Customers Also Purchased
ทำไม เครื่องมือไฟฟ้า ถึงแรงตอนรอบต่ำ แต่เบา ตอนรอบสูง? เคยสงสัยไหมครับว่าทำไม เครื่องมือไฟฟ้า หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสว่าน ไขควงกระแทก ไขควงไฟฟ้า กบไสไม้ หรือเครื่องเจียร พอใช้งานจริง แล้วมันรู้สึก “แรงตอนรอบต่ำ” แต่พอเร่งรอบขึ้น เหมือนแรงดรอปลง? หรือบางทีเครื่องบางรุ่นแรงสม่ำเสมอไม่ว่าจะรอบต่ำรอบสูง?
คำตอบทั้งหมดซ่อนอยู่หลังคำว่า แรงบิด (Torque) และ ความเร็วรอบ (RPM) ซึ่งสองสิ่งนี้ไม่ได้แยกกัน แต่ผูกติดกันแบบขาดไม่ได้เลยครับ
ถ้าคุณเข้ามาในร้าน เพื่อปรึกษาช่าง หรือพนักงานขาย คุณก็จะเจอคำพูดคล้าย ๆ กันครับ ว่า “รอบสูงไม่ได้แปลว่าแรง” หรือ “เครื่องแรงจริงดูที่แรงบิด ไม่ใช่ที่ตัวเลขรอบ” ซึ่งคำพูดพวกนี้ก็อาจชวนงง ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่กำหนดประสบการณ์ใช้งานของ เครื่องมือไฟฟ้า แทบทุกประเภทเลย
ดังนั้น เรามาเจาะลึก ให้เข้าใจกันไปเลยครับ ว่า แรงบิดคืออะไร ความเร็วรอบคืออะไร ทั้งสองค่ามีผลต่อการใช้งานเครื่องมือไฟฟ้ายังไง ตั้งแต่จังหวะเริ่มหมุน ช่วงเร่งต้น จนถึงรอบสูงสุด ทำไมเครื่องบางรุ่นถึงแรง แม้ตัวเลขรอบไม่สูง? ทำไมเครื่องบางตัวรอบสูงแต่ดันไม่ไป? และทำไมบางครั้งการเลือกเครื่องที่ “แรงถูกจังหวะ” ถึงสำคัญกว่าแค่ดูสเปกตัวเลขสวย ๆ บนกล่องเพียงอย่างเดียว?
แรงบิด: ทำไมถึงสำคัญ กับ เครื่องมือไฟฟ้า?
มาที่พื้นฐาน กันก่อนครับ หลักการของเครื่องมือไฟฟ้าทุกชนิด คือการแปลงพลังงานไฟฟ้า ให้กลายเป็นพลังงานกลที่มีประสิทธิภาพมากพอจะดันดอกสว่าน ใบตัด หรือหัวบล็อก ให้หมุนฝ่าความต้านของวัสดุได้
กลศาสตร์จะอธิบายชัดเจนครับ ว่าแรงบิดเกิดขึ้นจาก แรง x ระยะห่างจากจุดหมุน ซึ่งในเครื่องมือไฟฟ้า แรงนี้สร้างขึ้นจากมอเตอร์ ส่วนระยะ และแรงต้านมาจากงานที่เราทำ เช่น ความแข็งของเหล็ก ความหนาของไม้ หรือแรงเสียดทานระหว่างการเจาะ ขัน และตัด
ยิ่งงานกินแรงมาก มอเตอร์ก็ยิ่งต้องสร้างแรงบิดสูงขึ้น เพื่อให้เครื่อง ดันได้แบบไม่สะดุด นี่แหละครับ คือเหตุผลว่าทำไมแรงบิดจึงสำคัญมากกว่าที่หลายคนคิด และเป็นตัวชี้วัดหลักว่าผลลัพธ์การทำงานของเครื่องมือไฟฟ้า จะออกมาดีแค่ไหน
แรงบิด: ยิ่งมากยิ่งหมุนของแข็งๆ ได้
แรงบิดสำคัญอย่างไรกับการเลือก และการใช้งาน สว่านไร้สาย? แรงบิด (Torque) คือ “กำลังในการหมุน” ของมอเตอร์ครับ ถ้าพูดแบบง่ายที่สุดคือ แรงที่ทำให้ดอกสว่านเจาะไม้ได้ ดอกไขควงหมุนสกรูได้ เครื่องเจียรตัดเข้าเนื้อเหล็กได้
ถ้ามอเตอร์มีแรงบิดเยอะ คุณจะรู้สึกว่าเครื่อง "ดัน" ต่อได้ แม้เจอแรงต้าน เช่น ไม้แข็ง สกรูยาว หรือชิ้นงานที่กินแรงมาก

ความเร็วรอบ คืออะไร? แล้วมีผลต่อการใช้งานยังไงบ้าง?
