Customers Also Purchased
ในระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เต้ารับ เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ถูกใช้งานบ่อยที่สุด แต่กลับเป็นส่วนที่เรามักไม่ได้ตั้งคำถามมากนักว่ามันทำงานอย่างไรหรือมีข้อจำกัดอะไรอยู่เบื้องหลัง ทั้งที่ความจริงแล้ว เต้ารับ เป็นตำแหน่งที่กระแสไฟจะต้องผ่านก่อนเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด และเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของระบบไฟโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นความร้อนที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน การเสื่อมสภาพของหน้าสัมผัส หรือแม้แต่รายละเอียดทางมาตรฐานที่กำหนดให้โครงสร้างภายในต้องรองรับเงื่อนไขเฉพาะด้านไฟฟ้า
หลายปัญหาในบ้าน—ตั้งแต่ เต้ารับร้อน เต้ารับหลวม ไปจนถึงการลัดวงจรเล็ก ๆ—มักเกิดจากกลไกภายในเต้ารับ ที่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือจากการใช้งานที่เกินพิกัดโดยไม่รู้ตัว น้องช่างเลยรวบรวม 10 ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับ เต้ารับ ที่คุณอาจไม่เคยรู็มาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัสดุ หน้าสัมผัส มาตรฐานที่เกี่ยวข้อง หรือพฤติกรรมการใช้งานที่กระทบกับประสิทธิภาพของมัน
1) เต้ารับ คือจุดที่เกิดความร้อนง่ายที่สุดในระบบไฟฟ้าบ้าน
เต้ารับ ไฟฟ้าเป็นตำแหน่งที่เกิดความร้อนได้ง่ายกว่าส่วนอื่นของระบบไฟฟ้าในบ้าน เพราะภายใน เต้ารับ ประกอบด้วยหน้าสัมผัสโลหะหลายชิ้นที่ต้องกดทับกับก้านปลั๊กเพื่อส่งกระแสไฟฟ้า ทุกครั้งที่เสียบปลั๊ก หน้าสัมผัสเหล่านี้จะเป็นผู้ทำหน้าที่ในการนำไฟเข้าตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าแทบทั้งหมด และเพราะมันเป็นโลหะที่ต้องสัมผัสกันโดยตรง ค่าความต้านทานแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดความร้อนได้ทันที นี่คือหลักการทางไฟฟ้าที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาค่ะ เมื่อมีกระแสไฟไหลผ่านจุดที่มีความต้านทาน ความร้อนจะเพิ่มตามสัดส่วนที่มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟสูง เช่น เตารีดหรือไมโครเวฟ ซึ่งทำให้ เต้ารับ ต้องรองรับโหลดที่หนักมากกว่าช่วงอื่น
ในงานด้านไฟฟ้า หน้าสัมผัสที่เริ่มหลวมเล็กน้อย หรือตัวโลหะมีคราบออกไซด์เพียงชั้นบาง ๆ ก็ทำให้ความต้านทานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแบบที่ตาเปล่าไม่เห็น เมื่อค่าความต้านทานเพิ่มเพียง 0.05–0.1 โอห์ม ความร้อนที่เกิดขึ้นอาจเพิ่มหลายสิบองศา และเนื่องจาก เต้ารับ อยู่ในจุดที่มักไม่ถูกตรวจสอบ การสะสมของความร้อนในระยะยาวจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแบบเงียบ ๆ จนหลายครั้งเราไม่รู้เลยว่าภายในกำลังทำงานหนักเกินตัว
