุณจะเลือกเครื่องมือไฟฟ้าอย่างไรล่ะ? มีหลายปัจจัยที่ต้องมองหา แต่อย่างแรกที่เราแนะนำเลยคือ ให้คุณมองหายี่ห้อที่เชื่อถือได้ก่อนเป็นอันดับแรก แล้วมันก็จะเกิดคำถามขึ้นมากอีกว่า แล้วยี่ห้อไหนดีล่ะ? เอาอย่างนี้เราจะบอกคุณให้เข้าใจง่ายๆเลย ถ้าคุณเองเป็นคนที่สนใจในเทคโนโลยีของเครื่องมือไฟฟ้าอยู่แล้ว หรือผู้ที่กำลังเริ่มต้นละก็ เราคิดว่าคุณต้องรู้จักเครื่องมือไฟฟ้าที่มีสีน้ำเงินโดดเด่นใช่ไหมล่ะครับ? เครื่องมือไฟฟ้านั่นก็คือ BOSCH นั่นเอง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ผสมผสานเข้ากับเครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH  ไม่ว่าจะเป็น สว่านไร้สาย เครื่องเจียร เครื่องดูดฝุ่น เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง และอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่ไม่มีใครเทียบได้ และที่สำคัญไม่ว่าคุณจะใช้งานประเภทไหน เครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH จะมอบการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการใช้งานของคุณได้อย่างแน่นอนครับ

มาพูดถึง BOSCH คร่าวๆกันก่อนนะครับ BOSCH นับเป็นบริษัท ชั้นนำทางด้านเทคโนโลยี ที่เป็นทั้งผู้ผลิตและจัดจำหน่ายระดับโลก โดยปัจจุบัน BOSCH มีพนักงานทั่วโลกถึง 395,000 คน และที่สำคัญ BOSCH สามารถสร้างยอดขายทั่วโลกได้ถึง 71.5 พันล้าน ยูโร หรือประมาณๆ 270,180,000,000 (สองแสนเจ็ดหมื่นล้านบาท) ในปี 2020 โดย แบ่งออกเป็น 4 ใหญ่ ดังนี้

- Mobility Solutions, 

- Industrial Technology

- Consumer Good

- Energy and Building Technology.

จุดเริ่มต้นก่อกำเนิดของ BOSCH

ต่อมาเราจะมาพูดถึงประวัติของ BOSCH ให้คุณรู้กันก่อนนะครับ BOSCH เริ่มก่อตั้งในปี 1886 ที่สนามหลังบ้านของนาย Robert Bosch (โรเบิร์ต บ๊อซ) ณ เมือง สตุทท์การ์ดต ในเยอรมัน สินค้าและบริการครั้งแรกของ BOSCH คือการทำงานด้านวิศวกรรมเครื่องกล และไฟฟ้าที่มีความแม่นยำ ที่สร้างเครื่องแมกนีโตแรงดันต่ำ สำหรับการจุดระเบิดเครื่องยนต์ในยุคนั้นนั่นเอง เราจะพาคุณย้อนอดีตว่า BOSCH มีจุดเริ่มต้นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นบ้างในประวัติศาสตร์ของ BOSCH กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง หากคุณพร้อมแล้วไปปอ่านบทความนี้พร้อมกับเราได้เลยครับ 

ปี 1906-1925 

เริ่มมาก็เหนื่อยเลย BOSCH ต้องเจอกับปัญหาซะแล้ว เนื่องจากจะต้องเจอเหตุการจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้ BOSCH ต้องเปลี่ยนแปลง และขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้น แต่ BOSCH ได้เปลี่ยนเกมทันด้วยการโฆษณาระบบจุดระเบิดแบบแมกนีโตลงในหนังสือพิมพ์ของสหรัฐฯ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าสิ่งนี้สามารถสร้างผลตอบรับได้มูลค่าถึงหนึ่งล้านดอลลาร์ 33,400,000 บาท (สามสิบสามล้านสี่แสนบาท) ให้กับ BOSCH ได้ และในปี 1906 ยิ่งไปกว่านั้นสามารถเพิ่มยอดขายเป็น 2 เท่าภายใน 1 ปี และธุรกิจของ BOSCH ในสหรัฐอเมริกานั่นเริ่มที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น จนมาถึงปี 1912 BOSCH ได้เริ่มผลิตผลิตภัณฑ์ในโรงงานของตัวเองในเมือง Springfield, Massachusetts (สปริงฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตส์) นั่นเอง และนอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว BOSCH ก็เริ่มมองหาตลาดอื่นๆเพิ่มเติมทั่วโลก ด้วยการที่เริ่มต้นในแอฟริกาใต้ตั้งแต่ปี 1906 ออสเตรเลียจากปี 1907 อาร์เจนตินาจากปี 1908 ประเทศจีนตั้งแต่ปี 1909 และญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1911 และเครือข่ายตัวแทนของ BOSCH ครอบคลุมทุกทวีปในปี 1913 ธุรกิจนอกประเทศเยอรมนีคิดเป็นร้อยละ 88% ของยอดขายของบริษัท

เมื่อรถยนต์กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยในชีวิตประจำวัน และต้องใช้ความเร็วสูงขึ้นเพื่อให้มีความปลอดภัยมากขึ้น BOSCH ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมขึ้นมาในปี 1913 -1914 นั่นก็คือ ไฟ นั่นเองครับ ซึ่งเป็นระบบไฟส่องสว่างที่ประกอบด้วยไฟหน้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ตัวควบคุม และแบตเตอรี่ที่สำหรับใช้ในตอนกลางคืนนั่นเอง ในการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914 ตลาดต่างประเทศทั้งหมดหายไปในชั่วข้ามคืน ทำให้การวิจัยและการพัฒนาต่างๆหยุดชะงักอย่างกระทันหัน และการผลิตเปลี่ยนไปใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ แทนที่จะใช้ระบบจุดระเบิดแบบแมกนีโตแบบเดิม แต่ BOSCH เองก็เริ่มผลิตเครื่องระเบิดมือแทนเหมือนกัน

เมื่อเราพูดถึง BOSCH คุณจะนึกถึงอะไรเป็นอันดับแรก? สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เลยก็คือ โลโก้ นั่นเองใช่ไหมล่ะครับ? สำนักงานขายและเครื่องหมายการค้าได้รับการจัดสรรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 BOSCH มักเป็นที่รู้จักกันดีในการโฆษณา และเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน หัวหน้านักประดิษฐ์ Gottlob Honold จึงได้ออกแบบโลโก้เป็นสมอเรือในวงกลมในปี 1918 นั่นเอง และยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง 

ต่อมาหลังสิ้นสุดสงคราม ในปี 1917 BOSCH ได้เผชิญกับความท้าทายมากมาย การกลับมาสู่ตลาดโลกถูกขัดขวางจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และสิทธิบัตรของมันถูกเพิกถอน แต่การยอมแพ้ไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป ผู้ติดต่อการค้าเก่าได้รับการฟื้นฟูขึ้นมากขึ้น และในเวลานั้นเองก็มีตลาดใหม่เกิดขึ้นอีก ในขณะเดียวกันเองนั้น BOSCH ก็เน้นไปที่ทักษะหลัก และความกระหายในนวัตกรรม กิจกรรมที่ถูกขัดจังหวะด้วยสงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว ความปลอดภัยในการจราจรบนถนนที่คับคั่งมากขึ้นกลายเป็นแรงผลักดันให้นักวิจัยและนักพัฒนาของ BOSCH เริ่มคิดค้นไฟรถจักรยานยนต์ และจักรยาน แตร ที่บีบแตร ที่ปัดน้ำฝน และการจุดระเบิดด้วยแบตเตอรี่ได้ถูกเพิ่มเข้าไปในกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายในปี 1926 นั่นเอง เป็นที่ชัดเจนว่าการแข่งขันนั้นสอดคล้องกับคุณภาพของในขณะเดียวกันเองก็สามารถที่จะผลิตได้เร็วขึ้นแถมยังถูกกว่าอีกด้วย เหตุผลหนึ่งคือสายการผลิต เริ่มตั้งแต่ปี 1925 เป็นต้นมา ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้เวลากว่า 50 วันในการผลิตระบบจุดระเบิดแบบแมกนีโตแบบสมบูรณ์ แต่การผลิตในสายการประกอบลดลงเหลือเพียง 5 วันเท่านั้นเอง 


ปี 1926 - 1945

ต่อมา BOSCH ได้จัดการกับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และสังคมนิยมแห่งชาติด้วยจุดแข็ง และความอดทนที่เป็นนวัตกรรมจนกระทั่งเริ่มเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ BOSCH เกิดความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง หลายปีของการผลิตในปี 1927 นวัตกรรมได้เกิดขึ้นซึ่งจะคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือปั๊มฉีดดีเซล ด้วยเหตุผลนี้คือปฏิกิริยาของ BOSCH ต่อการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลต่อไป ซึ่งแตกต่างจากเครื่องยนต์เบนซิน ที่ไม่ต้องการการจุดไฟแบบแมกนีโต และเริ่มแรกจะใช้ในรถบรรทุกเท่านั้น ปั๊มฉีดดีเซลเครื่องแรกสำหรับรถยนต์ออกสู่ตลาดในปี 1936

วิกฤตครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมนีก้มาถึง ทำให้การผลิตและจัดจำหน่ายยานยนต์ของ BOSCH เริ่มคิดทบทวนกลุ่มผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ปี 1926 เป็นต้นไป สิ่งนี้เป็นสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการผสมผสานของกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในอดีต นั่นก็คือ การปรับปรุงผลิตภัณฑ์และพัฒนาไปสู่ขั้นตอนการผลิตแบบอนุกรม เช่นเดียวกับเครื่องมือไฟฟ้า และเทคโนโลยีเทอร์โมที่ควบคู่ไปกับความพยายามใหม่ทั้งหมด เช่น เทคโนโลยีวิทยุ และโทรทัศน์ เกือบ 10 ปีหลังจากสิ้นสุดสงครามโลก ยอดขายจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 34% ของยอดทั้งหมดเท่านั้น ต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้นและอุปสรรคทางศุลกากรทำให้ BOSCH ลองใช้ทางเลือกอื่น ในฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และอิตาลี เริ่มการค้นหาคู่ค้าสำหรับการผลิตในท้องถิ่น และในบริษัทคู่ค้าในออสเตรเลีย และญี่ปุ่นที่ผลิตผลิตภัณฑ์ภายใต้ใบอนุญาตของ BOSCH ภายในปี 1932 ยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 55%