ลองนึกภาพว่าเมื่อคุณบีบไกเครื่องมือไฟฟ้า สิ่งแรกที่เกิดขึ้น คือมอเตอร์เร่งรอบขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเร็วตรงนี้เองที่ทำให้คุณรู้สึกว่าเครื่องทำงานไวแค่ไหน
รอบสูง ทำงานเร็วขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า ‘แรง’ ขึ้น
ความเร็วรอบ (RPM) คือจำนวนรอบที่มอเตอร์หมุนในหนึ่งนาที ยิ่งเยอะก็ยิ่งหมุนเร็ว แต่สิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดคือ “รอบสูง แปลว่าเครื่องต้องแรงกว่า”
จริง ๆ ไม่ใช่เสมอไปนะครับ เพราะรอบสูงอาจจะ เร็ว แต่ไม่ได้แปลว่า มีกำลัง มากขึ้น ยิ่งเวลาที่เจองานหนัก ๆ เช่น เจาะเหล็ก ตัดท่อ เจียรสแตนเลส หรือขันสกรูเกลียวยาว ๆ
เครื่องมือไฟฟ้า ที่รอบสูง แต่แรงบิดต่ำ พอเจองานที่มีแรงต้านเยอะ มันจะสะดุด ช้าลง หรือหยุดหมุนได้ง่ายมากครับ แต่ความเร็วรอบนั้น จะประโยชน์มากในงานที่ต้องการความเร็วของใบตัด หรือดอกเจาะ มากกว่าแรงดัน เช่น งานเจียร ตัดไม้ ตัดเหล็กบาง เจาะไม้ หรือแต่งผิวโลหะ ความเร็วรอบสูงช่วยให้ใบตัด หรือดอกเจาะกัดวัสดุได้เนียนกว่า ลดรอยไหม้ ทำให้ผลงานเรียบขึ้น และทำงานเสร็จไวขึ้น โดยเฉพาะเครื่องเจียร์ และเลื่อยวงเดือนที่ต้องอาศัยความเร็วเสียดสี ในการตัดเป็นหลัก
แล้วแรงบิด กับความเร็วรอบ เกี่ยวกันยังไงใน?
ในมอเตอร์ ของเครื่องมือไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นแบบใช้แปรงถ่าน (Brushed) หรือ ไร้แปรงถ่าน (Brushless) จะทำงานเหมือนกันคือ ถ้ารอบต่ำ แรงบิดจะสูง และถ้ารอบสูง แรงบิดจะลดลง
ทำไมแรงบิด กับความเร็วรอบ เครื่องมือไฟฟ้า ส่วนใหญ่ ถึงแปรผกผันกัน?
โดยทั้วไป เมื่อมอเตอร์เครื่องมือไฟฟ้า ทั้ง AC หรือ Universal เมื่อเริ่มหมุน สิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกันคือ กระแสไฟฟ้าไหลเข้าสู่ขดลวด ทำให้เกิดแรงแม่เหล็กผลักให้โรเตอร์หมุน แต่พอรอบเริ่มสูงขึ้น จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า Back-electromotive force (แรงดันย้อนกลับ) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนเบรกไฟฟ้าเล็ก ๆ คอยต้านไม่ให้มอเตอร์หมุนเร็วเกินไป
- ตอนรอบต่ำ Back EMF ต่ำ มอเตอร์ดึงกระแสได้มาก เครื่องมือไฟฟ้า แรงบิดสูง
- ตอนรอบสูง Back EMF สูง มอเตอร์ดึงกระแสได้น้อยลง เครื่องมือไฟฟ้า แรงบิดลดลง
แรงบิดที่ลดลงตามรอบ จึงเป็นธรรมชาติของมอเตอร์ไฟฟ้า และเป็นสิ่งที่วิศวกรต้องคำนวณให้เหมาะกับการใช้งานของ เครื่องมือไฟฟ้า แต่ละประเภท
