เจาะลึก 5 สาเหตุหลัก ทำไม "ไฟช็อต" แต่ "เซอร์กิตเบรกเกอร์" ไม่ยอมตัด? พร้อมวิธีเช็ค

Customers Also Purchased

เคยไหมคะที่ได้ยินเสียง "แป๊ะ!" ดัง มีกลิ่นไหม้ หรือเห็นประกายไฟจากปลั๊กไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วคิดว่า "ไฟช็อตแน่ ๆ!" แต่กลับพบว่า "เซอร์กิตเบรกเกอร์" (Circuit Breaker) ที่อยู่ในตู้ควบคุมไฟฟ้าของบ้านเรา กลับไม่ยอมตัดไฟ ทั้ง ๆ ที่มันควรจะทำหน้าที่เพื่อความปลอดภัยของเราใช่ไหมคะ?

คนทั่วไปมักจะเรียกอาการผิดปกติของไฟฟ้า เช่น มีประกายไฟ ความร้อน หรือควัน ว่า "ไฟช็อต" ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ไฟช็อต มีหลายรูปแบบค่ะ และมีเพียงบางรูปแบบเท่านั้นที่จะทำให้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ทำงาน นี่แหละค่ะคือเหตุผลว่าทำไมบางครั้งที่เกิดความผิดปกติขึ้น เบรกเกอร์ถึงไม่ยอมตัด

วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึง 5 สาเหตุหลัก ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่น่ากังวลนี้ค่ะ พร้อมทั้งบอก วิธีเช็คเบื้องต้น ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพื่อให้คุณเข้าใจปัญหา และรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้องรีบแก้ไข ก่อนที่อันตรายจะมาถึงตัวค่ะ

"ไฟช็อต" และ "เซอร์กิตเบรกเกอร์" ทำงานอย่างไร?

ก่อนที่เราจะไปดูว่าทำไม เซอร์กิตเบรกเกอร์ ถึงไม่ยอมตัด เรามาทำความเข้าใจพื้นฐานของสองสิ่งนี้กันก่อนนะคะ

"ไฟช็อต" มี 2 ความหมายที่ต่างกัน

  1. ไฟช็อต (แบบที่ช่างเข้าใจ): หมายถึง ไฟฟ้าลัดวงจร ค่ะ อธิบายง่าย ๆ ก็คือ สายไฟมี 2 เส้น คือสาย Line (L) และสาย Neutral (N) ที่ห้ามแตะกันโดยเด็ดขาด แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้สายทั้งสองเส้นมาแตะถึงกัน กระแสไฟฟ้าจากสาย L จะไหลไปที่สาย N ทันที ทำให้กระแสไฟพุ่งขึ้นสูงมากๆ ในเสี้ยววินาที
  2. ไฟช็อต (แบบที่คนทั่วไปเข้าใจ): หมายถึง ความผิดปกติของไฟฟ้าที่มีประกายไฟ ความร้อน ควัน หรือเสียงแปลกๆ เกิดขึ้น ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากการลัดวงจรแบบตรง ๆ เสมอไปค่ะ

เจาะลึก 5 สาเหตุหลัก ทำไม ไฟช็อต แต่ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ไม่ยอมตัด พร้อมวิธีเช็ค

"เซอร์กิตเบรกเกอร์" (Circuit Breaker) ทำงานยังไง?

เซอร์กิตเบรกเกอร์ คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เหมือน "สวิตช์อัตโนมัติ" ในตู้ควบคุมไฟฟ้า มันถูกออกแบบมาให้ "ตัดไฟ" ทันที เมื่อตรวจพบว่ามีกระแสไฟฟ้าไหล "เกินพิกัด" ที่มันกำหนดไว้ ซึ่งสาเหตุของกระแสเกินพิกัดก็มี 2 อย่างหลักๆ คือ

  1. ไฟฟ้าลัดวงจร : เมื่อสาย L และ N แตะกัน กระแสไฟจะพุ่งสูงมากทันที ทำให้เข้าเงื่อนไขของเบรกเกอร์และสั่งตัด
  2. กระแสไฟฟ้าเกิน: เกิดจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกันมากเกินไป หรือใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินกระแสสูงๆ จนเกินความสามารถของวงจรนั้นๆ ก็จะทำให้กระแสเกินได้

แต่ถ้านอกเหนือจากสองเหตุผลนี้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ก็จะไม่ตัดไฟนะคะ นี่แหละค่ะคือคำตอบว่าทำไมบางครั้งที่เราเห็นความผิดปกติของไฟฟ้า เบรกเกอร์ถึงไม่ยอมตัด

5 สาเหตุหลัก ทำไม "ไฟช็อต" แต่ "เซอร์กิตเบรกเกอร์" ไม่ยอมตัด?

