เคยสงสัยไหมว่าทำไม? ระดับน้ำ ถึงมีหลอดฟองอากาศหลายช่อง?

Customers Also Purchased

หากคุณเป็นมือใหม่ ที่กำลังเลือก ระดับน้ำ มาใช้งานสักอัน แล้วอยู่ดีๆก็สังเกตว่าแอ๊ะ! ทำไมหลอดฟองอากาศของ ระดับน้ำ มันมีหลายอัน? คุณไม่ได้ตาฝาดหรอกครับ เพราะมันมีหลายหลอดจริงๆ แล้วรู้ไหม? ว่าแต่ละหลอดเนี่ย มันก็มีหน้าที่ของมัน ไม่ใช่แค่ใส่มาให้ดูเท่หรือดูเป็นมืออาชีพอย่างเดียวนะ! ผมคิดว่าบางคนอาจจะสงสัยว่า เฮ้ย! แล้วมันต่างกันยังไงล่ะ? ใช้ยังไงถึงจะถูก? ผมขอบอกตรงนี้เลยครับว่า ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบงาน DIY หรือต้องทำงานช่างบ่อยๆ การเข้าใจเรื่องนี้จะช่วยให้คุณทำงานเป๊ะขึ้นมากๆเลยครับ

ใบทความนี้ ผมเลยอยากชวนคุณมารู้จักกับหลอดฟองอากาศสีเขียวๆใน ระดับน้ำ เนี่ยว่าทันคืออะไร? รับรองว่าอ่านจบแล้ว คุณจะดู ระดับน้ำ ได้แบบมืออาชีพเลยก็ว่าได้!

ระดับน้ำ คืออะไร?

ก่อนอื่น ผมจะพาคุณมาทำความรู้จักกับ ระดับน้ำ (Spirit Level) กันก่อนนะครับ จริงๆแล้วมันเป็นเครื่องมือวัด ที่อาศัยหลักฟิสิกส์ง่ายๆเลยก็คือ เวลาที่ของเหลวอยู่ในภาชนะปิด ฟองอากาศมันก็จะลอยไปยังตำแหน่งที่สูงที่สุดเสมอ เพราะฉะนั้นถ้าพื้นที่วัดมันเรียบเป๊ะจริงๆ ฟองอากาศก็จะไปอยู่ตรงกลางของหลอดโดยอัตโนมัติเลย แค่นี้ครับง่ายๆเลย

ฟังดูเรียบง่าย แต่ใช้งานได้หลากหลายสุดๆไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง ติดตั้ง ปูกระเบื้อง วางชั้น ติดประตู ฯลฯ เพราะแค่ดูฟองอากาศให้อยู่ตรงกลาง ก็รู้เลยว่าแนวของเราตรงหรือยัง ไม่ต้องใช้ตลับเมตรให้ยุ่งยาก แต่เชื่อไหมครับว่าหลายคนใช้ระดับน้ำ มานาน แต่ไม่เคยรู้เลยว่าหลอดฟองอากาศแต่ละอันที่อยู่บน ระดับน้ำ มันมีหน้าที่ที่ต่างกันออกไป และถ้าเราใช้ถูกอันล่ะก็ งานจะเป๊ะขึ้นอีกระดับเลยครับ!

เคยสงสัยไหมว่าทำไม ระดับน้ำ ถึงมีหลอดฟองอากาศหลายช่อง

หลอดฟองอากาศใน ระดับน้ำ มีกี่ประเภท?

ก่อนจะไปดูว่าหลอดฟองอากาศมีหน้าที่อะไร? คุณลองนึกภาพก่อนว่า... เวลาที่คุณถือ ระดับน้ำ อยู่ในมือ แล้วหันไปดูหลอดฟองอากาศสีเขียวๆ คุณจะเห็นว่ามันไม่ได้มีหลอดเดียวใช่ไหมครับ? บางตัวมี 2 หลอด บางตัวมี 3 หลอด แล้วแต่ละหลอดก็วางอยู่คนละทิศด้วยซ้ำ บางคนเห็นแล้วก็เริ่มงง ๆ ว่า แล้วมันต่างกันยังไง? 
เอาล่ะครับ ไม่ต้องกังวลไป เพราะตอนนี้คุณกำลังจะได้รู้ว่า...หลอดแต่ละอันไม่ได้ใส่มาเล่นๆ มันมีหน้าที่ของมันเอง ซึ่งถ้าเราเข้าใจมันดีพอ เราจะใช้งาน ระดับน้ำ ได้อย่างคล่องแคล่วแบบมือโปรสุดๆไปเลย! โดยทั่วไป ระดับน้ำ แบบมาตรฐานจะมี 2-3 หลอดฟองอากาศ ซึ่งแต่ละหลอดมีหน้าที่เฉพาะทางมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง?

