Customers Also Purchased
ไขควงกระแทก เป็นหนึ่งเครื่องมือไฟฟ้า ยอดฮิตเลยก็ว่าได้ครับ ถ้าคุณเคยเดินผ่านร้านเครื่องมือช่าง ร้านซ่อมชิ้นส่วน หรือเคยประกอบเฟอร์นิเจอร์ แล้วเห็นเครื่องมือไร้สายที่ดูคล้าย ๆ กับสว่าน แต่หัวสั้นกว่า ไม่มีวงแหวนปรับ หรือหัวจับแบบสว่านทั่วไป แต่เป็นลักษณะหัวกลม ๆ ยื่นออกมา มีรูรูปทรงหกเหลี่ยมอยู่ข้างใน เหมือนจะใส่ดอกง่ายกว่าสว่าน นั่นแหละครับ ไขควงกระแทก
แต่พอพูดถึงเรื่องดอกที่ใช้กับไขควงกระแทกได้ ก็มีหลากหลายให้เลือก จนเกิดคำถามว่า “ไขควงกระแทกนี่ ใช้ได้กับดอกอะไรได้บ้าง? แค่เป็นดอกปลายหกเหลี่ยมก็ใช้ได้หมดเหรอ?” ฟังดูเหมือนง่ายใช่ไหมครับ? งายแบบว่า “ถ้ามีไขควงอยู่แล้วทำไมต้องซื้อสว่าน?” แต่จริง ๆ มันมีอะไรลึกกว่านั้นอีกพอสมควรครับ ซึ่งถ้าคุณเข้าใจตรงนี้ คุณจะเลือกดอกได้ถูก ใช้เครื่องมือได้เต็มประสิทธิภาพ และยืดอายุทั้งตัวเครื่อง และดอกที่คุณใช้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
ไขควงกระแทก ทำไมถึงไม่เหมือนสว่าน?
ก่อนจะไปตอบคำถามเรื่องดอกที่ใช้ได้ เราต้องเข้าใจก่อนครับว่า “ไขควงกระแทก” เป็นเครื่องมือไฟฟ้าที่ออกแบบมาเพื่อการ “ขัน” เป็นหลัก อย่างงานขันน็อต หรือสกรูที่ฝังแน่น หรือเกลียวที่ยาวมาก ๆ และที่สำคัญ ต้องใช้แรงบิด ซึ่งต่างจากสว่านทั่วไปที่ใช้สำหรับการเจาะเป็นหลัก จุดเด่นของไขควงกระแทกคือการ ปล่อยแรงกระแทกในแนวหมุนเป็นนิวตันเมตร ซึ่งต่างจากแรงกระแทกของสว่านกระแทก สว่านโรตารี่ที่กระแทกในแนวตรง หรือสว่านเจาะทั่วไปที่ไม่มีโหมดกระแทกเลย
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ไขควงกระแทก จะหมุนดอกไขควง หรือดอกใดก็ตามที่คุณใส่ หมุนไปเรื่อย ๆ นี่แหละครับ แต่เมื่อเจอแรงต้าน มันจะเกิดการกระแทกซ้ำ เหมือนเวลาคุณหมุดฝาขวดน้ำ ซ้ำ ๆ แต่ไม่ได้สักที จนคุณต้องเอาประแจมาหมุนช่วย และอาจเคาะลงไปที่ก้าน จนมันคลายออก นี่แหละครับคือเหตุผลว่าทำไมไขควงกระแทกถึงเหมาะกับงานขันให้แน่น และคลายให้ออกมากกว่าสว่าน
ด้วยการเน้นไปที่ แรงบิด และการกระแทกตามแนวหมุน แบบนี้เอง ที่ทำให้ดอกที่ใช้งานกับ ไขควงกระแทก จะต้องทนต่อแรงกระแทกในแนวนี้ ซึ่งอาจต่างจากดอกสว่านที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะครับ
วิธีใส่ดอก ไขควงกระแทก
เมื่อเราได้ดูกันไปแล้วว่าไขควงกระแทกต่างจากสว่านยังไง เรามาดูกันดีกว่าครับว่าถ้าจะใส่ดอก ไม่ว่าจะเป็นดอกเจาะ หรือดอกขัน นั้นทำอย่างไรเพราะการเข้าใจวิธีใส่นั้น ถือว่าเป็นหนึ่งพื้นฐานสำคัญที่สุดของการใช้เครื่องมือประเภทนี้เลยครับ