เมื่อพรรคสังคมนิยมแห่งชาติเข้ายึดอำนาจ สิ่งนี้ทำให้ BOSCH พบกับความท้าทายที่สำคัญ ระบอบการปกครองสั่งการวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีการฉีดน้ำมันเบนซินสำหรับเครื่องยนต์อากาศยาน และเริ่มการก่อสร้างโรงงานใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีโทรทัศน์ได้กลายเป็นจุดสนใจของทหาร ยอดขายในต่างประเทศของบริษัทแตะระดับต่ำสุดที่ร้อยละ 9 ในปี 1939

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้น BOSCH ได้เปลี่ยนการดำเนินงานเป็นการผลิตทางการทหารอีกครั้ง กองทัพใช้เครื่องยนต์อย่างหนักจนกิจกรรมยานยนต์ของ BOSCH สามารถดำเนินต่อไปได้ เช่นเดียวกับในอุตสาหกรรมของเยอรมนี แต่ในทางกลับกัน ฝ่ายบริหารของ BOSCH สนับสนุนการต่อต้านระบอบสังคมนิยมแห่งชาติอย่างแข็งขัน แก่นแท้ของมันคือ Carl Friedrich Goerdeler (คาร์ล ฟรีดริช เกอร์เดเลอร์) ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของบริษัท ในช่วงสงคราม ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ทิ้งระเบิดโรงงานผลิตของ BOSCH ซ้ำแล้วซ้ำเล่า Robert Bosch (โรเบิร์ต บ๊อซ) จะไม่ได้เห็นโรงงานบางส่วนของเขาถูกทำลายลง เพราะเขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 1942 มีอายุได้ 80 ปี


ปี 1946-1959

เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 BOSCH ได้เสียสถานที่ปฏิบัติงานระหว่างประเทศไปเป็นครั้งที่ 2  โรงงานผลิตชิ้นส่วนขนาดใหญ่ทรุดโทรม และพังลง 2 ทศวรรษต่อมาได้มีการสร้างใหม่ขึ้นมา แต่ยังรวมถึงการควบคุมสายธุรกิจใหม่ด้วย ภายในปี 1945 โรงงานของ BOSCH ในเยอรมนีมากกว่า 50% ถูกทำลายโดยระเบิดของฝ่ายพันธมิตร บทบาทหลักในฐานะผู้จัดหายานพาหนะทางทหารในช่วงสงครามทำให้ BOSCH เป็นเป้าหมายในเชิงกลยุทธ์ ตอนนี้บริษัทต้องเคลียร์ สร้าง และสร้างงานให้กับผู้ร่วมงาน ต่อมา BOSCH จึงกลับไปอีกครั้งโดยการผลิตหม้อหุงต้มจากหมวกเหล็ก รถลากจูง และร่มในซากปรักหักพังของโรงงาน ที่สามารถใช้เครื่องใช้เหล่านี้มา หรือแลกเปลี่ยนกับสิ่งจำเป็นอื่นๆ ผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นอย่างแรกก็คือหัวเทียน สำหรับยานพาหนะทางทหารของฝ่ายสัมพันธมิตร

Robert Bosch (โรเบิร์ต บ๊อซ) เสียชีวิตในปี 1942 ผู้บริหารจัดการที่ดินของเขาได้สร้างบริษัทขึ้นใหม่ตามพินัยกรรมของเขาหลังปี 1945 เป้าหมายคือเพื่อสร้างผลกำไร แต่ยังรวมถึงช่องทางที่ส่วนเกินนี้บางส่วนไปสู่การกุศล Hans Walz บริหารบริษัทในฐานะผู้สืบทอดผู้ก่อตั้งจนถึงในปี 1963 

ความทะเยอทะยานของพรรคสังคมนิยมแห่งชาติที่มีต่ออำนาจโลกนั้นสำเร็จได้ด้วยความช่วยเหลือจากบริษัทเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุให้ฝ่ายสัมพันธมิตรพยายามสลายหลายๆบริษัทในเยอรมัน รวมถึง BOSCH อีกด้วย อย่างไรก็ตาม BOSCH ได้เติบโตขึ้นในกระบวนการผลิต ซึ่งหมายความว่าแต่ละชิ้นส่วนไม่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง แต่ในท้ายที่สุดแล้ว BOSCH ก็ยังไม่เสียหาย ใช้คำว่าเกือบละกัน ถึงแม้ว่าจะต้องเปิดเผยสิทธิบัตรของตัวเองเพื่อให้คู่แข่งทั้งหมดใช้ก็ตาม 

ก่อนที่ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จะเข้ายึดอำนาจ ทำให้ยอดขายของ BOSCH มากกว่าร้อยละ 50 มาจากธุรกิจระหว่างประเทศ แต่หลังจากปี 1945 มูลค่าทั้งหมดเกือบเป็นศูนย์ และทรัพย์สินระหว่างประเทศของบริษัทก็ถูกเวนคืนไปหมด ด้วยความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรที่มีมายาวนาน และเนื่องจากตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศต่างๆ เช่น บราซิลและอินเดีย การสร้างเครือข่ายทั่วโลกจึงค่อยๆ ลดลง เช่นเดียวกัน จะใช้เวลานานไปจนถึงปี 1960 กว่าที่ยอดขายในต่างประเทศจะเกิน 20% อีกครั้งนึง 

ในช่วงต้นทศวรรษ 1950 BOSCH ได้นำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดอีกครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจของเยอรมนี และยุโรป ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในช่วงเวลาที่ยากลำบากใกล้เข้ามาได้ ยกตัวอย่างคือ เครื่องใช้ในครัวเรือน และสว่านไฟฟ้า เทคโนโลยีที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ของ BOSCH จำนวนมากยังคงเกิดขึ้นจากยุคก่อนสงคราม แต่จะต้องใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ การฉีดน้ำมันเบนซินซึ่ง BOSCH ได้พัฒนาขึ้นสำหรับเครื่องยนต์และอากาศยาน ปรากฏว่าเป็นนวัตกรรมในรถยนต์เมื่อต้นทศวรรษ 1950 แม้ว่าจะต้องใช้เวลาหลายทศวรรษกว่าจะถือว่าเป็นมาตรฐาน

และในเวลาต่อมา BOSCH ได้เริ่มพัฒนาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในช่วงกลางปี 1950 อย่างแรกคือ "ตัวแปร" ซึ่ง เริ่มผลิตในปี 1958 ทรานซิสเตอร์ (เป็นอุปกรณ์ที่พัฒนาจากไดโอด) ตามมาและจากวงจรรวมในปี 1970 เมื่อถูกมองอย่างวิพากษ์วิจารณ์แบบคาใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็มีการพัฒนาอย่างกระตือรือร้นโดยผู้สนับสนุน และซึ่งปัจจุบันเป็นธุรกิจหลักของ BOSCH อีกด้วย


ปี 1960 -1989

ในช่วงทศวรรษที่ 1960 - 1980 มีการเปลี่ยนแปลงของ BOSCH เกิดขึ้น โดยเปลี่ยนให้กลายเป็น กลุ่มที่มีความหลากหลายด้วยแผนกที่จัดการด้วยตนเอง บริษัทระดับโลก และผู้นำตลาดด้านอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์นั่นเอง ในระหว่างปี 1950 - 1960 จำนวนพนักงานของ BOSCH เพิ่มขึ้นจาก 15,000 คน เป็น 70,000 คนอย่างรวดเร็ว โครงสร้างแบบรวมศูนย์ขององค์กรขนาดกลางไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว ดังนั้นในปี 1960 สาขาธุรกิจจึงค่อยๆมีความเป็นอิสระมากขึ้น โดยเริ่มจากแผนกเครื่องมือไฟฟ้า ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู และมีการจ้างงานเต็มอัตรา BOSCH ได้เข้าซื้อกิจการในภาคส่วนอื่นๆ และพนักงานหลายพันคนเริ่มที่จะได้รับการอบรมขึ้นใหม่ เพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในตลาดที่สำคัญที่สุดสำหรับ BOSCH ในขณะนั้น ซึ่งเป็นยุโรปตะวันตกจะเฟื่องฟู แต่การขับเคลื่อนการกระจายความเสี่ยงไปยังภาคส่วนอื่นๆ ก็ยังมีความสำคัญ หลังจากย้ายเข้าสู่ระบบไฮดรอลิกเคลื่อนที่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ และเทคโนโลยีวิทยุในปี 1950 BOSCH ได้เข้าซื้อกิจการบริษัทเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ในปี 1963

BOSCH ได้รวบรวมทรัพยากรด้านการวิจัย และพัฒนาในศูนย์วิจัยแห่งใหม่ในปี 1968 ความพยายามร่วมกันนี้จำเป็นต่อการกระตุ้นแนวคิดที่ BOSCH ได้เปลี่ยนมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งทำให้ได้เปรียบในการแข่งขัน ตั้งแต่กลางทศวรรษ 1960 สถาบันวิจัยของ BOSCH เองก็เน้นโครงการพิเศษ ความมุ่งมั่นของนักวิจัยและผู้จัดการในการเปลี่ยนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้กลายเป็นแกนหลักของบริษัทเริ่มมีผลตอบแทนมาตั้งแต่ปี 1970 ได้หล่อหลอมความสำเร็จของบริษัททั้งหมดจนมาถึงทุกวันนี้

