Customers Also Purchased
ลองนึกภาพเช้าวันหนึ่งที่คุณขับรถออกจากบ้าน ยังงัวเงีย ๆ กาแฟก็ยังไม่ทันหมดแก้ว แล้วต้องรีบไปไซด์งานอีก เอาล่ะ!...พอถึงไซต์งาน เราก็รีบยกของลงจากรถเลยทันที เพราะทุกคนรออยู่ แต่…มันก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น อยู่ดี ๆ มันก็มีเศษเหล็กเล็ก ๆ ดีดใส่หน้า แม่ง! มาจากไหน! ดีนะที่เราหลบทัน ไม่งั้นนะ งานเข้าแน่! มันเฉี่ยวผ่านตาแบบเสียววูบจริง ๆ … แล้วตอนนั้นแหละครับ ที่ประโยคหนึ่งจะเด้งเข้าหัวมาเลยว่า “รู้งี้หยิบ แว่นเซฟตี้ลงมาด้วยก็ดี”
ความประมาทเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่พอเจองานด่วน เรามักจะคิดถึง เครื่องมือที่จะใช้ทำงาน ก่อนเป็นอันดับแรก ว่าต้องเอาอะไรลงไปบ้าง ดอกอะไร? หัวอะไร? แต่กลับลืมคิดถึง อุปกรณ์เซฟตี้ ที่จริง ๆ แล้วเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับเรามากๆ เพราะฉะนั้นในบทความนี้ อยากชวนคุยกันแบบสบาย ๆ ว่า อุปกรณ์เซฟตี้ อะไรบ้าง? ที่ควรพกติดรถไว้ เน้นของไม่กี่ชิ้นที่ได้ใช้จริง ใช้บ่อย และช่วยลดโอกาสเจ็บตัว ในวันที่งานรันต่อเนื่อง งานเร่ง งานจี้ จนไม่มีเวลาได้นั่งไล่คิดทีละอย่างให้รอบคอบ
ทำไมต้องจริงจังกับ อุปกรณ์เซฟตี้?
ถ้าคุณทำงานภาคสนามเป็นประจำ คุณจะรู้ดีว่า หน้างานจริง มันไม่เหมือนในคู่มือเลยครับ บางไซต์มี อุปกรณ์เซฟตี้ ให้ แต่มีไม่ครบ หรือสภาพทรุดโทรม บางที่เป็นบ้านลูกค้าเล็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรให้เลย นอกจากรองเท้าแตะกับบันไดไม้เก่า ๆ หลายเคสต้องปีน สูง แคบ อับชื้น อยู่ใกล้ไฟฟ้า ใกล้สารเคมี หรืออยู่กลางแดดจัดทั้งวัน
เพราะแบบนี้แหละครับ ช่างที่ออกไซต์งานบ่อยๆจึงต้องมี อุปกรณ์เซฟตี้ ที่เหมาะสมมาไว้ เราเคยคุยกับพี่ช่างคนนึง เขาเคยพูดไว้ว่า “อะไหล่บางชิ้นลืมเอาไปยังพอหาทางดัดแปลงแก้หน้างานได้ แต่ถ้าลืมพก อุปกรณ์เซฟตี้ ไปแล้วดันเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาล่ะก็...งานหยาบแน่งานนี้!”
คำพูดนี้ฟังแล้วอาจดูดราม่า แต่ถ้าคุณเคยเกือบพลาดแบบเสียวหลังวาบ ๆ มาก่อน คุณจะเข้าใจเลยว่า อุปกรณ์เซฟตี้ ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือยเลยครับ และไม่ใช่แค่ของที่ต้องมี มันคือตัวช่วยที่คอยเซฟความปลอดภัยเราจริง ๆ เอาล่ะเพื่อไม่ให้เสียเวลา ต่อไปนี้คือรายการ อุปกรณ์เซฟตี้ ที่เราคิดว่าควรมีติดรถเอาไว้ เน้นของที่ใช้จริง ครอบคลุมหลายสายงาน ทั้งช่างแอร์ ช่างไฟ ช่างซ่อมบำรุงโรงงาน ช่างโครงสร้าง ไปจนถึงช่างสารพัดรับเหมางานจิปาถะ!


