เครื่องเดินปกติดีทุกอย่าง แต่พอจับตรง housing แล้วรู้สึกอุ่น ๆ บางทีก็ร้อนจี๋เลยใใครที่ทำงานกับเครื่องจักรหรือมอเตอร์ไฟฟ้าคงเคยเจออาการนี้บ้าง — และหลายคนก็มักคิดว่า ‘มันคงปกติแหละ มอเตอร์ทำงานมันก็ต้องร้อนบ้าง’
แต่ในโลกของงานช่าง… “ความร้อน” มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ค่ะ โดยเฉพาะ ความร้อนที่เกิดจากลูกปืน (Bearing) นี่แหละคือสัญญาณเตือนก่อนหายนะเครื่องจักรครั้งใหญ่ได้เลย เพราะฉะนั้นวันนี้ น้องช่างเลยอยากพาเพื่อน ๆ มารู้จักให้ลึกเลยว่า “ลูกปืนร้อนผิดปกติ เกิดจากอะไร”, มันบอกอะไรเรา, และต้องดูแลยังไงให้ลูกปืนอยู่กับเครื่องไปได้นาน ๆ โดยไม่ต้องรื้อบ่อย

ความร้อนในลูกปืนคืออะไร — เข้าใจก่อนแก้
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ลูกปืน (Bearing) มีหน้าที่หลักคือ “ลดแรงเสียดทานระหว่างชิ้นส่วนที่หมุน” แต่ในโลกความจริงไม่มีแรงเสียดทานศูนย์เปอร์เซ็นต์หรอกค่ะ ทุกครั้งที่มีการหมุน มันย่อมมีแรงเสียดทานเกิดขึ้นอยู่เสมอ — และแรงเสียดทานนี้แหละที่กลายเป็น ความร้อน
ปกติแล้วลูกปืนที่อยู่ในสภาพดี ความร้อนจะถูกควบคุมได้เองด้วยการหมุนเวียนของจาระบีและโครงสร้างโลหะรอบ ๆ อุณหภูมิของลูกปืนทั่วไปจะอยู่ประมาณ 40–60°C (แค่จับอุ่น ๆ) แต่ถ้าเริ่มทะลุ 80°C ขึ้นไป นั่นคือ “อุณหภูมิผิดปกติ” ที่ต้องระวังแล้วค่ะ
ความร้อนที่เกินมักไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ มันจะร้อนก็ร้อนมาเฉย ๆ นะคะ แต่มาจากหนึ่งใน “สาเหตุหลัก” ที่จะพูดถึงต่อไป
6 สาเหตุหลักที่ทำให้ลูกปืนร้อนผิดปกติ
ลูกปืนก็เปรียบเสมือนหัวใจของเครื่องหมุน ถ้าเลือดหล่อลื่น (จาระบี/น้ำมัน) ไหลไม่ดี, หัวใจติดขัด, หรือกล้ามเนื้อรับแรงไม่ไหว — ร่างกายก็ร้อนและเหนื่อย เช่นเดียวกันค่ะ และนี่คือ 6 สาเหตุยอดฮิต ที่ทำให้ลูกปืนร้อนจนน่ากลัว
สาเหตุ | ลักษณะอาการ | วิธีแก้เบื้องต้น |
---|---|---|
จาระบีแห้ง / ไม่เพียงพอ | เสียงหอนเบา ๆ ก่อนร้อนจัด | เติม/เปลี่ยนจาระบีตามรอบเวลา แต่อย่าอัดเกิน |
ใช้จาระบีผิดชนิด | ทำงานรอบสูงแล้วร้อนเร็ว | ใช้จาระบี High-speed หรือ High-temp ตามสเป็ก |
ติดตั้งแน่น/หลวมเกินไป | มีเสียงดังและสั่น | ตรวจค่า fit ของเพลาและ housing ให้เหมาะสม |
โหลดเกินกำลังรับ | ร้อนเฉพาะจุด รับแรงผิดทิศ | ตรวจแรงโหลด/เลือกขนาดลูกปืนใหญ่ขึ้น |
ซีลเสื่อม / ฝุ่นเข้า | เสียงดัง แห้ง สั่น | เปลี่ยนซีล ทำความสะอาดก่อนประกอบ |
ระบายอากาศไม่ดี | ตัว housing ร้อนทั่ว | ปรับระบบระบายลม หรือติดพัดลมช่วย |
ทำไม “จาระบี” ถึงสำคัญนัก?
