ป้องกันอันตราย! 7 ข้อควรทำก่อนใช้ รอกกว้านสลิงไฟฟ้า

Customers Also Purchased

ป้องกันอันตราย! 7 ข้อควรทำก่อนใช้รอกกว้านสลิงไฟฟ้า

เวลาพูดถึง “รอกกว้านสลิงไฟฟ้า” หลายคนอาจนึกถึงเครื่องช่วยยกของที่กดปุ่มแล้วจบ แต่เอาจริง ๆ มันคือเครื่องมือที่รับภาระหนักแทนเรา และถ้าเราไม่เช็กให้ดี งานเบา ๆ อาจกลายเป็นเรื่องเสี่ยงได้ในพริบตา น้องช่างเคยเห็นกับตาว่าของหนักหลายร้อยกิโลตกลงมาเพราะสลิงชำรุด ใครที่ยืนอยู่ใต้ของคงไม่ปลอดภัยแน่นอน เพราะฉะนั้นก่อนจะเสียบปลั๊กแล้วกดขึ้นลง มาลองตรวจเช็กกันซะหน่อยดีกว่า 7 ข้อที่น้องช่างเอามาฝากนี้ ไม่ต้องเป็นช่างมือโปรก็ทำได้ แค่ใช้สายตาและความรอบคอบก็พอ ทำไว้เถอะค่ะ ปลอดภัยกว่ามานั่งเสียใจทีหลัง

“เช็กแค่ไม่กี่นาที เซฟชีวิต เซฟของ เซฟงาน — ผู้หญิงก็ทำได้ค่ะ”

อัปเดตล่าสุด: 29 กันยายน 2025 • อ่าน 8–10 นาที

รอกกว้านสลิงไฟฟ้าในไซต์งาน

ทำไมต้องตรวจเช็กก่อนใช้รอกกว้านสลิงไฟฟ้า?

หลายคนอาจคิดว่าการตรวจเช็กเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ แต่ความจริงมันคือการ “ประเมินความเสี่ยง” ก่อนเกิดเหตุ เพราะงานยกของมีแรงดึงสูงมาก บางครั้งมากกว่าที่เราคาดไว้หลายเท่า ของที่หนักเพียง 200 กิโล ถ้าเกิดการกระตุกตอนเริ่มยก แรงที่ถ่ายไปยังสลิงและตะขออาจพุ่งขึ้นเท่าตัวได้เลย ยิ่งถ้าสลิงมีสนิมหรือเส้นลวดแตกอยู่แล้ว ความแข็งแรงจะลดลงทันที โอกาสขาดระหว่างยกก็สูงขึ้นแบบคาดไม่ถึง

อีกอย่างที่คนมักไม่รู้คือ จุดยึด นี่แหละอันตราย ถ้าไปแขวนรอกกับท่อที่ดูใหญ่แต่จริง ๆ ไม่ได้ออกแบบมารับน้ำหนัก พอเจอแรงดึงสะสมจะงอหรือหลุดมาทั้งท่อ ไม่ใช่แค่ของตก แต่โครงสร้างทั้งชิ้นอาจร่วงตามมาด้วย ส่วนด้านไฟฟ้าก็สำคัญ สายไฟที่เริ่มกรอบหรือมีรอยแตกเล็ก ๆ อาจกลายเป็นไฟช็อตทันทีเมื่อมีโหลดหนักและมอเตอร์ดึงไฟเพิ่มขึ้น

น้องช่างเตือนอย่า “กดลอง” ถ้ายังไม่ชัวร์
ถ้าคุณไม่แน่ใจเรื่องน้ำหนัก จุดยึด หรือสภาพสลิง ให้หยุดตรวจให้ชัดก่อน—การเดาอาจทำให้เครื่องหยุดคากลางอากาศหรือของตก