BOSCH เริ่มต้นใหม่ในสหรัฐอเมริกาและเอเชีย แต่ในสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก BOSCH ใช้เวลาจนถึงปี 1983 ในการคืนสิทธิ์การใช้งานเต็มรูปแบบสำหรับแบรนด์ของตัวเอง วิธีนี้ช่วยให้บริษัทสามารถฟื้นความสำเร็จในการขายในอดีตได้ ส่วนในเอเชีย BOSCH ได้จัดตั้งบริษัทในลักษณะพิเศษ ผลิตสินค้าคุณภาพสูง เช่น เทคโนโลยีการถ่ายภาพและวิดีโอ อย่างประหยัดต้นทุนในประเทศต่างๆ เช่น มาเลเซีย และนอกจากนี้เองยังก่อตั้งบริษัทร่วมทุนในตลาดสำคัญๆ เช่น ประเทศญี่ปุ่น BOSCH เริ่มผลิตหัวฉีดน้ำมันเบนซินอิเล็กทรอนิกส์ที่นั่นในปี 1973 และระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ในปี 1984 อีกด้วย

ในช่วงต้นของทศวรรษ 1980 BOSCH ได้เข้าสู่ธุรกิจโทรคมนาคม และเริ่มสร้างเทคโนโลยีสำหรับดาวเทียมอวกาศ และโทรศัพท์มือถือ และใช้เครือข่ายโทรคมนาคมของภาครัฐและเอกชน หลังจากสองทศวรรษที่ประสบความสำเร็จในภาคส่วนนี้ ซึ่งสร้างยอดขายได้ถึงร้อยละ 25 ของบริษัท การพัฒนาที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้ BOSCH ถอนตัวจากหลายส่วน แผนกระบบรักษาความปลอดภัยยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป และยังคงประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้


ตั้งแต่ 1990

ในเอเชียให้ตลาดใหม่ และซอฟต์แวร์เปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับ BOSCH ในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมาได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ซึ่งบริษัทต้องเผชิญโดยตรง การล่มสลายของสนธิสัญญาวอร์ซอ และการเปิดยุโรปตะวันออก เป็นการประกาศศักราชใหม่ของ BOSCH ภายในปี 1994 มีบริษัทเป็นของตัวเองใน 13 ประเทศของอดีตกลุ่มตะวันออก BOSCH ได้เปิดโรงงานผลิตใน Jihlava และ České Budějovice ในสาธารณรัฐเช็ก, Wrocław ในโปแลนด์, Miskolc และ Hatvan ในฮังการี และ Engels และ Samara ในสหพันธรัฐรัสเซีย ส่วนแบ่งการขายที่เกิดขึ้นนอกเยอรมนีเพิ่มขึ้นจาก 51% ในปี 1990 เป็นประมาณ 72% ในปี 2000 นั่นเอง

ส่วนในอินเดีย ญี่ปุ่น และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ BOSCH อยู่มาเป็นเวลานานหรือไม่ก็ยุ่งกับการตั้งหลักในตลาดเกิดใหม่ แต่เป็นการเปิดตลาดจีนอย่างค่อยเป็นค่อยไปซึ่งเป็นที่สนใจในเชิงกลยุทธ์มากที่สุด จนถึงปี 1994 บริษัท BOSCH แห่งเดียวในประเทศจีนที่อยู่ในรูปแบบของใบอนุญาต และสำนักงานตัวแทนในกรุงปักกิ่งซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1989 หลังจากนั้น BOSCH ก็สามารถตั้งหลักในฐานะผู้ผลิตระดับภูมิภาคในตลาดนี้ได้เช่นกัน


จุดเริ่มต้น เครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH

เครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH เช่น สว่านกระแทก ไขควงไร้สาย และจิ๊กซอว์ กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายที่ยังรวมถึงอุปกรณ์ทำสวนพวก เครื่องตัดหญ้า เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง หนึ่งในเครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH ที่มักเป็นที่พูดถึงมากที่สุดคือ กลุ่มเครื่องมือไร้สายที่มีประสิทธิภาพสูง และพกพาได้สะดวก

ถ้าหากจะพูดถึงเครื่องมือไฟฟ้าเครื่องแรกจาก BOSCH คุณคิดว่าคืออะไร? สิ่งนั้นก็คือ FORFEX (ปัตตาเลี่ยน) นั่นเอง ที่เกิดขึ้นในปี 1928 ที่มีมอเตอร์ในตัวที่ด้ามจับ แต่ก่อนหน้านี้ เครื่องมือไฟฟ้าส่วนใหญ่จะทำงานด้วยสายพานขนาดใหญ่ และมอเตอร์แบบอยู่กับที่ แต่ในทางกลับกันกับ FORFEX (ปัตตาเลี่ยน) เป็นเครื่องมือไฟฟ้าที่สะดวก และกะทัดรัด ต่อมาได้นำ FORFEX (ปัตตาเลี่ยน) มาสู่ขั้นตอนการพัฒนาเพิ่มเติม ละก็ได้แนวคิดเหล่านี้ในปีต่อๆมา เพื่อสร้าง ไขควงไฟฟ้า สว่านเครื่องแรก BOSCH ใช้โรงงานผลิตในโรงงานของตัวเองเป็นสถานที่ทดสอบนั่นเอง 

ในช่วงทศวรรษ 1950 ผู้คนเริ่มมีความสนใจในงานฝีมืองาน DIY เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเครื่องมือหลักที่ผู้คนมักใช้งานกันก็คือ สว่านไฟฟ้า สว่านไร้สาย ที่สามารถใช้งานกับอุปกรณ์เสริมสำหรับการเจาะ ขัด ที่ได้รับการพัฒนาไม่กี่ปีก่อนนี้ เป็นสว่านเจาะกระแทกที่ BOSCH ได้รับสิทธิบัตรในปี 1930 และหลังจากนั้นก็ปรับกลไกลต่างๆ การตอกด้วยไฟฟ้าและนิวเมติก ช่วยให้เจาะได้นุ่มนวลขึ้น และมีแรงสั่นสะเทือนน้อยลง ที่สามารถเจาะผ่านคอนกรีตได้อย่างง่ายดาย คุณจะเป็นเครื่องมือไฟฟ้านี้ตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา

50 ปี เครื่องมือไร้สายของ BOSCH

รามาพูดต่อกันกับเครื่องมือไฟฟ้าไร้สายกัน BOSCH ได้เปิดตัวเครื่องมือไฟฟ้าไร้สายเครื่องแรกออกสู่สายตาชาวโลกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เครื่องเล็มหญ้า และสว่านที่มาพร้อมแบตเตอรี่สำหรับห้อยไว้บนไหล่ แบตเตอรี่ซึ่งเป็นเจลแบตเตอรี่ตะกั่ว 12V. ที่ในปัจจุบันทำให้คุณนึกถึงแบตเตอรี่รถยนต์ แถมยังมีน้ำหนักถึง 5.5 กิโลกรัม ในปี 1969 เครื่องเล็มหญ้าที่มาพร้อมใช้งานเป็นเวลา 1 ชั่วโมงเต็ม เป็นไปได้ที่คุณจะใช้งานตัดรั้วที่มีความยาวประมาณ 20 เมตรได้ แต่หลังจากนั้นคุณจะต้องชาร์จแบตเตอรี่เป็นระยะเวลานานถึง 6 - 8 ชั่วโมง เลยทีเดียว ต่อมา BOSCH ได้มีการพัฒนาเครื่องมือไฟฟ้าไร้สายจำนวนมาก มีความเชี่ยวชาญในด้านแบตเตอรี่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของนวัตกรรมในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา BOSCH กำลังกำหนดรูปแบบการพัฒนาทางเทคนิคของอุตสาหกรรม และดำเนินงานบุกเบิกอย่างต่อเนื่อง

BOSCH ได้ขยายความเชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง และไม่ถึง 5 ปีต่อมา BOSCH ก็ได้เปิดตัวเครื่องตัดหญ้า ซึ่งเป็นเครื่องมือแรกที่มีแบตเตอรี่ในตัวนั่นเอง เครื่องตัดหญ้ามีความกว้างในการตัด 80 มม. และสามารถตัดขอบสนามหญ้า พื้นที่หญ้าขนาดเล็ก และพุ่มไม้ประดับได้ประมาณ 45 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง BOSCH ใช้เทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ใหม่เป็นครั้งแรก  เครื่องตัดหญ้าทำงานโดยใช้แบตเตอรี่แห้งที่มีเซลล์นิกเกิล แคดเมียมสี่เซลล์ ข้อได้เปรียบหลักของแบตเตอรี่นี้มีความหนาแน่นของพลังงานสูง และอายุการใช้งานยาวนานขึ้น แถมยังสามารถชาร์จได้เป็นร้อยครั้ง ได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้งานจำนวนมาก เครื่องตัดหญ้าไร้สายจาก BOSCH เป็นผู้นำในการพัฒนาตลาดเครื่องมือไฟฟ้า และเครื่องมือทำสวนแบบไร้สายในประเทศเยอรมนีเป็นครั้งแรกในปี 1974 

ต่อมาในปี 1984 ของ BOSCH ด้วยสว่านกระแทกไร้สายระดับมืออาชีพเครื่องแรกของโลก GBH 24V. ด้วยการนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่มาสู่สว่านกระแทกนั่นเอง BOSCH สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้มืออาชีพ และยังคงขยายตำแหน่งในฐานะผู้บุกเบิกแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง สว่านกระแทกไร้สายเป็นวิธีเดียวในการทำงาน ที่ต้องอยู่ห่างไกลจากแหล่งจ่ายไฟ ยกตัวอย่างเช่น ระหว่างงานติดตั้งในอุตสาหกรรมก่อสร้าง การใช้งานนั่งร้านจำเป็นต้องใช้เครื่องมือไร้สายเพื่อเจาะรูในผนังให้สูงขึ้น และในขณะเดียวกันเองช่างไฟก็จำเป็นต้องใช้เพื่อติดเสาอากาศ และสายล่อฟ้าในที่สูง GBH 24V. จะตอบโจทย์ที่สามารถช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานได้ และในขณะที่ยังคงประสิทธิภาพเหมือนเดิม พื้นฐานของสิ่งนี้คือแบตเตอรี่แห้งที่ประกอบด้วยเซลล์นิกเกิล แคดเมียม 20 เซลล์ ซึ่งมีความต้านทานภายในต่ำกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปมากกว่า 1 ใน 3 ดังนั้นจึงรับประกันประสิทธิภาพในระดับสูง และด้วยการชาร์จแบตเตอรี่เพียงครั้งเดียว จะสามารถเจาะได้มากกว่า 60 รูนั่นเอง 

