Customers Also Purchased
ยอมรับเลยว่าเมื่อก่อนน้องช่างก็เป็นคนหนึ่งที่เวลาไปซื้อหลอดไฟหรือโคมไฟ
|
วัตต์ (W) คืออะไร? – “นักกินไฟ” ไม่ใช่ “ตัวสว่าง”
- วัตต์ = กำลังไฟที่ อุปกรณ์แสงสว่าง กินเข้าไป
- วัตต์สูง = กินไฟมากขึ้น (ค่าไฟขึ้น)
- ไม่ได้บอกว่าสว่างแค่ไหน
สมัยหลอดไส้ ประสิทธิภาพใกล้กันทุกยี่ห้อ เลยพอเดาความสว่างจากวัตต์ได้ เช่น ถ้าเป็นโคมไฟหรือหลอดไฟ 60W ก็แทบรู้เลยว่ามันจะสว่างประมาณไหน แต่พอเข้าสู่ยุค LED กฎนี้ใช้ไม่ได้อีกต่อไปค่ะ เพราะ อุปกรณ์แสงสว่าง ยุคใหม่อย่างหลอดไฟ LED, ไฟฉายแรงสูง หรือแม้แต่สปอตไลท์ไซต์งาน มีเทคโนโลยีที่ทำให้ใช้วัตต์น้อยแต่ส่องสว่างได้มากเกินตัว—บางหลอด LED แค่ 9W แต่ส่องได้สว่างพอ ๆ กับหลอดไส้ 60W เลยทีเดียว! นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมการดูแค่ “กี่วัตต์” ถึงไม่พออีกต่อไป ต้องมองหาค่าอื่น ๆ อย่างลูเมนมาประกอบด้วย
ลูเมน (lm) คืออะไร? – “ปริมาณแสง” ที่ตาเห็นจริง
- ลูเมน = ปริมาณแสงที่ปล่อยออกมาและสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
- ลูเมนสูง = ความสว่างที่มากขึ้น เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความชัดเจน เช่น ห้องทำงานหรือไฟฉายแรงสูง
- เป็นมาตรฐานหลักที่ใช้กับ อุปกรณ์แสงสว่าง แทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ LED ที่ใช้ในบ้าน โคมไฟตั้งโต๊ะ สปอตไลท์สำหรับงานภายนอก หรือไฟฉายพกพา ล้วนบอกค่าลูเมนเพื่อให้ผู้ใช้ประเมินความสว่างได้จริง
พูดง่าย ๆ คือ ลูเมนบอกว่าเราจะ “ได้แสง” มากแค่ไหน ต่างจากวัตต์ที่บอกว่า “กินไฟ” เท่าไร ดังนั้นเวลาเลือก อุปกรณ์แสงสว่าง ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟในห้องนั่งเล่น ไฟฉายเดินป่า หรือโคมไฟสำหรับทำงาน ควรดูทั้ง ลูเมน และ วัตต์ ควบคู่กันเสมอ
สรุปสั้น ๆ: วัตต์ = ไฟที่กิน / ลูเมน = แสงที่ได้
- อยากสว่างแค่ไหน → ดูลูเมน, อยากประหยัดไฟ → ดูวัตต์
จากที่เล่าไป จะเห็นว่า ลูเมน (Lumens) คือพระเอกตัวจริงเวลาจะเลือกซื้อ อุปกรณ์แสงสว่าง ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟติดบ้าน โคมไฟตั้งโต๊ะ ไปจนถึงสปอตไลท์สนามหญ้า …แล้วถ้าพูดถึง “ไฟฉาย” ล่ะ? หลายคนอาจยังงงว่าตัวเลขลูเมนบนไฟฉาย มันบอกได้แค่ความสว่างเฉย ๆ หรือมีอะไรมากกว่านั้น
น้องช่างเคยอธิบายไว้แล้วค่ะ ในบทความ “รู้หรือไม่ว่า ลูเมน (Lumens) ของไฟฉาย คืออะไร?” ที่เจาะลึกถึงความหมายของลูเมน การเลือกใช้ไฟฉายตามระดับลูเมนที่เหมาะสม และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ลองคลิกไปอ่านดู แล้วคุณจะเข้าใจเลยว่าตัวเลขเล็ก ๆ บนกล่องไฟฉายนี่แหละ…คือกุญแจสำคัญที่กำหนดว่าไฟฉายดวงหนึ่งจะตอบโจทย์งานของคุณได้มากแค่ไหน
ไฟห้องน้ำกลายเป็นห้องผ่าตัด มีครั้งหนึ่งน้องช่างเผลอเลือกไฟ LED ที่ลูเมนสูงเกินไปสำหรับห้องน้ำเล็ก ๆ พอเปิดไฟปุ๊บ…โอ้โห ขาวจั๊วะจนเหมือนอยู่ในห้องผ่าตัด คนที่บ้านยังแซวเลยว่า “นี่จะขูดหินปูนหรือเข้าห้องน้ำกันแน่” |
แล้วบนกล่องหลอดไฟสมัยนี้ “เขียนลูเมน” ไหม?
