Customers Also Purchased
ถ้าคุณเคยเดินเข้าร้านที่ขายอุปกรณ์เซฟตี้ หรือช้อปออนไลน์ ก็น่าจะเคยเจอ แว่นเซฟตี้ ที่มีให้เลือกเต็มไปหมด ตั้งแต่ราคาหลักสิบ ไปจนถึงหลักร้อย แล้วเราควรซื้อ แว่นเซฟตี้ แบบไหนดี? ถึงจะคุ้มค่ากับการใช้งานจริงล่ะ?
ลองนึกภาพง่าย ๆ ครับ ถ้าคุณต้องใส่ แว่นเซฟตี้ วันละ 8 ชั่วโมง แว่นเซฟตี้ ราคาหลักสิบที่บีบขมับ ใส่แล้วเป็นรอยเจ็บตรงดั้งจมูก กับ แว่นเซฟตี้ หลักร้อยที่น้ำหนักเบา กระชับ ไม่ลื่น และยังกันฝ้าได้อีกด้วย คุณจะเลือกใส่ แว่นเซฟตี้ อันไหน? เอาล่ะ! เพื่อไม่ให้สับสนไปมากกว่านี้ เดี๋ยวเรามาเจาะกันครับว่า แว่นเซฟตี้ ราคาหลักสิบกับหลักร้อย มันต่างกันยังไงบ้าง? และที่สำคัญ คุณควรเลือก แว่นเซฟตี้ แบบไหน? ให้เหมาะกับงานของตัวเองมากที่สุด
ทำไมต้องใส่ แว่นเซฟตี้?
ก่อนจะไปคุยเรื่องราคาของ แว่นเซฟตี้ ลองนึกภาพง่าย ๆ ดูครับ เวลาที่เราตัดเหล็ก ตัดไม้ หรือแม้กระทั่งแค่ตอกตะปู เศษเล็ก ๆ น้อยๆเนี่ย มันสามารถที่จะกระเด็นออกมาได้เลยนะ! มันไม่เลือกหรอกว่าจะพุ่งไปโดนตรงไหน ตาเรานี่แหละเป้าหมายอันดับหนึ่งเลยแหละ เชื่อเถอะครับว่าอุบัติเหตุเล็ก ๆ แบบนี้อันตรายกว่าที่คิดเยอะ ตาแดง ตาอักเสบ บวม ไปจนถึงขั้นผ่าตัดก็มีให้เห็นจริง ๆ
เรามีเพื่อนคนนึง เป็นช่างไม้ ใช้สว่านไร้สาย เจาะไม้แบบชิลล์ ๆ และไม่ได้ใส่ แว่นเซฟตี้ ปรากฏว่าเศษไม้เล็ก ๆ ดีดเข้าไปในตา ต้องหามส่งโรงพยาบาลกันเลยทีเดียว! งานที่รับมาก็ต้องพักไปเป็นอาทิตย์ ทั้งที่ถ้าใส่ แว่นเซฟตี้ สักอัน ราคาไม่กี่สิบบาทก็น่าจะช่วยเซฟไม่ให้เจ็บตัวขนาดนั้นแล้ว
ไม่ว่าจะเป็น แว่นเซฟตี้ ราคาถูกหรือแพง ยังไงก็ “คุ้มอยู่ดี” ถ้ามันช่วยปกป้องตาเราได้ แต่อีกประเด็นที่ทำให้หลายคนลังเลก็คือ แล้วแบบถูกกับแบบแพงมันต่างกันจริงไหม? ใช้ไปนาน ๆ แล้วอันไหนคุ้มกว่า? เดี๋ยวเราจะไปเจาะประเด็นนี้กันต่อครับ
ก่อนจะไปเข้าเนื้อหาหลัก เราอยากชวนคุณลองคิดตามว่า ทำไมเราควรให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จริงๆจังๆ เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องมันไม่ได้อยู่ที่ราคาหรอกครับ แต่อยู่ที่ความปลอดภัยของดวงตาเราเอง เพราะงั้นลองมาดูกันว่า 5 เหตุผลที่คุณควรใส่ แว่นนิรภัย ทุกครั้งที่ทำงานช่าง คืออะไรบ้าง? แล้วคุณจะเห็นเลยว่า ไม่ว่าจะซื้อถูกหรือแพง การใส่ทุกครั้งยังไงก็คุ้มกว่าแน่นอนครับ
แว่นเซฟตี้ ราคาหลักสิบ ใช้ง่าย ประหยัด แต่ต้องทำใจ