มาตรฐาน IEC 60884-1 จึงกำหนดการทดสอบอุณหภูมิของหน้าสัมผัสอย่างละเอียด เพราะรู้ดีว่าจุดนี้คือจุดอันตรายที่สุดของระบบการจ่ายไฟปลายทาง การที่ เต้ารับ ผ่านมาตรฐานเหล่านี้หมายความว่ามันสามารถรองรับความร้อนที่เกิดขึ้นจากการใช้งานปกติได้ แต่สิ่งที่มาตรฐานไม่สามารถบังคับได้คือ “พฤติกรรมการใช้งาน” ของผู้อาศัย หากมีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหนัก ๆ ใน เต้ารับ จุดเดียวแบบซ้ำ ๆ ความร้อนจะสะสมมากกว่าเงื่อนไขการทดสอบในห้องทดลองทันที
พฤติกรรมที่คนไทยมักทำ เช่น การเอาปลั๊กพ่วงไปเสียบที่ เต้ารับ จุดเดียวแล้วใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ทำให้ เต้ารับ ต้องรองรับความร้อนมากเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และเมื่อ เต้ารับ เริ่มเหลืองหรืออุ่นผิดปกติ ก็เป็นสัญญาณที่บอกว่าอุณหภูมิกำลังสูงขึ้นในระดับที่ไม่ควรนิ่งเฉยค่ะ

2) เต้ารับ 3 ขาไม่ได้ทำงานเสมอไป ถ้าบ้านไม่ได้เดินสายดินมาจริง
เต้ารับ แบบ 3 ขาตามมาตรฐานไทย (มอก.166) มีรูสำหรับกราวด์เพื่อให้รองรับการใช้งานอุปกรณ์ที่มีโครงโลหะ เช่น ตู้เย็น เครื่องซักผ้า หรือไมโครเวฟ โดยออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงไฟรั่ว แต่กลไกนี้จะไม่ทำงานเลยถ้าบ้านไม่ได้เดินสายดินเข้ามายังจุด เต้ารับ จริง ๆ ซึ่งเป็นจุดที่หลายบ้านไม่รู้ และมักเข้าใจว่ามีรูกราวด์แล้วทุกอย่างจะปลอดภัยขึ้น ทั้งที่จริงแล้วความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้นก็ต่อเมื่อระบบกราวด์ถูกเดินอย่างถูกต้องเท่านั้นค่ะ
หลักการของกราวด์คือการนำไฟฟ้าที่รั่วไหลออกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้กระแสเข้าไปสะสมตามโครงโลหะของอุปกรณ์หรือผ่านผู้ใช้ เมื่อไม่มีสายดิน กระแสที่ควรลงดินจะสะสมบนผิวโลหะของเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้เวลาจับอาจรู้สึกจี๊ด ๆ หรือผิวชาชั่วครู่ ซึ่งเป็นสัญญาณของไฟรั่ว ไม่ใช่เรื่องปกติเลยค่ะ และการไม่มีสายดินนั้นไม่สามารถมองเห็นได้จาก เต้ารับ ภายนอก เพราะถึงแม้ เต้ารับ จะมีรูกราวด์ แต่ถ้าไม่ได้เชื่อมต่อกับสายดินจริง ระบบก็ไม่ทำงานอยู่ดี
มาตรฐาน มยผ. 4502-58 และหลักเกณฑ์ของงานระบบในหลายประเทศระบุชัดเจนว่าการต่อกราวด์ต้องมีค่าความต้านทานไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด จึงจะปล่อยกระแสไฟรั่วลงดินได้อย่างรวดเร็ว แต่บ้านไทยทั่วไปมักไม่ได้ตรวจค่ากราวด์เลย ทำให้ เต้ารับ 3 ขาทำตัวเสมือน เต้ารับ 2 ขาโดยอัตโนมัติ