เครื่องมือไร้สายบางซีรีส์ (Makita XGT / Milwaukee FUEL / DeWalt FlexVolt) จะมีวงจรควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ คุมกระแสแบบ active โดยรอบกลางถึงสูง จะไม่ทำให้แรงบิดลดลงทันที
ตัวอย่างจาก เครื่องมือไฟฟ้า ที่เราใช้กันจริง
ส่วนนี้ ผมว่าตรงกับชีวิตประจำวันแบบสุด ๆ และมักเป็นจังหวะที่หลายคนเริ่มเห็นความแตกต่างของเครื่องมือไฟฟ้า แต่ละประเภทแบบชัดเจน ไม่ใช่แค่จากตัวเลขในสเปก

แรงบิด และความเร็วรอบของเครื่องมือไฟฟ้า ทำงานร่วมกันอย่างที่เราไม่ค่อยได้เห็นบนกระดาษ แต่จะสัมผัสได้ชัดมากในการใช้งานจริง
1. สว่านกระแทก รอบอาจสูง แต่แรงบิด ไม่เท่าบล็อก และไขควงกระแทก
สว่านกระแทก (Hammer Drill) อาจเป็นเครื่องมือไฟฟ้า ที่ให้รอบสูงถึง 2,000 RPM แต่แรงบิดมักอยู่ที่หลักสิบ เพราะมันออกแบบมาให้ และควบคุมความเร็วการเจาะให้เนียนดีกว่า แต่พอไปขันสกรูยาว ๆ จะรู้สึกว่า สว่านเริ่มฝืด รอบตก มือเมื่อยมาก เพราะต้องออกแรงช่วย นั่นเพราะรอบสูงแต่แรงบิด ดันต่อไม่ได้ครับ
2. บล็อกกระแทก ไขควงกระแทก แรงบิดสูง
เครื่องมือไฟฟ้าอย่าง บล็อกกระแทก (Impact Wrench) เกิดมาเพื่อแรงบิดล้วน ๆ ตั้งแต่ 300 Nm ขึ้นไป เยอะกว่าสว่านหลายเท่า แต่ความเร็วรอบสูงสุด อาจไม่เกิน 1,900 rpm เทียบกับไขควงกระแทก (Impact Driver) ที่ความเร็วรอบ 2,500+ rpm ถือเป็นเวอร์ชันที่คล่องตัวกว่า แต่ยังคงใช้หลักการ กระแทกแบบเดียวกัน ที่แรงบิด ประมาณ 100-170 Nm.
3. เครื่องเจียร รอบสูงมาก แต่แรงบิดไม่ได้สูงเสมอไป
เครื่องเจียร์ 11,000 RPM หมุนเร็วมาก แต่ไม่ได้ออกแบบมาให้มีแรงบิดสูง เพราะเป็นเครื่องมือไฟฟ้าซึ่งหน้าที่หลักคือ “ความเร็วในการเสียดสี” มากกว่าการดันโหลดหนัก ๆ พอเอาไปใช้ผิดประเภท เช่น ตัดเหล็กหนา ๆ โดยออกแรงกดมากเกินไป ก็จะเจออาการสะดุด หรือรอบตก และมอเตอร์ร้อนเร็วครับ
ทำไม เครื่องมือไฟฟ้า Brushless ถึงแรงกว่า?
เพราะเครื่องมือไฟฟ้ามอเตอร์ Brushless ควบคุมแรงบิดได้แม่นกว่า โดยใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วย ทำให้สามารถปล่อยกระแสสูงตอนเร่งรอบต่ำ และรักษาแรงบิดได้ดีกว่า
ถ้ารู้ว่า แปรงถ่าน คืออะไร? และบทบาทสำคัญในเครื่องมือช่างที่คุณควรรู้ จะรู้เลยว่าข้อดีของเครื่องมือไฟฟ้าแบบไร้แปรงถ่านคือ รอบไม่ตกง่าย แรงบิดต่อเนื่องกว่า ทำงานหนักได้นานขึ้น ประหยัดแบต และไม่ร้อนเร็ว นี่คือเหตุผลว่าทำไมเครื่องเจียร์ไร้สายรุ่นใหม่ ๆ ถึงแรงจนแทบลืมรุ่นสายไฟไปเลย
เวลาใช้ เครื่องมือไฟฟ้า บอกได้ไหมว่าแรงบิดดี หรือไม่?
