Customers Also Purchased
ทุกวันนี้ “เครื่องกวาดพื้น” กลายเป็นอุปกรณ์คู่ใจของงานทำความสะอาดยุคใหม่ไปแล้ว ไม่ว่าจะในโรงงาน โกดัง ร้านค้า หรือแม้แต่สำนักงานกว้าง ๆ พื้นที่ที่เคยต้องใช้แรงกวาดด้วยไม้กวาดขนาดใหญ่ ถูกแทนที่ด้วยเครื่องที่ทำได้เร็วกว่า สะอาดกว่า และประหยัดแรงกว่าหลายเท่า
แต่พอเริ่มหาข้อมูล หลายคนก็มักเจอคำว่า “แบบนั่งขับ” กับ “แบบเดินตาม” แล้วเริ่มสับสน — สองแบบนี้มันต่างกันยังไง? แบบไหนเหมาะกับพื้นที่ของเรา? แล้วต้องดูจากอะไรถึงจะเลือกได้ถูกและคุ้มที่สุด? บทความนี้น้องช่างจะพาไปรู้จักเครื่องกวาดพื้นทั้งสองแบบให้ชัด ตั้งแต่หลักการทำงาน ข้อดี–ข้อจำกัด ไปจนถึงเทคนิคเลือกให้เหมาะกับพื้นที่และงบประมาณของคุณ เพื่อให้ทุกครั้งที่ลงมือกวาด ไม่ใช่แค่สะอาด แต่ยัง “ทำงานได้ไวและไม่เสียแรงเกินจำเป็น” ด้วยค่ะ
เครื่องกวาดพื้นคืออะไร ทำไมถึงสำคัญในยุคนี้
เครื่องกวาดพื้น (Floor Sweeper) คืออุปกรณ์ที่ใช้แปรงหมุนและแรงดูดในการเก็บฝุ่น เศษขยะ หรือใบไม้จากพื้นให้เข้าไปอยู่ในถังเก็บภายในเครื่องโดยไม่ต้องใช้แรงกวาดหรือก้มเก็บเอง ตัวเครื่องถูกออกแบบให้ใช้งานได้กับพื้นหลากหลายประเภท เช่น พื้นคอนกรีต พื้นอีพ็อกซี่ หรือพื้นพรมอุตสาหกรรม
ความพิเศษคือมันช่วย ลดฝุ่นฟุ้งในอากาศได้มากกว่าการกวาดด้วยมือ ซึ่งสำคัญมากในโรงงานหรือโกดัง เพราะฝุ่นละเอียดอาจส่งผลต่อคุณภาพสินค้า หรือทำให้พนักงานเกิดอาการแพ้ได้ นอกจากนี้เครื่องกวาดพื้นยังช่วยให้การทำความสะอาดเป็นระบบมากขึ้น เพราะกำหนดเส้นทางเดินกวาดได้ชัดเจน ใช้เวลาน้อยลง และประหยัดแรงคนได้มหาศาล
เครื่องกวาดพื้นแบบเดินตาม: คล่องตัว ใช้งานง่าย และคุ้มค่า
เครื่องกวาดพื้นแบบเดินตาม (Walk-behind Sweeper) คือเครื่องที่ผู้ใช้ “เดินผลักหรือเข็น” เพื่อให้แปรงด้านล่างหมุนกวาดฝุ่นและเศษขยะเข้าไปในถังเก็บ โดยอาจมีทั้งแบบใช้แรงคนล้วน ๆ (แมนนวล) หรือแบบที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยหมุนแปรง
ข้อดีคือใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะกับพื้นที่แคบหรือมีสิ่งกีดขวางเยอะ เพราะขนาดเครื่องไม่ใหญ่เกินไป เคลื่อนไหวคล่องและสามารถเลี้ยวได้ง่าย
ข้อดีของเครื่องกวาดพื้นแบบเดินตาม
- ขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก
 - ใช้ได้ในพื้นที่จำกัด เช่น ทางเดินแคบหรือมุมออฟฟิศ
 - น้ำหนักเบา ดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องมีความรู้เฉพาะ
 - ราคาย่อมเยา เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กหรือผู้เริ่มต้นใช้เครื่องกวาดพื้น
 - เสียงเบา ไม่รบกวนคนรอบข้าง
 
ข้อจำกัดของแบบเดินตาม
- ต้องออกแรงเข็นบ้าง โดยเฉพาะรุ่นที่ไม่มีมอเตอร์ช่วย
 - พื้นที่ที่ทำความสะอาดได้ต่อรอบมีจำกัด
 - ถังเก็บขยะมีขนาดเล็ก ต้องเทบ่อย
 - ประสิทธิภาพในการดูดฝุ่นละเอียดน้อยกว่าแบบนั่งขับ
 