แว่นนิรภัย ชิ้นเล็กแต่ช่วยเซฟดวงตาคุณได้มากที่สุด
ถ้าต้องให้เลือก อุปกรณ์เซฟตี้ เพียงชิ้นเดียว ติดรถ แว่นนิรภัย ต้องมาเป็นอันดับแรกๆก่อนเลยครับ เพราะดวงตาเป็นอะไรที่บาดเจ็บแล้ว ย้อนกลับไปเหมือนเดิมได้ยากมาก เศษเหล็ก เศษปูน เศษไม้ ฝุ่นแกว่งในอากาศ เศษสายไฟไหม้ หรือแม้แต่สารเคมีเล็ก ๆ ที่กระเด็นขึ้นมา ล้วนมีโอกาสโดนตาได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะเวลางานเร่ง ระยะมองใกล้ ๆ แสงไม่ดี หรือใช้เครื่องมือไฟฟ้าอย่างลูกหมู สว่าน สกัด คัตเตอร์ไฟฟ้า สิ่งที่แนะนำให้พกติดรถ แว่นนิรภัยอย่างน้อย 1–2 อัน เลือกเลนส์ที่กันแรงกระแทกมาตรฐาน เช่น EN166 หรือมาตรฐานใกล้เคียง
ถุงมือช่าง งานแต่ละงาน ไม่ได้ใช้ถุงมือชนิดเดียวกัน
หลายคนพกถุงมือผ้าไว้ในรถกอง ๆ เดียว แล้วใช้ทุกงาน ทั้งตัดเหล็ก ยกของมีคม ทำงานไฟฟ้า เชื่อม เจียร ซึ่งจริง ๆ แล้วมัน ไม่ค่อยเวิร์ก ครับ ถุงมือช่าง แต่ละแบบถูกออกแบบมาให้ใช้งานที่แตกต่างกันไป บางแบบเน้นกันบาด บางแบบเน้นกันลื่น บางแบบเน้นกันความร้อน บางแบบเน้นกันไฟฟ้า เพราะฉะนั้น ถ้าอยากทำงานปลอดภัยขึ้นแบบไม่ยุ่งยาก แนะนำให้จัด ชุดถุงมือช่างติดรถ เอาไว้ ควรมียังไงบ้างในรถ
- ถุงมือผ้าทั่วไป – ใช้หยิบจับของทั่วไป ยกของ ย้ายของ ไม่คมมาก
- ถุงมือเคลือบยาง / ไนไตรกันลื่น – ใช้งานที่ต้องจับเครื่องมือแน่น ๆ เช่น สว่าน ลูกหมู ประแจ
- ถุงมือกันบาด (มีระดับ EN388) – สำหรับตัดเหล็ก ตัดแผ่นโลหะ ตัดแผ่นอลูมิเนียม หรืองานที่มีคมเยอะ
- ถุงมือยาง / ไนไตรสำหรับสารเคมี – สำหรับงานล้างแอร์ งานน้ำยาทำความสะอาด งานที่มีกรด-ด่าง
- ถุงมือกันไฟฟ้า (สำหรับช่างไฟ) – อย่าคิดว่าแค่ระวังก็พอ เพราะอุบัติเหตุมันไม่ได้ขออนุญาตเราก่อน
หน้ากากอนามัย / หน้ากากกันสารเคมี – ไม่ใช่แค่เรื่องความสบาย แต่เป็นเรื่องสุขภาพระยะยาว
โดยส่วนใหญ่แล่ว ไซต์งานจำนวนมากมักจะต้องเจอกับ ฝุ่น ละอองสารเคมี ไอระเหยจากน้ำยา หรือควันจากการตัด-เชื่อม ซึ่งหลายครั้งเรารู้สึกแค่ แสบจมูก แสบคอ ในตอนนั้น แต่จริง ๆ แล้วมันไปออกในระยะยาวมากกว่า เรามองว่าควรมีหน้ากากอย่างน้อย 2 ประเภทไว้ก่อนดีกว่า
- หน้ากากอนามัย (เช่น มาตรฐาน N95 หรือเทียบเท่า) ใช้กับงานตัดปูน ตัดกระเบื้อง งานเจียร งานขัด งานรื้อฝ้า/ฝาผนัง งานที่ฝุ่นฟุ้งเยอะ ๆ