หลอดแนวนอน (Horizontal vial)

ก่อนอื่นเรามาเริ่มกันที่หลอดที่เจอบ่อยที่สุดก่อนเลยครับ นั่นก็คือหลอดแนวนอนนี่แหละ ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างมืออาชีพ หรือมือใหม่ ก็ตามคุณต้องได้ใช้แน่ๆ เหมาะกับพวกงานติดตั้ง ชั้นวาง หรือพื้นปูน หลอดที่เป็นแนวนอนนี่แหละครับที่เราต้องใช้ดูว่ามันเรียบจริงหรือเปล่า ฟองอยู่ตรงกลางเมื่อไหร่ ใจก็สบายเมื่อนั้น!

หลอดแนวดิ่ง (Vertical หรือ Plumb vial)

ใช้สำหรับดูว่าเสา ผนัง หรือวัสดุตั้งฉากตั้งตรงดีหรือยังครับ หลายคนอาจจะไม่เคยรู้ว่าแค่เอา ระดับน้ำ ไปแนบกับเสา ก็ช่วยให้เรารู้เลยว่าเสาตั้งตรงจริงหรือเปล่า เหมาะมากสำหรับงานที่ต้องการความเป๊ะเรื่องแนวดิ่ง เช่น การติดตั้งเสา โครงฝ้า หรือประตูหน้าต่าง เพราะถ้าเบี้ยวแม้แต่นิดเดียว ก็อาจมีปัญหาตอนประกอบหรือใช้งานจริงได้เลย

หลอดองศา 45 องศา (45-degree vial)

ใช้ในงานติดตั้งที่ต้องการความเอียงเฉพาะ เช่น งานบันได โครงเหล็ก หรืออะไรก็ตามที่ไม่ได้เป็นมุมฉากธรรมดาๆ หลอดแบบนี้ไม่ได้มีใน ระดับน้ำ ทุกรุ่นนะครับ จะมีเฉพาะในรุ่นที่ออกแบบมาให้รองรับงานเฉพาะจริงๆ พอมีหลอดองศานี้เข้ามาช่วย มันก็เหมือนมีผู้ช่วยคอยจับมุมให้เรา ไม่ต้องคอยหลับตานึกมุมเองอีกต่อไป ทำให้งานออกมาเป๊ะขึ้นแบบมือโปรเลยครับ



แล้วทำไม ระดับน้ำ ต้องมีหลายหลอดในตัวเดียว?

เพราะโลกแห่งความจริงไม่ได้มีแค่มิติเดียว 

ในงานติดตั้งจริง ๆ มันไม่ได้มีแค่วัดแนวราบแบบง่าย ๆ อย่างเดียวครับ บางทีคุณต้องวัดแนวตั้งด้วย บางครั้งก็ต้องเอียงเฉียงตามแบบ หรือวัดหลายแนวพร้อมกันด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าจะให้พกเครื่องมือหลายชิ้นมาช่วยก็คงไม่สะดวกใช่ไหมล่ะ? การมีหลายหลอดอยู่ในระดับน้ำตัวเดียวเลยช่วยให้คุณทำงานได้ครบ จบในแท่งเดียว ประหยัดเวลา แถมลดความวุ่นวายไปได้เยอะเลยครับ

ลดความผิดพลาดจากการพลิก

บางรุ่นจะมีหลอดแนวนอน 2 หลอดอยู่คนละด้าน ซึ่งฟังดูอาจเหมือนซ้ำซ้อนใช่ไหมครับ? แต่จริง ๆ แล้วมันมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะเวลาคุณต้องพลิกระดับน้ำไปอีกด้าน แล้วดันมองฟองอากาศไม่ชัด หรือเกิดภาพหลอกจากมุมมองเฉียง ๆ การมีหลอดสำรองอีกฝั่งหนึ่งไว้ จึงช่วยให้คุณวัดได้แม่นเป๊ะทุกครั้ง ไม่ต้องหมุนไปหมุนมาให้เวียนหัวเลยครับ