ปี 1998 มีชุดสว่านไร้สายที่เป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับมืออาชีพตามมาด้วย 2 รุ่นที่มี 14.4V. และ 12V. ที่ใช้เทคโนโลยี ชุดแบตเตอรี่ที่ทำจากนิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ที่มีขนาดกะทัดรัด และเบากว่าแบตเตอรี่นิกเกิลแคดเมียมทั่วไปเป็นอย่างมาก แถมมีความจุที่มากกว่าอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น แบตเตอรี่ 2.0 Ah ที่มีเทคโนโลยีนิกเกิลเมทัลไฮไดรด์มีความจุเท่ากับแบตเตอรี่ 2.0 Ah ที่มีเทคโนโลยีนิกเกิลแคดเมียม แต่เบากว่า 20 % และเล็กกว่าประมาณ 1 ใน 3 ของตัวแบตเตอรี่

ต่อมาในปี 2003 เครื่องมือไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนได้เริ่มต้นขึ้น นั่นคือไขควงไร้สาย IXO เครื่องมือไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกมียอดขายมากกว่า 18 ล้านครั้ง ด้วยเทคโนโลยีลิเธียมไอออน ซึ่งในขณะนั้นรู้จักกันในโทรศัพท์มือถือเท่านั้นเอง ไขควงไร้สาย IXO ก็พร้อมใช้งานเสมอ พลังงานส่วนใหญ่จึงยังคงใช้ได้แม้หลังจากผ่านไปประมาน 1 ปีโดยไม่ได้ใช้งาน และไม่มีการสูญเสียพลังงาน ในระหว่างการชาร์จ เซลล์แบตเตอรี่ยังเบากว่าเซลล์นิกเกิล แคดเมียมทั่วไปถึง 40 % ไขควงไร้สาย IXO มีน้ำหนักเบาเพียง 300 กรัมเท่านั้น ในปัจจุบันแบตเตอรี่เริ่มมีขนาดกะทัดรัดขึ้นเรื่อยๆ และในขณะเดียวกันเองนั้นในตัวแบตเตอรี่เองก็มีพลังมากขึ้นอีกด้วย ทุกวันนี้พวกเขาขับเคลื่อนเครื่องมือประสิทธิภาพสูงใหม่ๆ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องมือ BITURBO สำหรับมืออาชีพ นวัตกรรมเช่น BITURBO จะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจของเรา Henk Becker ได้กล่าวเน้นย้ำถึงแนวโน้มที่มีต่อเครื่องมือที่มีขนาดเล็กลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรากำลังขยายระบบไร้สายของเราอย่างต่อเนื่องเพื่อนำเสนอผู้ใช้ด้วยความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมายาวนานกว่า 50 ปีในด้านแบตเตอรี่ รวมถึงนวัตกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้อย่างดีเยี่ยมนั่นเอง


บริษัทเครื่องมือในเครือของ BOSCH

BOSCH เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชั้นนำระดับโลกด้านเทคโนโลยีและบริการ BOSCH มีบริษัทในเครือมากกว่า 350 แห่ง และบริษัทในระดับภูมิภาคในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก หากรวมพันธมิตรด้านการขาย และการบริการ BOSCH จะมีตัวแทนอยู่ใน 150 ประเทศโดยประมาณ เครือข่ายการพัฒนา การผลิต และการขายทั่วโลกนี้เป็นรากฐานสำหรับการเติบโตต่อไป ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมด BOSCH ยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการจัดหาการทำงานที่เป็นนวัตกรรมใหม่และเป็นประโยชน์  นอกจากเครื่องมือไฟฟ้าแล้ว BOSCH ยังเน้นที่ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ในบ้าน อิเล็กทรอนิกส์ ระบบรักษาความปลอดภัยและอื่นๆ เครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH มุ่งเน้นที่เครื่องมือไร้สายประสิทธิภาพสูง นอกเหนือจากการขายภายใต้แบรนด์ BOSCH ที่เป็นของตัวเองแล้ว บริษัทยังเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องมือไฟฟ้าดังต่อไปนี้

Freud & DIABLO

FREUD GROUP เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ใบเลื่อยวงเดือน และหัวกัด ระดับโลกที่สำหรับช่างไม้ผู้ใช้มืออาชีพ ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือผู้ใช้งาน DIY พวกเขาผลิตภายใต้แบรนด์ FREUD และ DIABIO ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นใน 4 แห่งทั่วเมืองอูดิเนทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี ในด้านกิจกรรมนี้ บริษัทมีพนักงานประมาณ 580 คนทั่วโลก และสร้างยอดขายได้  (ราวๆ 3,800,000,000 กว่าบาท) ในปี 2007

Bosch Power Tools ได้เข้าซื้อกิจการส่วนหนึ่งของ FREUD GROUP โดยเฉพาะธุรกิจอุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องมือไฟฟ้านั่นเอง ในธุรกิจอุปกรณ์เสริม BOSCH ได้วางแผนเข้าซื้อกิจการโรงงานผลิตของ FREUD GROUP 4 แห่งในอิตาลี รวมทั้งบริษัทที่ขายในอเมริกาเหนือ จีน อิตาลี และสหราชอาณาจักร BOSCH รู้สึกว่าธุรกิจอุปกรณ์เสริมเครื่องมือไฟฟ้าของ FREUD เป็นธุรกิจในภูมิภาค และเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ BOSCH และกลุ่มผลิตภัณฑ์ปอซโซจะยังคงมีส่วนร่วมในธุรกิจนี้ต่อไปหลังการซื้อกิจการของ BOSCH ไปแล้วนั่นเอง 

ด้วยการซื้อกิจการนี้ BOSCH ได้เพิ่มอุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องมือไฟฟ้าที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบเลื่อยตัดองศา FREUD ใบเลื่อยวงเดือน และดอกเร้าเตอร์ประสิทธิภาพสูง ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงอุปกรณ์เสริมของ DIABIO เนื่องจาก BOSCH เข้าซื้อกิจการ FREUD ข้อตกลงดังกล่าวควรส่งผลให้เกิดเทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกันที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้ง 2 ยี่ห้อบริษัทตกลงที่จะไม่เปิดเผยราคาซื้อ


DREMEL

เริ่มต้นในปี 1932 ด้วยการเปิดตัวเครื่องมืออเนกประสงค์ตัวแรกโดยผู้ก่อตั้งบริษัท A.J. Dremel. และทาง DREMEL ได้เข้าร่วมกับ BOSCH ตั้งแต่ปี 1993 DREMEL เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ BOSCH ที่รักษาคุณภาพที่ดี และประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นงาน DIY หรือมืออาชีพ ก็สามารถหาเครื่องมือที่ใช่ที่ต้องการได้ DREMEL ตอนนี้เมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย รวมทั้งเครื่องมือโรตารี่ Saw-Max, Multi-Max และอื่นๆอีกมากมาย การใช้งานรวมถึงการตัด การเจียร การทำความสะอาด การขัด ฯลฯ ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการจัดจำหน่ายเครื่องมือชั้นนำของโลกอย่าง DREMEL ได้นำเสนอการใช้งานที่สมบูรณ์แบบและยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยให้มีประสิทธิภาพพลังงาน ความแม่นยำ และความมั่นใจมากขึ้นในการเปลี่ยนวิสัยทัศน์ให้เป็นจริงมากขึ้น


ROTO ZIP

ROTO ZIP ก่อตั้งขึ้นในปี 1972 เมื่อผู้รับเหมามืออาชีพตัดสินใจว่าจะต้องมีวิธีที่ดีกว่าในการตัด ผนังเขามุ่งมั่นที่จะสร้างระบบเครื่องมือ และอุปกรณ์เสริมเพื่อประหยัดเวลาและเงิน ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงผลลัพธ์ตั้งแต่นั้นมา ROTO ZIP ได้สานต่อวิสัยทัศน์เดียวกันนี้ในการปรับปรุงวิธีที่มืออาชีพตัดวัสดุที่ยากออกจากไซต์งาน เราภูมิใจเสนออุปกรณ์เสริมที่มีประสิทธิภาพสูง และเครื่องมือสำหรับตัดวัสดุได้หลากหลาย ตั้งแต่ผนังซึ่ไปจนถึงกระเบื้องผนังเซรามิก หรือแม้แต่กระเบื้องปูพื้น

ต่อมาทาง Robert Bosch (โรเบิร์ต บ๊อซ) ได้ประกาศว่าบรรลุข้อตกลงกับเจ้าของ ROTO ZIP TOOL CORP และเข้าซื้อกิจการ ROTO ZIP ในปี 2003 เรียบร้อยแล้ว จากนั้น BOSCH ได้รับความชื่นชมมาอย่างยาวนานสำหรับเครื่องมือที่ออกแบบมาอย่างดี ที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมขั้นสูงสำหรับมืออาชีพ กลุ่มผลิตภัณฑ์ ROTO ZIP ใหม่ยังคงดำเนินต่อไปด้วยรากฐานที่ก่อตั้งขึ้น และในการทำงานได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ในขณะที่เพิ่มวิศวกรรม และประสิทธิภาพที่เหนือชั้น