เครื่องกวาดพื้นแบบเดินตามจึงเหมาะกับ พื้นที่ขนาดเล็กถึงกลาง เช่น ร้านค้า โรงแรม โรงเรียน โกดังขนาดย่อม หรือสำนักงานที่ต้องทำความสะอาดทุกวัน แต่ไม่ต้องการเครื่องใหญ่เทอะทะ
เครื่องกวาดพื้นแบบนั่งขับ: เร็ว แรง และประหยัดเวลา
ถ้าพูดถึงเครื่องกวาดพื้นที่ “ขับได้” เหมือนรถเล็ก ๆ นั่นคือเครื่องกวาดพื้นแบบนั่งขับ (Ride-on Sweeper) ค่ะ รุ่นนี้มักมีระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (แบตเตอรี่) หรือเครื่องยนต์ (ในรุ่นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่) ผู้ใช้นั่งควบคุมทิศทางได้เหมือนรถโกคาร์ต พร้อมระบบแปรงหลัก แปรงข้าง และระบบดูดฝุ่นที่ทรงพลังมาก
ข้อดีของเครื่องกวาดพื้นแบบนั่งขับ
- ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้าง ทำความสะอาดเร็วกว่าแบบเดินตามหลายเท่า
 - ไม่ต้องใช้แรง ผู้ใช้นั่งขับสบาย ทำงานได้นาน
 - ถังเก็บขยะใหญ่ ไม่ต้องคอยเทบ่อย
 - ระบบกรองฝุ่นละเอียดดีเยี่ยม เหมาะกับงานอุตสาหกรรม
 - ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพให้สถานที่
 
ข้อจำกัดของแบบนั่งขับ
- ราคาสูงกว่าแบบเดินตามมาก
 - ต้องมีพื้นที่ให้เคลื่อนตัวและจอดเครื่อง
 - ต้องดูแลแบตเตอรี่และระบบมอเตอร์
 - ใช้ไม่สะดวกในพื้นที่แคบหรือมีสิ่งกีดขวางเยอะ
 
