ต่อพ่วงจน สายไฟ พัง ใครคิดว่าไม่เป็นไร บอกเลยอันตราย!

Customers Also Purchased

ต่อพ่วงจนสายไฟพัง ใครคิดว่าไม่เป็นไร บอกเลยอันตราย!

เคยเห็นข่าวปลั๊กพ่วงไหม้แล้วไฟลามทั้งบ้านกันบ้างหรือเปล่าคะ? หลายครั้งต้นเหตุไม่ใช่อะไรซับซ้อนเลย แค่เราเอาปลั๊กพ่วงราคาถูกมาต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟเยอะเกินไป แล้วอยู่ ๆ มันก็ร้อนจัดจนละลายหรือช็อตเป็นประกายไฟ — เสียวสุด ๆ น้องช่างเองก็เคยเจอกับตัว เคยเอาปลั๊กพ่วงมาต่อเตารีดกับไดร์เป่าผมพร้อมกัน คิดว่าแค่ไม่กี่นาทีคงไม่เป็นไร ปรากฏว่าสายร้อนจี๋ จับไม่ได้ สุดท้ายเบรกเกอร์ตัดไฟบ้านดับวูบ โชคดีที่ตัดทัน ไม่งั้นคงได้เรียกรถดับเพลิงแล้ว!

หลายคนมักคิดว่าปัญหาเกิดจาก “ไฟบ้านแรงไป” หรือ “แรงดันสูงเกิน” แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย ไฟบ้านทั่วไปแรงดัน 220 โวลต์ก็เท่าเดิม แต่สิ่งที่เกินคือ กระแสไฟฟ้าที่สายรับไม่ไหว สายไฟ แต่ละชนิดถูกออกแบบมารับปริมาณกระแสต่างกัน ถ้าเอาสายเส้นเล็ก ๆ ที่รับได้ไม่กี่แอมป์ไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าหนัก ๆ ความร้อนจะวิ่งขึ้นเรื่อย ๆ จนฉนวนละลาย แตก หรือไฟไหม้ได้ง่าย ๆ

น้องช่างเลยอยากชวนทุกคนมารู้จัก “สายไฟ” ให้ลึกกว่าที่เคย ไม่ต้องเป็นช่างก็เข้าใจได้ เราจะมาดูว่าข้างใน สายไฟ มีอะไร ทำไมมันพังได้ง่ายถ้าใช้ผิดแบบ และวิธีเลือก สายไฟ ให้ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวเรื่องไฟไหม้เพราะปลั๊กพ่วงอีกต่อไป

“เลือกสายถูก ขนาดพอ ใช้ให้เป็น—ลดเสี่ยงไฟไหม้ได้มากกว่าครึ่ง”

สายไฟ

สายไฟ ไม่ใช่แค่สายหุ้มพลาสติก

โครงสร้างแต่ละชั้นใน สายไฟ ทำหน้าที่ต่างกันอย่างชัดเจน เช่น ฉนวน PVC เหมาะกับอุณหภูมิใช้งานราว 70°C ขณะที่ XLPE ทนความร้อนได้สูงกว่าประมาณ 90–110°C จึงเหมาะกับงานที่มีโหลดสูงหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมร้อนจัด ตัวอย่างการเลือกใช้: THW (หุ้ม PVC) เหมาะกับงานเดินภายในบ้านร่วมกับเครื่องใช้ทั่วไป ส่วนงานภายนอก/ฝังดินที่ต้องเจอแดดและความร้อน ควรเลือก NYY หรือสายที่มีฉนวน XLPE การเข้าใจชั้นต่าง ๆ จะช่วยให้เราเลือกสาย “ตรงงาน” และปลอดภัยขึ้น

ถ้าลองผ่าดู สายไฟ จริง ๆ ไม่ใช่มีแต่ทองแดงข้างในหุ้มด้วยพลาสติกอย่างเดียว แต่มันมีโครงสร้างหลายชั้น เช่น