VERMONT AMERICAN

BOSCH GROUP OF GERMANY ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมของ VERMONT AMERICAN CORP ประกาศว่าจะเข้าซื้อกิจการของ EMERSON ELECTRIC Co. ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องมือไฟฟ้า และอุปกรณ์สนามหญ้า โดยที่เงื่อนไขไม่ได้รับการเปิดเผย BOSCH และ Emerson ในเซนต์หลุยส์เป็นเจ้าของบริษัท VERMONT AMERICAN ซึ่งจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนกเครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH ตั้งแต่ปี 1990


CST/Berger

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน BOSCH GROUP ได้ประกาศว่าได้บรรลุข้อตกลงเพื่อซื้อ CST/Berger จากพอร์ตโฟลิโอของ The Stanley Works ทั้งสองฝ่ายต่างคาดหวังให้การทำธุรกรรมเสร็จสิ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับกฎระเบียบ และการอนุมัติอื่นๆ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า กลุ่ม BOSCH เป็นผู้ผลิต และจัดจำหน่าย ชั้นนำด้านเทคโนโลยียานยนต์ และอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค และเทคโนโลยีอาคาร ด้วยยอดขาย 63.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปีงบประมาณ 2007 และพนักงานกว่า 271,000 คนทั่วโลก การเข้าซื้อกิจการ CST/Berger โดยแผนกเครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH จะสร้างธุรกิจเครื่องมือที่จะช่วยให้เราเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งหมด และการเป็นเจ้าของใหม่ในครั้งนี้จะเป็นโอกาสในการขยายยี่ห้อที่สำคัญ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่กว้างมากขึ้นนั่นเอง


เครื่องมือไฟฟ้า BOSCH ในประเทศไทย

BOSCH ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2466 ปัจจุบัน BOSCH สร้างความหลากหลายในธุรกิจถึง 4 ด้าน ได้แก่ โซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อน เทคโนโลยีอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค และเทคโนโลยีพลังงาน และอาคารนั่นเอง บริษัทมีโรงงานผลิตในธุรกิจโซลูชั่นส์แห่งการขับเคลื่อนถึง 2 แห่ง และพร้อมทั้งศูนย์วิจัย และพัฒนาเตรื่องมือ ทั้งสำนักงานขาย และศูนย์บริการสำหรับอุปกรณ์ไฮดรอลิก และเครื่องจักรในจังหวัดระยอง ในปีที่ผ่านมา ในประเทศไทย BOSCH มีพนักงานมากกว่า 1,500 คนแล้วและก็จะเพิ่มขึ้นอีกในทุกๆปี

BOSCH HEAVY DUTY

BOSCH ได้เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องมือไฟฟ้า และอุปกรณ์เสริมชั้นนำ ที่มีคุณภาพและ ความทนทานที่เหนือกว่า ที่มาพร้อมกับความน่าเชื่อถือ และประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยตัวผลิตภัณฑ์ของ BOSCH HEAVY DUTY ที่เกิดจาก เทคโนโลยีและนวัตกรรม พลัง และความทนทานโดยเฉพาะ

คุณเคยสังเกตไหมว่า BOSCH มีเครื่องมือไฟฟ้าอยู่ 2 แบบที่มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หากคุณสังเกตโลโก้ที่มีคำว่า HEAVY DUTY ที่ตัวกล่องเครื่องมือไฟฟ้าของ  BOSCH ถ้าหากมีโลโก้นี้อยู่ แสดงว่าเครื่องมือไฟฟ้านี้มีพลัง ประสิทธิภาพ และความแข็งแกร่ง BOSCH HEAVY DUTY เกิดจากพลังแห่งนวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อความทนทานโดยเฉพาะ จึงทำให้หมาะสำหรับการใช้งานแบบมืออาชีพ หรือการใช้งานหนักนั่นเอง และในส่วนเครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH ที่ไม่มีสัญลักษณ์ HEAVY DUTY อยู่หน้ากล่องเครื่องมือไฟฟ้า ก็จะเหมาะกับผู้ใช้งาน DIY ทั่วไป ที่ใช้งานประกอบเฟอร์นิเจอร์ งานซ่อมแซมต่างๆ นั่นเอง 

ในปัจจุบันมียี่ห้อเครื่องมือไฟฟ้าจากจีนเข้ามาทำตลาดมากมาย ที่ขายถูก ทำให้ BOSCH ต้องปรับตัวเข้ากับยุคสมัย ลดราคาถูกลง และความสามารถในการใช้งานเครื่องมือไฟฟ้าก็จะลดลงไปตามความเหมาะสมสำหรับการใช้งานแต่ละประเภทนั่นเอง แต่ถ้าหากคุณอยากใช้งานแบบเต็มประสิทธิภาพ BOSCH HEAVY DUTY จะตอบโจทย์กับคุณแน่นอน


เครื่องมือ BOSCH ไร้สาย VS ไฟฟ้า

จากข้อเท็จจริงที่ว่าสว่านไร้สายของ BOSCH นั้นทรงพลังพอๆ กับสว่านไฟฟ้าแบบมีสาย และความแตกต่างทั่วไปเกี่ยวกับวัสดุที่สามารถเจาะได้ไม่มากก็น้อยหมดไป เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า งานที่แตกต่างกัน ก็จะมีสว่านไฟฟ้าและสว่านไร้สายที่แตกต่างกันไป และสว่านไร้สายที่ดีจะมีราคาแพงกว่าสว่านไฟฟ้าเสมอ ทั้งนี้เนื่องจากสว่านไร้สายมีคุณลักษณะต่างๆ เช่นพวกแบตเตอรี่ อุปกรณ์เสริม พลังและความทนทาน สว่านไร้สายที่ล้ำสมัยของ BOSCH นั้นเทียบได้กับสว่านแบบมีสายอย่างไร้ข้อกังขาคุณลักษณะที่สำคัญและน่าเชื่อถือที่สุด เช่น กำลังและความทนทาน สว่านไร้สายของ BOSCH ทุกรุ่นที่มีหัวจับดอกสว่านที่ทนทานที่สามารถให้แรงบิดสูง และมีการออกแบบที่กะทัดรัด และการจัดการที่ง่ายดายจะช่วยให้คุณทำงานต่างๆทั้งหมดได้สำเร็จ ไม่ว่างานต่อไปของคุณจะเป็นงานประเภทไหน จะเจาะผ่านเสารั้ว เจาะอิฐหนัก ติดตั้งตู้ครัว ทำชั้นวางของ หรือประกอบสร้างเฟอร์นิเจอร์ สว่านไฟฟ้าและสว่านไร้สายของ BOSCH จะให้พลัง และความทนทานที่จำเป็นสำหรับคุณในการทำงานนั่นเองครับ

และถึงแม้ว่าทางเลือกของคุณจะเป็นแบบไหน เนื่องจากเทคโนโลยีและพลังของเครื่องมือไฟฟ้าระดับมืออาชีพของ BOSCH คุณอาจต้องการพิจารณาลงทุนในอนาคตเนื่องจาก BOSCH สว่านไร้สาย 18V. ของมืออาชีพที่สามารถผสานพลัง ความทนทาน การพกพา ความสะดวก และการยศาสตร์เข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด ทำให้คุณใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สัมผัสประสบการณ์อิสระแบบไร้สาย สว่านไร้สาย 18V. ของ BOSCH เป็นเครื่องมือไฟฟ้าที่คุณสามารถพกพาไปได้ทุกที่ในสถาณที่ทำงานของคุณ และไปยังพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีแหล่งจ่ายไฟได้อีกด้วย สว่านไร้สายที่สะดวกและน้ำหนักเบาของ BOSCH ขจัดความเครียดจากงานของคุณได้ เนื่องจากสว่านไร้สาย 18V. จะให้ความสะดวกสบาย และอิสระในการเคลื่อนไหว เพื่อการทำงานที่รวดเร็ว ยืดหยุ่น และสะดวกสบาย นอกจากนี้จะช่วยให้คุณทำงานให้เสร็จได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสายไฟจะอยู่ที่ไหนในบริเวณใกล้เคียง หรือความเสี่ยงที่จะสะดุดกับสายไฟที่น่ารำคาญนั่นเองครับ 

พลังที่ผสานกับความยืดหยุ่นของสว่านไร้สาย 18V. ของ BOSCH อาจเป็นสว่านไร้สาย 18V. ที่ดีที่สุดที่สามารถหาซื้อได้ เนื่องจากจะมอบกำลังทั้งหมดที่คุณต้องการเพื่อให้งานก่อสร้างของคุณเสร็จสมบูรณ์ นอกจากเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีความทนทาน และกำลังทั้งหมดที่คุณต้องการสำหรับการเจาะ และการใช้งานแบบมืออาชีพที่ยากที่สุด และแม่นยำที่สุดแล้ว การออกแบบที่กะทัดรัดของสว่านไร้สาย BOSCH ยังช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับประสบการณ์การจัดการ และการควบคุมในระดับสูงสุดนั่นเอง และด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง และพลังของเครื่องมือไฟฟ้าไร้สายระดับมืออาชีพของ BOSCH เป็นสิ่งที่คุณขาดไม่ได้สำหรับกล่องเครื่องมือระดับมืออาชีพของคุณ

การจำแนกแบตเตอรี่เครื่องมือไฟฟ้า

วิธีการหลักในการจำแนกแบตเตอรี่เครื่องมือไฟฟ้า BOSCH คือแรงดันไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้าเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดปริมาณพลังงานที่แบตเตอรี่สามารถจัดหาให้กับเครื่องมือได้ แบตเตอรี่เครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH มีระดับพลังงานต่างกัน มีการอธิบายในแง่ของแรงดันไฟฟ้า

- 10.8V / 12V.

- 18V. /ProCORE18V.

- 36V.