ผลกระทบที่ตามมามักเกิดแบบเงียบ ๆ เช่น เครื่องซักผ้ามีกระแสจิ๊ดเวลาโดนน้ำ ตู้เย็นให้ความรู้สึกเหมือนมีไฟเล็ก ๆ บนผิวโลหะ หรือไมโครเวฟทำให้รู้สึกชาที่มือเมื่อลูบด้านข้าง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลจากการที่กราวด์ไม่ทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ชัดเจนเมื่อเกิดขึ้น
ดังนั้นแม้ เต้ารับ 3 ขาจะดูทันสมัยและปลอดภัย แต่ถ้าสายดินไม่ถูกเดินมาอย่างถูกต้อง ก็เหมือนมีฟีเจอร์ที่ไม่เคยถูกใช้งานเลยค่ะ และการรู้ความจริงนี้จะช่วยให้เราตัดสินใจตรวจระบบสายดินได้ถูกจุดและปลอดภัยขึ้นมาก
3) วัสดุภายใน เต้ารับ สำคัญมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกเสมอ
เต้ารับ ที่ดูคล้ายกันภายนอกอาจมีความแตกต่างภายในอย่างชัดเจนมาก โดยเฉพาะวัสดุที่ใช้ทำหน้าสัมผัส ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการนำกระแสไฟฟ้า เต้ารับ คุณภาพสูงมักใช้วัสดุอย่าง “ทองเหลือง” หรือ “ฟอสเฟอร์บรอนซ์” เพราะมีคุณสมบัติในการนำไฟดี ทนทานต่อการเสียรูป และมีความสามารถในการคืนตัวสูงเมื่อใช้งานซ้ำ ๆ ส่วนน้ำหนักที่มากขึ้นเล็กน้อยของ เต้ารับ ที่ใช้ทองเหลืองก็เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพได้เช่นกัน
ตรงข้าม หาก เต้ารับ ใช้เหล็กชุบเป็นหน้าสัมผัส แม้ภายนอกจะดูสวยและแข็งแรง แต่การนำไฟจะด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด เหล็กมีความต้านทานสูงกว่าและเกิดสนิมได้ง่ายเมื่อมีความชื้นสะสม การเกิดสนิมบนหน้าสัมผัสทำให้การนำไฟแย่ลง เมื่อการนำไฟแย่ลง ความร้อนจะเพิ่มขึ้น และเมื่อความร้อนเพิ่มขึ้น วัสดุจะเสื่อมเร็วขึ้น นี่คือวงจรที่ทำให้ เต้ารับ บางรุ่นร้อนง่ายหรือพังเร็วมาก
มาตรฐาน IEC กำหนดให้วัสดุภายใน เต้ารับ ต้องทนต่อการเสียบ–ถอดอย่างน้อยหลายพันครั้ง ซึ่งหมายความว่าแรงบีบต้องคงที่แม้ใช้งานหนัก อย่างไรก็ตาม เต้ารับ ราคาถูกหลายรุ่นไม่ได้สามารถทนต่อจำนวนครั้งเหล่านี้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ทำให้แรงบีบลดลงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็น เต้ารับหลวม ทั้งที่ใช้งานมาไม่นาน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าหน้าสัมผัสเริ่มเสื่อมอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อวัสดุภายในไม่ดี ผลกระทบจะเกิดขึ้นแบบเงียบ ๆ เช่น เสียบปลั๊กแล้วรู้สึกหลวมขึ้นเล็กน้อย อุปกรณ์บางชนิดทำงานแปลก ๆ เช่น กระพริบเอง หรือ เต้ารับอุ่นขึ้นในเวลาใช้งาน นี่เป็นตัวบ่งชี้ว่า เต้ารับ กำลังเริ่มเสื่อมตามวัสดุภายในที่รองรับการทำงานไม่ไหวแล้ว
ดังนั้นเวลาเลือก เต้ารับ ไม่ควรดูที่ความสวยภายนอกเพียงอย่างเดียว เพราะคุณภาพที่แท้จริงของ เต้ารับ อยู่ที่วัสดุด้านในมากกว่า และการเลือก เต้ารับ ที่ใช้วัสดุที่ดีคือการลงทุนความปลอดภัยในระยะยาวค่ะ

