Customers Also Purchased
หลายๆคนอาจจะคิดว่า เลื่อย พับ เอาไว้ตัดกิ่งไม้เล็ก ๆ เท่านั้น แต่…หลังจากได้ลองใช้งานจริง ทั้งในงานสวน ตัดไม้งาน DIY หรือแม้แต่ตัดท่อ PVC หรือไม้แข็ง ๆ เราถึงได้รู้ว่า เลื่อย พับ ดี ๆ เป็นเครื่องมือที่ช่วยงานของเราได้ดีเลยครับ มันทั้งเบา พกง่าย พับเก็บแล้วไม่ต้องกลัวคมไปโดนของในกระเป๋า แถมใช้งานได้หลากหลายเกินคาด ตั้งแต่ตัดกิ่งไม้ในสวน จัดการเศษไม้ก่อสร้าง ไปจนถึงช่วยงานช่างเล็ก ๆ ในบ้าน แต่แน่นอนครับ…ของแบบนี้มันก็มีทั้งรุ่นที่ “ใช้งานได้จริง” กับรุ่นที่ “แค่พอใช้ได” ซึ่งตรงนี้แหละที่หลายคนสับสน
เพราะงั้นในบทความนี้ เราเลยอยากเล่าจากประสบการณ์ตรงของคนที่ลองมาหลายแบบ ทั้ง เลื่อย ฟันหยาบ ฟันละเอียด รุ่นราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ว่ามันต่างกันยังไง ใช้งานได้จริงแค่ไหน และถ้าคุณคิดจะซื้อไว้ติดบ้านหรือติดเป้เดินป่า ควรเลือกแบบไหนถึงจะคุ้มค่าที่สุด
จุดเริ่มต้นของ เลื่อย พับ
เลื่อย พับ ไม่ได้เกิดมาเพื่อโชว์ความเท่ หรือเอาไว้สะพายข้างเป้ให้ดูสายแอดเวนเจอร์อย่างเดียวหรอกครับ แต่มันเกิดขึ้นจาก ความจำเป็นจริง ๆ ของคนที่ต้องพกเครื่องมือออกไปทำงานนอกสถานที่อยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นช่างซ่อม ช่างสวน หรือคนที่ชอบเดินป่า แคมป์ปิ้ง เพราะเวลาอยู่ข้างนอกแบบนั้น คุณไม่มีทางรู้เลยว่าจะต้องตัดอะไรบ้าง บางทีแค่กิ่งไม้ขวางทาง หรือท่อนไม้ที่ต้องใช้ก่อไฟ ถ้ามี เลื่อย พับ ติดตัวไว้สักอัน ก็ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นเยอะครับ
จริง ๆ แล้วต้นกำเนิดของ เลื่อย พับ มันเริ่มมาจากฝั่งญี่ปุ่นครับ เพราะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องมืองานไม้ระดับโลก และ เลื่อย ของเขาก็ไม่เหมือนใคร เพราะเขาเน้นการ ตัดตอนดึง หรือที่เรียกว่า Pull Stroke ต่างจาก เลื่อย ตะวันตกที่ต้อง ผลักออก ตอนตัด ซึ่งฟังดูเล็กน้อย แต่ผลมันต่างมากเลยครับ ฟันเลื่อยแบบญี่ปุ่นจะคมและบางกว่า ทำให้ตัดได้เรียบกว่า ใช้แรงน้อยกว่า แต่ต้องใจเย็นและดูแลให้ดี เพราะคมมากและหักง่ายกว่าถ้าเผลอบิดแรง
หลังจากนั้นก็มีคนเอาแนวคิดนี้ไปต่อยอดให้พับเก็บได้ เหมือนมีดพก พอพับแล้วใบเลื่อยจะซ่อนอยู่ในด้าม ช่วยป้องกันคม เลื่อย ไม่ให้บาดมือ หรือไปเฉี่ยวของในกระเป๋า แถมยังพกพาง่ายขึ้นอีกเยอะ เรียกได้ว่าเป็นการ “อัปเกรดจากเลื่อยสวนธรรมดา ให้กลายเป็นของที่พกไปได้ทุกที่”

แล้วใช้งาน เลื่อย พับ ได้จริงแค่ไหน?