กลุ่มแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่แต่ละกลุ่มจะเชื่อมโยงกับชุดเครื่องมือไฟฟ้าสีน้ำเงินของ BOSCH ที่สามารถเข้ากันได้ ดังนั้นแรงดันไฟฟ้าที่ระบุในชื่อเครื่องมือไฟฟ้าของคุณจะบอกคุณว่าคุณสามารถเลือกแบตเตอรี่กลุ่มไหน และกลุ่มแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่แต่ละกลุ่มจะบอกคุณว่าคุณสามารถเลือกแบตเตอรี่กลุ่มไหน ที่เหมาะกับตัวของเครื่องมือนั้นๆ

อายุการใช้งานของแบตเตอรี่เครื่องมือไฟฟ้า

นอกเหนือจากการจับคู่แรงดันไฟฟ้าของเครื่องมือไฟฟ้าและแบตเตอรี่แล้ว คุณต้องพิจารณาตัวแปรเสริมในแบตเตอรี่อื่นๆ อีกหลายประการเมื่อเลือกซื้อเครื่องมือหรือแบตเตอรี่ นั่นก็คือ ความจุ ตัวระบายอากาศ (COOLPACK) ขนาด

ความจุ วัดเป็นแอมแปร์ชั่วโมง (Ah) ช่วยในการกำหนดระยะเวลาที่คุณสามารถทำงานกับเครื่องมือไฟฟ้าระหว่างการชาร์จไฟได้ เห็นได้ชัดว่าการทำงานนานขึ้นเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญสำหรับผู้ใช้มืออาชีพ แต่เมื่อความจุของแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดความร้อนมากขึ้นอีก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการหยุดทำงาน ที่มาจากอุณหภูมิเครื่องมือสูง BOSCH ได้พัฒนาการทำงานที่เรียกว่า COOLPACK ซึ่งเป็นชั้นภายในแบตเตอรี่ที่ระบายความร้อนออกสู่ภายนอกได้เป็นอย่างดี

วิธีหลักในการเพิ่มความจุของแบตเตอรี่คือการเพิ่มจำนวน และขนาดของเซลล์ภายใน คุณจะพบว่าแบตเตอรี่ความจุสูงมีหลายชั้น และมีน้ำหนักค่อนข้างมาก ดังนั้น ให้พิจารณาว่างานทั่วไปของคุณมีความจำเป็นที่น่าสนใจสำหรับการใช้งานที่ยาวนานซึ่งมีน้ำหนักส่วนเกินในมือหรือเปล่า


แบตเตอรี่เครื่องมือไฟฟ้า

แบตเตอรี่ ในช่วง 10.8V. 12V. ของ BOSCH มีไว้สำหรับเครื่องมือที่ทำงานที่ค่อนข้างเบา มีข้อดีคือมีขนาดเล็ก และน้ำหนักเบา ซึ่งทำให้มีความคล่องตัว และความสบายแขนมากขึ้น ข้อดีเพิ่มเติมคือ หากคุณเป็นเจ้าของเครื่องมือทั้ง 10.8V และ 12V. คุณสามารถแชร์แบตเตอรี่ 10.8V และ 12V. ระหว่างกันได้อย่างอิสระ ในส่วนของแบตเตอรี่ช่วง 18V. ของ BOSCH ถูกใช้โดยเครื่องมือไฟฟ้าจำนวนมาก ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานปานกลาง เช่นเดียวกับช่วง 10.8V. และ 12V. ที่มีแบตเตอรี่ที่มีความจุสูงถึง 6.0Ah อย่างไรก็ตามแบตเตอรี่ 18V. จะมีข้อได้เปรียบพิเศษตรงที่มีการจัดการความร้อน COOLPACK ตั้งแต่ 4.0Ah ขึ้นไป ดังนั้นหากคุณกำลังเลือกเครื่องมือไฟฟ้า และพยายามตัดสินใจระหว่าง 12V.กับ 18V. คุณอาจต้องจำไว้ว่าแบตเตอรี่ 18V. ความจุสูงช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงไม่ให้ความร้อนหยุดไหลได้นั่นเอง

ต่อมาพูดถึงรุ่นใหญ่กันบ้างอย่างแบตเตอรี่รุ่น 36V. ของ BOSCH ใช้สำหรับเครื่องมือไฟฟ้าที่ต้องการกำลังไฟฟ้าสูงสุด เทียบเท่ากับเครื่องมือที่ใช้น้ำมันเลยก็ว่าได้ ด้วยความจุที่ใหญ่ที่สุด ที่มีในช่วงนี้คือ 9.0Ah ด้วยการจัดการความร้อน COOLPACK ที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย 


แบตเตอรี่เครื่องมือไฟฟ้า ProCORE18V.

กลุ่มแบตเตอรี่เครื่องมือไฟฟ้า ProCORE18V. แตกต่างจากแบตเตอรี่อื่นๆของ BOSCH ทั้งหมด เป็นการพัฒนาล่าสุดโดย BOSCH และให้ข้อได้เปรียบที่ชัดเจนในตัวแปรเสริมของแบตเตอรี่ที่สำคัญทั้งหมด แม้ว่าช่วงของแบตเตอรี่จะบ่งบอกว่าเทียบได้กับแบตเตอรี่ 18V. มาตรฐาน แต่จริงๆ แล้วคล้ายกับแบตเตอรี่ 36V. ในแง่ของกำลังไฟฟ้ามากกว่า แบตเตอรี่ ProCORE18V. ใหม่ของ BOSCH ที่มีความจุให้เลือกมากมายเทียบได้กับแบตเตอรี่ 36V. 4.0Ah, 8.0Ah และ 12.0Ah อย่างไรก็ตาม ช่างเทคนิคของ BOSCH ได้จัดการสิ่งเหล่านี้ที่ยังลดขนาดของเซลล์ด้วย ดังนั้นคุณมีตัวเลือกการใช้งานที่กว้างกว่าโดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักมากขึ้นนั่นเอง ProCORE18V. กำลังสูงกว่า 87% เมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่ทั่วไป ด้วยเทคโนโลยีเซลล์ล่าสุด และมีระบบจัดการแบตเตอรี่อันชาญฉลาดของ BOSCH แบตเตอรี่ 18V. สำหรับช่างมืออาชีพสามารถใช้งานร่วมกันได้ 100% กับเครื่องชาร์จ และเครื่องมือไฟฟ้า 18V. สำหรับคนที่มีรุ่นเดิมอยู่ และรุ่นใหม่ทั้งหมด มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น 135% เมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่มาตรฐาน เนื่องจากมีเทคโนโลยี COOLPACK 2.0 ที่ช่วยป้องกันแบตเตอรี่ไม่ให้มีความร้อนสูงเกินไปนั่นเอง


เทคโนโลยี ของ BOSCH ที่ไม่มีใครเหมือน

BOSCH ผลิตเครื่องมือไฟฟ้า และอุปกรณ์เสริมเครื่องมือไฟฟ้า ที่เป็นผู้นำนวัตกรรมใหม่ๆมาอย่างยาวนาน และคิดค้นสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้กับวงการเครื่องมือมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบการใส่ดอก SDS-PLUS ของสว่านโรตารี่  หรือแม้กระทั้งขึ้นรูปเครื่องมือด้วยเคสแบบ พลาสติกเพื่อป้องกันไฟดูด ล้วนแล้วแต่เปลี่ยนโฉมหน้าเครื่องมือมาโดยตลอด และในบทความด้านล่างนี้เราจะพาคุณมาดูเทคโนโลยีล่าสุดที่มีอยู่ในเครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH กันดีกว่า ว่าจะมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจบ้าง แล้วแน่นอน ผมเชื่อว่าในอนาคต มันจะต้องมาเปลี่ยนวงการเครื่องมืออีกครั้งแน่ๆ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันได้เลย

BI-TURBO

สิ่งที่สำคัญ ของเครื่องมือ ไร้สายในปัจจุบัน มี อยู่ 2 องประกอบที่สำคัญ นั่นคือ มอเตอร์-แบตเตอรี่ และ BOSCH ก็ไม่ลืมพัฒนาจุดที่สำคัญ สองจุดนีี้จึงเกิดออกมาเป็น “BITURBO” ตามชื่อที่บอกเลยจะมีองค์ประกอบอยู่ 2 อย่างนั่นก็คือ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ ProCORE 18V. และมอเตอร์ไร้แปรงถ่านที่ดีที่สุดของ BOSCH ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ต่อเนื่อง คุณจึงสามารถจัดการได้แม้กระทั่งงานที่ท้าทายที่สุด ที่สามารถให้กำลังสูงถึง 1800 วัตต์ สามารถเทียบเท่ากับเครื่องมือไฟฟ้าที่มีสายได้เลย พูดง่ายๆก็คือเทคโนโลยี BITURBO จะมีประสิทธิภาพการทำงานเหมือนคุณใช้งานเครื่องมือไฟฟ้าแบบมีสายมาสู่การทำงานแบบไร้สายนั่นเอง


X-LOCK

ปัญหาที่ใหญ่พอๆกับการใช้งาน ปัญหาหนึ่งของเครื่องเจียร คือ “การเปลี่ยนใบ”จุดนี้ BOSCH ได้รับทราบถึงปัญหาและคิดค้น นวัตกรรมการเปลี่ยนใบที่ง่ายและสะดวกที่สุดเท่าที่เคยมีมา  X-LOCK เป็นกลไกรูปแบบใหม่ในรูปของตัว X ที่ล็อคอุปกรณ์เสริมเข้ากับเครื่องมืออย่างแน่นหนาเป็นระบบการเปลี่ยนแปลงใหม่ในการเปลี่ยนอุปกรณ์เสริมของเครื่องเจียรด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว ถ้าหากคุณได้ยิน 'เสียงคลิก' ก็หมายความว่าอุปกรณ์เสริมนั้นติดอยู่กับเครื่องมืออย่างแน่นหนา และคุณสามารถเริ่มทำงานได้อย่างสบายใจได้นั่นเองครับ ด้วยระบบ X-Lock ช่วยสามารถให้คุณติดตั้งได้ง่าย แต่ถ้าหากคุณติดตั้งใบเจียร ใบตัด อย่างไม่ถูกต้องได้ คุณไม่ต้องกังวลไป เพราะตัวเครื่องจะไม่สามารถทำงานได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณปลอดภัย และเชื่อถือได้มากขึ้น ด้วยตัวอุปกรณ์เสริม X-LOCK เกือบทุกชิ้นเหมาะกับเครื่องเจียรมาตรฐาน อุปกรณ์เสริมกว่า 150 รายการ คุณจึงมั่นใจได้ว่าจะทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้น