ใช้งานได้สะดวกในพื้นที่จำกัด

บางครั้งเราต้องทำงานในพื้นที่แคบสุด ๆ จะขยับก็ไม่ได้ จะพลิกระดับน้ำไปมาก็ลำบากใช่ไหมครับ? อย่างเช่นตอนวัดใต้ชั้น ใต้โต๊ะ หรือตามมุมตึกแคบ ๆ นี่แหละ ถ้าเครื่องมือของเรามีหลอดหลายมุม ก็จะช่วยให้เรายังอ่านค่าได้แบบเป๊ะ ๆ โดยไม่ต้องพยายามบิดตัวเองให้มองเห็น หรือหมุนเครื่องมือให้พอดี เรียกได้ว่า สะดวกกว่าเยอะ!

เคยสงสัยไหมว่าทำไม ระดับน้ำ ถึงมีหลอดฟองอากาศหลายช่อง

ฟองอากาศใน ระดับน้ำ อ่านยังไงให้ไม่ผิด?

จุดสังเกตง่ายๆ 

  • ทุกหลอดจะมี ขีด 2 เส้น อยู่ตรงกลางครับ เหมือนเป็นเส้นบอกตำแหน่งเป้าหมายของฟองอากาศเลยก็ว่าได้! เวลาคุณวางระดับน้ำลงไปบนพื้น หรือแนบกับผนัง แล้วฟองอากาศอยู่พอดีตรงกลางระหว่าง 2 ขีดนี้ แปลว่าแนวนั้นเป๊ะแล้วครับ! เป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยให้เรารู้ว่าพื้นหรือผนังที่กำลังทำอยู่นั้นเรียบจริงหรือเปล่า ไม่ต้องมานั่งเดาด้วยสายตาให้เมื่อยเลย
  • ถ้า ฟองอากาศอยู่ตรงกลางระหว่างขีด ก็เหมือนกับว่าเครื่องมือกำลังบอกเราว่า “เป๊ะแล้วพี่!” หรือถ้าจะให้เปรียบเทียบง่าย ๆ ก็เหมือนเวลาคุณเล็งกล้องแล้วเห็นเฟรมอยู่ตรงกลางพอดี มั่นใจได้เลยว่างานนี้ไม่มีเบี้ยวแน่นอนครับ!
  • แต่ถ้าเมื่อไหร่ฟองเบี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่ง ก็แปลว่างานเรายังเอียงอยู่นิด ๆ ครับ อาจจะดูไม่เยอะ แต่ถ้าปล่อยไว้ งานที่คิดว่าเนี๊ยบอาจจะกลายเป็นเบี้ยวได้แบบไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นแค่ขยับอีกนิด จูนอีกหน่อย ให้ฟองมันกลับมาตรงกลาง ก็ช่วยให้งานเป๊ะขึ้นเยอะเลยครับ

ระวังมุมมอง 

  • อย่ามองเฉียงนะครับ! เพราะถ้าเรามองแบบเอียงๆ หรือเฉียงจากด้านข้าง ฟองอากาศอาจจะดูเหมือนอยู่ตรงกลาง ทั้งที่จริงแล้วมันยังเอียงอยู่ก็ได้ ทางที่ดี ควรมองแบบตรงๆ ให้สายตาขนานกับตัวหลอด เพื่อให้เห็นตำแหน่งฟองอากาศได้ชัดเจน แบบนี้แหละเป๊ะสุด!
  • ถ้าสายตาไม่ขนานกับพื้นนะครับ บอกเลยว่าเสี่ยงเข้าใจผิดแบบไม่รู้ตัวเลย เพราะเราจะเห็นฟองอากาศเหมือนอยู่ตรงกลาง ทั้งที่จริงๆ มันยังเบี้ยวอยู่นิดๆ ซึ่งถ้าทำงานละเอียด งานอาจเพี้ยนได้แบบคาดไม่ถึง! เพราะงั้น เวลามอง ต้องตั้งหน้าตรงระดับกับเครื่องมือไว้ก่อนเลยครับ

