Customers Also Purchased
เวลาพูดถึงการดูแล ลูกปืน (Bearing) หลายคนมักจะพูดประโยคคลาสสิกว่า “ใส่จาระบีเยอะ ๆ ดีกว่าไม่มี” น้องช่างได้ยินทีไรก็ต้องอมยิ้มทุกทีค่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้ว… “จาระบีเยอะไป” ทำร้ายลูกปืนได้พอ ๆ กับ “ไม่มีจาระบีเลย” พูดให้เห็นภาพก็คือ จาระบีที่มากเกินไปไม่ได้ช่วยให้ลูกปืนอยู่ได้นานขึ้น แต่กลับทำให้มันทำงานหนักขึ้นโดยไม่จำเป็น เกิดความร้อนสะสม เสียดสีเพิ่ม และสุดท้ายอายุการใช้งานของลูกปืนจะสั้นลงแบบไม่รู้ตัว บทความนี้น้องช่างเลยจะมาเล่าให้ฟังว่า ลูกปืนต้องการจาระบีแค่ไหนถึงจะพอดี? ทำไมถึงต้องระวังเรื่องนี้นัก? แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าลูกปืนเรากำลัง “จุกจาระบี” อยู่หรือเปล่า
ลูกปืน คือหัวใจของการหมุน
ในโลกของงานช่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรใหญ่ในโรงงาน หรือมอเตอร์ตัวเล็กในบ้าน “ลูกปืน” คือจุดเล็ก ๆ ที่รับภาระหนักที่สุด ลูกปืนทำหน้าที่รับแรงหมุน ลดแรงเสียดทาน และทำให้เพลาหมุนได้เรียบ ลื่น และเงียบที่สุด
ภายในลูกปืนจะมีลูกบอลหรือเม็ดกลิ้ง (roller) วิ่งอยู่ในร่องเหล็กที่เรียกว่า “ร่องทางวิ่ง” (raceway) และทุกอย่างในนั้นจะหมุนด้วยความเร็วสูงมาก ถ้าไม่มีชั้นหล่อลื่นคั่นกลางระหว่างเหล็กกับเหล็ก แค่ไม่กี่นาทีก็อาจเกิดความร้อนจนถึงขั้นละลายหรือจับตัวแน่นจนหมุนไม่ได้เลยค่ะ นี่แหละที่มาของ “จาระบี” ตัวช่วยสำคัญที่คอยเคลือบและปกป้องผิวของลูกปืนให้ทำงานได้ยาวนานขึ้น

บทบาทของจาระบีในลูกปืน
จาระบีในลูกปืนไม่ได้มีแค่หน้าที่ “หล่อลื่น” อย่างเดียว แต่ยังช่วยทำอีกหลายอย่าง เช่น
- สร้างฟิล์มหล่อลื่นระหว่างผิวโลหะ ป้องกันการสัมผัสตรง
- ระบายความร้อนออกจากจุดหมุน
- ป้องกันการกัดกร่อนจากไอน้ำหรือสารเคมี
- กั้นฝุ่นและสิ่งสกปรกไม่ให้เข้าไปในลูกปืน
แต่ในขณะเดียวกัน จาระบีก็เหมือนของที่ต้องใช้ “พอดี” — เหมือนกับเกลือในอาหาร ใส่น้อยไปก็จืด ใส่มากไปก็เค็มจนกินไม่ได้ กับ ลูกปืน ก็เช่นเดียวกันค่ะ ถ้าจาระบีน้อยไปก็เสียดสีจนสึก แต่ถ้าเยอะไป ความร้อนจะสะสมจนกลายเป็นศัตรูตัวใหม่แทน
ทำไม “จาระบีมากไป” ถึงทำร้ายลูกปืนได้