WIRELESS CHARGING

ชิ้นนี้ WOW มากๆกับเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ไร้สาย ถ้านึกไม่ออกให้นึกถึงโทรศัพย์มือถือที่ชาร์จแบบไร้สาย ! เราได้เห็น BOSCH สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดในหลายๆ ด้าน ทำให้เครื่องมือของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และทำงานได้ยาวนานขึ้นด้วยแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น และมอเตอร์ไร้แปรงถ่าน WIRELESS CHARGING ของ BOSCH เป็นการชาร์จแบบเหนี่ยวนำ โดยถ่ายโอนพลังงานจากแหล่งพลังงานไปยังแบตเตอรี่โดยใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า GBA 18V. 2.0 Ah W Professional เป็นแบตเตอรี่ชาร์จแบบไร้สายเครื่องแรกของโลกในหมู่แบตเตอรี่ 18V. ของ BOSCH ด้วยเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สายทำงานอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แบตเตอรี่ชนิดนี้ยังมีเทคโนโลยี COOLPACK 1.0 สำหรับการกระจายความร้อนที่ดีขึ้นจากภายในสู่ภายนอกของแบตเตอรี่ เนื่องจากความร้อนสามารถทำลายเซลล์ได้ เทคโนโลยี COOLPACK จึงช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น และสามารถทำงานได้นานขึ้นนั่นเองครับ ในส่วนของแบตเตอรี่สามารถเข้ากันได้กับเครื่องมือและอุปกรณ์ชาร์จ Bosch Professional 18V. ทั้งหมด สามารถชาร์จแบตเตอรี่ถึง 80% ใน 30 นาทีและ 100% ในเวลาเพียง 50 นาทีเท่านั้นเอง


BOSCH GDX

และนี่คือสิ่งประดิษฐ์ ที่ BOSCH ได้ภาคภูมิใจนำเสนอมันช่วยให้คุณได้มีวิธีที่ง่ายและสะดวกที่สุด สำหรับการขันทั้งแบบไขควงกระแทกและแบบบล็อกไร้สาย และเบื่อกับการเปลี่ยนอุปกรณ์เสริมอยู่บ่อยๆ สว่านไขควงกระแทกไร้สาย แบบไฮบริด มีประสิทธิภาพมากในรุ่น GDX ที่กำหนดมาตรฐานใหม่ในด้านประสิทธิภาพโดยการเปิดใช้งานทั้งแบบสี่เหลี่ยม และหกเหลี่ยมภายในโดยใช้เครื่องมือเพียงชิ้นเดียว ไม่มีอแดปเตอร์เสริมอีกต่อไป GDX Range เข้ากันได้กับอุปกรณ์เสริมมากมาย (ดอกสว่านและบล็อก) สำหรับงานไม้ โลหะ และคอนกรีต ไม่จำกัดพื้นที่ทำงาน การก่อสร้างระเบียง การเปลี่ยนยาง เป็นต้น 

เครื่องมือ Bosch Professional GDX ให้ความก้าวหน้าในการทำงานที่รวดเร็วด้วยความเร็วสูงและแรงบิดสูง สะดวกด้วยการจัดการที่ง่ายดายด้วยการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์แบบใหม่ ด้วยแรงบิดสูงสุด 180 Nm (GDX 18V-180) ถึง 200 Nm (GDX 18V-200 C) และอัตราการกระแทก 0-3,600 BPM ทุกงานจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ

BOSCH SIMPLY CONNECTED

ความสะดวกสบายด้วยการแตะเพียงไม่กี่ครั้งในแอป Toolbox บนสมาร์ทโฟนของคุณ ก็สามารถกำหนดค่าเครื่องมือของคุณได้อย่างง่ายดาย ตามความต้องการของคุณ ไม่น่าเชื่อมาเราจะเดินมาถึงจุดนี้ และมันยังสามารถบันทึกการตั้งค่าสำหรับงานในอนาคตได้อีกด้วย สิ่งเหล่านี้เราเชื่อว่ามันนจะเกิดการวางแผนการทำงานรูปแบบใหม่ได้แน่ๆ และยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูล digital ได้ในอนาคตอีกด้วย การเชื่อมต่อทำได้ผ่านการเชื่อมต่อบลูทูธผ่านการเชื่อมต่อในตัวของเครื่องมือนั่นเอง โมดูล GCY 30-4 เป็นเพียงชิปที่มาพร้อมกับเครื่องมือที่รองรับหรือซื้อแยกต่างหาก จากนั้นจึงติดตั้งลงในเครื่องมือไฟฟ้าที่รองรับนั่นเอง เมื่อคุณเชื่อมต่อแล้ว แอป ToolBox จะมีคุณสมบัติมากมายในการจัดการเครื่องมือของคุณ ยกตัวอย่างเช่น

- การตรวจสอบสถานะมอเตอร์ของเครื่องมือไฟฟ้า ทำให้ง่ายต่อการปรับการใช้งาน ป้องกันความร้อนสูงเกินไป และทำให้เครื่องมือของคุณใช้งานได้นานขึ้น

- การตรวจสอบอายุการใช้งานแบตเตอรี่

- ปรับการตั้งค่าแสงระเรื่อในการทำงานของเครื่องมือไฟฟ้าให้เข้ากับความชอบส่วนตัวของคุณ

- พร้อมคุณสมบัติใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาอีกมากมาย

นอกจากนี้ การเชื่อมต่อเครื่องมือไฟฟ้าของคุณกับแอป ToolBox ช่วยให้คุณมีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากมันให้ตัวเลือกในการค้นหาเครื่องมือไฟฟ้าของคุณผ่าน GPS และล็อคเครื่องมือไฟฟ้าของคุณจากระยะไกลได้ ทำให้คุณมีการป้องกันอีกระดับหนึ่งจากการสูญหายของเครื่องมือหรือการขโมยได้นั่นเองครับ


สว่าน BOSCH 5 รุ่นยอดนิยมในตลาด

BOSCH GSB 18V-150 C

นี่คือ สว่านไร้สายรุ่นที่โหด แรง และบ้าพลังที่สุด ของ BOSCH ทำได้หมดไม่ว่าจะเป็นการขันสกรู เจาะ และเจาะกระแทกในวัสดุต่างๆ เช่น ไม้ โลหะ และอิฐ GSB 18V-150 C Professional ที่จะตอบโจทย์กับคุณหรือไม่ GSB 18V-150 C เป็นสว่านกระแทกที่ชาญฉลาด ที่สามารถให้กำลัง และการควบคุมที่ไม่มีใครเทียบได้ จึงทำให้การทำงานที่หลากหลายเป็นเรื่องง่าย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานขันสกรู เจาะที่จะช่วยให้กระบวนการทำงานเร็วมากด้วยแบตเตอรี่ ProCORE18V. ที่ทรงพลังและมีมอเตอร์ไร้แปรงถ่านที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี BITURBO

ในขณะที่ GSB 18V-150 C ให้แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร มีมอเตอร์ไร้แปรงถ่าน BITURBO ให้กำลังไฟฟ้าแบบมีสายเทียบเท่าถึง 1800 วัตต์เพื่อประสิทธิภาพที่โดดเด่นในการใช้งานหนักอย่างต่อเนื่อง แถมยังมี Kickback จะปิดเครื่องอัตโนมัติในสภาวะการจับเพื่อลดอันตรายจากปฏิกิริยาของเครื่องมือกะทันหัน และระบบของมอเตอร์จะปิดโดยอัตโนมัติเมื่อมีอาการโอเวอร์โหลด ร้อนเกินไป สว่านไขควงกระแทกเข้ากันได้กับแบตเตอรี่ และเครื่องชาร์จ Bosch Professional 18V. ทั้งหมด เพื่อการใช้พลังงานสูงสุด ProCORE18V 5.5 Ah

คุณสมบัติ

- แรงบิด - 84/100/150 นิวตันเมตร

- ความเร็วรอบขณะเดินเครื่องเปล่า (เกียร์ 1 / เกียร์ 2) 0 – 550 / 0 – 2,200 รอบต่อนาที

- ประเภทแบตเตอรี่ - ลิเธียมไอออน

- อัตราการกระแทก - 30,000 ครั้งต่อนาที

- ความจุหัวจับ ต่ำสุด/สูงสุด - 1.5 / 13 มม.

- แรงดันแบตเตอรี่ - 18V.

- น้ำหนักไม่รวม แบตเตอรี่ - 2.2 กก.


BOSCH GSB 120 LI

BOSCH GSB 120 LI เป็นสว่านไร้สายที่ทรงพลัง แถมยังมีน้ำหนักเบา ซึ่งสว่านไร้สายตัวนี้มีความสามารถมากกว่าการทำงานในโครงการได้หลายๆอย่าง เช่น งานประกอบ/งานยึดติด และซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น และการตัดสินโดยรวมของเราเกี่ยวกับ BOSCH GSB 120 LI เป็นเครื่องมือไร้สายที่มีประโยชน์ด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม เรายังชอบหัวจับแบบไม่ใช้กุญแจที่ทำให้คุณสะดวกเวลาที่จะเปลี่ยนดอกสว่าน ซึ่งสามารถเก็บดอกสว่านได้หลากหลายตั้งแต่ 1 มม. ถึง 10 มม. ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับเครื่องมือ และความเร็วที่คุณสามารถสลับไปมาระหว่างการใช้งานได้อย่างมาก

สว่านกระแทกไร้สาย GSB 120-LI 12V. เป็นส่วนหนึ่งของช่วงไร้สาย Bosch Professional 10.8V. /12V. ด้วยความยาวจากด้านหน้าไปด้านหลังเพียง 188 มม. จึงมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อพยายามเจาะหรือขันสกรูในจุดที่คับแคบ ประกอบเข้ากับกระปุกเกียร์ 2 สปีด และไกปืนแบบปรับความเร็วรอบได้ ใช้สำหรับขันสกรู สว่านเจาะไม้ โลหะ และอิฐก่อ GSB 120-LI มีที่จับนุ่มเพื่อความสบายและการควบคุม Bosch Electronic Cell Protection (ECP) ปกป้องแบตเตอรี่จากการโอเวอร์โหลด ความร้อนสูงเกินไป และการปล่อยประจุลึกนั่นเอง

คุณสมบัติ

- แรงดันไฟแบตเตอรี่ - 12V.