7 ข้อควรทำก่อนใช้รอกกว้านสลิงไฟฟ้า

1) ตรวจสภาพสลิงและตะขอ — ด่านแรกที่ห้ามมองข้าม

สลิงคือ “เส้นเลือดหลัก” ของรอกกว้านสลิงไฟฟ้า ถ้าตรงนี้พัง ทุกอย่างจบค่ะ! ก่อนยกทุกครั้งควรลากสายตาตั้งแต่ต้นจนปลาย ตรวจหา เส้นลวดที่แตกหรือขาด สนิมสะสม จุดที่บวมผิดปกติ หรือรอยบิดตัว ถ้าเป็นสลิงลวดเหล็กลองเอามือที่ใส่ถุงมือรูดเบา ๆ ถ้ารู้สึกเสี้ยน ๆ แสดงว่ามีเส้นลวดแตกแล้วต้องเปลี่ยนทันที ส่วนถ้าเป็นสลิงสังเคราะห์ให้ลองบิดดูว่ามีบางช่วงอ่อนยวบหรือเนื้อแตกเป็นปุยหรือไม่

อย่ามองข้าม ตะขอ ด้วยนะคะ หลายคนเช็กสลิงแต่ลืมตะขอ ทั้งที่เป็นจุดรับแรงทั้งหมด สังเกตว่ามันยังคงรูปหรือบิดเบี้ยวหรือไม่ รอยร้าวเล็ก ๆ บางครั้งมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ลองเคาะเบา ๆ ถ้าเสียงเปลี่ยนไปแปลว่ามีจุดแตกร้าวแล้ว และสำคัญที่สุดคือ สปริงล็อก หรือ latch ที่ตะขอ ต้องเด้งกลับปิดได้สนิท ไม่หลวมไม่ค้าง เพราะนี่คือตัวกันของหลุดจากตะขอเวลายก

น้องช่างแนะนำเช็กแบบไม่ให้บาดมือ
เวลาเช็กให้ใส่ถุงมือหนังหรือถุงมือกันบาดทุกครั้ง เพราะเส้นลวดที่แตกสามารถเกี่ยวมือจนเจ็บได้ และถ้าพบเส้นแตกแม้ไม่กี่เส้นก็ไม่ควรใช้ต่อค่ะ ความแข็งแรงของสลิงจะลดลงทันทีแม้แตกเพียง 10% ของเส้นทั้งหมด

ป้องกันอันตราย 7 ข้อควรทำก่อนใช้ รอกกว้านสลิงไฟฟ้า

2) เช็กน้ำหนักงานกับสเปกเครื่อง — อย่าเดา

การรู้ “น้ำหนักที่ต้องยกจริง ๆ” สำคัญกว่าที่หลายคนคิด เพราะรอกกว้านสลิงไฟฟ้าแต่ละรุ่นมี พิกัดรับน้ำหนักสูงสุด (Safe Working Load – SWL) ระบุไว้บนป้ายเครื่องหรือในคู่มือ ถ้าเราเดาเอา เช่น คิดว่า “คงไม่เกิน 200 กิโล” แต่จริง ๆ 350 กิโล แรงดึงที่เกิดขึ้นจะทำให้มอเตอร์ทำงานเกินกำลังและร้อนเร็วขึ้น จนอาจตัดไฟหรือไหม้ นอกจากนี้ยังทำให้สลิงและตะขอรับแรงมากเกินพิกัด เสี่ยงขาดกลางคันทันที

โดยเฉพาะ ชิ้นงานที่ศูนย์ถ่วงไม่สมดุล เช่น ท่อเหล็กยาว ๆ เครื่องจักรที่น้ำหนักไปกองฝั่งเดียว หรือกล่องที่ภายในของไม่กระจายเท่า ๆ กัน น้ำหนักจริงอาจไม่ใช่แค่ตัวเลขรวม แต่มีแรงกระชากเสริมเวลาเริ่มยกหรือแกว่ง ถ้าไม่เผื่อค่าความปลอดภัยไว้ พอเครื่องต้องรับแรงเพิ่มกะทันหันก็พังได้

น้องช่างแนะนำหาค่าน้ำหนักก่อนยก
เช็กจากคู่มือ/สเปกสินค้า หรือชั่งจริง หลีกเลี่ยงการ “กดลอง” เพราะเสี่ยงมอเตอร์ไหม้หรือหยุดคาอากาศ