หากใครที่เคยเดินเข้าร้านวัสดุก่อสร้าง ร้านเครื่องมือช่าง เดินไปแผนกอุปกรณ์เซฟตี้ ก็น่าจะเคยเห็น แว่นเซฟตี้ อยู่บ้างใช่ไหมล่ะครับ? ราคาประมาณหลักสิบ จุดแข็งของมันชัดเจนเลยคือ ถูก หาซื้อง่าย และเหมาะกับคนที่ไม่ได้ใช้งานบ่อย เช่น ซ่อมแซมบ้านนาน ๆ ที หรืองาน DIY เล็ก ๆ น้อย ๆ แค่จะกันเศษฝุ่นไม่ให้เข้าตา ก็ถือว่าตอบโจทย์ในระดับนึงครับ แต่พอใช้งานจริง ๆ แล้ว มันก็มีหลายจุดที่ต้องทำใจ อย่างเช่น
- เลนส์ใสก็จริง แต่เป็นรอยง่าย แถมขุ่นไว
- เคลือบกันฝ้าแทบไม่มี หรือมีก็หลุดไวมาก
- กรอบแว่นบอบบาง เผลอทำตกพื้นแรง ๆ แตกได้เลย
- ใส่นาน ๆ จะเจ็บหูหรือกดตรงดั้งจนปวด
เราเองก็เคยลองมาแล้ว ตอนแรกคิดว่า “เฮ้ย ราคาหลักสิบก็พอแล้วมั้ง” ใช้ตอนเจียรไม้ ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่สิ่งที่เจอคือ แค่ไม่กี่ครั้ง เลนส์ก็รอยเต็มไปหมด ฝุ่นจับพรึ่บ ต้องหยุดงานมานั่งเช็ดตลอด พอเช็ดบ่อย ๆ ก็เป็นรอยเพิ่มอีก กลายเป็นว่าใช้งานไปไม่นานก็ต้องซื้อใหม่อยู่ดี
แว่นเซฟตี้ ราคาหลักร้อย ใช้งานจริงจังได้ ฟีเจอร์ครบกว่า
พอขยับจากรุ่นราคาหลักสิบมาเป็น แว่นเซฟตี้ ที่อยู่ราว ๆ 100–900 บาท (บางแบรนด์อินเตอร์อาจจะไปไกลกว่านี้ไปจนถึงหลักพันเลยก็มีครับ) สิ่งที่ต่างชัด ๆ เลยก็คือ คุณภาพการผลิต แล้วก็ฟีเจอร์เสริม ที่ทำให้มันใช้งานได้จริงจังมากกว่า ไม่ใช่ใส่แค่พอเป็นพิธี จากที่เราลองใช้งานเอง มีหลายจุดที่รู้สึกได้ทันทีว่า “มันคุ้มกว่า!”
- เลนส์เคลือบกันรอย (Scratch Resistant) ช่วยให้ใส่ไปนาน ๆ ก็ยังชัด ไม่ขุ่นมัวเหมือนรุ่นถูก
- บางรุ่นมีเคลือบกันฝ้า (Anti-Fog) ที่ใช้งานได้จริง โดยเฉพาะเวลาต้องใส่คู่กับหน้ากากหรืออยู่ในที่ชื้น ๆ
- มีให้เลือกหลายเฉดสี ไม่ว่าจะใส เหลือง ดำ หรือเลนส์ปรับแสง เหมาะกับงานหลากหลายสถานการณ์
- กรอบแว่นยืดหยุ่นกว่า ใส่นาน ๆ ไม่กดหัว ไม่เจ็บหู นั่งทำงานยาว ๆ ได้สบาย
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยสากล เช่น ANSI หรือ EN166 ทำให้มั่นใจได้ว่ามันกันแรงกระแทกจริง
จำได้ว่าตอนที่เราเปลี่ยนจาก แว่นเซฟตี้ หลักสิบมาใช้รุ่นประมาณ 600-700 บาท ตอนแรกก็แอบคิดว่า “โอ้โห แพงไปไหม! สำหรับแค่แว่นกันเศษ” แต่… พอใส่ไปจริง ๆ ความรู้สึกมันต่างเลยครับ ใส่แล้วเบาสบายกว่าเยอะ เลนส์ก็ใสแจ๋วแม้ใช้ไปหลายเดือน ที่เด็ดสุดคือไม่ต้องมาคอยเช็ดฝ้าเวลาอยู่ในห้องอบหรือพื้นที่ร้อน ๆ ชื้น ๆ งานที่เคยสะดุดต้องหยุดเช็ดเลนส์ กลายเป็นทำต่อเนื่องได้ยาว ๆ ไม่เสียจังหวะเลย
แล้วควรซื้อ เเว่นเซฟตี้ แบบไหนดี?