แบบนั่งขับจึงเหมาะกับ พื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โรงงาน ศูนย์กระจายสินค้า สนามกีฬา หรือพื้นที่จอดรถ เพราะทำงานได้ต่อเนื่องและประหยัดเวลามาก โดยเฉพาะถ้าเป็นพื้นที่ที่ต้องทำความสะอาดวันละหลายรอบ มันจะคุ้มค่าในระยะยาวแน่นอน
เปรียบเทียบเครื่องกวาดพื้นแบบเดินตาม และแบบนั่งขับ
ขนาดและการใช้งาน
แบบเดินตามจะมีขนาดเล็กกว่า เคลื่อนย้ายสะดวก เหมาะกับพื้นที่ 500–2,000 ตารางเมตร เช่น โกดัง ร้านค้า หรือสำนักงาน เพราะสามารถเลี้ยวในมุมแคบได้ง่ายและไม่ต้องใช้พื้นที่จอดมากนัก ส่วนแบบนั่งขับจะมีขนาดใหญ่ขึ้น กว้างประมาณ 90–130 เซนติเมตร เหมาะกับพื้นที่เปิดโล่ง เช่น โรงงาน ลานจอดรถ หรือศูนย์กระจายสินค้า เพราะขับได้เร็ว ครอบคลุมพื้นที่กว้างในเวลาสั้นกว่า
กำลังและประสิทธิภาพ
แบบเดินตามจะใช้แปรงกวาดขนาดประมาณ 500–800 มม. เหมาะกับการเก็บเศษขยะทั่วไป เช่น ฝุ่น เศษกระดาษ หรือทรายหยาบ ส่วนแบบนั่งขับจะใช้แปรงใหญ่กว่า 700–1,200 มม. พร้อมระบบดูดฝุ่นและกรองอากาศในตัว ทำให้เก็บได้ละเอียดกว่า โดยเฉพาะฝุ่นขนาดเล็กหรือผงละเอียดในโรงงานอุตสาหกรรม
ความเร็วในการทำงาน
แบบเดินตามเคลื่อนที่เฉลี่ย 2–4 กม./ชม. ซึ่งพอเหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก–กลาง ในขณะที่แบบนั่งขับสามารถทำได้ถึง 5–8 กม./ชม. ทำให้ใช้เวลาน้อยลงหลายเท่า เหมาะกับการทำความสะอาดรอบใหญ่ที่ต้องใช้เวลานาน
ความคล่องตัว
ถ้าพื้นที่เต็มไปด้วยเสา มุม หรือของวางกระจัดกระจาย แบบเดินตามจะได้เปรียบมากเพราะหมุนได้แคบและเข้าได้ทุกมุม แต่ถ้าเป็นพื้นที่โล่งกว้าง แบบนั่งขับจะเหนือกว่าชัดเจน เพราะขับได้รวดเร็วต่อเนื่อง ไม่ต้องหยุดบ่อย
ถังเก็บขยะและระบบกรองฝุ่น
แบบเดินตามจะมีถังขนาด 20–40 ลิตร เพียงพอสำหรับงานทั่วไป แต่ถ้าต้องกวาดต่อเนื่องหลายชั่วโมงจะต้องเทบ่อยหน่อย ส่วนแบบนั่งขับจะมีถังใหญ่กว่า (60–120 ลิตร หรือมากกว่า) และมีระบบดูดฝุ่นพร้อมกรองละเอียด (HEPA หรือ Cartridge Filter) ช่วยลดฝุ่นฟุ้งขณะทำงาน
ระดับเสียงและความสะดวกของผู้ใช้
แบบเดินตามเสียงเงียบกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะรุ่นแมนนวล (ราว 60–70 dB) ส่วนแบบนั่งขับจะมีเสียงมอเตอร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย (65–75 dB) แต่ชดเชยด้วยความสะดวก — แค่ขับไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องออกแรงเข็นให้เมื่อย
ค่าใช้จ่ายและการดูแลรักษา
แบบเดินตามมีราคาย่อมเยา ตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงแสนต้น ๆ ดูแลไม่ยุ่งยาก แค่เปลี่ยนแปรงและทำความสะอาดถัง แบบนั่งขับเริ่มต้นราวแสนกลางขึ้นไป แต่คุ้มค่าในระยะยาว เพราะช่วยลดจำนวนแรงงานและเวลาทำงานได้มาก ต้องดูแลแบตเตอรี่และกรองฝุ่นให้พร้อมเสมอ
การใช้งานภายนอกอาคาร
แบบเดินตาม โดยเฉพาะรุ่นแมนนวล ใช้กลางแจ้งได้ดี ไม่ต้องกลัวฝนหรือฝุ่นมาก แบบนั่งขับ ก็ใช้ได้เช่นกัน แต่ถ้าเป็นรุ่นไฟฟ้าควรหลีกเลี่ยงพื้นเปียก เพื่อป้องกันความเสียหายต่อระบบแบตเตอรี่
ความคุ้มค่ารวม
พูดให้ง่าย — ถ้าพื้นที่เล็กและต้องการเครื่องที่คล่องตัว ดูแลไม่ยาก → แบบเดินตามคือคำตอบ แต่ถ้าพื้นที่กว้าง ต้องทำความสะอาดบ่อย และอยากลดแรงคน → แบบนั่งขับคือการลงทุนที่คุ้มในระยะยาว
น้องช่างสรุปให้สั้น ๆ
แบบเดินตาม คือเครื่องกวาดที่ใช้งานง่ายเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวในทุกวัน ส่วนแบบนั่งขับ คือเครื่องกวาดระดับมืออาชีพที่เปลี่ยนงานหนักให้กลายเป็นงานเบาในเวลาไม่กี่นาที
วิธีเลือกเครื่องกวาดพื้นให้เหมาะกับงาน
พอเห็นความต่างกันชัด ๆ แล้ว หลายคนอาจยังลังเลว่า “แล้วของเราควรใช้แบบไหน?” ความจริงการเลือกเครื่องกวาดพื้นไม่ได้ซับซ้อนเลยค่ะ แค่ดูจาก พื้นที่, ลักษณะงาน, ความถี่ในการใช้งาน และงบประมาณ ก็เลือกได้ไม่พลาดแล้ว
น้องช่างสรุปเป็น 5 ข้อให้จำง่าย ๆ แบบนี้เลย
1. ดูขนาดพื้นที่ก่อนเป็นหลัก
พื้นที่คือปัจจัยแรกที่ต้องดูค่ะ เพราะเครื่องแต่ละแบบถูกออกแบบให้รับมือกับพื้นที่ขนาดต่างกัน
- ถ้าพื้นที่เล็กกว่า 1,000 ตารางเมตร เช่น โกดังขนาดย่อม ร้านค้า หรือออฟฟิศ → ใช้แบบ เดินตาม จะคล่องและคุ้มกว่า
 - ถ้าพื้นที่มากกว่า 2,000–5,000 ตารางเมตร เช่น โรงงานใหญ่ ลานจอดรถ → แบบ นั่งขับ จะช่วยประหยัดเวลาและแรงงานได้มากกว่า
 