3) ตรวจการติดตั้งและจุดยึด — ฐานที่มั่นต้องชัวร์

ต่อให้รอกกว้านสลิงไฟฟ้าดีแค่ไหน ถ้าโครงสร้างที่เอาไปแขวนไม่แข็งแรง ทุกอย่างพังหมดค่ะ “จุดยึด” คือหัวใจสำคัญที่จะรับแรงทั้งหมด เพราะเวลายกของ น้ำหนักจะถูกถ่ายไปยังโครงสร้างเต็ม ๆ แถมบางครั้งเกิดแรงเหวี่ยงหรือแรงกระชากที่ทำให้แรงพุ่งสูงกว่าน้ำหนักจริงหลายเท่า ถ้าไปแขวนรอกกับท่อเหล็กบาง ๆ ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับแรง หรือคานที่ไม่ได้เชื่อมแน่น ของมีสิทธิ์หล่นมาทั้งชุด ไม่ใช่แค่ของที่ยกแต่รวมถึงคานหรือเหล็กที่เรายึดด้วย

ให้ดูว่าโครงสร้างที่ใช้แขวนต้อง แข็งแรงกว่าพิกัดรับน้ำหนักอย่างน้อย 2–3 เท่า เช่น ถ้าจะยก 500 กิโล คานควรรับได้อย่างน้อย 1–1.5 ตันขึ้นไป ตรวจการเชื่อม การยึดน็อต ว่าติดแน่น ไม่มีรอยสนิมผุ หรือแตกร้าว ถ้าไม่มั่นใจปรึกษาช่างโครงสร้างหรือวิศวกร เพราะค่าเสียหายจากโครงพังแพงกว่าจ้างตรวจหลายเท่า

น้องช่างแนะนำคิดเผื่อการเลื่อนแนวนอน
ถ้าอยากเลื่อนของในแนวนอนบ่อย ๆ เช่น ยกจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งบนคานเดียวกัน ให้ติดตั้ง trolley หรือรอกแบบวิ่งรางบนคาน H-Beam แทนที่จะพยายามดึง/ผลักรอกด้วยแรงคน เพราะนอกจากปลอดภัยกว่า ยังควบคุมทิศทางได้แม่น ของไม่แกว่งและไม่เกิดแรงกระชากโดยไม่ตั้งใจ

4) ตรวจระบบไฟและสายควบคุม — กันไฟช็อตก่อน

รอกกว้านสลิงไฟฟ้าทำงานด้วยมอเตอร์ที่กินไฟค่อนข้างสูง เวลายกของหนัก ๆ กระแสไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นแบบกะทันหัน ถ้าสายไฟเก่า ชำรุด หรือปลั๊กไม่แน่น อาจเกิดความร้อนสะสมจนละลายไหม้หรือไฟช็อตได้ในทันที ดังนั้นก่อนเสียบปลั๊กทุกครั้ง ควรใช้สายตากับมือเช็กอย่างละเอียด

เริ่มจาก สายไฟหลัก — ดูว่ามีรอยฉีก แตก กรอบแข็ง หรือเส้นทองแดงโผล่ออกมาไหม ถ้าเจอแม้แต่จุดเดียวต้องหยุดใช้และเปลี่ยนทันที เพราะเวลาโหลดหนักกระแสจะสูงจนทำให้รอยแตกกลายเป็นจุดไฟช็อตได้เลย ถัดไปคือ ปลั๊กและขั้วต่อ ต้องเสียบแน่น ไม่โยก ไม่ร้อนขณะใช้งาน เพราะถ้าแน่นไม่พอ กระแสจะ “วิ่งผ่านจุดสัมผัสเล็ก ๆ” ทำให้ร้อนจนเกิดประกายไฟได้ง่าย

รีโมตหรือสวิตช์ควบคุมก็สำคัญ ถ้ากดแล้วติด ๆ ดับ ๆ หรือบางปุ่มตอบสนองช้า ให้รีบตรวจเช็ก อาจมีความชื้นหรือฝุ่นสะสมด้านในที่ทำให้หน้าสัมผัสไม่ดี บางครั้งกดแล้วเครื่องไม่หยุดตามสั่งก็อันตรายมาก โดยเฉพาะตอนยกของอยู่กลางอากาศ

น้องช่างเตือนหลวม = อันตราย
ปลั๊กหรือขั้วต่อหลวมทำให้เกิดความร้อนสะสม/ไฟช็อตได้ เปลี่ยนใหม่ทันที อย่าแก้ชั่วคราวด้วยเทป