เมื่อเกิดเหตุการณ์ ไฟช็อต แล้ว เซอร์กิตเบรกเกอร์ ของคุณไม่ยอมตัดไฟ นั่นหมายความว่ามีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นในระบบไฟฟ้าของคุณค่ะ

1. จุดที่ "ช็อต" มีความต้านทานสูง (High Resistance Short Circuit)

นี่คือสาเหตุที่คนทั่วไปมักเข้าใจว่าเป็น ไฟช็อต แต่เบรกเกอร์ไม่ตัด และเป็นสาเหตุที่อันตรายที่สุดเลยค่ะ

ปัญหา: เกิดจาก "จุดต่อสายไฟที่หลวม" เช่น ที่ปลั๊กไฟ เต้ารับ สวิตช์ หรือภายในเครื่องใช้ไฟฟ้าเอง ทำให้สายไฟแตะกันแบบหลวมๆ ไม่ได้แตะกันโดยตรง กระแสไฟฟ้าก็ไม่มีทางเลือกวิ่งผ่านแบบปกติไม่ได้ มันก็เลยต้อง "กระโดด" เอา

ทำไมถึงไม่ตัด: ช่วงที่กระแสไฟฟ้ากระโดด มันต้อง "เบ่งพลัง" และปลดปล่อยพลังงานความร้อนออกมาสูงมาก ความร้อนที่สะสมในจุดที่หลวมนี้เอง ที่ทำให้พลาสติกของปลั๊กไฟ เต้ารับ หรือฉนวนสายไฟรอบๆ เริ่มหลอมละลาย เปลี่ยนเป็นสีดำ และอาจลุกไหม้ได้ในที่สุด แต่กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสายเมนหลักอาจยังไม่สูงพอที่จะทำให้เซอร์กิตเบรกเกอร์ตัดลงได้ทันที

วิธีเช็คเบื้องต้น:

  • สังเกตกลิ่นไหม้/รอยไหม้: หากมีกลิ่นไหม้ผิดปกติ, รอยดำๆ บนปลั๊กไฟ/เต้ารับ/สายไฟ
  • ร้อนผิดปกติ: หากสัมผัสแล้วรู้สึกว่าปลั๊กไฟ สายไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าร้อนจัดผิดปกติ
  • ปรึกษาช่าง: ปัญหาแบบนี้อันตรายมาก ต้องรีบปรึกษาช่างไฟฟ้าทันที

2. ขนาดของ "เซอร์กิตเบรกเกอร์" ไม่เหมาะสม

นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยมากๆ และเป็นพื้นฐานของความปลอดภัยเลยค่ะ

ปัญหา: เซอร์กิตเบรกเกอร์ ที่ติดตั้งมีขนาด (ค่าแอมแปร์) "สูงเกินไป" ไม่เหมาะสมกับขนาดหน้าตัดของสายไฟในวงจรนั้นๆ

ทำไมถึงไม่ตัด: เซอร์กิตเบรกเกอร์ ถูกออกแบบมาให้ตัดเมื่อกระแสไฟฟ้าเกินค่าที่ระบุไว้ หากเกิด ไฟช็อต ขึ้น แต่กระแสไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นมานั้น ยังไม่สูงพอที่จะถึงจุดที่เบรกเกอร์ขนาดใหญ่เกินไปจะสั่งตัดได้ (แม้ว่ากระแสไฟฟ้านั้นจะสูงเกินกว่าที่สายไฟขนาดเล็กจะรับไหวแล้วก็ตาม) ทำให้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ไม่ทำงานตามที่ควรจะเป็น แต่สายไฟกลับร้อนจัดและเสี่ยงไฟไหม้แทน

วิธีเช็คเบื้องต้น:

  • ดูขนาดเบรกเกอร์: สังเกตตัวเลขแอมแปร์ที่ระบุบนตัว เซอร์กิตเบรกเกอร์ (เช่น 15A, 20A, 32A)
  • เปรียบเทียบกับสายไฟ: ถ้าคุณทราบขนาดหน้าตัดของสายไฟในวงจรนั้น (เช่น 1.5 sq.mm., 2.5 sq.mm.) ลองตรวจสอบตารางมาตรฐานว่าสายไฟขนาดนั้นรองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุดเท่าไหร่ แล้วนำมาเปรียบเทียบกับขนาดเบรกเกอร์ว่าเหมาะสมกันหรือไม่ (หากไม่แน่ใจ ควรปรึกษาช่างไฟฟ้า)

เจาะลึก 5 สาเหตุหลัก ทำไม ไฟช็อต แต่ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ไม่ยอมตัด พร้อมวิธีเช็ค

3. สายดิน/สายนิวทรัลมีปัญหา หรือไม่มีสายดิน

ระบบสายดินและสายนิวทรัล (สายศูนย์) เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างปลอดภัยและทำให้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ทำงานได้ถูกต้อง