หลายคนเข้าใจว่าใส่จาระบีเยอะจะช่วยให้หล่อลื่นดีขึ้น แต่นั่นเป็นแค่ “ความรู้สึก” ค่ะ ไม่ใช่ “หลักการทางกล” เพราะลูกปืนไม่ได้ต้องการให้เต็มช่อง แต่ต้องการช่องว่างให้อากาศและจาระบีไหลเวียนได้ด้วย
เมื่อเราเติมจาระบีจนเต็มแน่น พอเครื่องเริ่มหมุน ลูกปืนจะต้องปั่นจาระบีหนืด ๆ ไปเรื่อย ๆ — นี่แหละที่เรียกว่า “การชักพา” (Churning loss) มันจะทำให้เกิดแรงต้านการหมุนมากขึ้น ทำให้ลูกปืนต้องออกแรงมากขึ้น และผลที่ตามมาคือ “อุณหภูมิสูงผิดปกติ” พออุณหภูมิเพิ่มขึ้น จาระบีจะเริ่มเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ สารหล่อลื่นภายในจาระบีจะระเหยออก เหลือแต่ของข้นที่ไม่หล่อลื่น และสุดท้ายลูกปืนจะร้อนจัด เสียงดัง และพังในที่สุด
น้องช่างเตือน
อย่าคิดว่าจาระบีเยอะคือดี! ลูกปืนที่ร้อนเร็วหลังการเติมจาระบี คือสัญญาณอันตรายของ “over-greasing” ถ้าปล่อยไว้ไม่นานลูกปืนจะเริ่มมีเสียงดัง และในที่สุดลูกกลิ้งภายในอาจแตกหรือผิวร่องหลุดลอกได้เลยค่ะ
ปัญหาที่เกิดจากจาระบีเกินพอดี
- ความร้อนสะสม – ความหนืดของจาระบีที่มากเกินทำให้เกิดแรงต้าน และอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย ๆ
- ซีลบวมหรือรั่ว – เมื่อแรงดันภายในเพิ่มขึ้น ซีลจะรับแรงมากเกินจนฉีกหรือหลวม ทำให้สิ่งสกปรกเข้า
- จาระบีเสื่อมเร็ว – ความร้อนสูงทำให้จาระบีเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ และหมดอายุการใช้งานในเวลาไม่นาน
- ลูกปืนหมุนฝืด – เกิดแรงต้านในระหว่างหมุน ลูกปืนต้องใช้แรงมากกว่าปกติ
- สิ้นเปลืองพลังงาน – เครื่องยนต์หรือมอเตอร์ที่ต้องฝืนแรงต้านจะกินไฟมากขึ้น
น้องช่างแนะนำ
หลังเติมจาระบีลูกปืนใหม่ อย่าเพิ่งปิดฝาทันที ลองหมุนทดสอบเบา ๆ หรือเปิดเครื่องช้า ๆ แล้วใช้เทอร์โมมิเตอร์อินฟราเรดเช็กอุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมิพุ่งขึ้นเร็วกว่าปกติ ให้หยุดเครื่องทันที เพราะนั่นคือสัญญาณของการเติมเกินค่ะ

แล้วถ้า “ขาดจาระบี” ล่ะ ลูกปืน จะเป็นยังไง
ขาดจาระบีก็ไม่ได้ดีเลยค่ะ เพราะ ลูกปืน จะขาดชั้นหล่อลื่นระหว่างผิวโลหะกับโลหะโดยตรง ผลที่ตามมาคือการสึกหรออย่างรวดเร็ว เกิดรอยแตกลายเล็ก ๆ (brinelling) และผิวลูกบอลหรือเม็ดกลิ้งจะเริ่มหลุดออก ในระยะยาวลูกปืนที่ขาดจาระบีจะเริ่มส่งเสียงหอน เสียงครูด หรืออาจถึงขั้นจับตัวแน่นจนเพลาหมุนไม่ออกเลยก็ได้
ความพอดีของจาระบีใน ลูกปืน คือเท่าไหร่?