ป้องกันอันตราย 7 ข้อควรทำก่อนใช้ รอกกว้านสลิงไฟฟ้า

5) เคลียร์พื้นที่ทำงานให้โล่ง — ห้ามมีคนอยู่ใต้ของยก

จุดที่อันตรายที่สุดของการใช้รอกกว้านสลิงไฟฟ้าไม่ใช่ตัวเครื่อง แต่คือ พื้นที่ด้านล่างของของที่ถูกยก ค่ะ เพราะถึงเราจะตรวจสลิงและตะขอแล้ว แต่ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้เสมอ เช่น ตะขอหลุด สลิงขาด จุดยึดเสีย หรือของที่ยกหมุนแกว่งจนหลุดจากจุดผูก ถ้ามีใครอยู่ตรงนั้นแม้เพียงเสี้ยววินาที อันตรายถึงชีวิตได้เลย

ก่อนเริ่มงานทุกครั้งควร กำหนดเขตอันตราย ให้ชัดเจน ใช้อุปกรณ์อย่างกรวย เทปกั้น เชือก หรือป้ายเตือนวางรอบบริเวณที่ของจะถูกยกผ่าน ไม่ใช่แค่ด้านล่างเท่านั้น แต่รวมถึงรัศมีรอบ ๆ เผื่อกรณีของแกว่งหรือหมุน น้องช่างเคยเห็นในไซต์งานที่ไม่มีการกั้น คนเดินผ่านไปมาตอนกำลังยก แล้วตะขอเกิดกระชากเพราะโหลดเอียง ทำให้ของสวิงไปมา ดีที่คนหันกลับทันไม่งั้นอาจชนเข้าเต็ม ๆ

6) ทดสอบการทำงานก่อนยกจริง — ฟังเสียงเครื่อง

ก่อนจะเอาของหนัก ๆ ขึ้นไปลอยกลางอากาศ สิ่งที่ทำง่ายที่สุดแต่ช่วยชีวิตได้บ่อยมากคือ “ทดสอบเครื่องเปล่า” ค่ะ จุดประสงค์ไม่ใช่แค่ดูว่ามอเตอร์หมุนได้ แต่เพื่อฟัง สังเกต และดมกลิ่นว่าทุกอย่างปกติดีหรือเปล่า

เริ่มจาก กดขึ้น-ลงโดยไม่มีโหลดหรือใส่ของเบา ๆ ก่อน ฟังเสียงมอเตอร์ว่าหมุนเรียบไม่สะดุด ไม่มีเสียงหอนสูงหรือขูดโลหะ เสียงผิดปกติบอกได้หลายอย่าง เช่น เกียร์เริ่มสึก สลิงพันไม่เรียบ หรือมอเตอร์ฝืด พอได้ยินตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้หยุดก่อนที่จะเจอปัญหากับของหนักจริง ๆ

สังเกตด้วยว่าตอนปล่อยปุ่ม เครื่องหยุดทันทีหรือยังไหลต่อ ถ้าไหลต่อแม้เพียงนิด อาจหมายถึงระบบเบรกมีปัญหา ถ้ายกของหนักแล้วเบรกไม่อยู่ ของจะค่อย ๆ เลื่อนลงมาเองซึ่งอันตรายมาก โดยเฉพาะถ้าด้านล่างมีคนหรือสิ่งของอื่น

กลิ่นก็สำคัญ ถ้าดมแล้วได้กลิ่นไหม้หรือร้อนผิดปกติ ให้หยุดทันที เพราะอาจเกิดจากมอเตอร์ทำงานหนักเกินไป สายไฟหรือขดลวดเริ่มร้อนจนละลายฉนวน

น้องช่างแนะนำสเต็ปทดสอบสั้น ๆ
ขึ้นเล็กน้อย → หยุด → ลง → หยุด ถ้าเครื่อง “ไหลต่อ” หลังปล่อยปุ่ม ให้หยุดใช้งานและตรวจทันที