ตอบเลยว่า “บอกได้ชัดเจนมาก” ผมเชื่อว่าหลายคนเคยรู้สึกว่า เครื่องมือไฟฟ้า บางรุ่น "มันดันต่อได้" แม้จะเจอแรงต้าน แต่เครื่องมือไฟฟ้า บางรุ่น กลับหยุดไปเฉย ๆ แบบนั้นแหละครับ คือแรงบิด ถ้าแรงบิดสูง เครื่องดันไปต่อแบบเนียน ๆ แต่ถ้าแรงบิดต่ำ เครื่องจะสะดุด และต้องใช้มือช่วยประคองเยอะ
ช่างมืออาชีพบอกว่า แค่จับเครื่องดันเข้าเหล็ก 1–2 วิ ก็รู้แล้วว่าเครื่องนี้แรงจริง หรือแรงไม่จริง
ทำไม เครื่องมือไฟฟ้า แรงต่างกันเยอะ ทั้งที่สเปกดูคล้ายกัน?
นอกจากความแรง และความเร็ว ของมอเตอร์แล้ว สิ่งที่ทำให้เครื่องมือไฟฟ้า ต่างกัน มีตั้งแต่ การปรับแต่งซอฟต์แวร์ของมอเตอร์ คุณภาพ และอายุของแบตเตอรี่ การปล่อยกระแสช่วงเร่งต้น งระบบป้องกันความร้อน การออกแบบช่องระบายอากาศ ไปจนถึงวัสดุภายใน เฟือง ระบบส่งกำลัง และการเลือกใช้ชิ้นส่วนที่ลดความฝืด หรือเพิ่มความแน่นของแรงบิด
ซึ่งทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเป็นทีมเวิร์ก ที่ซ่อนอยู่ในตัวเครื่อง ทำให้การใช้งานจริงแตกต่างกันแบบสัมผัสได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นการดันโหลดหนัก การเร่งต้น หรือความนิ่งเวลาใช้งานต่อเนื่อง
เครื่องมือไฟฟ้า บางรุ่นไปต่อได้แบบไม่สะดุด แต่บางรุ่นให้ความรู้สึกว่าแรงหาย แม้ว่าสเปกตัวเลขบนกระดาษจะเหมือนกันแทบทุกอย่าง จึงไม่น่าแปลกใจเลย ว่าแม้เครื่องมือไฟฟ้าสองตัวจะระบุรอบ แรงบิด และกำลังเท่ากันเป๊ะ ประสบการณ์ใช้งานจริงกลับแตกต่างกันแบบฟ้ากับเหวครับ

สรุป: แรงบิด และความเร็วรอบ เครื่องมือไฟฟ้า ทำงานร่วมกัน
ถ้าเห็นค่าแรงบิดสูง คุณจะรู้ได้ว่า เครื่องมือไฟฟ้า เช่น ไขควงกระแทก และ บล็อกไฟฟ้า ตัวนั้น มันเหมาะกับงานที่ต้องการพลังดันต่อเนื่อง แต่ถ้าความเร็วรอบสูงโดดเด่น คุณก็เดาได้ว่าเครื่องนั้นสร้างมาเพื่อความเร็วในการตัด หรือเจียรมากกว่า
ที่สำคัญ หลักการนี้ยังช่วยให้คุณแยกแยะได้ว่าควรเลือก เครื่องมือไฟฟ้า ที่มีแรงบิดสม่ำเสมอ หรือเครื่องรอบจัดที่เน้นความเร็ว ทั้งหมดนี้เป็นเหมือนแผนที่สั้น ๆ ที่พาให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของมอเตอร์ได้ลึกขึ้นแบบไม่ต้องเป็นวิศวกร
จำง่าย ๆ แบบนี้เลยครับ
- รอบต่ำ แรงบิดสูง
- รอบสูง แรงบิดต่ำลง
- ต้องมีสมดุลที่เหมาะกับงาน
- เครื่อง Brushless มักทำได้ดีกว่า เพราะควบคุมแรงบิดได้แม่นกว่า
เหนือสิ่งอื่นใด การใช้งานจริงจะวัดคุณภาพได้ชัดเจนมากกว่าการอ่านสเปก หรือดูตัวเลขอย่างเดียวครับ ช่างจะแนะนำผมตลอดว่า ให้สังเกตอยู่สองอย่างคือ แรงบิดตอนรอบต่ำ และ ความสม่ำเสมอตอนโหลดหนัก เพราะเครื่องมือไฟฟ้าที่ดีจริง ๆ คือ เครื่องที่ทำงานได้จริงในสถานการณ์ที่ต้องการ แรงบิดดี + รอบดี = ใช้งานง่าย ประหยัดแรง และปลอดภัยมากขึ้น
ดังนั้น ถ้าคุณเข้าใจแรงบิด และความเร็วรอบ คุณจะเลือก เครื่องมือไฟฟ้า ได้ถูกงานมากขึ้น และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพกว่าเดิม
TH
English