- หน้ากากกันสารเคมี / ไอระเหย เหมาะกับงานพ่นสี งานใช้ทินเนอร์ น้ำยาล้างคอยล์แอร์บางประเภท งานในพื้นที่อับที่มีกลิ่นแรง
ข้อแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ นะครับ เก็บหน้ากากใน กล่องปิด หรือซองซิปล็อก จะช่วยให้แผ่นกรองไม่ชื้น ไม่สกปรกง่าย ถ้าเป็น หน้ากากกันสารเคมี ที่แบบตลับกรอง อย่าลืมเช็คอายุการใช้งาน และเปลี่ยนตามที่ผู้ผลิตแนะนำ
หลายคนมักใจแข็ง “ทนเอา” เพราะคิดว่าใส่แล้วอึดอัด หายใจไม่สะดวก แต่เมื่อใช้ไปสักพัก ร่างกายจะเริ่มชิน และสุดท้ายคุณจะสงสัยว่า “แต่ก่อนเราทำงานโดยไม่ป้องกันอะไรเลยได้ยังไง”
รองเท้าเซฟตี้ สักคู่ อยู่ในรถตลอด เปลี่ยนใส่ก่อนลงหน้างาน
รองเท้าเซฟตี้ ถือว่าเป็น อุปกรณ์เซฟตี้ ที่คนมองข้ามเยอะมาก โดยเฉพาะงานเล็ก ๆ ที่ไปซ่อมบ้านลูกค้า หรือไปดูหน้างานแป๊บเดียว หลายคนลงจากรถด้วยรองเท้าแตะหรือรองเท้าผ้าใบธรรมดา แล้วคิดว่า “ไม่เป็นไรหรอก แค่ดู ๆ เฉย ๆ” ปัญหาคือ หน้างานจริงมันไม่ได้เตือนก่อนเสมอไป นี่แหละครับ ที่ทำให้รองเท้าแตะกับรองเท้าผ้าใบธรรมดาเอาไม่ค่อยอยู่ พื้นลื่นกว่าที่คิด เดิน ๆ อยู่เท้าไถลแบบหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม มีเศษเหล็ก ตะปู หรือวัตถุมีคมกระจายบนพื้น เหยียบพลาดทีเดียว จำไปทั้งปี หากแย่สุด มีของตกหล่นจากที่สูงแบบไม่ทันตั้งตัว แค่ประแจหล่นจากบันไดขั้นสองก็เจ็บได้แล้ว
การมี รองเท้าเซฟตี้ ติดรถไว้เลย 1 คู่ (หรือใครชอบก็ใส่ประจำทั้งวันไปเลย) ช่วยลดความเสี่ยงพวกนี้ได้เยอะมาก แถมทำให้เราเดินหน้างานแบบสบายใจกว่าเดิมเยอะ ไม่ต้องคอยมองพื้นทุกก้าว
หมวกนิรภัย งานที่คิดว่าไม่สูง บางทีก็เสี่ยงกว่าที่คิด
หลายคนคิดว่า หมวกนิรภัย เหมาะสำหรับงานก่อสร้างไซต์ใหญ่ ๆ เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว งานภาคสนามหลายแบบ เช่น งานซ่อมใต้โครงสร้าง งานในโรงงาน งานในโกดัง หรือแม้แต่งานบ้านที่มีโครงหลังคาเหล็ก ก็มีโอกาส เดินชน-ก้มชน ได้บ่อยมาก
หมวกนิรภัย สามารถช่วยเซฟศีรษะจากการ ชนคานเหล็กที่ไม่ได้อยู่ในระดับสายตา สิ่งของหล่นจากที่ไม่สูงมาก ขอบมุมสันคม ๆ ของโครงสร้างหรือเครื่องจักร หมวกนิรภัย อาจไม่ได้ถูกหยิบใช้ทุกวัน แต่อย่าลืมว่า อุบัติเหตุหนัก ๆ มักเกิดขึ้นในวันที่เราไม่คิดว่าจะเกิด เพราะฉะนั้น การมี หมวกนิรภัย สักใบ ไม่ได้เกะกะอะไรมาก แต่เพิ่มความอุ่นใจได้เยอะ