7) สวม PPE ให้ครบ — ปลอดภัยกว่าเสมอ

อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE – Personal Protective Equipment) คือเกราะชั้นแรกที่ทำให้เราทำงานได้มั่นใจขึ้น แม้งานยกจะดูง่ายแค่กดปุ่มขึ้น-ลง แต่จริง ๆ แล้วมีความเสี่ยงซ่อนอยู่เยอะ เช่น ของหล่น สลิงสะบัด เสียงดัง หรือเศษโลหะกระเด็น การใส่ PPE จึงเหมือนเตรียมโล่ไว้ก่อนอันตรายมาถึง

เริ่มจาก ถุงมือกันบาด เลือกแบบที่กระชับพอดีมือ วัสดุหนังหรือเส้นใยกันบาด เพราะช่วยป้องกันเส้นลวดแตกที่อาจทิ่มมือได้ เวลาเรารูดตรวจสลิงหรือปรับตำแหน่งตะขอจะปลอดภัยขึ้นมาก

ต่อมา หมวกนิรภัย สำคัญสุด ๆ เพราะเรากำลังทำงานใต้ของหนัก ถ้าเกิดสลิงขาดหรือของเล็ก ๆ หล่นใส่ แม้ไม่ถึงกับเสียหายใหญ่ แต่หัวก็แตกได้ง่าย ๆ ค่ะ

รองเท้าเซฟตี้ ช่วยกันของหล่นและกันไฟฟ้าสถิต (ถ้าเป็นรุ่นที่ออกแบบเฉพาะ) เหมาะมากสำหรับพื้นที่งานช่างที่พื้นอาจเปียกหรือลื่น

และถ้าทำงานในที่เสียงดัง เช่น โรงงานก่อสร้างหรือคลังสินค้า ที่อุดหู จะช่วยลดความเครียดจากเสียงเครื่องจักร ทำให้เราโฟกัสกับงานได้ดีขึ้น

ป้องกันอันตราย 7 ข้อควรทำก่อนใช้ รอกกว้านสลิงไฟฟ้า

ดูแลหลังใช้งาน: ยืดอายุรอกกว้านสลิงไฟฟ้า

  • เช็ดสลิงให้แห้ง ลดสนิม และเก็บให้ไม่พันกัน: หลังยกเสร็จสลิงอาจเปียกเหงื่อหรือมีฝุ่น คราบน้ำมัน จาระบีติดอยู่ ถ้าเก็บทั้งอย่างนั้นสนิมจะกินเร็วขึ้น ลองเอาผ้าแห้งเช็ดทีละส่วน หรือใช้แปรงขนนุ่มปัดฝุ่น ถ้าต้องการป้องกันสนิมยาว ๆ อาจฉีดสเปรย์น้ำมันบาง ๆ (เช่น น้ำมันกันสนิม WD-40 หรือจาระบีเฉพาะสลิง) ให้เคลือบไว้บาง ๆ ก็ช่วยยืดอายุได้มาก
  • จัดเก็บสลิงไม่ให้พันกันหรือบิดเป็นปม: สลิงที่พันมั่วจะทำให้เส้นลวดด้านในบิดงอ พอเอาออกมาใช้ครั้งต่อไปอาจขาดง่ายขึ้น แนะนำเก็บโดยพันเรียบไปตามรอกหรือโรลเก็บสลิง ถ้าเป็นรอกติดตั้งกับที่อยู่แล้วให้เลื่อนสลิงกลับเข้าตัวเครื่องจนพอดี ไม่ปล่อยหย่อนยาวลงมา
  • ตรวจสภาพตะขอและจุดหมุนเป็นระยะ: ก่อนเก็บลองหมุนตะขอและสลิงดูว่าลื่นไหม ถ้าฝืดหรือตะขอเด้งกลับไม่เต็มที่ อาจต้องหยอดน้ำมันหรือทำความสะอาดเศษผงที่เข้าไปขัด
  • ป้องกันตู้ควบคุมจากความชื้นและฝุ่น: เก็บรอกในที่แห้ง ถ้าพื้นที่ทำงานชื้นหรือมีฝุ่นเยอะ ควรคลุมผ้าหรือพลาสติกบาง ๆ เพื่อป้องกันฝุ่นกับละอองน้ำซึมเข้าไปในวงจรไฟฟ้า ฝุ่นสะสมมาก ๆ อาจทำให้เกิดการลัดวงจรหรือทำให้ปุ่มกด/รีโมตเสื่อมสภาพไวขึ้น
  • เข้าศูนย์ตรวจเช็กตามคู่มือ: ถ้าใช้งานบ่อย ยกของหนักสม่ำเสมอ ควรส่งเข้าตรวจสภาพอย่างน้อยปีละครั้ง เช่น ตรวจเบรก มอเตอร์ ระบบเกียร์ และไฟฟ้าให้แน่ใจว่ายังรับแรงได้ตามมาตรฐาน การบำรุงเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) ถูกกว่าซ่อมทีหลังมากค่ะ