เขียนค่ะ! เกือบทุกแบรนด์ยุคนี้ใส่ตัวเลขลูเมนชัด ๆ เช่น 806 lm, 1100 lm พร้อมเทียบ “เทียบเท่าหลอดไส้กี่วัตต์” เพื่อให้คนที่ยังชินกับวัตต์ค่อย ๆ ปรับตัว
ตัวอย่างที่เจอบ่อย
- LED 9–10W ≈ 800 lm (เทียบเท่าหลอดไส้ 60W)
- LED 12W ≈ 1,100 lm (ราวหลอดไส้ 75W)
- LED 15–16W ≈ 1,500–1,600 lm (ใกล้ 100W)
เวลาไปเลือกซื้อ อย่ามองแค่วัตต์—พลิกกล่องหา “Lumens” เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟสำหรับห้องนั่งเล่น หรือสปอตไลท์สำหรับสวนหลังบ้าน
ตารางเทียบคร่าว ๆ
หมายเหตุ: ตัวเลข LED ขึ้นกับประสิทธิภาพ (lm/W) ของแต่ละรุ่น ตารางนี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นในการเลือกใช้
แต่ลูเมนอย่างเดียว…ยังไม่พอ! (จุดที่หลายคนมักพลาด)
น้องช่างขอเล่าให้ละเอียดกว่านี้อีกนิดค่ะ เวลาที่เราไปเลือก อุปกรณ์แสงสว่าง ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ ไฟฉาย โคมไฟตั้งโต๊ะ หรือสปอตไลท์สนาม จริง ๆ แล้วบนฉลากจะมีตัวเลขอื่น ๆ ที่ช่วยให้เราเลือกไฟได้ตรงงานและสบายตามากขึ้น ไม่ใช่ดูแต่ลูเมนอย่างเดียว
1. Beam Angle (มุมกระจายแสง, °)
- ถ้ามุมกว้าง 100–120° → แสงจะกระจายกว้างทั่วห้อง เหมาะกับโคมไฟเพดานหรือหลอดไฟทั่วไปในบ้านที่อยากให้ห้องสว่างทั่วถึง แต่ข้อเสียคือตัวแสงจะไม่เข้มมากนัก
- ถ้ามุมแคบ 15–60° → แสงจะพุ่งเป็นลำชัด ๆ คล้ายกับไฟฉายหรือสปอตไลท์ เหมาะสำหรับส่องวัตถุหรืองานที่ต้องการเน้นเฉพาะจุด เช่น ฉากโชว์สินค้า หรืองานซ่อมเล็ก ๆ
2. Lux (lx) = ความสว่างที่ตกลงบนพื้นผิว
- สูตรง่าย ๆ: Lux = ลูเมน / พื้นที่ (m²)
- ค่านี้จะช่วยบอกว่า "สว่างพอหรือยัง" ในพื้นที่ที่เราจะใช้งาน เช่น โต๊ะทำงานขนาดเล็ก ๆ อาจต้องการเพียง 300–500 lux แต่ถ้าเป็นงานช่างหรืองานฝีมือที่ต้องการความละเอียด อาจต้องมากกว่านั้น
3. CCT (K) = อุณหภูมิสี
- 2700–3000K: แสงวอร์มโทนเหลือง สร้างบรรยากาศอบอุ่นเหมือนหลอดไส้ เหมาะกับห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน
- 4000–5000K: เดย์ไลท์ สีขาวนวลกลาง ๆ เหมาะกับห้องทำงานหรือห้องครัวที่ต้องการความชัดเจน
- 6000K+: ขาวจัดจนออกโทนฟ้า ใช้บ่อยในงานช่าง ไซต์ก่อสร้าง หรือไฟฉายแรงสูง เพราะช่วยให้เห็นรายละเอียดได้ชัดแม้ในความมืด
4. CRI (Ra) = ความเที่ยงตรงของสี
- CRI 80+: ใช้ในบ้านทั่วไปก็พอค่ะ เช่น หลอดไฟในห้องนั่งเล่นหรือโคมไฟตั้งโต๊ะ
- CRI 90+: เหมาะกับงานที่ต้องดูสีแม่น ๆ อย่างงานเพ้นท์ การแต่งหน้า หรือการถ่ายภาพ เพราะสีที่ได้จะไม่เพี้ยนไปจากของจริง
(เสริม: ถ้าเป็น อุปกรณ์แสงสว่าง สำหรับ Outdoor เช่น สปอตไลท์สนาม หรือโคมไฟติดกำแพง ควรดู IP Rating ด้วย เช่น IP65 ที่สามารถกันน้ำ กันฝุ่น ใช้งานได้แม้โดนฝนหรือละอองน้ำ)
แล้วต้องดูเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?