4) เต้ารับ รองรับเพียง 10A หรือ 16A เท่านั้น และการใช้งานเกินพิกัดเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในบ้านไทย
เต้ารับ ที่ใช้กันทั่วไปในบ้านส่วนใหญ่รองรับกระแสไฟฟ้าเพียง 10A หรือ 16A ซึ่งคิดเป็นกำลังไฟประมาณ 2,200–3,500 วัตต์ แต่ในชีวิตประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเตารีด ไมโครเวฟ หรือกาน้ำร้อนล้วนมีการกินไฟที่เข้าใกล้ค่านี้มาก โดยเฉพาะเมื่อมีการต่อปลั๊กพ่วงและเสียบอุปกรณ์หลายชนิดพร้อมกันใน เต้ารับ แค่จุดเดียว การใช้งานแบบนี้ทำให้ เต้ารับ ต้องรับโหลดที่สูงเกินพิกัดอย่างต่อเนื่อง
หลักการทางไฟฟ้าแบบง่าย ๆ คือเมื่อใช้ไฟสูงขึ้น ความร้อนจะสูงขึ้นตามไปด้วย และความร้อนใน เต้ารับ ถ้าเกิดขึ้นซ้ำ ๆ จะทำให้วัสดุภายในเริ่มบิดตัวเล็กน้อย เสื่อมสภาพ ขยายตัว และหดตัวจนหน้าสัมผัสหลวม ทำให้ค่าความต้านทานเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งก็ทำให้ความร้อนเพิ่มตามไปอีก เรียกว่าเป็นการเสื่อมสภาพแบบทวีคูณและต่อเนื่อง
มาตรฐานจึงกำหนดให้ เต้ารับ รองรับโหลดเฉพาะภายในช่วงที่กำหนด และไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้งานหนักแบบการต่อพ่วงหลายอุปกรณ์ทั้งครัว เช่น หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ กาน้ำ และเตารีดในเวลาเดียวกัน แต่เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ากินไฟสูงในชีวิตประจำวันและมักมีปลั๊กไม่พอในจุดที่ต้องการ จึงเกิดสภาพใช้งานเกินพิกัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อ เต้ารับ ต้องรับโหลดหนักในระยะเวลานาน ผลที่เกิดจะเริ่มจาก เต้ารับ อุ่นขึ้น กลายเป็นร้อนขึ้น และสุดท้ายอาจทำให้พลาสติกเริ่มบิดตัวหรือกรอบ แตก หรือมีรอยไหม้เล็ก ๆ ปรากฏขึ้นโดยไม่ทันสังเกต ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลจากการใช้งานที่เกินความสามารถของ เต้ารับ โดยตรง
เมื่อเข้าใจว่าความสามารถของ เต้ารับ มีข้อจำกัดที่ชัดเจน การวางแผนการใช้ไฟให้เหมาะสม เช่น การแยกโหลด การใช้ปลั๊กหลายจุด หรือเพิ่มวงจรเฉพาะสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าหนัก จึงเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงได้มากค่ะ
5) เต้ารับ ที่มีชัตเตอร์ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้จริง แม้ไม่ได้มีเด็กในบ้าน
ชัตเตอร์เป็นระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความปลอดภัย โดยใช้กลไกแผ่นปิดภายใน เต้ารับ ที่เปิดเฉพาะเมื่อเสียบปลั๊กสองขาพร้อมกัน จึงป้องกันวัตถุแปลกปลอมขนาดเล็ก เช่น คลิป ลวด หรือเศษโลหะ ไม่ให้เข้าไปโดนหน้าสัมผัสไฟฟ้าโดยไม่ตั้งใจ