เสื้อสะท้อนแสง ของง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณมองเห็นได้เสมอ
ใครที่ต้องทำงานแบบ อยู่ใกล้รถ ใกล้ล้อ ใกล้ทางจราจร บ่อย ๆ อย่างเช่น ริมถนน หรือไหล่ทาง ที่รถวิ่งเฉียดไปเฉียดมาอยู่ตลอด บริเวณลานจอดรถ หรือลานโหลดของ ที่มีรถถอยเข้าออกทั้งวัน เผลอแป๊บเดียวก็มีคันใหม่โผล่มา พื้นที่โล่งที่มีรถยนต์ รถบรรทุก รถแบคโฮ หรือรถโฟล์คลิฟต์วิ่งไปมาแทบทั้งวัน เรียกว่าหันไปทางไหนก็มีแต่ล้อหมุน ๆ เสื้อสะท้อนแสง เป็น อุปกรณ์เซฟตี้ ที่ต้องมีครับ มันไม่ได้ช่วยกันบาด กันไฟ กันตกอะไรทั้งนั้น แต่ช่วยให้คนอื่น “เห็นคุณชัดขึ้น” โดยเฉพาะตอนเช้ามืด แดดอ่อน แสงน้อย หรือทำงานถึงช่วงเย็นค่ำ
ลองคิดกลับกัน คุณกำลังขับรถเข้าไซต์ แล้วเห็นใครสักคนยืนก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ริมทางแบบใส่เสื้อสีหม่น ๆ เทียบกับใส่เสื้อสะท้อนแสงสีส้มสดหรือสีเหลืองจัด คุณจะ เบรคและหลบได้ทัน แบบไหนมากกว่ากัน?
หลายคนจึงเลือกเก็บเสื้อสะท้อนแสงไว้หลังเบาะรถ เวลาต้องลงหน้างานกลางแจ้งหรือใกล้ทางจราจร ก็หยิบมาสวมทับเสื้อเดิมแค่ไม่กี่วินาที แต่ช่วยลดความเสี่ยงแบบมีนัยยะสำคัญ
ไฟฉาย ไม่ได้แค่ส่องให้สว่าง แต่ช่วยให้มือว่างทั้งสองข้าง
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ไฟฉาย จัดอยู่ในหมวด อุปกรณ์เซฟตี้ ด้วยหรอ? เพราะมันไม่ได้กันบาด กันไฟ กันสารเคมี แต่ ช่วยให้เรามองเห็นชัดและทำงานได้แบบควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะในที่มืดหรือมุมอับนั่นเอง
- ไฟฉายคาดหัว เหมาะมากสำหรับงานที่ต้องใช้สองมือ เช่น งานเดินสายไฟในฝ้า งานซ่อมในตู้แคบ ๆ งานใต้พื้นบ้าน จะได้ไม่ต้องกัดไฟฉายไว้ในปาก หรือให้เพื่อนยืนถือให้เมื่อยแขน
- ไฟฉายมือถือแรงสูง ใช้สำรวจพื้นที่กว้าง ส่องทางเดิน ส่องใต้ท้องรถ ใต้พื้น หรือจุดที่อยู่ไกล เวลาไปไซต์แปลก ๆ กลางคืน หรือเข้าพื้นที่มืด ๆ แล้วอยากเช็คให้ชัวร์ว่าปลอดภัยก่อนลงมือ
การมองไม่ชัดเพราะแสงน้อย เป็นสาเหตุเบื้องหลังอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ เยอะมาก ตั้งแต่เหยียบพลาด เดินสะดุด ไปจนถึงจับผิดจุดเวลาทำงานกับไฟฟ้าและเครื่องจักร
วิธีจัด อุปกรณ์เซฟตี้ ในรถ ให้หยิบง่าย ไม่รก ไม่หาย