ตรงนี้แหละที่หลายคนอาจกังวลค่ะ ว่าเวลาซื้อหลอดไฟหรือไฟฉายต้องมานั่งเช็กค่าพวกนี้ทั้งหมดเลยหรือเปล่า จริง ๆ แล้ว ไม่จำเป็นต้องซีเรียสทุกค่าเสมอไป หากใช้งานทั่วไป เช่น ซื้อหลอดไฟติดบ้าน ห้องนั่งเล่น หรือโคมไฟหัวเตียง แค่ดู ลูเมน เป็นหลักก็พอแล้วค่ะ จะได้แสงพอเหมาะไม่มืดหรือจ้าเกินไป แต่ถ้าใครอยากเลือกให้เหมาะกับงานละเอียดหรือการใช้งานเฉพาะด้าน เช่น ไฟฉายแรงสูงที่ต้องใช้เดินป่า, สปอตไลท์ที่ต้องส่องพื้นที่กว้าง, หรือโคมไฟทำงานที่ต้องการเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ การดูค่า Beam Angle, CCT, Lux หรือ CRI เพิ่มเติมก็จะช่วยให้เลือกได้แม่นยำและคุ้มค่ามากขึ้น
พูดง่าย ๆ ถ้าแค่ใช้ในบ้าน บางทีการดูแค่ลูเมนก็ตอบโจทย์แล้ว แต่ถ้าอยากได้แสงที่ตรงใจ ใช้งานได้สบายตาหรือเน้นคุณภาพแสงจริง ๆ การดูตัวเลขพวกนี้ประกอบเหมือนเป็น “สูตรลับ” ที่ช่วยให้เลือก อุปกรณ์แสงสว่าง ได้ตรงกว่าเดิม ไม่ต้องมาซื้อซ้ำหรือเปลี่ยนบ่อย ๆ ค่ะ
และที่สำคัญ ตัวเลขพวกนี้ส่วนใหญ่จะมีบอกบนแพ็กเกจหรือกล่องสินค้าอยู่แล้ว ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยค่ะ ถ้าใครแค่ใช้ทั่วไป ดูแค่ลูเมนก็พอ แต่ถ้าอยากได้อะไรที่มากขึ้น ชัดขึ้น ตรงใจมากกว่าเดิม ก็ลองหันไปมองค่าพวกนี้ประกอบเวลาซื้อ เท่านี้ก็เลือกได้สบายใจขึ้นเยอะเลย
เกณฑ์ลูเมนที่ “ใช้ได้จริง” ตามงานยอดฮิต
- โคมไฟตั้งโต๊ะ/อ่านหนังสือ: 400–800 lm
- ห้องครัว/ห้องทำงาน: 1,500–3,000 lm รวม
- ห้องนั่งเล่น: 800–2,000 lm
- ห้องน้ำ: 1,000–1,500 lm
- งานช่างบนโต๊ะ: 1,000–2,000 lm (มุม 50–60°)
- สปอตไลท์ไซต์งาน/ลานจอด: 3,000–10,000+ lm
- ไฟฉายแรงสูง: 1,000–3,000 lm สำหรับเดินป่าหรือกู้ภัย
ห้องนั่งเล่นเหมือนเวทีคอนเสิร์ต เพื่อนน้องช่างเคยบ่นว่าซื้อโคมไฟมาติดเอง ไม่ได้ดูค่าลูเมนอย่างละเอียด มองแค่วัตต์อย่างเดียว สุดท้ายเปิดไฟทีไรบ้านกลายเป็นเวทีคอนเสิร์ตไปเลย ตอนถ่ายรูปหมาแมวนี้เงาสะท้อนกันเต็มผนังไปหมด |
เคสจริง—น้องช่างจัดให้เห็นภาพ
1. ซ่อมรถในโรงรถบ้าน
- เดิม: โคม 20W แสงเหลืองดวงเดียว มืด
- ปรับ: สปอตไลท์ 3000–5000 lm แสงขาว 6000K มุม 30–60°
- เห็นน็อต/รอยรั่วชัด ทำงานปลอดภัย
2. ครัวคอนโด 5 ตร.ม.
- เป้าหมาย: 300 lux → ~1,500 lm รวม
- ใช้: ดาวน์ไลท์ 800 lm × 2 = 1,600 lm
- พอดีมือ ไม่เหลือง ไม่วูบ
3. ออกแคมป์กลางป่า
- เลือก: ไฟฉายแรงสูง 2,000 lm + โคมไฟ LED 1,000 lm ตั้งโต๊ะ
- เดินทางปลอดภัย ทำอาหารสบาย
4. สวนหลังบ้าน/ลานจอด
- เลือก: สปอตไลท์ 3000–5000 lm, มุมกลาง, IP65+
- เดินสบาย ปลอดภัย ไม่แยงตา
สรุปจากน้องช่าง
ถ้าให้เทียบเป็นคนละบทบาท—วัตต์คือ “คนกิน” ส่วนลูเมนคือ “แสงที่ปล่อยออกมา” เวลาเลือก อุปกรณ์แสงสว่าง ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟธรรมดา ไฟฉาย โคมไฟตั้งโต๊ะ หรือสปอตไลท์สนาม อย่าถามแค่ว่า “กี่วัตต์” แต่ให้เริ่มที่ “กี่ลูเมน” แล้วค่อยพิจารณาวัตต์เพื่อเช็กความคุ้มค่า ตามด้วยมุม ค่าสี และรายละเอียดอื่น ๆ …รับรองว่าเลือกครั้งเดียวจบ ไม่ต้องเสียเงินซ้ำซ้อน