ในเชิงเทคนิค การมีชัตเตอร์ช่วยลดโอกาสเกิด “การลัดวงจรแบบไม่สมบูรณ์” (partial short circuit) เพราะวัตถุปลายแหลมที่เข้าไปเพียงด้านเดียวอาจทำให้เกิดประกายไฟขนาดเล็กที่ตาเปล่ามองไม่เห็น แต่เพียงพอที่จะทำให้หน้าสัมผัสเกิดคราบไหม้ บิดงอ หรือส่งผลให้ เต้ารับ เสื่อมเร็วกว่าปกติ
หลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร กำหนดให้ เต้ารับ ต้องมีชัตเตอร์ตามมาตรฐาน BS 1363 อย่างเคร่งครัด เพราะเห็นผลชัดเจนในด้านการป้องกันอุบัติเหตุ โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างงานบ้าน งานบำรุงรักษา หรือช่วงที่ผู้ใหญ่เผลอทำวัตถุเล็ก ๆ ตกใกล้ เต้ารับ ซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าที่คิดค่ะ
ในบริบทของบ้านไทย แม้จะไม่ได้มีเด็กอยู่ในบ้าน การมีชัตเตอร์ก็ช่วยลดโอกาสลัดวงจรจากสิ่งแปลกปลอมได้มาก และเป็นคุณสมบัติที่เพิ่มความปลอดภัยแบบไม่ยุ่งยาก เพราะทุกอย่างถูกซ่อนอยู่ภายในโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรเป็นพิเศษเลยค่ะ
6) ค่า IP ไม่ได้เหมือนกันทุกระดับ และ IP44 ไม่ใช่กันน้ำแบบที่หลายคนคิด
การกันน้ำของ เต้ารับ ไม่ได้แปลว่า “กันน้ำได้ทุกแบบ” แต่ถูกกำหนดโดยระดับ IP (Ingress Protection) ซึ่งประกอบด้วยตัวเลขสองหลัก ตัวเลขหลังเป็นระดับการกันน้ำ เช่น IP44, IP55, IP66 แต่ละระดับมีความสามารถต่างกันอย่างชัดเจน
IP44 สามารถกันละอองน้ำที่สาดเข้ามาได้จากทุกทิศทาง แต่ไม่รองรับน้ำพุ่งแรง ๆ เช่น น้ำจากสายฉีดล้างรถหรือเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ในขณะที่ IP55 รองรับน้ำที่พุ่งเข้ามาแรงระดับกลาง และ IP66 สามารถรับน้ำพุ่งแรงได้อย่างเต็มที่ในระดับที่ใช้ในบริเวณล้างรถหรือล้างพื้น
มาตรฐาน IEC 60529 จึงกำหนดรายละเอียดของระดับ IP เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในการเลือกใช้อุปกรณ์ หลายบ้านเลือกใช้ เต้ารับ IP44 ในพื้นที่กลางแจ้งหรือพื้นที่ที่มีโอกาสโดนน้ำแรง ๆ เพราะเข้าใจว่าการมีคำว่า “กันน้ำ” คือใช้ได้หมด แต่ความจริงแล้วหากน้ำพุ่งเข้าด้วยแรงมากพอ น้ำสามารถซึมผ่านจุดเชื่อมต่อเล็ก ๆ ตามระหว่างฝาปิดหรือผ่านช่องเล็ก ๆ ข้างใน เต้ารับ ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนไม่รู้ จนทำให้เกิดสนิมหรือไฟช็อตเมื่อใช้งานในระยะยาว
ในชีวิตจริง พื้นที่ล้างรถ ล้างพื้น หรือบริเวณใกล้สายฉีดน้ำควรใช้ เต้ารับ ที่มีค่า IP55 หรือ IP66 เพื่อให้รองรับน้ำพุ่งที่มีแรงดันตรงตามเงื่อนไขใช้งาน และช่วยลดปัญหาเรื่องความชื้นสะสมภายใน เต้ารับ ได้มากค่ะ

7) เต้ารับ แบบลอยไม่ได้อันตรายกว่าแบบฝัง ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับการติดตั้งมากกว่า