- ตรวจสอบหัวจับดอกของเครื่อง – หัวจับของ ไขควงกระแทก จะเป็นแบบ หกเหลี่ยม หรือ Hex 1/4 นิ้ว ใช้ฟีเจอร์ Quick Release (ปลดเร็ว) มีปลอกด้านหน้าซึ่งเลื่อนได้
- ดึงปลอกหัวจับออก – ใช้นิ้วมือดึงปลอกหัวจับไปด้านหน้า
- ใส่ดอกเข้าไปจนสุด – ขณะปลอกยังอยู่ในตำแหน่งเปิด ให้นำดอกหกเหลี่ยมเสียบเข้าไปจนรู้สึกว่ามันเข้าแน่น และสุด
- ปล่อยให้ดอกล็อก – เมื่อดันดอกเข้าไปแล้ว ก็ปล่อยมือได้เลย ดอกจะล็อกแน่นโดยอัตโนมัติ ซึ่งสังเกตได้จากเสียงล็อกครับ
- หมุนทดสอบเบา ๆ – ลองกดไกเครื่องให้ดอกหมุนดูเบา ๆ เพื่อเช็กว่าดอกไม่โยก ไม่หลุด และหมุนได้ตรง
คำแนะนำ: ถ้าเครื่องมือของคุณมีแม่เหล็กในหัวจับ ดอกจะดูเหมือนใส่ได้ง่าย แต่อย่าเพิ่งไว้ใจจนกว่าจะได้ยินเสียงล็อก หรือลองดึงดูก่อนว่าดอกล็อกแน่นแล้วจริง ๆ ครับ
ดอกหกเหลี่ยม 1/4 นิ้วคืออะไร ทำไม ไขควงกระแทก ถึงใช้?
หัวจับของไขควงกระแทกเกือบทั้งหมดจะใช้แบบ “1/4 นิ้ว Hex Shank” ครับ ซึ่งหมายถึง “ก้านดอกแบบหกเหลี่ยมขนาด 1/4 นิ้ว” หรือประมาณ 6.35 มม. เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กับไขควงกระแทกโดยเฉพาะ เพราะมันสามารถล็อกกับหัวจับได้แน่นกว่า ไม่ลื่น ไม่หมุนฟรี และยังถอดเปลี่ยนง่ายมาก
แต่ การที่ดอกเป็นหัวหกเหลี่ยม 1/4 นิ้ว ไม่ได้แปลว่า จะใช้กับไขควงกระแทกได้ทุกดอกนะครับ โดยเฉพาะในตลาดทุกวันนี้ที่ นอกจากดอกไขควงหกเหลี่ยม ก็มีดอก เจาะไม้ เจาะเหล็ก หรือดอกสว่านกระแทกอเนกประสงค์ก้าน Hex ที่สามารถใช้กับหัวจับสว่านได้
ใส่ได้ ไม่ได้แปลว่าใช้งานได้
ดอกไขควง ดอกสว่าน รวมถึงดอกอื่น ๆ หลากหลายแบบในท้องตลาดก็ใช้ก้านหกเหลี่ยมเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นดอกเจาะไม้, เจาะเหล็ก, ดอกไขควงธรรมดา, ดอกเซาะ, ดอกคว้าน และอื่น ๆ ซึ่งในแง่ของขนาดก้าน มันอาจจะใส่เข้าไปใน ไขควงกระแทก ได้จริงครับ แต่ก็ใช่ว่าจะใช้งานได้อย่างปลอดภัย หรือมีประสิทธิภาพเสมอไป
ไขควงกระแทกนั้นมีแรงกระแทกในแนวบิดที่สูงมาก ซึ่งถ้าตัวดอกเองไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รองรับแรงแบบนี้ ก็อาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ทำให้เสียงานได้ครับ เช่น
- ดอกบิดงอ หัก หรือแตกร้าวกลางคัน
- หัวของดอกเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว
- ตัวเครื่องเองรับแรงกระแทกกลับจากการใส่ดอกผิดประเภท ทำให้ชิ้นส่วนภายในสึกหรอเร็ว
แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าดอกไหนใช้กับ ไขควงกระแทก ได้จริง?