ช่างมืออาชีพใช้หลักง่าย ๆ ที่เรียกว่า “Rule of Thumb” เวลาจะให้จาระบีลูกปืน เราจะให้ตามสัดส่วนของ “ช่องว่างภายในลูกปืน (free space)”
- ตอนติดตั้งใหม่ (Initial Fill): เติมจาระบีประมาณ 30–50% ของช่องว่างภายในลูกปืน
- ถ้าลูกปืนหมุนเร็ว เช่น มอเตอร์พัดลม → เติม 30–35%
- ถ้าลูกปืนรับโหลดหนัก หมุนช้า เช่น เครื่องกลึง โต๊ะเลื่อย → เติม 40–50%
- ตอนบำรุง (Top-up): เติมเพียง 10–20% ของปริมาณเดิม ต่อครั้งก็พอค่ะ
น้องช่างเตือน
การอัดจาระบีลูกปืนจนทะลักออกมาจากซีล ไม่ได้แปลว่า “เต็มดี” นะคะ! ตรงกันข้าม นั่นแปลว่าลูกปืน “อึดอัด” จนแรงดันภายในสูงขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ถ้าเจอแบบนี้ต้องหยุดเครื่องและเอาจาระบีส่วนเกินออก
วิธีการเลือกจาระบีให้เหมาะกับลูกปืนแต่ละแบบ
การเลือกชนิดของจาระบีให้เหมาะก็สำคัญไม่แพ้ปริมาณค่ะ
- งานทั่วไป: ใช้จาระบี NLGI เบอร์ 2 (เนื้อข้นปานกลาง)
- งานที่มีน้ำหรือความชื้นสูง: ใช้จาระบี Calcium Sulfonate หรือแบบกันน้ำ
- งานอุณหภูมิสูงหรือหมุนเร็ว: ใช้ Synthetic / Polyurea
- งานโหลดหนักหรือมีแรงกระแทก: ใช้จาระบีที่มีสาร EP (Extreme Pressure)
น้องช่างแนะนำ
ก่อนเปลี่ยนจาระบีใหม่ อย่าลืมเช็กว่า จาระบีเก่ากับใหม่เข้ากันได้ไหม (compatibility) ถ้าฐานของจาระบีต่างกัน เช่น lithium กับ calcium บางทีผสมกันแล้วจะกลายเป็นก้อนเหนียว หรือแยกชั้นจนหล่อลื่นไม่ได้เลยค่ะ

ขั้นตอนเติมจาระบี ลูกปืน อย่างถูกวิธี
- ทำความสะอาดบริเวณรอบซีล ลูกปืน ก่อนเติมทุกครั้ง
- ตรวจชนิดของ ลูกปืน และข้อมูลจากผู้ผลิต (บางรุ่นมีตารางปริมาณแนะนำ)
- เติม initial fill ตามเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด
- ตอนบำรุง เติมทีละน้อย ใช้ grease gun ปั๊มทีละนิด ไม่เกิน 10–20% ของ initial
- หลังเติม ให้หมุนหรือเปิดเครื่องเบา ๆ แล้วเช็กอุณหภูมิ ถ้าอุณหภูมิขึ้นเร็ว แปลว่าเยอะไป
- จดบันทึกปริมาณ วันที่ และชนิดจาระบีไว้เสมอ เพื่อใช้วางแผนบำรุงครั้งต่อไป
อาการที่บอกว่าลูกปืนเริ่มไม่ไหว
- มีเสียงดังตอนหมุน ทั้งที่เคยเงียบ
- อุณหภูมิขึ้นสูงผิดปกติ
- มีคราบจาระบีไหลออกมารอบ ๆ ซีล
- จับ housing แล้วรู้สึกสั่นหรือร้อนกว่าปกติ
ถ้าเจอแบบนี้ อย่ารอให้เครื่องหยุดเอง ให้หยุดเช็กและซ่อมก่อนจะพังทั้งระบบ
ลูกปืน ไม่ได้ต้องการจาระบีมาก แต่อยากได้ “ความเข้าใจ” จากคนที่ดูแลมันต่างหาก เติมจาระบี พอดี ๆ และเลือกชนิดให้เหมาะกับงาน คือหัวใจสำคัญที่สุดในการยืดอายุลูกปืน อย่าคิดว่าอัดเยอะไว้ก่อนจะปลอดภัย — ความร้อนและแรงดันคือศัตรูเงียบที่รอทำร้าย ลูกปืน อยู่ข้างใน
TH
English





