เลิกงง! อ่านค่า AW, kPa, dB ให้เป็น ก่อนซื้อ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องใหม่

Customers Also Purchased

“พี่ครับ เครื่องดูดฝุ่น รุ่นนี้มัน AW 150 กับ kPa 20 ต่างจากรุ่นที่ AW 100 kPa 25 ยังไงเหรอ?” เชื่อว่าหลายคนเคยตั้งคำถามแบบนี้เหมือนกัน

เวลาอ่านรีวิวหรือดูสเปก เครื่องดูดฝุ่น ในเว็บขายของ ก็มักมีตัวเลขเต็มไปหมด ทั้ง AW, kPa, dB จนงงว่าควรโฟกัสตัวไหนกันแน่ บางทีก็จบด้วยการเลือก “ตัวเลขที่เยอะที่สุด” เพราะคิดว่านั่นคือคำตอบของคำว่า ดูดแรงที่สุด

แต่ความจริงแล้ว…ตัวเลขที่เยอะ ไม่ได้การันตีว่าจะเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันของคุณเสมอไป วันนี้เลยอยากพามา “ถอดรหัส” ค่าต่าง ๆ ทั้ง AW, kPa, dB แบบง่าย ๆ ใช้ได้จริง ไม่ต้องเป็นช่างก็เข้าใจ เพื่อให้คุณเลือกเครื่องดูดฝุ่นได้เหมาะกับบ้านและการใช้งานของตัวเองที่สุด

ทำไมตัวเลขถึงทำให้เราสับสน

เวลาคุณเดินดูเครื่องดูดฝุ่นในห้างหรือไถดูในเว็บ จะเห็นตัวเลขอยู่ไม่กี่แบบที่ถูกเน้นเป็นพิเศษ — AW, kPa, dB ปัญหาคือ แต่ละตัวเลขมันเล่า “เรื่องคนละเรื่อง” และไม่มีตัวไหนที่ชี้ชัดได้ว่าเครื่องนี้จะดีที่สุดสำหรับทุกคน

หลายคนตีความไปแค่ว่า

  • AW เยอะ = แรงสุด
  • kPa เยอะ = ดูดได้เกลี้ยง
  • dB ต่ำ = เงียบสุด

แต่ความจริงมันซับซ้อนกว่านั้นเยอะ เพราะสิ่งที่ทำให้เครื่องดูดฝุ่นทำงานได้ดีคือ ระบบทั้งหมด ไม่ใช่เลขใดเลขหนึ่งที่สูงที่สุด

เลิกงง อ่านค่า AW kPa dB ให้เป็น ก่อนซื้อ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องใหม่

1. Air Watts (AW) – พลังดูดที่มาถึงพื้นจริง ๆ

AW คือค่าที่รวมทั้งแรงลม (airflow) และแรงดัน (suction pressure) เพื่อบอกว่าพลังดูดทั้งหมดไปถึงหัวดูดได้มากแค่ไหน มันคือพลังที่ “เหลือ” หลังผ่านท่อ หัวดูด และการซีลทั้งหมด

  • เยอะดีไหม? โดยทั่วไปเยอะก็ดี แต่ถ้าหัวดูดไม่เหมาะกับพื้นหรือซีลไม่แน่น พลังนั้นก็จะหายไปก่อนถึงฝุ่น
  • ถ้าดูดฝุ่นครั้งเดียวเกลี้ยง นั่นเพราะ AW เพียงพอ
  • ถ้าต้องปาดซ้ำหลายรอบ ฝุ่นถึงจะหาย แปลว่า AW อาจน้อยเกินไป หรือหัวดูดไม่เหมาะกับพื้นนั้น

ตัวอย่างค่า AW

  • เครื่องดูดฝุ่นไร้สายเริ่มต้น: 50–80 AW (เหมาะกับงานเบา พื้นเรียบ)
  • รุ่นกลาง–สูง: 100–150 AW (เหมาะกับพื้นแข็ง+พรมบาง)
  • ท็อป: 200 AW ขึ้น (สู้ฝุ่นหนักและพรมขนลึกได้)

ทิปเล็ก ๆ – AW สูงอย่างเดียวไม่พอ ต้องดูหัวดูดด้วย เพราะหัวดูดที่ออกแบบดีจะช่วยดึงฝุ่นขึ้นง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้พลังมากเกินไป

2. kPa – แรงยกฝุ่นจากพื้น

kPa (กิโลปาสกาล) วัดแรงดูดในเชิง “แรงดันสูญญากาศ” ยิ่งตัวเลขสูง ยิ่งยกฝุ่นออกจากซอกและใยพรมได้ดี