มาถึงตรงนี้แล้วหลายคนอาจคิดแล้วครับ ว่า “อ้าว ความจริงมันไม่ได้งายอย่างงั้น” แล้วพอซื้อเครื่องมือมาใช้ จะดูยังไงดีล่ะ ว่าดอกที่เลือกหรือกำลังจะใช้กับเครื่องมือเนี่ย มันจะใช้ได้ดี ดอกไม่พัง แถมไม่ทำให้เครื่องพังด้วย? โดยทั่วไปคำตอบจะอยู่ที่คีย์เวิร์ดต่าง ๆ เช่น “Impact Rated” หรือ “Impact Ready” ซึ่งจะระบุไว้ชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์ของดอกที่ผลิตมาให้ใช้งานกับไขควงกระแทกได้ครับ
- ดอกไขควง Impact Rated จะมีวัสดุพิเศษ เช่น S2 Steel หรือมี Torsion Zone ซึ่งช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ดี
- ดอกเจาะที่ระบุไว้ว่า Impact Ready มักจะมีการเสริมคอ หรือลูกปืนในจุดอ่อน เพื่อให้ทนแรงบิด และแรงเคลื่อนไหวซ้ำ ๆ
- นอกจากนี้ดอกที่ใช้กับไขควงกระแทกได้มักจะมีสี หรือลวดลายเฉพาะที่บอกว่าเป็นดอกที่ออกแบบมาให้ทน
ดอกที่ควรใช้กับ ไขควงกระแทก มีหน้าตาเป็นยังไง?
ดอกไขควงที่ใช้กับไขควงกระแทก ไม่ได้ดูแค่รูปร่าง หรือขนาดอย่างเดียวนะครับ แต่ต้องเข้าใจว่า คุณสมบัติที่ทนแรงบิดได้ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะแรงบิด และแรงกระแทกในตัวเครื่องสามารถทำให้ดอกธรรมดาเสียหายได้ง่าย ๆ ดังนั้นการรู้จักหน้าตา และจุดสังเกตของดอก Impact จึงช่วยให้คุณเลือกดอกได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็ก หรืองานใหญ่
ดอกไขควงทั่วไป vs. ดอกไขควงสำหรับ ไขควงกระแทก
ดอกไขควงที่ขายทั่วไปในชุดราคาถูก มักไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับแรงกระแทกสูง ดังนั้นเมื่อเอามาใช้กับไขควงกระแทก ก็อาจหัก รูด หรือเสียหัวได้ง่ายมาก ๆ ยิ่งถ้าขันกับน็อตฝังแน่น หรือขันซ้ำ ๆ บ่อย ๆ
ในขณะที่ดอก Impact Ready จะออกแบบให้ยืดหยุ่นในจังหวะที่เครื่องส่งแรงกระแทกมา เช่นมี Torsion Zone ที่ทำหน้าที่เหมือนโช้คช่วยซับแรง และวัสดุที่แข็งแต่ไม่เปราะง่าย
แล้วดอกเจาะล่ะ? ไขควงกระแทก เจาะได้จริงเหรอ?
หลายคนอาจแปลกใจว่า “ไขควงกระแทกเอาไว้ขันไม่ใช่เหรอ? เจาะได้ด้วยเหรอ?” คำตอบคือ ได้ครับ แต่ไม่ใช่ทุกแบบ และไม่ใช่ทุกงาน
สถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้ไขควงกระแทกในการเจาะก็คงจะเป็นเวลาที่ต้องขันน็อต หรือสกรูเยอะ ๆ แต่อาจมีงานเจาะรูอยู่บ้างเล็กน้อย ดอกเจาะไม้บางประเภท เช่น Spade Bit หรือ Flat Bit ที่หัวเป็นหกเหลี่ยม และผลิตมาให้ใช้กับ Impact Driver ได้โดยเฉพาะ จะทำงานได้ดี โดยเวลาเจาะไม้แข็ง ๆ หรือนำมาใช้เจาะรูนำ
แต่ถ้าเอาดอกเจาะเหล็กธรรมดา หรือดอกเจาะปูนมาใช้กับ ไขควงกระแทก แม้จะเป็นก้านหกเหลี่ยมก็อาจใช้งานได้จำกัด และไม่ควรใช้เป็นงานหลัก หรือต่อเนื่อง ดังนั้นคุณจึงควรพิจารณาใช้สว่านกับงานเหล่านี้แทน
- ดอกเจาะเหล็กธรรมดาไม่รองรับแรงกระแทก อาจหัก
- ดอกไม่มีสันล็อกกับหัวจับ ทำให้ลื่นหลุด
- ความเร็วรอบของ ไขควงกระแทก มักสูงเกินไปสำหรับงานเจาะเหล็กหรือปูน
ถ้าอยากเจาะได้ด้วย ไขควงกระแทก ควรเลือกดอกที่ระบุว่า Impact Rated เท่านั้น และใช้เฉพาะในวัสดุที่เหมาะสม เช่น ไม้ ไม้อัด หรือโลหะเบา
ดอกสำหรับ ไขควงกระแทก เลือกยังไง?
มาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนอาจจะเริ่มมองภาพชัดขึ้นว่า ไขควงกระแทก ไม่ใช่แค่ใส่ดอกหกเหลี่ยมอะไรก็ได้ แล้วใช้งานเลย มันมีรายละเอียดที่ควรเข้าใจ เพื่อให้การใช้งานทั้งปลอดภัย ได้ผลลัพธ์ดี และไม่ทำให้อุปกรณ์เสียเร็ว ดังนั้นถ้าคุณกำลังเลือกซื้อดอกใหม่ หรือกำลังสงสัยว่าดอกที่มีอยู่เหมาะจะใช้กับไขควงกระแทกหรือเปล่า มาดูคำตอบแบบชัด ๆ คร่าว ๆ กันดีกว่าครับ
การเลือกดอก เจาะ ขัน สำหรับ ไขควงกระแทก แบบเข้าใจง่าย
- ดูที่บรรจุภัณฑ์ – มองหาคำว่า Impact Rated / Impact Ready / For Impact Driver
- เช็กหัวดอก – ต้องเป็นก้านหกเหลี่ยม 1/4 นิ้ว และมีรอยล็อกที่ก้าน
- หลีกเลี่ยงชุดดอกราคาถูก – ดอกที่ไม่มีการระบุการใช้งานอาจออกแบบมาแค่ให้ใส่ได้ แต่ไม่ทน
- ไม่ฝืนใช้ดอกเจาะธรรมดา – โดยเฉพาะดอกกลม หรือดอกเจาะเหล็กที่ไม่ได้รับการรับรอง
- ดูยี่ห้อ – ยี่ห้อที่ทำดอกเฉพาะทางเช่น Bosch, Makita, DeWalt, Milwaukee มักมีดอก Impact โดยเฉพาะ
ถ้าใช้ดอกผิด จะเกิดอะไรขึ้น?
หลายคนอาจคิดว่า “ลองดูก็ไม่เป็นไร” คิดแบบนี้ไม่ผิดครับ เพราะการลองผิดลองถูกก็เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ อย่างที่เขาว่า “ผิดเป็นครู”แต่ผมขอเตือนก่อนครับ ว่า การใช้ดอกผิดประเภทกับไขควงกระแทกอาจส่งผลดังนี้:
- ดอกหักกลางงาน ทำให้บาดเจ็บ
- หัวเครื่องเสียหาย เพราะดอกหมุนฟรี หรือติดค้าง
- ดอกหมุนไม่ตรง ทำให้งานออกมาเบี้ยว
- ต้องเสียเงินซื้อดอกเจาะ ดอกขันใหม่อยู่บ่อย ๆ เพราะดอกไม่ทน
จริงอยู่ว่าความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ แต่ก็ต้องถามตัวเองด้วยครับว่าความเสี่ยงที่ตามมานั้นคุ้มไหม?
สรุป: อยากใช้ ไขควงกระแทก ให้เวิร์ก ต้องใส่ดอกแบบไหน
“ดอกก้านหกเหลี่ยม” ใส่ไม่ยาก แล้วที่ใส่กับไขควงกระแทกได้ก็มีให้เลือกหลากหลาย แม้แต่ดอกเจาะหรือดอกสว่านก็ใช้ได้เป็นครั้งคราว แต่ไม่ใช่ดอกสว่านทุกดอกที่ใส่กับไขควงแบบี้ได้จะใช้งานได้ดีเสมอไป การเลือกดอกที่เหมาะสมกับแรงบิด และแรงกระแทกของเครื่อง คือหัวใจสำคัญที่จะทำให้งานของคุณราบรื่น ปลอดภัย และยืดอายุเครื่องมือของคุณไปได้นาน ๆ ครับ
อย่ามองข้ามแค่เพราะมันใส่ได้ เลือกดอกที่ใช้งานได้จริง กับ ไขควงกระแทก แล้วคุณจะรู้ว่าเครื่องมือดี ๆ ถ้าใช้ถูกคู่ มันช่วยให้งานง่ายขึ้นอีกเยอะเลยครับ