จาระบีในลูกปืนไม่ใช่แค่สารหล่อลื่น แต่คือ “ตัวสร้างฟิล์มคั่น” ระหว่างลูกกลิ้งกับรางวิ่ง ถ้าฟิล์มนี้ขาดหาย โลหะจะเสียดสีกันตรง ๆ ทันที ผลคือความร้อนขึ้นรวดเร็ว และโครงสร้างโลหะจะอ่อนตัว — ในที่สุดก็พัง
จาระบีเสื่อมจากอะไร?
- อุณหภูมิสูงต่อเนื่อง — น้ำมันฐาน (base oil) แยกตัวจาก thickener
- สิ่งสกปรกปนเปื้อน — ฝุ่น เหล็กผง หรือความชื้น
- ใช้งานเกินรอบเปลี่ยน — คุณสมบัติลดลง
เมื่อแรงเสียดทานแปรผันตามโหลดและรอบ
ความร้อน ≈ แรงเสียดทาน × รอบหมุน × เวลา
ลูกปืนที่รับแรงเกินหรือหมุนเร็วมากจะสร้างความร้อนได้มหาศาล ถ้าไม่มีการระบายหรือหล่อลื่นที่ดี ดังนั้นในมอเตอร์รอบสูงมาก (>10,000 rpm) บางรุ่นจึงเปลี่ยนมาใช้ลูกปืน ลูกปืนเซรามิก (Hybrid Bearing) เพราะเม็ดเซรามิกมีแรงเสียดทานต่ำกว่า เหมาะกับงานที่ต้องหมุนเร็วและร้อนน้อยกว่าเหล็ก
วิธีเช็กลูกปืนร้อนแบบง่าย ๆ
- ปืนอินฟราเรด ยิงที่ housing แล้วเทียบฐานของจุดนั้น ๆ ถ้า > 80°C ให้ตรวจทันที
- สัมผัสมือ (งานเล็ก) อุ่นได้ = พอได้ / ร้อนจี๋จับไม่ได้ = ผิดปกติ
- ฟังเสียง/สั่น แตะไขควงที่ housing แล้วแนบหูฟัง เสียงฮึ่ม ๆ/เหมือนทรายขูด = มีปัญหา
- กลิ่นไหม้ กลิ่นน้ำมันไหม้แรง ๆ = จาระบีเสื่อม
- เช็กสภาพจาระบี เปิดซีลดู ถ้าดำ เหนียว แข็งเป็นก้อน → ถึงเวลาเปลี่ยน
วิธีป้องกันไม่ให้ลูกปืนร้อนในระยะยาว
1) ใช้จาระบีที่เหมาะกับรอบการทำงาน
ลูกปืนแต่ละแบบ “กิน” จาระบีไม่เท่ากัน ถ้าเป็นลูกปืนทั่วไปในเครื่องจักรรอบต่ำ (อย่างพัดลม, รอก, เครื่องปั๊มน้ำ) ใช้จาระบีเกรดอเนกประสงค์ก็เพียงพอ แต่ถ้าเป็น มอเตอร์รอบสูง, สปินเดิล, หรือเครื่อง CNC ที่หมุนเป็นหมื่นรอบต่อนาที — จาระบีแบบธรรมดาไม่ไหวแน่นอนค่ะ
จาระบีทั่วไปจะมีค่าความหนืด (Viscosity) ที่สูงเกินไป พอหมุนเร็ว ความหนืดนั้นกลายเป็นแรงต้านจนเกิดความร้อน ตรงกันข้าม จาระบีเกรด High-speed หรือ High-temperature จะใช้เบสออยล์ชนิดเบา เช่น synthetic oil base ที่มีค่าการคายความร้อนดี และใช้สารเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น Polyurea, Lithium Complex, หรือ PTFE
2. อัดปริมาณพอดี (30–50% ของช่องว่าง)
“อัดให้เต็มไว้ก่อน จะได้ไม่ต้องเติมบ่อย” — ประโยคนี้น้องช่างได้ยินบ่อยมากในหน้างาน แต่ในความจริง มันคือสาเหตุอันดับต้น ๆ ที่ทำให้ลูกปืนร้อนแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ
เพราะเมื่อช่องว่างในลูกปืนถูกอัดเต็มไปด้วยจาระบี การหมุนจะถูกแรงหนืดต้านเต็ม ๆ เหมือนคนใส่รองเท้าที่แน่นเกินไป ผลคือ ลูกปืนหมุนฝืน → แรงเสียดทานสูง → ความร้อนสะสมเร็ว
ค่าที่เหมาะสมคืออัดเพียง 30–50% ของช่องว่างทั้งหมด เท่านั้น เพื่อให้จาระบีมีพื้นที่หมุนเวียน กระจายความร้อน และคงตัวได้นาน
3. ตรวจ Alignment ทุกครั้งหลังเปลี่ยนลูกปืน
การติดตั้งลูกปืนให้ “ตรงแกน” คือหัวใจของงานหมุน ลูกปืนที่เอียงเพียงไม่กี่องศา จะสร้างแรงด้านข้าง (side load) ที่มากพอจะทำให้ผิวรางสึกไม่เท่ากัน ยิ่งมอเตอร์ที่ใช้เพลายาวหรือมีสายพานดึงข้างหนึ่ง — alignment สำคัญมาก!