น้องช่างเคยเห็นหลายที่ซื้อเครื่องใหญ่ไปใช้ในพื้นที่แคบ สุดท้ายจอดมากกว่าได้ใช้ เพราะหมุนตัวไม่สะดวกเลยค่ะ
2. พิจารณาประเภทพื้นและเศษที่ต้องกวาด
พื้นเรียบ เช่น คอนกรีตขัดมัน หรือพื้นอีพ็อกซี่ ใช้ได้ทั้งสองแบบ แต่ถ้ามีเศษฝุ่นละเอียดเยอะ เช่น ผงไม้ ผงปูน หรือทรายละเอียด ให้เลือก แบบนั่งขับที่มีระบบดูดฝุ่นและกรองอากาศ จะเก็บได้เกลี้ยงกว่า แต่ถ้าเป็นพื้นที่กึ่งกลางแจ้ง หรือมีเศษขยะหยาบ ๆ อย่างใบไม้ เศษกระดาษ เศษพลาสติก แบบเดินตามก็เอาอยู่ค่ะ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่นฟุ้งมากนัก
3. ความถี่ในการใช้งาน
ถ้าใช้งานทุกวัน หรือมีการทำความสะอาดรอบเช้า–รอบบ่าย ควรเลือกเครื่องที่ทำงานต่อเนื่องได้ เช่น แบบนั่งขับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เพราะจะช่วยลดเวลาการพักเครื่อง แต่ถ้าใช้งานไม่บ่อย เช่น สัปดาห์ละครั้ง หรือใช้เฉพาะหลังเลิกงาน ให้เลือก แบบเดินตาม จะดูแลง่ายกว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องแบตเสื่อม
4. งบประมาณและค่าบำรุงรักษา
เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะเครื่องกวาดพื้นเป็นของที่ใช้ยาว ไม่ใช่ซื้อแค่ครั้งเดียวแล้วจบ
- แบบเดินตาม ราคาย่อมเยา ดูแลง่าย ซ่อมเองได้บางส่วน
 - แบบนั่งขับ ราคาสูงกว่า แต่ให้ความเร็วและแรงกวาดมากกว่า
 
น้องช่างแนะนำว่า ถ้าพื้นที่คุณใหญ่มาก การลงทุนในแบบนั่งขับถือว่าคืนทุนไว เพราะลดจำนวนแรงงานได้จริง แต่ถ้าเป็นพื้นที่ขนาดเล็ก–กลาง การเลือกแบบเดินตามจะไม่เปลืองค่าใช้จ่ายทั้งตอนซื้อและตอนดูแลค่ะ
5. จำนวนคนและรูปแบบการทำงาน
ในบางที่มีทีมแม่บ้านหลายคน ใช้เครื่องแบบเดินตามคนละเครื่อง อาจสะดวกกว่าใช้เครื่องใหญ่คันเดียว แต่ถ้ามีคนทำงานไม่กี่คน หรืออยากให้คนเดียวดูแลพื้นที่กว้าง ๆ ได้ไว → แบบนั่งขับจะตอบโจทย์ที่สุด
น้องช่างแนะนำเพิ่มเติม
ถ้าจะซื้อเครื่องกวาดพื้นสักเครื่อง นอกจากดูเรื่องขนาดและราคาแล้ว อย่าลืมดู “บริการหลังการขาย” ด้วยนะคะ เช่น การมีอะไหล่สำรอง การรับประกันมอเตอร์ หรือการเปลี่ยนแปรงกวาด เพราะพวกนี้คือจุดที่ทำให้เครื่องอยู่กับเราได้นาน และอีกเรื่องที่หลายคนมองข้ามคือ “พื้นที่จอดและชาร์จแบต” โดยเฉพาะแบบนั่งขับ ควรมีมุมจอดที่แห้งและมีปลั๊กชาร์จปลอดภัย ไม่อยู่ใกล้จุดเปียกหรือความร้อนสูง
สรุป
เลือก เครื่องกวาดพื้น ให้ดี ไม่ใช่เลือกแค่แบบที่แรงที่สุด แต่ต้องเลือกให้ “เหมาะกับแรงและพื้นที่” ของเราด้วยค่ะ เพราะเครื่องที่เหมาะกับพื้นที่เล็กจะช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้นทุกวัน ส่วนเครื่องที่เหมาะกับพื้นที่ใหญ่ก็ช่วยให้ทีมงานทำงานเร็วขึ้น ไม่เหนื่อย และลดต้นทุนระยะยาวได้จริง
สุดท้ายไม่ว่าจะเลือกแบบเดินตามหรือนั่งขับ ขอแค่ดูแลให้ดี ทำความสะอาดแปรงและถังเก็บขยะทุกครั้งหลังใช้งาน เครื่องกวาดพื้นของเราก็จะอยู่ได้นานและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพแน่นอนค่ะ
							
						
							
																TH								
								
 English
						
							