  • บ้านที่มีพรมหนา หรือสัตว์เลี้ยง ค่านี้สำคัญมาก
  • ถ้าการไหลลมไม่ดี หรือหัวดูดไม่ช่วยเปิดใยพรม มันก็จะยังเก็บไม่ค่อยหมดเท่าไร
  • ในหุ่นยนต์ดูดฝุ่น: มักระบุเป็น Pa (เช่น 3,000–8,000 Pa)

ค่า kPa ทั่วไป

  • เครื่องดูดฝุ่นบ้านทั่วไป: 15–25 kPa
  • เครื่องดูดฝุ่นอุตสาหกรรม: 25–35 kPa หรือมากกว่า

ข้อควรรู้ – kPa สูงแต่การไหลของลม (Airflow) ไม่ดี หรือหัวดูดปิดสนิทเกินไป ก็อาจทำให้เครื่องติดหรือดูดไม่สม่ำเสมอได้

แล้วถ้า AW สูง แต่ kPa ------------ต่ำล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ

  • AW สูง แต่ kPa ต่ำ = เหมาะกับการดูดฝุ่นทั่วไปบนพื้นแข็งหรือพรมบาง ๆ ดูดฝุ่นผิว ๆ ได้ดีมาก แต่ถ้าฝุ่นฝังลึก หรือดูดของหนักหน่อย เช่น ทรายเม็ดใหญ่ เส้นผมพันพรม อาจจะไม่ค่อยขึ้น
  • AW ต่ำ แต่ kPa สูง = กลับกัน แม้กำลังรวมไม่เยอะ แต่แรงดันดูดลึกมาก เหมาะกับงานเจาะจง เช่น ดูดเศษฝุ่นในร่องโซฟา ขอบหน้าต่าง หรือดูดทรายบนพรมหนา ๆ แต่พื้นที่กว้าง ๆ อาจจะทำให้รู้สึกช้าหน่อย

พูดง่าย ๆ คือ AW บอกว่าเครื่องนี้ “ขยัน” แค่ไหน ส่วน kPa บอกว่าเครื่องนี้ “แข็งแรง” แค่ไหน การเลือกให้สมดุลกันจึงสำคัญมาก ไม่งั้นคุณอาจได้เครื่องดูดฝุ่นที่เหมาะกับการโชว์ตัวเลขมากกว่าทำงานจริง

3. dB – เสียงดังหรือเงียบแค่ไหน

หลายคนมองข้ามค่า dB (เดซิเบล) จนซื้อเครื่องดูดฝุ่นมาพร้อมเสียงที่ดังจนใช้แล้วรำคาญ

  • ลดลง 3 dB = เงียบขึ้นชัดเจน
  • ต่างกัน 10 dB = ดังขึ้น/เงียบลงเป็นเท่าตัว
  • 65–70 dB = ค่อนข้างเบา
  • 80–90 dB = ดังมาก (มักเป็นรุ่นอุตสาหกรรม)
  • เสียงดังอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ตอนซื้อ แต่จะกลายเป็นเรื่องที่คุณคิดถึงบ่อยที่สุดตอนใช้งานจริง

ทำไมต้องดู dB? – บ้านที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง เสียงดังอาจทำให้กลัว หรือคุณเองก็ไม่อยากทนฟังเสียงดังทุกครั้งที่ทำความสะอาด

เลิกงง อ่านค่า AW kPa dB ให้เป็น ก่อนซื้อ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องใหม่

แล้วควรเลือกยังไงให้ตรงงาน?

ก่อนจะดูตัวเลข ให้ถามตัวเองก่อนว่า “บ้านเราต้องเจอกับอะไรบ่อยที่สุด?”

เลิกงง อ่านค่า AW kPa dB ให้เป็น ก่อนซื้อ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องใหม่

  • บ้านพื้นแข็ง/ไม้ลามิเนต ไม่ต้องการแรงยกฝุ่นสูงมาก สิ่งสำคัญคือการไหลลมดีและหัว Soft Roller ที่ปัดฝุ่นละเอียดได้ AW กลาง ๆ ก็พอถ้าซีลและหัวดูดเหมาะ
  • บ้านที่มีพรมเยอะ ค่า kPa สูงและหัวแปรงมอเตอร์หมุนจะช่วยดึงฝุ่นจากใยลึก AW ยังสำคัญ แต่ kPa คือพระเอกในสนามนี้
  • บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง หัวกันขนพันและถังใหญ่ขึ้นช่วยให้ทำงานได้ต่อเนื่อง แรงดูดสูงสุดไม่สำคัญเท่าความสะดวกใช้งาน
  • บ้านที่มีคนแพ้ฝุ่น ฟิลเตอร์ HEPA H13/H14 และซีลทั้งเครื่องจะป้องกันฝุ่นย้อนกลับสู่อากาศได้ดีกว่าการไล่แรงดูดสูง

