5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อ รอกโซ่ — เลือกผิดยกไม่ขึ้น เสี่ยงพังทั้งชุด

Customers Also Purchased

ในโลกของงานช่าง ไม่มีอะไรท้าทายเท่าการ “ยกของหนัก” เพราะมันไม่ได้ใช้แค่แรง แต่ต้องใช้ความเข้าใจและความปลอดภัยไปพร้อมกัน ของที่ดูเหมือนเบาในสายตาเรา พอรวมกันจริง ๆ อาจหนักหลายร้อยกิโลหรือเป็นตัน ซึ่งถ้าไม่มีเครื่องมือช่วยยกที่ดี งานค้างแน่ค่ะ

หนึ่งในเครื่องมือที่อยู่คู่กับวงการช่างมานานก็คือ “รอกโซ่” (Chain Block) อุปกรณ์ตัวเล็กที่เปลี่ยนแรงดึงธรรมดาให้กลายเป็นแรงยกมหาศาล มันช่วยให้คนตัวเล็ก ๆ ก็สามารถยกของหนัก ๆ ได้สบาย แต่รอกโซ่ก็เหมือนอุปกรณ์ทุกอย่างค่ะ ถ้าเลือกไม่ถูกกับงาน ต่อให้ของดีแค่ไหนก็มีสิทธิ์ “พังทั้งระบบ” ได้เหมือนกัน น้องช่างเลยอยากมาเล่าให้ฟังกันค่ะ ว่าก่อนจะซื้อรอกโซ่มาใช้ เราควรรู้อะไรบ้าง เพื่อให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ยกของได้ปลอดภัย และอยู่กับเราได้นานหลายปีค่ะ

1. รู้ก่อนว่ามี “รอกโซ่กี่แบบ” — เลือกให้ตรงลักษณะงาน

รอกโซ่ไม่ได้มีแบบเดียวอย่างที่หลายคนคิดนะคะ จริง ๆ แล้วมันมีอยู่ 3 ประเภทใหญ่ ๆ ซึ่งหน้าตาใกล้เคียงกันแต่การทำงานต่างกันมาก

  • รอกโซ่มือสาว (Chain Block): แบบพื้นฐานที่สุด ใช้มือดึงโซ่หมุนเฟือง เหมาะกับงานยกของแนวดิ่งทั่วไป เช่น ยกเครื่องยนต์ ยกเหล็ก หรือของในโกดัง
  • รอกโยก (Lever Block): ใช้คันโยกแทนการดึงโซ่ ทำงานได้แม่นยำกว่า เหมาะกับงานที่ต้องดึงของเฉียง ๆ หรือพื้นที่แคบ เช่น งานติดตั้งโครงเหล็ก
  • รอกโซ่ไฟฟ้า (Electric Chain Hoist): ใช้มอเตอร์แทนแรงคน เหมาะกับงานโรงงานหรือโกดังที่ต้องยกของบ่อย ๆ หรือต่อเนื่อง มีระบบเบรกอัตโนมัติและควบคุมด้วยปุ่มหรือรีโมต

ถ้าใช้งานทั่วไปในบ้านหรืออู่ซ่อมรถ รอกมือสาวธรรมดาก็พอค่ะ ดูแลง่ายและประหยัด แต่ถ้าเป็นงานยกต่อเนื่องหรือของหนักมาก ๆ รอกไฟฟ้าจะตอบโจทย์กว่า

5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อ รอกโซ่ — เลือกผิดยกไม่ขึ้น เสี่ยงพังทั้งชุด

2. น้ำหนักยกสูงสุด (WLL) ต้องเผื่อ ไม่ใช่เลือกพอดี

อันนี้เป็นเรื่องที่น้องช่างเห็นบ่อยมากค่ะ หลายคนเข้าใจว่า “ของหนัก 1 ตัน ก็ซื้อรอก 1 ตันสิ” ซึ่งฟังดูเหมือนถูก แต่ในความจริงมันไม่พอค่ะ