พูดกันแบบตรงไปตรงมาเลยครับ เลื่อย พับ ใช้งานได้จริงแน่นอน แต่ต้องรู้จัก ขอบเขตของมัน ด้วย ไม่ใช่ว่าจะเอาไปตัดทุกอย่างตั้งแต่ไม้กิ่งเล็กยันลำต้นใหญ่ระดับเสาไฟ เพราะถึงแม้จะคมแค่ไหน ถ้าเกินกำลังของเครื่องมือ มันก็มีสิทธิ์พังหรือหลวมได้เหมือนกันครับ
เลื่อย พับ นี่ตัดไม้หน้ากว้างประมาณ 8–10 เซนติเมตรได้สบายเลย โดยเฉพาะไม้เนื้ออ่อนอย่างยางพารา ไม้ยูคา หรือไม้เบญจพรรณทั่วไป ถ้าใช้ถูกจังหวะ ตัดเนียนเหมือนใช้เลื่อยใหญ่ แต่ถ้าเจอไม้แข็งพวกประดู่ แดง หรือไม้เก่าที่แน่นจัด ๆ ก็ต้องใจเย็นหน่อยครับ ใช้แรงมากขึ้นนิด และอาจต้องพักมือบ้างระหว่างตัด ไม่งั้นได้แค่แรงหมดก่อนไม้ขาดแน่
เราเองเคยลองเอา เลื่อย แบบพับ ไปตัดไม้โอ๊คขนาดประมาณ 7 เซนติเมตร ใช้เวลาราว ๆ 2 นาทีได้ครับ เทคนิคคือ อย่ารีบ ให้ดึงช้า ๆ แต่คมทุกจังหวะ ปล่อยให้ฟันมันกัดเนื้อไม้เอง การพยายามผลัก ดึงเร็วเกินไปนอกจากจะเหนื่อยเปล่า ยังทำให้ฟัน เลื่อย สึกไว แถมรอยตัดก็จะเบี้ยว ดูไม่เนียนอีกต่างหาก ส่วนงานทั่วไปอย่าง ตัดไม้ทำเฟอร์นิเจอร์เล็ก ๆ ตัดกิ่งไม้ในสวน หรือตัดท่อ PVC ถือว่า “เอาอยู่แน่นอนครับ” แถมยังสะดวกกว่าแบกเลื่อยใหญ่เยอะ
แต่ถ้าใครคิดจะใช้ตัดไม้ท่อนหนา 20 เซนติเมตรขึ้นไป หรือต้องใช้งานต่อเนื่องทั้งวันแบบงานสวนเชิงพาณิชย์ เราแนะนำให้ใช้ เลื่อยลันดา หรือเลื่อยยนต์ไปเลยจะดีกว่า เพราะ เลื่อย พับ ถูกออกแบบมาให้คล่องตัว ไม่ได้เน้นกำลังแรงขนาดนั้น ใช้หนักเกินไปเดี๋ยวด้ามกับบานพับจะเริ่มหลวม เสียดายของครับ
สรุปง่าย ๆ เลยคือ “เลื่อย พับ มันทำได้จริง แต่ต้องรู้ว่าอะไรที่มันไม่ควรทำ” ถ้าใช้ถูกที่ถูกงาน มันจะกลายเป็นเครื่องมือที่คุณอยากพกติดตัวทุกครั้งเวลาออกไปหน้างานแน่นอนครับ
ข้อดีที่ทำให้ เลื่อย พับ ยังครองใจสายช่างและสายแคมป์
เลื่อย พับ พกง่ายและปลอดภัย
สามารถพับเก็บแล้วไม่มีฟันโผล่ ไม่ต้องกลัวบาดมือหรือของในกระเป๋า เสียบไว้ข้างขาเป้หรือกล่องเครื่องมือก็สบายใจ และจุดนี้สำคัญมากสำหรับคนที่ต้องเดินป่า หรือขึ้นที่สูง เพราะ เลื่อย พับ ช่วยลดความเสี่ยงบาดเจ็บจากการสะพายเครื่องมือคม ๆ ไว้ข้างตัว อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้คมเสียหายจากการกระแทกกับของอื่นในกระเป๋าได้ด้วยเลื่อย พับ น้ำหนักเบาแต่ใช้งานได้จริง