หลายคนคุ้นชินกับ เต้ารับแบบฝังผนัง และรู้สึกว่า เต้ารับแบบลอย ดูชั่วคราวหรือไม่ทันสมัยเท่าแบบฝัง แต่ในมุมของงานไฟฟ้า เต้ารับแบบลอย ไม่ได้มีความปลอดภัยน้อยกว่าแบบฝังเลย ทั้งสองแบบถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานตามมาตรฐานเดียวกัน จุดสำคัญอยู่ที่การติดตั้งมากกว่า
เต้ารับแบบลอย ถูกใช้แพร่หลายในงานอุตสาหกรรมและพื้นที่ที่ต้องการเข้าถึงงานบำรุงรักษาได้ง่าย เช่น โรงงานหรือพื้นที่ที่อาจต้องปรับปรุงในอนาคต การติดตั้งแบบลอยช่วยให้สายไฟไม่ถูกฝังในผนัง ทำให้การตรวจสอบหรือเปลี่ยนแปลงทำได้ง่ายกว่าและรวดเร็วกว่า นอกจากนี้ การติดตั้งแบบลอยยังช่วยลดปัญหาความร้อนสะสมในผนัง เพราะโครงสร้างมีการระบายอากาศมากกว่า
มาตรฐาน IEC 60884 ไม่ได้กำหนดว่าแบบใดปลอดภัยกว่า เพราะทั้งสองแบบสามารถทำให้ปลอดภัยเท่ากันได้เมื่อใช้วัสดุที่ถูกต้อง การยึดที่แน่นหนา และการเดินสายที่ถูกขนาดตามมาตรฐาน ด้วยเหตุนี้ เต้ารับแบบลอย จึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ด้อยกว่า แต่เป็นทางเลือกหนึ่งที่เหมาะสมเมื่อบ้านหรือพื้นที่มีข้อจำกัด เช่น ผนังบางหรือผนังยิปซัมที่เจาะไม่ได้
ในชีวิตประจำวัน การเลือกใช้ เต้ารับ แบบลอยหรือฝังจึงขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของพื้นที่ และสิ่งสำคัญที่สุดคือการติดตั้งอย่างถูกวิธีโดยช่างที่มีความรู้ค่ะ
8) เต้ารับ หลวมอาจเกิดจากปลั๊กบางยี่ห้อที่ทำก้านใหญ่เกินมาตรฐาน
การที่ เต้ารับ เริ่มหลวมเวลาเสียบปลั๊กอาจไม่ได้หมายความว่า เต้ารับ คุณภาพต่ำเสมอไป แต่อาจเกิดจากก้านปลั๊กของอุปกรณ์บางยี่ห้อที่มีขนาดใหญ่เกินช่วงความคลาดเคลื่อนที่มาตรฐานกำหนด เมื่อเสียบปลั๊กที่มีขนาดใหญ่เกินเข้ากับ เต้ารับ บ่อย ๆ แรงบีบของหน้าสัมผัสภายใน เต้ารับ จะค่อย ๆ คลายตัวเร็วกว่าปกติ ทำให้เต้ารับ หลวมก่อนเวลาอันควร
มาตรฐาน IEC และ มอก. มีการกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนของขนาดก้านปลั๊กไว้ชัดเจน แต่ผู้ผลิตบางรายอาจผลิตปลั๊กที่มีขนาดอยู่บนช่วงสูงสุดของค่าคลาดเคลื่อน หรือเลยออกมานิดเดียว ซึ่งในทางไฟฟ้าแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การใช้งานจริงเมื่อมีการเสียบ–ถอดเป็นร้อย หรือเป็นพันครั้ง จะทำให้โลหะภายใน เต้ารับ อ่อนตัวเร็วขึ้น
เมื่อ เต้ารับ เริ่มหลวม ค่าความต้านทานที่จุดสัมผัสจะเพิ่มขึ้น ความร้อนจะเกิดมากขึ้น และ เต้ารับ จะเสื่อมสภาพเร็วขึ้น การหลวมแม้เพียงเล็กน้อยนี้คือปัจจัยที่ทำให้ เต้ารับ ร้อนจนมีรอยไหม้ในหลายกรณี ทั้งที่ผู้ใช้คิดว่า เต้ารับ ยังใช้งานได้ดีอยู่