  • ตัวนำไฟฟ้า (Conductor): ยิ่งหน้าตัดใหญ่ กระแสยิ่งไหลได้มาก ความร้อนสะสมน้อย
  • ฉนวน (PVC/XLPE): PVC เหมาะกับอุณหภูมิใช้งานราว 70°C ส่วน XLPE ทนได้ประมาณ 90–110°C เหมาะงานโหลดสูง/ร้อนจัด
  • ปลอก/ชั้นกันชื้น–ยูวี: จำเ ป็นสำหรับงานนอกอาคาร เช่น สาย NYY

เวลาซื้อ สายไฟ เรามักเห็นสัญลักษณ์อย่าง THW, VCT, NYY พวกนี้ไม่ได้ตั้งมาเท่ ๆ แต่บอกคุณสมบัติสำคัญเลยนะคะ

  • THW – ทองแดงเดี่ยว ฉนวน PVC ใช้เดินในท่อ/ฝังผนัง ไม่ควรโดนแดดตรง ๆ
  • VCT – สายทองแดงอ่อน ยืดหยุ่น เหมาะเป็นสายต่อพ่วงภายใน
  • NYY – ฉนวนหนา ทนแดดและฝังดิน เหมาะงานภายนอก
  • VSF – สายอ่อนสำหรับอุปกรณ์เล็ก ๆ เช่น โคมไฟ พัดลม

เลือกผิดงาน เช่น เอา VCT ไปลากกลางแจ้ง โดนแดดไม่กี่เดือนก็กรอบแตก หรือเอา THW ขนาด 0.75 sq.mm ไปรับโหลดเตารีด เครื่องทำน้ำอุ่น สายจะร้อนจนฉนวนละลาย!

ทำไมการต่อพ่วงถึงทำร้าย สายไฟ

สาเหตุหลักคือ กระแสเกินพิกัดทำให้ สายไฟ ร้อน เพราะพลังงานไฟฟ้าที่ผ่านตัวนำถูกแปลงเป็นความร้อนตามสูตร P = I²R (กำลังไฟฟ้า = กระแสยกกำลังสอง × ความต้านทาน) เมื่อใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้นพร้อมกัน กระแสเพิ่มขึ้นมาก ความร้อนจะพุ่งแบบทวีคูณ ตัวอย่างเช่น สายไฟ เล็ก ๆ รับกระแสได้ไม่เกิน 6A แต่เราเสียบโหลดรวม 10A ความร้อนที่เกิดสูงขึ้นเกือบสามเท่า ส่งผลให้ฉนวนเสื่อม แตก กรอบ และเสี่ยงไฟไหม้ได้

การต่อพ่วง = เพิ่มระยะทางและภาระให้สายไฟรับโหลดมากขึ้นกว่าที่ออกแบบไว้

  • กระแสเกินพิกัด: สมมติเตารีดกินไฟ 1,000 วัตต์ ไดร์เป่าผม 1,200 วัตต์ รวมกันคือ 2,200 วัตต์ บ้านเราไฟ 220 โวลต์ → กระแสที่ไหลจะประมาณ 10 แอมป์ถ้าเราใช้ สายไฟ แค่ 0.75 sq.mm (ส่วนใหญ่รับได้ราว 6–7 แอมป์) มันก็โอเวอร์โหลดไปแล้ว ทำให้ร้อนและเสื่อมเร็ว
  • ความร้อนสะสม: สายไฟ ที่ม้วน พัน หรือเก็บรวม ๆ กันจะระบายความร้อนได้ยาก ความร้อนสะสมจนฉนวนละลายง่ายขึ้น
  • แรงดันตก (Voltage Drop): ยิ่งลากยาว ยิ่งสูญเสียแรงดัน ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนักขึ้น กระแสยิ่งสูง สายไฟ ยิ่งร้อน
  • จุดต่อหลายชั้น: ทุกจุดต่อคือตัวเพิ่มความร้อนและโอกาสไฟช็อต ถ้าใช้ข้อต่อไม่ได้มาตรฐานหรือบัดกรีไม่ดี ฉนวนหลวม ความชื้นเข้าก็เกิดประกายไฟได้

ต่อพ่วงจน สายไฟ พัง ใครคิดว่าไม่เป็นไร บอกเลยอันตราย

น้องช่างเตือนอย่ามองข้ามอาการ “สายอุ่น”
ถ้าใช้สายพ่วงแล้วรู้สึกว่าสายเริ่มอุ่นหรือร้อนผิดปกติ ให้หยุดใช้ทันที อย่าคิดว่า “ก็ยังไม่ละลาย” เพราะความร้อนค่อย ๆ ทำให้ฉนวนเปราะ และวันหนึ่งอาจช็อตหรือไฟไหม้ได้

ขนาด สายไฟ = หัวใจของความปลอดภัย

การเลือกขนาดสายไฟต้องพิจารณา ความยาวสาย ร่วมกับ โหลด เสมอ เพราะสายที่ยาวมากขึ้นจะทำให้เกิด แรงดันตก (Voltage Drop) เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพและอาจทำให้สายร้อนขึ้น จึงควรเพิ่มขนาดหน้าตัดให้ใหญ่ขึ้นกว่าตารางพื้นฐาน ตัวอย่างเช่น ลากไฟ 30 เมตร จากเดิมควรใช้ 1.0 sq.mm ให้ขยับไปใช้ 1.5 sq.mm เพื่อความปลอดภัยและลดแรงดันตก

เวลาซื้อหรือเลือกสายไฟ ต้องรู้จักหน่วย ตารางมิลลิเมตร (sq.mm) ซึ่งบอกหน้าตัดของทองแดง ยิ่งใหญ่ยิ่งรับกระแสได้มาก

ขนาดสาย (sq.mm) กระแสสูงสุด (≈) วัตต์ที่รองรับ (≈220V)
0.5~3–5 A600–1,100 W
0.75~6 A~1,300 W
1.0~11 A~2,400 W
1.5~15 A~3,300 W
2.5~20 A~4,400 W

เห็นไหมคะว่าปลั๊กพ่วงทั่วไปส่วนใหญ่ใช้สายแค่ 0.5–0.75 sq.mm ถ้าเสียบพัดลมกับชาร์จมือถือก็โอเค แต่พอเพิ่มเครื่องทำน้ำร้อน หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ ก็เกินทันที

สายไฟ แต่ละชนิด เหมาะกับงานแบบไหน

เลือกชนิดสายให้ตรงสภาพงาน และ ตรวจสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัย ทุกครั้ง เช่น มอก. บนฉลากเพื่อยืนยันว่าผ่านการทดสอบตามมาตรฐานของไทย และมาตรฐานสากลอย่าง IEC สำหรับงานติดตั้งที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง พร้อมอ่านข้อมูลทางเทคนิคก่อนใช้งาน

  • VCT (Vinyl Cabtyre Cable) — ยืดหยุ่น เหมาะต่ออุปกรณ์/ปลั๊กพ่วงภายในบ้าน ไม่เหมาะตากแดดถาวร
  • THW — เดินในท่อ/ฝังผนัง เหมาะงานติดตั้งถาวรในบ้าน
  • NYY — ภายนอก/ฝังดิน ทนแดด กันชื้น เหมาะนอกอาคาร
  • VSF — อุปกรณ์กำลังต่ำ เช่น โคมไฟ พัดลม
น้องช่างแนะนำก่อนจ่ายเงิน
ดู ขนาดสาย กับ กำลังไฟรวมที่รองรับ บนฉลาก ถ้าไม่ระบุชัดเจน—เลี่ยง

ต่อพ่วงจน สายไฟ พัง ใครคิดว่าไม่เป็นไร บอกเลยอันตราย

พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ สายไฟ พังเร็ว

  • พันสายเป็นก้อน: ทำให้ระบายความร้อนไม่ได้และความร้อนสะสมจนฉนวนเสื่อมเร็วกว่าปกติ
  • ลากสายยาวเกินจำเป็น: ระยะทางเพิ่ม = ความต้านทานเพิ่ม = ร้อนง่าย และอาจเกิดแรงดันตกทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนักขึ้น
  • ใช้สายเก่าไม่รู้สเปก: ฉนวนกรอบ แตกร้าว ดูไม่ออกด้วยตาเปล่า บางครั้งทองแดงด้านในก็ผุกร่อนแล้ว
  • เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังสูงรวมกัน: โดยเฉพาะพวกหม้อหุงข้าว เตารีด ไมโครเวฟ ฮีตเตอร์ รวมกำลังวัตต์ได้ง่าย ๆ เกินพิกัดสาย
  • ต่อสายเองโดยไม่เข้าหัวหรือไม่ใช้คอนเนคเตอร์มาตรฐาน: จุดต่อที่ไม่แน่นทำให้เกิดความร้อนและประกายไฟ เสี่ยงไฟช็อตหรือไฟไหม้ได้

เช็ก สายไฟ ด้วยตัวเอง

  • จับดู: ขณะใช้งาน ถ้ารู้สึกร้อนผิดปกติ รีบถอดปลั๊ก และควรปล่อยให้สายเย็นก่อนนำกลับมาใช้อีกครั้ง
  • ดูฉนวน: ถ้ากรอบ แตกร้าว มีรอยไหม้ ให้เปลี่ยนทันที อย่ามองข้ามรอยแตกเล็ก ๆ เพราะอาจทำให้ไฟรั่ว
  • ตรวจด้วยมิเตอร์หรือเครื่องตรวจสอบไฟ: เช็กว่ากระแสไฟไม่เกินที่สายรองรับ (ง่าย ๆ แค่รู้วิธีวัดกระแส) และอาจวัดแรงดันตกตามปลายสายเมื่อใช้งานจริง เพื่อดูว่ามีโหลดมากเกินไปหรือไม่
  • ฟังเสียงและดมกลิ่น: หากได้ยินเสียงเปรี๊ยะหรือมีกลิ่นพลาสติกไหม้ ให้หยุดใช้งานทันที เพราะอาจมีความร้อนสะสมจนสายเริ่มเสียหาย

DIY ได้ แต่ต้องรู้ข้อจำกัด

สำหรับคนที่อยากเดินไฟเองในบ้านเล็ก ๆ หรือทำปลั๊กพ่วงเอง ก็ทำได้ค่ะ แต่ต้องรู้หลักพื้นฐานและตระหนักถึงข้อจำกัด

  • เลือกสายขนาดพอ (อย่างน้อย 1.0 sq.mm ขึ้นไปถ้าใช้กับเครื่องไฟฟ้าเยอะ) และพิจารณาความยาวสายด้วย เพราะยิ่งยาวยิ่งแรงดันตก ต้องเพิ่มขนาดสายให้เหมาะสม
  • ใช้หัวปลั๊กและเต้ารับที่มีมาตรฐาน ตรวจสอบสัญลักษณ์ มอก. หรือมาตรฐานสากลก่อนเสมอ
  • บัดกรีหรือขันน็อตให้แน่น ลดความร้อนที่จุดต่อ และควรใส่ปลอกหุ้มป้องกันความชื้น
  • อย่าลืมสายดิน — ช่วยป้องกันไฟดูด และช่วยให้เบรกเกอร์ตัดไฟได้เร็วเมื่อเกิดไฟรั่ว
น้องช่างเตือนเมื่อควรเรียกช่าง
ถ้าไม่มั่นใจเรื่องโหลดไฟในบ้าน หรือคิดจะติดตั้งเพิ่มเยอะ ๆ เรียกช่างไฟฟ้ามาตรวจดีกว่า แต่เรื่องพื้นฐาน เช่น ดูขนาดสาย ดูความร้อน เช็กฉนวน อันนี้ผู้หญิงทำเองได้แน่นอน!

ต่อพ่วงจน สายไฟ พัง ใครคิดว่าไม่เป็นไร บอกเลยอันตราย

เลือกสายถูก ใช้ให้เป็น ปลอดภัยกว่า

เรื่อง สายไฟ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย บ้านไหน ๆ ก็เจอ ถ้าเราเข้าใจหลักง่าย ๆ ว่า ขนาดสายต้องเหมาะกับโหลด, ฉนวนต้องดี, ใช้งานให้ถูกวิธี เราก็ลดความเสี่ยงไฟไหม้และอุบัติเหตุได้มากแล้ว

คราวหน้าถ้าจะต่อพ่วงเพิ่ม อย่าแค่ดูว่ามีช่องพอหรือไม่ ให้ดูว่า สายไฟ เส้นนั้นรองรับกำลังไฟได้หรือเปล่า และอย่าลืมดูว่ามี มอก. กับขนาดสายที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่เอาสะดวกเข้าว่า

เลือกซื้อ สายไฟ | iToolmart