วิธีเช็กง่าย ๆ คือ
- ใช้ Dial Gauge วัด runout ของเพลาก่อนใส่ลูกปืน
- ตรวจสอบ face alignment ของฝาครอบลูกปืนทั้งสองด้าน
- เมื่อขันยึด housing แล้ว หมุนด้วยมือดูว่ามีจุดฝืดไหม
4) ทำความสะอาด Housing ให้ปลอดฝุ่น
ฝุ่นผง โลหะ หรือเศษผงจาระบีเก่าที่ตกค้างใน housing เป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้ลูกปืนร้อน เพราะเมื่อหมุนเร็ว เศษพวกนี้จะถูกดูดเข้าไปในจุดสัมผัสระหว่างลูกกลิ้งกับราง — เกิดเป็น “เม็ดทราย” ระดับจิ๋วที่ขูดผิวโลหะทุกวินาที
ก่อนใส่ลูกปืนใหม่ทุกครั้ง ควร
- ใช้น้ำยาทำความสะอาด (เช่น น้ำมันก๊าดหรือ cleaner สำหรับ bearing) ล้าง housing
- เป่าด้วยลมให้แห้งสนิท
- อย่าจับผิวใน housing ด้วยมือเปล่า เพราะความมันจากนิ้วจะกลายเป็นจุดจับฝุ่นได้ดี
5) วัดอุณหภูมิประจำสัปดาห์
“สิ่งที่วัดได้ คือสิ่งที่ควบคุมได้” — ประโยคนี้ใช้ได้จริงกับลูกปืนค่ะ การตรวจอุณหภูมิเป็นประจำคือวิธีง่ายที่สุดในการรู้ว่าเครื่องกำลังสุขภาพดีหรือเริ่มมีปัญหา
สำหรับโรงงานขนาดกลาง–ใหญ่ ควรมีตารางวัดอุณหภูมิของลูกปืนแต่ละจุดไว้ บันทึกค่าอุณหภูมิทุกสัปดาห์ โดยใช้ Infrared Thermometer หรือ Thermal Camera ค่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจากปกติ เกิน 10°C ถือเป็นสัญญาณเตือน
6. จัดการระบบระบายอากาศดี ๆ
ลูกปืนที่อยู่ในห้องเครื่องหรือพื้นที่อับลม มักมีอุณหภูมิสูงสะสมโดยรอบ แม้ตัวลูกปืนเองจะไม่เสียหายจากภายใน แต่ความร้อนจากภายนอกก็ส่งผลให้ จาระบีเสื่อมเร็วขึ้นหลายเท่า
การระบายอากาศที่ดีจึงสำคัญมาก โดยเฉพาะเครื่องที่ทำงานต่อเนื่องทั้งวัน เช่น เครื่องเป่าลม, มอเตอร์โรงงาน, หรือคอมเพรสเซอร์ ให้ตรวจเช็กจุดต่อไปนี้
- ช่องลมเข้า–ออกของฝาครอบต้องไม่อุดตัน
- ไม่ควรวางใกล้ผนังหรือเครื่องที่ปล่อยลมร้อน
- ถ้าอยู่ในพื้นที่อับ ให้ติดพัดลมระบายหรือช่องลมเสริม