ดังนั้นการเลือกปลั๊กและ เต้ารับ ที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ และเมื่อมีอุปกรณ์ใดที่เสียบยากผิดปกติ ก็ควรหลีกเลี่ยง ไม่ควรฝืนใช้งาน เพราะผลเสียไม่ได้เกิดที่ปลั๊กเท่านั้น แต่เกิดความเสียหายต่อ เต้ารับ ด้วยค่ะ
9) พลาสติกทนไฟของ เต้ารับ ไม่ได้ทำให้รองรับกระแสได้มากขึ้น
เต้ารับ บางรุ่นใช้พลาสติกทนไฟซึ่งผ่านการทดสอบ Glow Wire Test ตามมาตรฐาน IEC 60695-2-11 ทำให้เวลาเกิดความร้อนสูง พลาสติกจะไม่ลามไฟหรือติดไฟง่าย นี่เป็นคุณสมบัติที่ช่วยลดความเสี่ยงไฟไหม้ แต่ไม่ได้ทำให้ เต้ารับ สามารถรองรับกระแสไฟมากขึ้น เพราะความสามารถในการรองรับโหลดขึ้นอยู่กับหน้าสัมผัสโลหะด้านในเป็นหลัก ไม่ใช่เปลือกพลาสติก
ในเชิงเทคนิค ส่วนที่ควบคุมค่ากระแสสูงสุดคือวัสดุและขนาดหน้าสัมผัส เพราะเป็นส่วนที่นำไฟโดยตรง การโฆษณาว่าพลาสติกเกรดดีจึงเป็นเพียงข้อดีในด้านความปลอดภัย ไม่เกี่ยวกับการรองรับไฟหนัก ๆ แต่อย่างใด
ผลกระทบจากการเข้าใจผิดเรื่องนี้ทำให้หลายบ้านเลือก เต้ารับ จากรูปลักษณ์ภายนอก และความรู้สึกว่าตัว เต้ารับ ดู “แน่นและทน” มากกว่า แต่ความจริงแล้วความสามารถในการรองรับไฟสูง ๆ เช่น อุปกรณ์ครัวหรืออุปกรณ์ทำความร้อนนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างโลหะด้านในทั้งหมดค่ะ
การเลือกเต้ารับที่ผ่านมาตรฐาน เช่น มอก.166 หรือ IEC 60884-1 จึงเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้มากกว่าการดูแค่เปลือกภายนอก เพราะมาตรฐานจะครอบคลุมความสามารถในการรองรับโหลดตามที่กำหนด ไม่ใช่แค่คุณสมบัติบางข้อ เช่น ความทนไฟของพลาสติกเท่านั้น
10) เต้ารับ มีอายุการใช้งานจริงประมาณ 8–10 ปี แม้ยังใช้งานได้แต่ความปลอดภัยลดลงเรื่อย ๆ
แม้ เต้ารับ จะเป็นอุปกรณ์ที่มีความทนทาน แต่ก็มีอายุการใช้งานจำกัดตามวัสดุและโครงสร้างภายใน มาตรฐาน IEC 60884 กำหนดให้ เต้ารับ ต้องทนต่อการเสียบ–ถอดอย่างน้อย 5,000 ครั้ง แต่ในชีวิตจริงเมื่อเวลาผ่านไป 8–10 ปี วัสดุภายใน เช่น สปริงหรือหน้าสัมผัสโลหะ จะค่อย ๆ เสียแรงบีบ ทำให้ เต้ารับ เริ่มหลวมโดยที่เราอาจไม่ทันสังเกต
เมื่อแรงบีบลดลง ค่าความต้านทานเพิ่มขึ้น ความร้อนจะเกิดมากขึ้นในระหว่างใช้งาน และในบางครั้งอาจเกิดเป็นความร้อนสะสมที่ทำให้พลาสติกด้านในเริ่มกรอบหรือมีรอยไหม้เล็ก ๆ เมื่อพิจารณาจากภายนอกอาจเห็นไม่ชัด แต่ภายใน เต้ารับ อาจมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว
บ้านที่สร้างมานานกว่าหนึ่งทศวรรษและไม่เคยเปลี่ยน เต้ารับ เลยจึงมีความเสี่ยงสูง แม้ เต้ารับ จะยังใช้งานได้ดี ดูแข็งแรง และยังเสียบติด แต่ประสิทธิภาพของการนำไฟไม่ได้เหมือนเมื่อแรกติดตั้งแล้ว การเปลี่ยน เต้ารับ ให้เหมาะสมกับอายุการใช้งานจึงเป็นการอัปเกรดความปลอดภัยของบ้านด้วยค่าใช้จ่ายไม่สูง แต่ให้ประโยชน์คุ้มค่ามากค่ะ
TH
English