ตัวเลขบนรอกที่เขียนว่า 1 ตัน หมายถึง “น้ำหนักสูงสุดที่ยกได้ในแนวดิ่งนิ่ง ๆ” เท่านั้น แต่เวลาทำงานจริง ของจะมีแรงสวิง แรงเฉียง หรือแรงกระชากเพิ่มขึ้นเสมอ ทำให้ภาระที่รอกรับจริงมากกว่านั้นอีก 20–30% หลักง่าย ๆ คือให้ เผื่อโหลดไว้ 25–30% ของน้ำหนักจริง เช่น ของหนัก 800 กิโลกรัม ควรใช้รอก 1 ตัน ของหนัก 1.2 ตันควรใช้รอก 1.5 ตันขึ้นไป เพื่อให้ระบบเบรกและเฟืองทำงานได้ในระยะปลอดภัย ไม่สึกเร็วหรือขาดกลางอากาศ

การเลือกรอกให้พอดีเกินไปไม่ใช่การประหยัดค่ะ แต่เป็นการ “เสี่ยงโดยไม่รู้ตัว”

3. ความสูงยก (Lifting Height) ต้องคำนวณให้พอดี

รอกแต่ละรุ่นจะมีระยะโซ่ยกไม่เท่ากันค่ะ เช่น 3, 6, 9 หรือ 12 เมตร ซึ่งหมายถึงระยะที่โซ่สามารถดึงขึ้น–ลงได้เต็มที่ ถ้าเลือกสั้นเกินไป ของจะยกไม่พ้นพื้น แต่ถ้าเลือกยาวเกินก็เทอะทะและราคาแพงขึ้นโดยไม่จำเป็น วิธีคำนวณง่ายมาก แค่ วัดจากจุดแขวนรอกถึงจุดที่ของจะลงต่ำสุด แล้วบวกเพิ่มอีก 0.5–1 เมตรเผื่อระยะโซ่ห้อยและการแกว่งของของ เวลาซื้อจะได้เลือกความยาวถูก ไม่ต้องมาแก้ภายหลังค่ะ

โดยทั่วไป

  • งานยกเครื่องยนต์หรืออะไหล่ในอู่: ใช้ 3 เมตรก็พอ
  • งานโกดังหรือชั้นสูง: 6–9 เมตรกำลังดี
  • งานติดตั้งโครงสร้างหรือโรงงานใหญ่: อาจต้อง 12 เมตรขึ้นไป

ถ้าไม่แน่ใจว่าจะใช้ระยะเท่าไหร่ แนะนำเลือกรุ่นที่ “ต่อโซ่เพิ่มได้” จะยืดหยุ่นกว่าค่ะ

4. ระบบเบรกและวัสดุต้องไว้ใจได้

ระบบเบรกคือหัวใจของรอกเลยค่ะ เพราะมันคือตัวที่ “ถือของไว้” เวลาหยุดดึง ถ้าเบรกไม่ดี ต่อให้โซ่แข็งแรงแค่ไหนของก็ร่วงได้

รอกคุณภาพดีจะมีเบรกสองชั้น ได้แก่ Mechanical Brake ที่ล็อกทันทีเมื่อหยุดดึง และ Friction Disc หรือผ้าเบรกเสียดทานที่ช่วยล็อกซ้ำอีกชั้น ป้องกันของไหลย้อนลง วัสดุตัวรอกควรเป็นเหล็กหล่อหรือเหล็กกล้าเกรดอุตสาหกรรม เช่น S45C หรือ SCM440 ส่วนโซ่ควรเป็น เกรด 80 (Grade 80 Chain) หรือสูงกว่า ซึ่งผ่านการอบชุบแข็งเฉพาะสำหรับงานยก

รอกแท้จะมีน้ำหนักแน่น เสียงโซ่กระทบกัน “แน่น” ไม่กลวง มีป้ายรุ่นและระบุ WLL ชัดเจน และตะขอต้องมี “ลิ้นล็อก” ป้องกันของหลุดค่ะ ถ้าเจอรอกราคาถูก เบาเกิน หรือโซ่เงาแปลก ๆ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจไม่ใช่ของมาตรฐาน