เช็กลิสต์ย่อก่อนกดปุ่ม “ยก”

รายการ ควรเป็น ถ้าพบปัญหา
สลิง/ตะขอ ไม่แตก ไม่บิด สปริงล็อกสมบูรณ์ หยุดใช้ เปลี่ยนใหม่ทันที
น้ำหนักงาน ≤ พิกัด SWL + เผื่อ 25–30% เปลี่ยนรุ่น/ลดน้ำหนักยก
จุดยึด คาน/โครงสร้างแข็งแรง ใช้อุปกรณ์ถูกต้อง เสริมโครง/ใช้ชุดยึดที่ถูกต้อง
ไฟ/รีโมต สายไม่ชำรุด ไม่หลวม ไม่ชื้น เปลี่ยนปลั๊ก/ซ่อมก่อนใช้งาน
พื้นที่ โล่ง กั้นเขต ไร้คนอยู่ใต้ของ เคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อย
ทดสอบ ขึ้น-หยุด-ลง-หยุด ปกติ หยุดตรวจเมื่อมีเสียง/กลิ่น/ไหล
PPE ถุงมือ หมวก รองเท้า พร้อม สวมให้ครบก่อนเริ่มงาน

ป้องกันอันตราย 7 ข้อควรทำก่อนใช้ รอกกว้านสลิงไฟฟ้า

ทำครบ 7 ข้อ งานยกสบายใจขึ้นเยอะ

การเช็กก่อนใช้ รอกกว้านสลิงไฟฟ้า ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรือใช้เวลานานเลยค่ะ แค่เปลี่ยนจาก “เสียบปลั๊กแล้วกดยกทันที” เป็น “หยุดสักนิดเพื่อดูรอบตัว” ก็ทำให้ความเสี่ยงลดลงเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกข้อที่ผ่านมาน้องช่างเล่าให้ฟัง ตั้งแต่ตรวจสลิง ตะขอ ไปจนถึงทดสอบเครื่องและสวม PPE จริง ๆ ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที แต่แลกกับความปลอดภัยทั้งของและคน

หลายครั้งอุบัติเหตุที่เราเห็นข่าวหรือแชร์ต่อกันในโซเชียล ไม่ใช่เพราะรอกคุณภาพไม่ดี แต่เพราะ ประมาทขั้นตอนเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ลืมตรวจสลิงเส้นเดียว ลืมกั้นพื้นที่ หรือกดทดสอบโดยที่ยังไม่มั่นใจ พอเกิดเหตุขึ้นมา ไม่คุ้มกับความเสียหายและความเจ็บตัวเลย

และถ้าอยากให้มั่นใจยิ่งกว่าเดิม แนะนำให้ซื้อรอกจากร้านที่เชื่อถือได้ เลือกสินค้าที่มีมาตรฐาน มีคู่มือและอะไหล่รองรับ หาซื้อได้ง่าย เช่นที่ iToolmart ก็มีทั้งรุ่นเล็กใช้ในบ้านจนถึงรุ่นใหญ่สำหรับงานก่อสร้างให้เลือก พร้อมคำแนะนำประกอบการใช้งาน

เพราะสุดท้ายแล้ว การป้องกันง่ายกว่าการซ่อมแซมเสมอ แถมยังทำให้เรา “รักงานช่าง” ได้มากขึ้น ไม่ต้องกลัวหรือกังวล ทุกครั้งที่กดปุ่มยกก็มั่นใจว่าเราเตรียมพร้อมมาแล้วค่ะ

เลือกซื้อ รอกกว้านสลิงไฟฟ้า | iToolmart