เลือกใช้งาน ระดับน้ำ ที่มีหลอดเหมาะกับแนวที่คุณกำลังวัด 

  • อย่าเอาหลอดแนวนอนไปดูแนวดิ่ง หรือในทางกลับกันนะครับ เพราะค่าที่ได้จะไม่ตรงแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเอาหลอดแนวนอนไปเช็กเสา คุณอาจจะคิดว่าเสาตั้งตรงแล้ว ทั้งที่จริง ๆ มันยังเอียงอยู่! เพราะฉะนั้น ใช้หลอดให้ตรงกับแนวที่เราต้องการวัดเสมอ จะได้แม่น ๆ เป๊ะ ๆ ครับ

เคยสงสัยไหมว่าทำไม ระดับน้ำ ถึงมีหลอดฟองอากาศหลายช่อง

ความไวของฟองอากาศ ต่างกันยังไง?

ระดับน้ำแต่ละรุ่นจะมีความไว (Sensitivity) ไม่เท่ากันนะครับ ซึ่งตรงนี้หลายคนอาจจะยังไม่เคยสังเกต หลักการง่าย ๆ ก็คือ ยิ่งฟองอากาศขยับเร็วเวลาคุณเอียงเครื่องมือเล็กน้อย นั่นแปลว่ามันมีความไวสูงมาก แต่ถ้าต้องเอียงเยอะกว่าฟองถึงจะขยับ แสดงว่าความไวต่ำกว่า

พูดง่าย ๆ มันก็เหมือนคนไวต่อความรู้สึกนั่นแหละครับ บางรุ่นแค่เอียงนิดเดียวก็รีบฟ้องเลยว่า "เอียงนะ!" ในขณะที่บางรุ่นก็ยังนิ่ง ๆ อยู่ ต้องเอียงแรงกว่านั้นถึงจะเริ่มขยับให้เห็น

ความไวมาก (High Sensitivity)

ฟองอากาศเคลื่อนไหวนิดเดียวเมื่อเอียงเล็กน้อยครับ เรียกได้ว่าแค่เอียงมือนิดเดียว หรือแค่เผลอขยับก็เห็นฟองไหลแล้ว! เหมือนมันไวสุด ๆ พร้อมจะฟ้องคุณทันทีว่า "แนวนี้ไม่ตรงนะ!" แบบไม่ปล่อยผ่านเลยทีเดียว

เหมาะมากกับงานที่ต้องการความเป๊ะ ความเรียบ เช่น งานเฟอร์นิเจอร์ บานประตู หรือชั้นวางที่ต้องวัดให้เป๊ะไม่งั้นประตูปิดไม่สนิท ขอบไม่เสมอ แค่คลาดนิดเดียวก็เห็นความเบี้ยวทันที เพราะงั้นระดับน้ำแบบนี้จึงเป็นผู้ช่วยตัวจิ๋วที่แม่นขั้นเทพเลยครับ!

ความไวต่ำ (Low Sensitivity)

ฟองอากาศจะไม่ขยับมากถ้าเอียงน้อยครับ เรียกง่าย ๆ ว่าต้องเอียงเยอะหน่อยถึงจะเห็นฟองเริ่มขยับ ซึ่งมันเหมาะกับงานประเภทที่ไม่ได้ต้องการความเป๊ะระดับมิลลิเมตร เหมือนเป็นผู้ช่วยสายชิลล์ ที่ถ้าไม่เอียงจริงก็ไม่เตือนอะไรเลย

เหมาะกับงานหยาบ เช่น งานโครงสร้าง หรืองานนอกอาคารที่ไม่ต้องซีเรียสเรื่องความเป๊ะมากครับ อย่างเช่นติดโครงเหล็ก เดินแนวท่อ หรือก่ออิฐบางประเภท ที่ถ้าเอียงนิด ๆ ก็ยังพอรับได้ แบบนี้ระดับน้ำที่ไม่ไวเกินไปจะช่วยให้คุณไม่ต้องคอยกังวลกับฟองที่กระดิกตลอดเวลา ทำงานได้เร็วขึ้นแบบไม่ต้องจ้องทุกวินาที

เลือก ระดับน้ำ เพิ่มเติม