รุ่นมาตรฐานหนักไม่ถึงครึ่งกิโลกรัม แต่สามารถตัดไม้ได้จริงจัง บางรุ่นใช้วัสดุเหล็ก SK5 เคลือบเทฟลอน ลดแรงเสียดทานตอน เลื่อย นอกจากนี้น้ำหนักที่เบายังช่วยให้ควบคุมทิศทางได้ดีกว่า โดยเฉพาะเมื่อ เลื่อย ในมุมแคบหรือบนที่สูง ทำให้มือไม่ล้าและลดโอกาสฟันสะดุดระหว่างตัดไม่ต้องมีไฟฟ้า / แบตเตอรี่
พร้อมใช้เสมอ เหมาะกับสถานที่ไม่มีปลั๊กหรือไม่สะดวกชาร์จไฟ เช่น ในสวนหรือป่า และยังตอบโจทย์คนที่ชอบเครื่องมือแบบไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป ใช้งานได้แม้ฝนตกหรือไฟดับ เพราะแรงจากมือเรานั่นแหละคือพลังหลักของมันรอยตัดเรียบ คุมง่าย
เลื่อย พับ ให้รอยตัดที่เรียบกว่า เลื่อยไฟฟ้าราคาถูกด้วยซ้ำ เพราะฟันละเอียดและแรงดึงคมคงที่ แถมยังควบคุมองศาได้ง่ายกว่าในงานละเอียด เช่น การตัดไม้ตกแต่ง หรือทำเฟรมเล็ก ๆ ที่ต้องการความเนียนของแนวเส้นตัด เลื่อยญี่ปุ่นพับได้ให้รอยตัดที่เรียบกว่าเลื่อยไฟฟ้าราคาถูกด้วยซ้ำ เพราะฟันละเอียดและแรงดึงคมคงที่

ข้อจำกัดที่ควรรู้ก่อนซื้อ เลื่อย พับ
- ไม่เหมาะกับงานตัดไม้หนามากเกินไป: ฟันเลื่อย และด้ามจะเริ่มบิดถ้าออกแรงมากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อเจอไม้เนื้อแข็งหรือไม้เก่าที่มีความแน่นของเนื้อสูง หากฝืนใช้งานอาจทำให้ใบงอหรือบิดถาวรได้
- บานพับเป็นจุดอ่อนสำคัญ: ถ้าใช้แรงมากหรือตัดไม้แข็งเกินไป อาจทำให้หลวมได้ ต้องเลือกแบบที่ใช้หมุดโลหะคุณภาพดี และหมั่นตรวจสอบสภาพการล็อกอยู่เสมอ เพราะบานพับที่หลวมจะส่งผลให้แรงตัดลดลงและเกิดอันตรายได้ง่าย
- รอยตัดจะคดง่ายหากรีบเกินไป เพราะ เลื่อย พับ มีขนาดใบสั้นกว่า เลื่อย ทั่วไป ต้องคุมองศาให้ดี และควรเลื่อยด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ไม่ออกแรงผลักเร็ว ๆ จนใบเลื่อยสั่น เพราะนอกจากจะคดแล้วยังทำให้ฟันสึกเร็วอีกด้วย
- บางรุ่นเปลี่ยนใบไม่ได้: ถ้าใบหักหรือฟันบิ่นต้องเปลี่ยนทั้งด้าม ดังนั้นก่อนซื้อควรตรวจสอบว่ามีอะไหล่ใบเลื่อยให้เปลี่ยนหรือไม่ เพื่อความคุ้มค่าในระยะยาว และหลีกเลี่ยงการทิ้งทั้งด้ามเพราะแค่ฟันบิ่นเล็กน้อย
เลือก เลื่อย พับ ยังไงให้ได้ของดี?