- ประจุในแบตเตอรี่ - 1.5 Ah

- แรงบิดสูงสุด งานเบา/งานหนัก - 11-28 นิวตันเมตร 

- ความเร็วรอบขณะเดินเครื่องเปล่า (เกียร์ 1/เกียร์ 2) - 0-400 / 0-1300 รอบ/นาที

- อัตรากระแทกสูงสุด - 18,750 ครั้ง/นาที

- ระยะจับยึดของหัวจับ - 0,3-10 มม.

- น้ำหนักรวมแบตเตอรี่ - 1.1 กก.


BOSCH GSB 550

เหมาะสำหรับช่างไม้ ช่างก่ออิฐ และผู้ที่ชื่นชอบงาน DIY BOSCH GSB 550 เปรียบเทียบเหมือนกับว่าเป็นไม้กายสิทธิ์ที่อยู่ในมือของคุณเลยก็ว่าได้ สว่านกระแทก GSB 550 และชุดเครื่องมือช่างไฟฟ้าของ BOSCH เป็นการสลับระหว่างการเจาะกระแทก และการหมุนไปข้างหน้า/ย้อนกลับของการใช้งานขันสกรูได้อย่างง่ายดาย มีขนาด 13 mm. และกำลังไฟ 550 W. ที่จะควบคุมมอเตอร์ด้วยระบบอีเล็คโทรนิคที่เเม่นยำ BOSCH GSB 550 มีขนาดกะทัดรัดเป็นพิเศษเพื่อการทำงานในพื่นที่จำกัด และบริเวณเหนือศรีษะ ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 1.2 กก. ที่สามารถให้คุณทำงานได้โดยไม่เมื่อยล้า มือจับออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อความสบายในการใช้งานอีกด้วย

คุณสมบัติ

- พิกัดกำลังไฟ - 550 W

- น้ำหนัก - 1.8 กก.

- ความเร็วรอบขณะเดินเครื่องเปล่า (เกียร์ 1) - 0-2,800 รอบ/นาที

- กำลังไฟออก - 270 W

- แรงบิดพิกัด - 1.5 Nm

- ขนาดของหัวจับดอก, ต่ำสุด/สูงสุด - 1.5-13 มม.

- ขนาดของเครื่องมือ (กว้าง) - 65.5 มม.

- ขนาดของเครื่องมือ (ยาว) - 262 มม.

- ขนาดของเครื่องมือ (สูง) - 253 มม.

- อัตรากระแทกที่ความเร็วขณะเดินเครื่องเปล่า - 0-44,800 ครั้ง/นาที


BOSCH GO GEN2

BOSCH GO 2 เป็นไขควงอัจฉริยะที่ทำงานด้วยการกดง่ายๆ และระบบคลัตช์อัจฉริยะ ที่จะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด เมื่อแรงบิดถึงเป้าหมาย ล็อคสปินเดิลที่แข็งแรงปิดช่องว่างระหว่างการทำงานแบบแมนนวล และแบบอัตโนมัติ ช่วยให้คุณใช้งานหยุดตามความต้องการ คลัตช์เครื่องกลพร้อมการตั้งค่าแรงบิด 5 แบบ และโหมดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดกะทัดรัด และพกพาสะดวกทุกที่ทุกเวลา เครื่องมือนี้ได้รับการออกแบบให้ใกล้เคียงกับรูปร่าง และขนาดของไขควงทั่วไป ใช้สำหรับงานซ่อมแซม งานเฟอร์นิเจอร์ หรืองานติดตั้งอุปกรณ์ทั่วไป เหมาะสำหรับงานไม้และงานโลหะ

คุณสมบัติ

- แรงดันไฟแบตเตอรี่ - 3.6V.

- แรงบิด (เบา/หนัก/สูงสุด) - 2.5/5/- Nm

- ความเร็วรอบขณะเดินเครื่องเปล่า (เกียร์ 1/เกียร์ 2) - 0-360 รอบ/นาที

- ชนิดของแบตเตอรี่ - ลิเธียมไอออน

- ขนาดของหัวจับดอก, ต่ำสุด/สูงสุด - 6.35 มม.

- แรงบิดคลัตช์ - 0.2 - 5 Nm 


BOSCH GSB 16 RE

สว่านกระแทก BOSCH GSB 16 RE สว่านรุ่นนี้มีระบบกระบบกระแทกซึ่งทำให้สามารถเจาะคอนกรีตและอิฐได้ เช่นเดียวกับไม้ โลหะ หรือพลาสติก สว่านกระแทกเป็นแบบใช้ไฟหลักมีมอเตอร์ 750 วัตต์ที่ทรงพลัง และแข็งแกร่งที่เหมาะสำหรับงานหนัก ตลับลูกปืนรับแรงเครื่องที่ได้สูงขึ้น เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน สว่านกระแทก BOSCH GSB 16 RE ด้ามจับนุ่ม จับเครื่องมือได้อย่างมั่นคง ปุ่มควบคุมความเร็วแบบควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อการเจาะนำที่แม่นยำ มีฉนวน 2 ชั้น แผ่นแปรงถ่านแบบหมุนได้ ส่งกำลังได้คงที่ทั้งการหมุนซ้ายและขวา

คุณสมบัติ

- พิกัดกำลังไฟ - 750 W

- น้ำหนัก - 1.8 กก.

- ความเร็วรอบขณะเดินเครื่องเปล่า (เกียร์ 1) - 0-3,250 รอบ/นาที

- แรงบิดพิกัด- 2.1 Nm

- ขนาดของหัวจับดอก, ต่ำสุด/สูงสุด - 1.5-13 มม.

- ขนาดของเครื่องมือ (กว้าง) - 70 มม.

- ขนาดของเครื่องมือ (ยาว) - 270 มม.

- ขนาดของเครื่องมือ (สูง) - 190 มม.

- อัตรากระแทกที่ความเร็วขณะเดินเครื่องเปล่า - 0-48,500 ครั้ง/นาที


BOSCH ของเเท้ กับ ของปลอม ดูได้ยังไง

ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าเครื่องมือช่างมีจำหน่ายในช่องทางออนไลน์มากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น สว่านไฟฟ้าไร้สาย สว่านกระแทกไร้สาย เลื่อยวงเดือน และอีกมากมาย เครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH ถือได้ว่าเป็นสินค้าลอกเลียนแบบ หรือปลอมเยอะที่สุดเลยก็ว่าได้ เเล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าที่จริงเเล้วเครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH อันไหนของเเท้ เเละอันไหนของปลอมกันเเน่

แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆว่าของปลอมในสมัยนี้ทำได้เหมือน ของแท้มากทั้งภายนอกเเละภายใน จนเเยกเเยะไม่ออกเลยว่าอันไหนของเเท้ อันไหนของปลอม ถ้าหากคุณไม่ทันระวังละไม่สังเกตดีๆแล้วล่ะก็ คุณอาจจะได้ของปลอมมาใช้งานโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้น เราจะมาบอกวิธีเปรียบเทียบให้ดูกัน ก่อนอื่นเช็คจุดสำคัญต่างๆของสินค้าที่คุณสามารถเห็น และสัมผัสได้กันก่อนนะครับ ขั้นแรกให้คุณสังเกตตราโลโก้ของ BOSCH จะต้องมีสีแดงสม่ำเสมอกัน สีไม่หลอกออกง่าย รอยปั๊มนูนสวยงามแบบไม่มีรอยต่อ ในส่วนรอยต่อเครื่องมือไฟฟ้าต้องมีความแนบสนิท  

ไม่ว่าคุณจะซื้อเครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH ไม่ว่าจะเป็น สว่านไร้สาย เครื่องเจียร อะไรก็ตาม ใบรับประกันถือเป็นสิ่งสำคัญ และเครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH จะต้องมีใบรับประกันสินค้าทุกชิ้น และอีกอย่างหนึ่งก็คือ สติ๊กเกอร์บาร์โค้ด อีกหนึ่งจุดสำคัญที่จะต้องสังเกตก็คือ สติ๊กเกอร์บาร์โค้ดนะครับ เพราะเครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH จะต้องมีติดไว้ที่กล่องเสมอนั่นเอง

และถ้าหากคุณจะซื้อ เครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH ทางออนไลน์แล้วละก็ เรามีทางเลือกให้คุณ นั่นคือ มองหาร้านค้าออนไลน์ที่มีสัญลักษณ์ ที่ทาง BOSCH ได้รับรองว่าคุณได้รับสินค้าจาก BOSCH ที่เป็นของเเท้เเน่นอน 100%  


บทสรุปแห่ง เครื่องมือ BOSCH

BOSCH มีกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องมือไฟฟ้าแบบมีสายและไร้สายครบถ้วน แถมยังมีราคาไม่แพง และมีประสิทธิภาพ หากคุณเป็นผู้ใช้งานทั่วไป BOSCH มีเครื่องมือ 12V. และ 18V. หรือสำหรับช่างมืออาชีพ มีทั้ง ProCORE18V. 36V. และ BOSCH HEAVY DUTY ที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมและเทคโนโลยี อื่นๆ อาทิเช่น เลเซอร์วัดระยะ เลเซอร์วัดระดับ และอุปกรณ์เสริมที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้จริง และช่วยให้คุณสามารถควบคุมได้ง่าย สุดท้ายค้นหาเครื่องมือไฟฟ้าของ BOSCH ที่ใช่สำหรับงานของคุณ เพื่อให้การทำงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วเราหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณนะครับ.