Customers Also Purchased
พอพูดถึง เสื้อกั๊กสะท้อนแสง ภาพแรกที่ลอยขึ้นมาในหัวหลาย ๆ คนก็มักจะเป็นคนงานก่อสร้างริมถนน หรือเจ้าหน้าที่โบกรถที่ยืนอยู่กลางสี่แยกตอนดึก ๆ ใช่ไหมล่ะครับ? แล้วรู้ไหมครับว่า เสื้อกั๊กสะท้อนแสง แต่ละแบบมันมีมาตรฐานความปลอดภัยสากลกำกับอยู่ รวมไปถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แตกต่างกันไป เช่น ความเข้มของสีผ้า, คุณภาพของแถบสะท้อนแสง, มุมที่สะท้อนแสงได้จริงเมื่อเจอไฟหน้ารถ หรือแม้แต่ระยะการมองเห็นที่กำหนดไว้เป็นตัวเลขเลยว่าต้องเห็นจากกี่เมตรขึ้นไป ซึ่งถ้า เสื้อกั๊กสะท้อนแสง ไม่ได้มาตรฐานก็อาจสะท้อนได้นิดเดียว พอเจอสภาพจริงบนถนนมืด ๆ กลับไม่ช่วยอะไรเลย
เพราะฉะนั้น เวลาจะเลือกใช้ เสื้อกั๊กสะท้อนแสง ไม่ว่าจะใช้งานแบบไหน? ก็ควรดูให้แน่ใจว่าเสื้อตรงตามมาตรฐาน เช่น EN ISO 20471 หรือ ANSI/ISEA ที่รับรองการมองเห็นในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้จริง
ทำไม เสื้อกั๊กสะท้อนแสง ถึงสำคัญ?
ลองนึกภาพดูครับ เวลาที่เราขับรถตอนกลางคืน โดยเฉพาะถนนสายเปลี่ยวที่แทบไม่มีไฟฟ้า ถนนโล่ง ๆ เงียบ ๆ นี่แหละคือสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด เพราะสายตาคนเราจะมองเห็นได้จำกัดแค่ในระยะไฟหน้ารถส่องไปถึงจริง ๆ เราเองเคยผ่านไซต์งานก่อสร้างถนนกลางดึก ตอนนั้นไฟถนนแทบไม่มีจริง ๆ ขับเข้าไปยังแอบรู้สึกขนลุกเพราะมันมืดสนิท แต่พอรถไฟฉายไปเห็นทีมงานใส่ เสื้อกั๊กสะท้อนแสง ทั้งแถว บอกเลยครับว่าเหมือนเห็น “แถบไฟเคลื่อนที่ได้” อยู่ตรงหน้า สว่างชัด เห็นได้ชัดเจน
พูดกันตรง ๆ เลยครับว่า หลายครั้งเราอาจมองข้ามความสำคัญของ เสื้อกั๊กสะท้อนแสง คิดว่าแค่เสื้อสีสด ๆ แต่ประสบการณ์ที่เจอกับตา มันทำให้เรามั่นใจว่า สิ่งเล็ก ๆ อย่างการเลือก เสื้อกั๊กสะท้อนแสง ที่มีมาตรฐานนี่แหละ อาจเป็นตัวตัดสินระหว่าง ความปลอดภัย หรือ เกิดเหตุไม่คาดฝัน ได้เลย
มาตรฐาน เสื้อกั๊กสะท้อนแสง ที่ใช้กัน
หากพูดถึง เสื้อกั๊กสะท้อนแสง หลายๆคนอาจคิดว่าก็แค่เสื้อใส่แล้วมีแถบวิ้ง ๆ เวลารถส่องมา แต่จริง ๆ เบื้องหลังมันมีมาตรฐานสากลที่เข้มงวดกำกับอยู่ ไม่ใช่ว่าใครอยากทำก็ทำได้ตามใจชอบนะครับ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับ “ชีวิต” ของเราเลยก็ว่าได้!
มาตรฐานเหล่านี้ถูกกำหนดมาเพื่อให้มั่นใจว่า ไม่ว่าจะใส่เสื้อกั๊กอยู่ริมถนน มืดแค่ไหน หรือมีรถวิ่งเร็วขนาดไหน คนขับก็ยังต้องเห็นคุณได้ทันเวลา ตัวอย่างเช่น
EN471 (ยุโรป)
นี่ถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิกของฝั่งยุโรปเลยก็ว่าได้ มาตรฐานนี้เขาจัดระดับการมองเห็นออกเป็น Class 1, 2, 3 แบบง่าย ๆ เช่น
- Class 1: ใช้ในพื้นที่เสี่ยงต่ำ ๆ อย่างพนักงานคลังสินค้าในร่ม ที่รถไม่วิ่งเร็วมาก
- Class 2: ใช้ในงานกลางแจ้งที่มีรถสัญจรทั่วไป ความเร็วไม่สูงมาก เช่น งานจราจรตามถนนในเมือง
- Class 3: ใช้ในงานเสี่ยงสุด ๆ อย่างบนทางด่วนที่รถวิ่งเกิน 80 กม./ชม. ตรงนี้เสื้อต้องสะท้อนแสงให้ชัดสุด ๆ เพราะแค่เสี้ยววินาทีก็ต่างชีวิตแล้ว
ISO 20471
มาตรฐานนี้คือเวอร์ชันใหม่ที่หลายประเทศหันมาใช้แทน EN471 เพราะละเอียดกว่าเดิม มีการกำหนดแม้กระทั่งว่า สีผ้าต้องเป็นโทนที่ตาเรามองเห็นได้ชัดเจนจริง ๆ อย่างเหลือง เขียว หรือส้ม และยังลงรายละเอียดเรื่อง ความกว้างของแถบสะท้อนแสง ว่าต้องไม่เล็กเกินไป รวมถึงมีการทดสอบว่าซักไปกี่ครั้งแล้วแถบยังสะท้อนดีอยู่ไหม ไม่ใช่แค่ใส่ใหม่ ๆ เท่านั้นที่เห็นชัด
ANSI/ISEA 107 (อเมริกา)
ฝั่งอเมริกาก็มีมาตรฐานของตัวเอง ซึ่งแนวคิดคล้าย ๆ กัน แบ่ง Class 1, 2, 3 เช่นเดียวกับยุโรป แต่ที่เพิ่มเข้ามาคือการแยกเป็น Type เช่น
- Type R (Roadway) สำหรับคนทำงานบนถนน
- Type P (Public Safety) สำหรับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยหรือกู้ภัย
พูดง่าย ๆ คือ นอกจากบอกว่าเสื้อคุณสะท้อนแสงได้มากน้อยแค่ไหน (Class) ยังบอกด้วยว่า “ออกแบบมาเพื่อใคร” (Type) เพื่อให้เลือกใช้ได้ตรงงานจริง ๆ
ต้องดูอะไรเวลาซื้อ เสื้อกั๊กสะท้อนแสง?
เวลาที่ไปเดินเลือกซื้อ เสื้อกั๊กสะท้อนแสง หลายคนอาจคิดว่า “เอาถูก ๆ ก็พอ” แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่แค่เสื้อคลุมธรรมดา ๆ ที่ใส่แล้วจบนะครับ เพราะสิ่งนี้คืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ ความปลอดภัยของชีวิต โดยตรง ดังนั้นเวลาจะเลือกซื้อ ควรสังเกตให้ดีครับ
- มาตรฐานที่รับรอง อย่าเลือกจากสีสดอย่างเดียว ต้องดูด้วยว่ามีมาตรฐานสากลกำกับไหม เช่น EN ISO 20471 หรือ ANSI/ISEA 107 เพราะนั่นคือการการันตีว่าเสื้อถูกออกแบบมาให้ “เห็นได้จริง” ไม่ใช่แค่ใส่แล้วดูสะท้อน ๆ ตอนแรก แต่พอใช้ไปกลับไม่ช่วยอะไรเลย
- สีผ้าและความสว่าง สีหลัก ๆ ที่นิยมคือ เหลือง เขียวมะนาว และส้มสะท้อนแสง เพราะตามหลักวิทยาศาสตร์เป็นโทนที่ตาคนมองเห็นได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะในที่มืดหรือไฟสลัว ๆ
- แถบสะท้อนแสง อย่ามองข้ามรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างความกว้างและการจัดวาง เพราะเทปสะท้อนแสงที่ได้มาตรฐานจะต้องกว้างพอ และอยู่ในตำแหน่งที่ไฟหน้ารถส่องมาแล้วสะท้อนกลับไปตรง ๆ ไม่ใช่เล็กจนแทบไม่เห็น อีกทั้งยังมีเรื่องที่หลายคนสงสัยว่า “วัสดุสะท้อนแสงทำจากอะไร? แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเสื้อกั๊กสะท้อนแสง?” ซึ่งคำตอบก็คือส่วนใหญ่จะทำจากวัสดุที่เคลือบด้วยเม็ดแก้วเล็ก ๆ หรือไมโครปริซึม ที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนแสงกลับ
- ความทนทาน เสื้อที่ดีต้องไม่ใช่ใส่ครั้งเดียวแล้วหมดสภาพ ควรผ่านการทดสอบว่า ซักแล้วแถบยังสะท้อนแสงได้เหมือนเดิม ไม่หลุดร่อนหรือซีดจางง่าย เพราะเอาจริง ๆ เสื้อกั๊กแบบนี้มักต้องใช้งานกลางแจ้งและซักบ่อย
- ความสบายเวลาใส่ หลายคนไม่ค่อยนึกถึงจุดนี้ แต่จริง ๆ สำคัญมาก เพราะถ้าใส่แล้วอึดอัดหรือร้อนเกินไป คนก็ไม่อยากใส่ตลอดเวลา เสื้อที่ดีควรมีการระบายอากาศที่โอเค ใส่แล้วทำงานได้ทั้งวันโดยไม่รำคาญ
เสื้อกั๊กสะท้อนแสง สำหรับอาชีพต่าง ๆ
จริง ๆ แล้ว เสื้อกั๊กสะท้อนแสง ไม่ได้มีแบบเดียวใช้ได้กับทุกคน ทุกงานนะครับ เพราะมาตรฐานเขาแบ่ง Class เอาไว้ชัดเจน เพื่อให้เลือก เสื้อกั๊กสะท้อนแสง ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม และความเสี่ยงที่เจอ ลองมาดูตัวอย่างง่าย ๆ กัน
- คนงานก่อสร้างถนน โดยเฉพาะงานกลางคืนหรืองานบนทางด่วน รถวิ่งด้วยความเร็วสูงมาก นี่คือสถานการณ์ที่เสี่ยงสุด ๆ ดังนั้นต้องใช้ เสื้อกั๊กสะท้อนแสง Class 3 เท่านั้นครับ เพราะมันถูกออกแบบมาให้สะท้อนแสงชัดสุด เห็นจากไกลหลายร้อยเมตร แบบที่คนขับรถบรรทุกหรือรถเก๋งที่แล่นมาด้วยความเร็วจะได้มีเวลาพอในการเบรก หรือลดความเร็ว
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ถ้าเป็น รปภ. ที่ประจำอยู่ตามหมู่บ้านหรืออาคารทั่วไป เสื้อกั๊กสะท้อนแสง Class 2 ก็ถือว่าเพียงพอแล้วครับ เพราะเป็นพื้นที่ที่รถไม่ได้วิ่งเร็วมาก แต่ถ้าเป็น รปภ. ตามโรงงานใหญ่ ๆ หรืออยู่ตรงทางเข้า–ออกถนนที่มีรถวิ่งเร็ว ก็ควรขยับไปใช้ Class 3 เพื่อความปลอดภัยมากขึ้น
- นักวิ่งหรือนักปั่นจักรยาน กลุ่มนี้ก็ต้องใส่เหมือนกันครับ โดยเฉพาะถ้าวิ่งหรือปั่นตอนกลางคืน เพราะแม้จะอยู่ริมถนนที่ไม่ได้รถเยอะ แต่แค่คันเดียวที่วิ่งมาเร็ว ๆ ก็อันตรายแล้ว ส่วนใหญ่จะเลือก เสื้อกั๊กสะท้อนแสง Class 2 แต่ใช้รุ่นที่เป็นเนื้อผ้าน้ำหนักเบา ระบายอากาศดี จะได้ไม่ร้อนหรืออึดอัดเวลาออกกำลังกาย
- พนักงานคลังสินค้า อยู่ในพื้นที่ปิด รถโฟล์กลิฟต์วิ่งบ้างแต่ไม่เร็วมาก ใช้ เสื้อกั๊กสะท้อนแสง Class 1 ก็เพียงพอครับ แค่ให้มองเห็นชัด ๆ ในระยะใกล้ ๆ ก็ช่วยลดอุบัติเหตุได้แล้ว
สรุป
เสื้อกั๊กสะท้อนแสง ไม่ใช่แค่เสื้อสีสดใส แต่คือ อุปกรณ์ความปลอดภัยที่ช่วยชีวิตคนได้จริง การเลือกซื้อจึงควรดูมาตรฐานที่ชัดเจน ไม่ใช่ดูแค่ราคาถูกที่สุด การทำงานก่อสร้าง การจราจร หรือแม้แต่งานวิ่งปั่นเพื่อสุขภาพ ก็มีเสื้อกั๊กที่เหมาะกับการใช้งานต่างกันออกไป