TH
English
Customers Also Purchased
เราจำได้ว่า กรรไกรตัดกิ่ง คู่แรกของเรา ซื้อมาเพราะอยากลองตัดแต่งต้นไม้หลังบ้าน นิด ๆ หน่อย ๆ ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกครับว่า กรรไกรตัดกิ่ง มีหลายแบบ ทั้งแบบ Bypass, Anvil หรือแม้แต่กรรไกรตัดกิ่งไฟฟ้า สิ่งเดียวที่สนใจคือ "มันคมพอจะตัดได้" แต่พอใช้ไปสักพัก เราก็เริ่มเจอปัญหา ข้อต่อเริ่มโยก สปริงที่ทำให้ใบมีดเด้งกลับก็เริ่มอ่อน ทำให้มือเมื่อยมากกว่าเดิมอีกเวลาใช้งาน การดูแลข้อต่อและสปริงของ กรรไกรตัดกิ่ง สำคัญกว่าที่คิด เพราะมันคือหัวใจของการใช้งานจริง ๆ ถ้าไม่ดูแลดี ต่อให้ใบมีดยังคมอยู่ กรรไกรตัดกิ่ง ก็จะหมดอายุการใช้งานเร็วขึ้นกว่าเดิม
ในบทความนี้เราเลยอยากพาไปเจาะลึกว่า ควรจะดูแลข้อต่อ และสปริงของ กรรไกรตัดกิ่ง ยังไง ให้ใช้งานได้ยาว ๆ ไม่หลวมไว พร้อมแทรกประสบการณ์จริงที่เราเคยเจอ หากพร้อมแล้วไปอ่านบทความนี้กันได้เลยครับ
ทำไมข้อต่อ และสปริงของ กรรไกรตัดกิ่ง ถึงสำคัญที่สุด?
หลายคนเวลาไปเลือกซื้อ กรรไกรตัดกิ่ง ก็มักจะหยิบมาดูตรงใบมีดก่อนเสมอว่า คมไหม? เคลือบกันสนิมหรือเปล่า? ซึ่งก็ถูกครับ เพราะใบมีดคม ๆ ตัดแล้วสบายใจแน่นอน แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามไป คือ “ข้อต่อ” กับ “สปริง” นี่แหละครับ ตัวการที่ทำให้ กรรไกรตัดกิ่ง เสียก่อนเวลา
เปรียบเทียบง่าย ๆ ว่า ข้อต่อก็คือหัวใจของ กรรไกรตัดกิ่ง เลยครับ เพราะมันเป็นจุดที่เชื่อมใบมีดทั้งสองเข้าด้วยกัน ถ้าแน่นดี งานตัดก็เป๊ะ ใบมีดเข้าล็อกพอดีทุกครั้ง แต่ถ้าเริ่มหลวมเมื่อไหร่ มันจะไม่เข้ากัน ใบมีดขยับหนีบ้าง กิ่งไม้เลยไม่ได้ถูกตัดขาดสวย ๆ แต่กลายเป็นโดนบี้แทน แบบนี้ทั้งเหนื่อยทั้งเสียงาน
ส่วนสปริง หลายคนอาจคิดว่าเป็นแค่ลวดงอ ๆ เส้นเล็ก ๆ แต่เอาจริง ๆ นะครับ นี่เปรียบเหมือนกับปอดของ กรรไกรตัดกิ่ง เลย เพราะมันทำหน้าที่ดีดใบมีดออกทุกครั้งหลังเราบีบ ถ้าวันไหนสปริงอ่อนหรือหักขึ้นมา คุณจะต้องง้างเองทุกครั้ง บอกเลยว่าไม่ใช่แค่เมื่อย แต่ยังเสียจังหวะ ทำให้ทำงานช้าลงอีกเยอะ
สัญญาณเตือนว่า กรรไกรตัดกิ่ง กำลัง “หลวม”
จากที่เราใช้ กรรไกรตัดกิ่ง มาเรื่อย ๆ บอกเลยว่ามีอยู่ 3 อาการหลัก ๆ ที่ถ้าเจอเมื่อไหร่ ต้องรีบดูแลทันที ไม่งั้นเจ๊ง!แน่ๆ
- กดตัดแล้วใบมีดขยับ – อันนี้ชัดเลยครับ เวลาตัดกิ่งทีไร เหมือนใบมีดสองฝั่งมันไม่คมเข้าหากันเป๊ะ ๆ ผลก็คือกิ่งไม่ขาดในครั้งเดียว แต่ดันถูกบี้จนช้ำแทน แบบนี้ทำงานทีไร หงุดหงิดทุกที
- สปริงไม่เด้งเหมือนเดิม – ปกติเรากดปุ๊บ สปริงมันต้องดีดใบมีดออกมาให้เองใช่ไหมครับ แต่พอเริ่มเสื่อม กดแล้วต้องใช้นิ้วช่วยง้างออกครึ่งทาง รู้สึกได้เลยว่าเมื่อยขึ้นเยอะ ทำงานนาน ๆ คือหมดแรงก่อนต้นไม้หมดกิ่งแน่นอน
- มีเสียงดังแก๊ก ๆ หรือเสียดสี – เสียงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยครับ มันคือสัญญาณว่าข้อต่อเริ่มหลวม หรือมีความแห้งจากการไม่ได้หยอดน้ำมันหล่อลื่น ฟังทีไรเหมือนกรรไกรกำลังเรียกร้องให้เราดูแลอยู่เงียบ ๆ
ถ้าเริ่มเจออาการพวกนี้ อย่าปล่อยผ่านไปนะครับ เพราะยิ่งปล่อยไว้นาน มันก็ยิ่งเสื่อมเร็ว บางทีไม่ใช่แค่ซ่อมยาก แต่ต้องซื้อใหม่ทั้งตัวเลย เสียดายทั้งเงิน เสียดายทั้งใจ แถมยังเสียจังหวะตอนทำงานอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเป็น 7 สัญญาณว่าถึงเวลาซื้อ…กรรไกรตัดกิ่ง ใหม่แล้วล่ะ
วิธีดูแลข้อต่อ และสปริงให้ใช้งานได้นาน
- ทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน อันนี้สำคัญที่สุดเลยครับ หลายคนตัดเสร็จแล้วก็วางไว้เฉย ๆ พอผ่านไปไม่กี่วัน คราบยางไม้เหนียว ๆ กับเศษกิ่งมันจะเกาะข้อต่อกับสปริงจนฝืด กว่าจะรู้ตัวอีกที สนิมเริ่มมาแล้ว ผมเองเคยขี้เกียจเช็ดทีนึง สุดท้ายต้องนั่งขัดสนิมอยู่นานเลยครับ แนะนำให้ทำง่าย ๆ เลย: ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออก ถ้าเหนียวมากก็ล้างด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ จากนั้นเช็ดให้แห้งสนิทก่อนเก็บ เท่านี้ก็จบ
- หยอดน้ำมันที่ข้อต่อ อันนี้คือทริกที่ทำให้ กรรไกรตัดกิ่ง ใช้งานลื่นปรื๊ดเหมือนใหม่ครับ เรามักจะหยอดน้ำมันจักรหรือน้ำมันหล่อลื่นบาง ๆ ที่ข้อต่อทุก ๆ 2–3 ครั้งหลังใช้งาน ไม่ต้องเยอะมาก แค่พอเคลือบให้เนียน ๆ พอ แค่นี้เสียงแก๊ก ๆ เวลาตัดก็หายไปเลย แถมแรงตัดก็เบาขึ้นด้วย
- ดูแลสปริงไม่ให้สนิมกิน สปริงนี่ตัวเล็กแต่ใจใหญ่เลยนะครับ เพราะถ้าเสียเมื่อไหร่ กรรไกรตัดกิ่ง แทบใช้ไม่สะดวกเลย ปัญหาคือมันเป็นเหล็กเส้นเล็ก ๆ ที่เจอน้ำทีไร เป็นสนิมง่ายมาก วิธีแก้ง่าย ๆ คืออย่าปล่อยให้มันเปียกนาน ถ้าเผลอโดนน้ำก็รีบเช็ดให้แห้ง แล้วหยอดน้ำมันนิดหน่อยไว้เคลือบ จะช่วยยืดอายุสปริงได้เยอะเลยครับ
- ตรวจเช็กความแน่นของน็อตที่ข้อต่อ เวลาใช้งานไปนาน ๆ น็อตตรงข้อต่อมันจะคลายเองโดยที่เราไม่รู้ตัว ผลก็คือใบมีดเริ่มโยก ตัดไม่แม่นเหมือนเดิม เราเลยชอบเอาไขควงหรือประแจมาปรับให้แน่นพอดี ๆ ไม่ต้องขันจนฝืดนะครับ เอาแค่แน่นพอให้ใบมีดเข้าล็อกตัดได้สวย ๆ ก็พอ
- เก็บให้ถูกวิธี เรื่องง่าย ๆ ที่หลายคนมองข้ามครับ กรรไกรตัดกิ่ง ควรเก็บในที่แห้ง ไม่อับชื้น และถ้ามีตัวล็อกใบมีดก็ควรล็อกไว้ เวลาล็อกแบบนี้สปริงจะไม่ถูกกดค้างตลอดเวลา เพราะถ้าปล่อยให้โดนบีบไว้ทั้งคืนทั้งวัน สปริงมันจะล้าเร็วมากครับ ผมลองมาแล้ว สปริงอ่อนไวกว่าใช้งานจริงอีก
ประสบการณ์จริงที่เคยเจอ
ครั้งหนึ่งเราเคยซื้อ กรรไกรตัดกิ่ง ราคาหลักร้อยมาใช้ แบบไม่ได้คิดอะไรมาก ใช้เสร็จก็โยนกองไว้ในโรงเก็บของ ไม่เคยเช็ด ไม่เคยหยอดน้ำมัน ไม่สนใจอะไรเลย ใช้ไปได้แค่ประมาณ 3 เดือนเท่านั้นเองครับ ปัญหามาล่ะ! ข้อต่อก็เริ่มโยก ตัดทีไรไม่เข้าเหมือนเดิม จนสุดท้ายต้องเอาไปวางทิ้งไว้แบบเซ็ง ๆ
แต่พอเปลี่ยนมาลองใช้ กรรไกรตัดกิ่ง ดี ๆ สักคู่ คราวนี้แหละ! จะตั้งใจดูแลจริงจังหน่อย ทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ทั้งเช็ดทุกครั้งหลังใช้ หยอดน้ำมันบ้างเวลาเริ่มฝืด แล้วก็เก็บให้ถูกที่ถูกทาง ปรากฏว่าใช้มาจนถึงตอนนี้เกิน 2 ปีแล้วนะครับ ข้อต่อยังแน่นเหมือนใหม่ สปริงก็ดีดแรงเต็มมือทุกครั้งที่กด บอกเลยว่ามันรู้สึกต่างกันจริง ๆ
เคล็ดลับพิเศษสำหรับคนใช้บ่อย
เวลาตัดกิ่งไม้ที่มีน้ำยางเยอะ ๆ อย่างมะม่วงหรือยางพารา เราแนะนำเลยว่าให้พกผ้าเช็ดติดตัวไว้ตลอดครับ เพราะยางไม้มันเหนียวมาก เกาะตรงข้อต่อทีนี่ฝืดเป็นบ้าเลย ถ้าเช็ดออกทันที กรรไกรตัดกิ่ง ก็ยังลื่นเหมือนเดิม แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ แป๊บเดียวแข็งตัวจนต้องออกแรงขัดกันเหนื่อยเลยครับ
อีกอย่างที่อยากเตือนคือเรื่อง น้ำมันหยอด บางคนคิดว่าเอาน้ำมันเครื่องยนต์มาหยอดแทนก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วไม่เวิร์กนะครับ เพราะน้ำมันเครื่องมันเหนียวเกินไป พอใช้ไปสักพักจะกลายเป็นดักฝุ่น ดักเศษไม้เพิ่มงานให้เราซะงั้น ทางที่ดีใช้น้ำมันจักรหรือน้ำมันหล่อลื่นเบา ๆ จะเหมาะที่สุด
ส่วนใครที่เจอสปริงหัก อย่าเพิ่งใจร้อนหยิบคีมมาดัดเองนะครับ เพราะดัดไปก็ไม่เข้าทรง แถมแรงดีดก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่างหาก ผมเคยลองมาแล้ว สุดท้ายก็ใช้ไม่ได้ ต้องเปลี่ยนใหม่อยู่ดี ทางที่ดีที่สุดคือหาซื้อสปริงอะไหล่แท้มาเปลี่ยนเลยครับ รับรองว่า กรรไกรตัดกิ่ง กลับมาดีดแรงเหมือนเดิมแน่นอน
สรุป
สุดท้ายนี้ สิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือ กรรไกรตัดกิ่ง ไม่ได้เสียเพราะตัดกิ่งไม้หนัก ๆ เสมอไปครับ แต่เสียเพราะเราไม่ดูแลต่างหาก ใบมีดคมอาจลับใหม่ได้ แต่ถ้าข้อต่อหลวมจนโยก หรือสปริงอ่อนจนหมดแรง แบบนั้นต่อให้ลับคมกี่ครั้ง กรรไกรตัดกิ่ง ก็ไม่กลับมาเหมือนเดิมแล้ว
เลือก กรรไกรตัดกิ่ง เพิ่มเติม