เวลาจะซื้อ เลื่อย พับ ซักอัน เราแนะนำเลยครับว่าอย่าเลือกจากแค่ “หน้าตา” หรือ “ราคาถูกสุดในชั้นวาง” เพราะแม้จะดูเหมือนของเรียบง่าย แต่รายละเอียดเล็ก ๆ พวกนี้แหละที่เป็นตัวแบ่งระหว่าง “ของเล่น” กับ “ของทำงานจริง”
เริ่มจาก วัสดุใบเลื่อย ก่อนเลยครับ อันนี้สำคัญสุด ๆ ถ้าอยากได้ของที่ใช้นานและคมจริง ให้มองหาใบที่ทำจากเหล็ก SK5 หรือวัสดุเทียบเท่า เหล็กเกรดนี้ขึ้นชื่อเรื่อง “ความคม” และ “ความยืดหยุ่น” คือไม่หักง่ายเวลาบิดหรือออกแรงตัดไม้แข็ง ๆ ผมเคยลองรุ่นถูกที่ใช้เหล็กบางเกินไป แค่เผลอบิดนิดเดียวใบงอถาวรเลยครับ ต้องโยนทิ้งทั้งด้าม เสียดายมาก
ต่อมาเรื่อง ระบบล็อกใบ อย่ามองข้ามเด็ดขาด! เลื่อย พับ บางรุ่นล็อกหลวม พอออกแรงหน่อย ใบเด้งกลับเฉียดมือ ผมเคยเจอมากับตัวแล้วครับ หัวใจแทบหยุดเต้น ดังนั้นควรเลือกรุ่นที่มี “ระบบล็อกแน่นหนา” หรือดีกว่านั้นคือ “ล็อกได้หลายมุม” เพราะช่วยให้ตัดไม้ในมุมแปลก ๆ หรือพื้นที่แคบ ๆ ได้ง่ายขึ้นมาก
ฟันเลื่อย ก็เป็นอีกจุดที่หลายคนไม่ค่อยสนใจ ทั้งที่มันมีผลกับการใช้งานสุด ๆ
- ฟันใหญ่ ตัดเร็ว เหมาะกับไม้สด ๆ อย่างกิ่งไม้ในสวน
- ฟันกลาง สมดุล ใช้ได้รอบด้าน ตัดไม้ทั่วไปได้ทั้งสดและแห้ง
- ฟันละเอียด เหมาะกับงานเนี๊ยบ เช่น ไม้แข็งหรือท่อ PVC เพราะให้รอยตัดเรียบ ไม่บิ่น
ส่วนเรื่อง ด้ามจับ นี่สำคัญไม่แพ้ใบเลยครับ เพราะต่อให้ใบคมยังไง ถ้าด้ามลื่นหรือจับไม่ถนัดก็เสี่ยงหลุดมือได้ง่าย โดยเฉพาะเวลามีเหงื่อหรือฝนตก ผมแนะนำให้เลือกแบบที่หุ้มยางกันลื่น หรือมี Texture จับแล้วรู้สึกแน่นมือ ไม่ต้องบีบแรงมากก็มั่นคง
สุดท้ายคือ น้ำหนักและขนาดตอนพับเก็บ ถ้าคุณเป็นสายพกพาไปแคมป์หรือเดินป่า รุ่นที่ใบยาวประมาณ 180–210 มิลลิเมตรกำลังดีเลยครับ พับแล้วไม่เกิน 25 เซนติเมตร ใส่กระเป๋าเป้ได้แบบไม่เกะกะ แต่ถ้าใช้ในบ้านหรืองานไม้ที่มีพื้นที่ทำงานสบาย ๆ จะเลือกใบยาวหน่อยก็ได้ ตัดไม้ได้เร็วกว่า
พูดง่าย ๆ เลยครับ เลื่อย แบบพับได้ ไม่ได้อยู่ที่ “แบรนด์” แต่อยู่ที่ “รายละเอียดเล็ก ๆ” พวกนี้แหละที่ทำให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยทุกครั้งที่หยิบขึ้นมา

สรุป
หลังจากใช้ เลื่อย แบบพับ มาหลายปี ทั้งตัดไม้ ทำรั้ว ตัดท่อ PVC และพกไปตั้งแคมป์ ผมสรุปได้ว่า… เลื่อย แบบพับได้ ใช้งานได้จริง ถ้าเลือกให้ถูกงานและไม่คาดหวังเกินขีดจำกัดของมัน มันอาจไม่แรงเท่า เลื่อยไฟฟ้า ไม่เร็วเท่า เลื่อยวงเดือน แต่ความคล่องตัวและความปลอดภัยของมันคือข้อได้เปรียบใหญ่ โดยเฉพาะในงานภาคสนาม หรือช่างที่ต้องเดินทางบ่อย
บางครั้งเครื่องมือที่ดีที่สุด ไม่ใช่เครื่องมือที่แพงหรือแรงที่สุดครับ แต่คือเครื่องมือที่ อยู่กับเราได้ทุกที่ และทำงานได้ทุกครั้งที่ต้องใช้ — และเลื่อยพับได้ ก็เป็นหนึ่งในนั้นแน่นอนครับ
เลือก เลื่อย ให้เหมาะกับการใช้งาน
TH
English