ประเภทเครื่องดูดฝุ่นและการใช้งานที่เหมาะสม

เครื่องดูดฝุ่น ไร้สาย (Stick Vacuum)

นี่คือพระเอกของคนยุคนี้ เพราะ เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ให้ความรู้สึก “หยิบปุ๊บใช้ปั๊บ” เหมือนมือถือ — ไม่ต้องหาปลั๊ก ไม่ต้องลากสาย ช่วยให้เราทำความสะอาดได้บ่อยขึ้นแม้แค่ 5–10 นาทีต่อวันก็ยังไหว

เหมาะกับใคร? คนอยู่คอนโด บ้านขนาดเล็ก–กลาง หรือชอบทำความสะอาดบ่อย ๆ

สิ่งที่ต้องดู:

  • ความจุแบตเตอรี่ในโหมดมาตรฐาน (อย่างน้อย 30 นาทีต่อชาร์จ)
  • น้ำหนักเครื่อง (ยิ่งเบายิ่งถนอมข้อมือ)
  • หัวดูดที่เหมาะกับพื้นบ้าน เช่น พื้นไม้, กระเบื้อง หรือพรมบาง

ทิปเลือกให้คุ้ม: ถ้าบ้านมีสัตว์เลี้ยง เลือกหัวดูดแบบโรลแปรงไฟฟ้า จะช่วยดูดขนติดพื้นได้ดีกว่าหัวธรรมดามาก

เครื่องดูดฝุ่น มีสาย (Canister / Upright Vacuum)

รุ่นมีสายยังไม่ตายจากตลาด เพราะมันมีข้อดีที่เครื่องไร้สายสู้ไม่ได้ในแง่ แรงดูดคงที่ไม่ตก ต่อให้ทำความสะอาดบ้านใหญ่หรือดูดพรมหนาหนักแค่ไหนก็เอาอยู่

เหมาะกับใคร? บ้านพื้นที่ใหญ่ มีพรมหนา หรือใช้ทำความสะอาดนาน ๆ ครั้งแต่เอาให้สะอาดลึก

สิ่งที่ต้องดู:

  • ความยาวสายไฟ (8–10 เมตรขึ้นไปจะเดินงานได้สะดวก)
  • ความคล่องตัวของล้อและท่อดูด
  • การเปลี่ยนหัวดูดให้เหมาะกับพื้น (พื้นแข็ง, พรม, ซอกแคบ)

ข้อสังเกต: รุ่น Upright จะเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่กว้างแต่เรียบง่าย ส่วน Canister จะคล่องกว่าในพื้นที่ที่มีเฟอร์นิเจอร์เยอะ

เลิกงง อ่านค่า AW kPa dB ให้เป็น ก่อนซื้อ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องใหม่

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น (Robot Vacuum)

อย่าเพิ่งหลงไปกับตัวเลขแรงดูด Pa เพราะในโลกของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น สิ่งที่สำคัญพอ ๆ กันคือ “สมอง” และ “หัวใจ” ของมัน

  • ระบบนำทาง: รุ่นที่มี LiDAR หรือกล้อง จะวางแผนเส้นทางแม่นกว่า ไม่วิ่งมั่ว
  • หัวแปรง: แปรงกลางกับแปรงข้างต้องทำงานประสานกัน เพื่อกวาดฝุ่นเข้าท่อได้จริง
  • การซีล: ถ้าระบบซีลไม่ดี ต่อให้แรงดูดสูง ฝุ่นก็เล็ดรอดออกได้
  • ความถี่การทำงาน: บ้านที่มีฝุ่นเยอะ หุ่นที่ตั้งเวลาได้วันละหลายรอบจะช่วยคุมความสะอาดได้ดีกว่า

เครื่องดูดฝุ่น ดูดแห้ง–เปียก (Wet/Dry Vacuum)

นี่คือสายโหดของวงการ เครื่องดูดฝุ่น ใช้ได้ทั้งกับผงฝุ่น น้ำ เศษวัสดุก่อสร้าง หรือแม้แต่ของเหลวหกในโรงรถ

เหมาะกับใคร? ร้านซ่อม อู่ พื้นที่ก่อสร้าง หรือบ้านที่มีงานช่างบ่อย

สิ่งที่ต้องดู:

  • ความทนของตัวถังและล้อเลื่อน (สเตนเลสจะอึดกว่า)
  • ขนาดถัง (15–30 ลิตรขึ้นไปสำหรับงานหนัก)
  • การเปลี่ยนโหมดแห้ง–เปียกที่รวดเร็ว

ทิป: ไม่ต้องซีเรียสกับค่า AW หรือ kPa มากนัก เพราะกลุ่มนี้เน้นความจุและความทนมากกว่าการดูดละเอียด

เลือกซื้อ เครื่องดูดฝุ่น เพิ่มเติม