สุดท้ายแล้ว คำตอบมันขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณเองจริง ๆ แหละครับ ถ้าคุณเป็นสายซ่อมเล็ก ๆ น้อย ๆ เดือนนึงหยิบเครื่องมือมาทีสองที อย่างตอกตะปูแขวนชั้นวาง หรือตัดไม้นิดหน่อย ก็ซื้อแว่นเซฟตี้ ราคาหลักสิบก็เอาอยู่แล้ว ประหยัดเงิน แถมก็ยังช่วยกันเศษเล็ก ๆ ไม่ให้เข้าตาได้ตามวัตถุประสงค์
แต่ถ้างานที่คุณทำมันจริงจังกว่านั้น เช่น ต้องเจอกับฝุ่น เศษโลหะ หรือประกายไฟบ่อย ๆ อย่างพวกช่างเชื่อม ช่างไม้ หรือทำงานในโรงงานทุกวัน การยอมจ่ายเพิ่มไปเล่นรุ่นราคาหลักร้อย ถือว่าเป็นการ “ซื้อความสบาย + ความปลอดภัย” ไปพร้อมๆกันเลยครับ ใส่แล้วไม่กดหัว ไม่เจ็บหู ไม่รำคาญตา แถมเลนส์ก็ใสชัดตลอด ไม่ต้องเสียเวลาเช็ดฝ้าทุก ๆ 10 นาที
พูดง่าย ๆ ก็คือ แว่นเซฟตี้ ถูกเหมาะกับคนใช้น้อย ๆ แค่กันไว้ก่อน ส่วน แว่นเซฟตี้ ที่มีราคาสูงเหมาะกับคนที่ต้องใส่ทำงานจริงจังทุกวัน มองในมุมนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่เป็นการลงทุนซ่ะมากกว่าครับ
เล่าจากประสบการณ์
เราเคยพูดคุยกับช่างคนนึง จำได้เลยว่าวันนั้นอากาศโคตรจะร้อน ทุกคนต้องใส่ทั้งหน้ากาก และแว่นเซฟตี้ พอทำงานไปสักพัก สิ่งที่เห็นชัด ๆ เลยคือ คนที่ใช้ แว่นเซฟตี้ รุ่นถูก ๆ จะต้องคอยถอดมาเช็ดฝ้าทุก 10 นาที พักบ่อยจนเสียจังหวะงาน แถมยังดูหงุดหงิดเพราะมองไม่ชัดอีกด้วย
แต่… มีช่างคนนึงเเลือกใช้ แว่นเซฟตี้ รุ่นหลักร้อยที่มีเคลือบกันฝ้า ผลลัพธ์คือทำงานได้ต่อเนื่องยาว ๆ เกือบชั่วโมงเต็ม ไม่ต้องหยุดมาคอยเช็ดเลนส์ งานก็เสร็จเร็วกว่า แถมยังไม่เสียอารมณ์กลางคันอีกต่างหาก
ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองไปเลย จากเดิมที่เคยคิดว่า “แว่นเซฟตี้ ก็ใส่แค่กันเศษกระเด็น” กลายเป็นว่า ถ้าเลือกดี ๆ มันช่วยให้ทำงานลื่นไหลขึ้นเยอะจริง ๆ ทั้งเร็วกว่า สบายกว่า และยังปลอดภัยกว่าอีกด้วย