5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อ รอกโซ่ — เลือกผิดยกไม่ขึ้น เสี่ยงพังทั้งชุด

5. ตรวจจุดแขวน อุปกรณ์เสริม และมาตรฐานก่อนใช้งาน

รอกดีแค่ไหนก็ไม่มีค่า ถ้าแขวนผิดที่ค่ะ จุดแขวนรอกควรเป็น คานเหล็ก I-Beam หรือ H-Beam ที่รับน้ำหนักได้มากกว่ารอกอย่างน้อยสองเท่า ห้ามแขวนกับท่อ คานไม้ หรือโครงเหล็กบาง ๆ เด็ดขาด เพราะอาจบิดหรือหักได้ระหว่างยก

อุปกรณ์ที่ควรมีร่วมด้วย เช่น Hook Clamp สำหรับล็อกรอกเข้าคาน, Trolley (รถรอก) สำหรับเลื่อนรอกไปตามแนวคานได้สะดวก และ รอกพ่วง สำหรับของยาวหรือไม่สมดุล ก่อนใช้งานทุกครั้งควรตรวจโซ่ ตะขอ และเบรกให้เรียบร้อย และห้ามยืนใต้ของที่กำลังยกเด็ดขาดนะคะ ไม่ว่าจะมั่นใจแค่ไหนก็ตาม

สุดท้ายคือเรื่องมาตรฐาน รอกโซ่เป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยโดยตรง ควรเลือกสินค้าที่ผ่าน มอก. 1636-2552, CE, หรือ ISO 9001 เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผ่านการทดสอบจริง แบรนด์ที่ได้รับความนิยมในไทย เช่น Toyo, Elephant, Kito, Rhino, Mitsu มีอะไหล่รองรับและบริการหลังการขายครบค่ะ

การดูแลและบำรุงรักษารอกโซ่

รอกโซ่ไม่ต้องดูแลซับซ้อน แต่อย่าปล่อยปละละเลยนะคะ ควรตรวจเช็กโซ่และตะขอทุก 3–6 เดือน ถ้ามีข้อบิดงอหรือรอยร้าวให้เปลี่ยนทันที หล่อลื่นเฟืองและเบรกด้วยจาระบีหรือน้ำมันหล่อลื่นชนิดบาง ห้ามใช้น้ำมันเครื่องเพราะจะจับฝุ่นและทำให้เฟืองสึกเร็ว

ถ้าไม่ได้ใช้นาน ควรหมุนเฟืองเบา ๆ เป็นระยะเพื่อให้จาระบีซึมทั่วระบบ และเก็บในที่แห้งไม่โดนแดดหรือฝน ถ้าดูแลดี รอกหนึ่งตัวสามารถใช้งานได้เกินสิบปีโดยไม่ต้องซ่อมเลยค่ะ หรือสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ วิธีบำรุงรักษา รอกโซ่ ให้ปลอดภัยต่อการใช้งาน

5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อ รอกโซ่ — เลือกผิดยกไม่ขึ้น เสี่ยงพังทั้งชุด

รอกโซ่ที่ดีต้องปลอดภัยและได้มาตรฐาน

การเลือก รอกโซ่ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องเข้าใจหลักพื้นฐานและให้ความสำคัญกับความปลอดภัย เลือกให้ตรงงาน เผื่อโหลดไว้เสมอ ตรวจระบบเบรกให้มั่นใจ แขวนกับคานที่แข็งแรง และเลือกรุ่นที่ได้มาตรฐาน เพียงเท่านี้ก็ใช้งานได้อย่างปลอดภัยและคุ้มค่าแล้วค่ะ

รอกโซ่ที่ดีไม่ใช่แค่ยกของขึ้นได้ แต่ต้อง “ยกขึ้นได้ทุกครั้งอย่างมั่นใจ” ถ้าเลือกถูก ดูแลดี และใช้อย่างระมัดระวัง มันจะเป็นเครื่องมือคู่ใจที่อยู่กับเราไปได้อีกหลายปีแน่นอนค่ะ

เลือกซื้อ รอกโซ่ คุณภาพดี | iToolmart