เราเจอบ่อยมากครับ รถกลายเป็นทั้งคลังอะไหล่ คลังเครื่องมือ คลัง อุปกรณ์เซฟตี้ ทุกอย่างยัดไว้หมด จนพอจะหยิบ แว่นนิรภัย ที ต้องรื้อกล่องเครื่องมือครึ่งคันรถ ทั้งเสียเวลา ทั้งเสียอารมณ์ แถมบางทีรีบ ๆ อยู่ ก็เลย “ช่างมัน ไม่ใส่ก็ได้” อันนี้แหละที่น่ากลัวกว่าของหายอีกครับ เราเลยมักจะแนะนำช่างที่รู้จักกันให้ลองจัดโซน อุปกรณ์เซฟตี้ ในรถแบบง่าย ๆ ไม่ต้องลงทุนเยอะ ไม่ต้องถึงขั้นบิลต์ลิ้นชักตู้เครื่องมือทั้งคัน เอาแค่หยิบง่าย มองปุ๊บรู้ปั๊บว่าอยู่ตรงไหนพอครับ
- ใช้กล่องพลาสติกหรือถุงผ้าใบแยกต่างหาก ตั้งชื่อให้ชัด ๆ ไปเลยว่า “Safety Gear” จะเขียนปากกาเมจิก แปะสติกเกอร์ หรือใช้เทปพิมพ์อักษรติดป้ายก็ได้ เวลาเปิดประตูรถมา เราจะได้มองหาแค่กล่องนี้กล่องเดียว
- ด้านในแยกเป็นช่องย่อย ๆ หรือใช้ถุงซิปล็อกช่วยแยก เช่น ถุงสำหรับ “แว่น”, ถุงสำหรับ “ถุงมือ”, ถุงสำหรับ “หน้ากาก”, อีกถุงเป็น “ชุดปฐมพยาบาล” พอจะแกะหาอะไรก็ไม่ต้องคุ้ยทั้งกล่อง
- ของที่ต้องใช้บ่อยที่สุด เช่น แว่นเซฟตี้กับถุงมือ ทำใจดี ๆ หน่อย จัดไว้ตำแหน่งหน้า ๆ ที่หยิบได้ทันที แบบไม่ต้องปีนไปท้ายรถ ไม่ต้องล้วงใต้เบาะ เผื่อเวลาไปหน้างานที่ฝุ่นเยอะ หรือมีใครเรียกให้ช่วยจับงานด่วน แค่เอื้อมมือก็ได้ใช้แล้ว
- ตั้งกฎกับตัวเองง่าย ๆ เลยครับ เดือนละครั้งค่อยเช็กสักที ว่ามีอะไรขาด อะไรพัง อะไรหมดอายุ เช่น แผ่นกรองหน้ากากเริ่มดำแล้วไหม ปลาสเตอร์ปิดแผลยังเหนียวดีอยู่หรือเปล่า ชุดปฐมพยาบาลมีผ้าก๊อซครบไหม เช็กทีเดียวไม่กี่นาที แต่ช่วยให้เราไม่เผชิญเหตุฉุกเฉินแบบ “ของมีแต่ใช้ไม่ได้”
- พอจัดแยกแบบนี้แล้ว ชีวิตง่ายขึ้นเยอะครับ เวลาไปหน้างานไม่ต้องคิดซับซ้อน แค่จำให้ขึ้นใจว่า “ก่อนออกไปหน้างาน หยิบกล่อง อุปกรณ์เซฟตี้ ลงไปด้วยทุกครั้ง” แค่นี้เองครับ จบ ง่าย แต่ช่วยให้เราปลอดภัยขึ้นเยอะ และที่สำคัญคือ ไม่ต้องมานั่งบ่นตัวเองทีหลังว่า “ก็มันมี…แต่หาไม่เจอ”
สรุป
สุดท้ายแล้ว อุปกรณ์เซฟตี้ ที่ควรพกติดรถสำหรับช่างภาคสนามและงานซ่อมด่วน ไม่ได้มีสูตรตายตัวว่าต้องเหมือนกันทุกคน ขึ้นอยู่กับประเภทงานที่คุณเจอบ่อย สภาพหน้างานที่คุณไปเป็นประจำ และความเสี่ยงที่คุณต้องเจอ เพราะในวันที่ทุกอย่างปกติ คุณอาจรู้สึกว่ามันเป็นของเกินจำเป็น แต่ในวันที่ “อะไรสักอย่างเกือบเกิดขึ้น” คุณจะดีใจมากที่วันนั้นคุณหยิบกล่องอุปกรณ์เซฟตี้ลงมาจากรถด้วย
เลือก อุปกรณ์เซฟตี้ ที่นี่
TH
English