ปัญหา: หากระบบสายดินมีปัญหา (เช่น ไม่ได้ติดตั้ง, ติดตั้งไม่ถูกต้อง, สายดินขาด, หลักดินเสื่อม) หรือสายนิวทรัลหลวม/ชำรุด เมื่อเกิด ไฟช็อต โดยเฉพาะการลัดวงจรลงกราวด์ กระแสไฟฟ้าจะไม่สามารถไหลกลับไปยังแหล่งจ่ายไฟ (เพื่อทำให้เบรกเกอร์ตัด) ได้อย่างสมบูรณ์ หรือไม่สามารถไหลลงดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมถึงไม่ตัด: เมื่อไม่มีเส้นทางให้กระแสไฟฟ้าไหลกลับไปครบวงจร หรือเส้นทางมีความต้านทานสูงมาก กระแสไฟฟ้าจึงไม่พุ่งสูงขึ้นจนถึงระดับที่ เซอร์กิตเบรกเกอร์ จะสั่งตัด หรือในกรณีของอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วไฟดูด (RCD/RCBO) ก็จะไม่สามารถตรวจจับกระแสรั่วไหลที่ผิดปกติได้

วิธีเช็คเบื้องต้น:

  • สังเกตสายดิน: ตรวจสอบว่าปลั๊กไฟของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คุณใช้อยู่นั้น เป็นแบบ 3 ขา และมีการต่อสายดินจริงหรือไม่
  • ทดสอบปุ่ม Test: หากตู้ควบคุมไฟฟ้าของคุณมีอุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วไฟดูด (RCD/RCBO) ลองกดปุ่ม "Test" ดู หากอุปกรณ์ไม่ตัด แสดงว่าอาจมีปัญหาที่ตัวอุปกรณ์หรือระบบสายดิน
  • ปรึกษาช่าง: การตรวจสอบระบบสายดินและสายนิวทรัลเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและควรทำโดยช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

4. เซอร์กิตเบรกเกอร์เก่า ชำรุด หรือไม่ได้มาตรฐาน

แม้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ จะเป็นอุปกรณ์ที่ทนทาน แต่เมื่อใช้งานไปนานๆ หรือมีคุณภาพไม่ดี ก็อาจเสื่อมประสิทธิภาพได้

ปัญหา: เซอร์กิตเบรกเกอร์ มีอายุการใช้งาน เมื่อเก่ามากๆ กลไกภายในอาจเสื่อมสภาพ, เกิดการกัดกร่อนภายใน, หรือมีชิ้นส่วนชำรุด ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างแม่นยำ หรือไม่ยอมตัดไฟเมื่อเกิด ไฟช็อต จริงๆ

ทำไมถึงไม่ตัด: กลไกที่ควรจะสั่งตัดเมื่อเกิดกระแสเกินทำงานผิดพลาด หรือไม่ตอบสนองเลย

วิธีเช็คเบื้องต้น:

  • สังเกตสภาพภายนอก: เซอร์กิตเบรกเกอร์ มีรอยไหม้, รอยแตก, หรือคราบดำๆ ไหม?
  • ลองกดปุ่ม Test (ถ้ามี): เบรกเกอร์ป้องกันไฟรั่วไฟดูด (RCBO/RCD) มักจะมีปุ่ม "Test" ให้ลองกดเพื่อทดสอบว่ายังทำงานได้หรือไม่ หากกดแล้วไม่ตัด แสดงว่าเสีย
  • อายุการใช้งาน: หาก เซอร์กิตเบรกเกอร์ มีอายุมากกว่า 10-15 ปี หรือไม่เคยเปลี่ยนเลย ควรให้ช่างตรวจสอบสภาพ
  • ปรึกษาช่าง: หากสงสัยว่า เซอร์กิตเบรกเกอร์ ชำรุด ควรให้ช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ หรือเปลี่ยนใหม่

5. ปัญหาที่ตัวระบบสายไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า

บางครั้งต้นตอของปัญหาอาจมาจากตัวสายไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเอง ที่ทำให้เกิดการลัดวงจรแบบ "ไม่สมบูรณ์"

ปัญหา:

  • จุดเชื่อมต่อสายไฟหลวม: เช่น ที่เต้ารับ สวิตช์ หรือกล่องพักสายไฟ ที่มีสายไฟหลวมคลอน
  • ฉนวนสายไฟเสียหาย: ฉนวนสายไฟที่เก่า แตก ร้าว หรือถูกสัตว์กัดแทะ ทำให้ตัวนำไฟฟ้าสัมผัสกันเอง หรือสัมผัสกับโครงสร้างใกล้เคียง
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าชำรุดภายใน: มีการลัดวงจรภายในตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าเอง แต่ยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ตัดทันที

ทำไมถึงไม่ตัด: ปัญหาเหล่านี้จะทำให้เกิดการลัดวงจรแบบ "ค่อยเป็นค่อยไป" หรือมีการอาร์ค (ประกายไฟ) เกิดขึ้นเฉพาะจุด ทำให้เกิดความร้อนสูงในบริเวณนั้นๆ แต่กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสายเมนหลักอาจยังไม่สูงพอที่จะทำให้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ตัดลงได้ทันที

วิธีเช็คเบื้องต้น:

  • ตรวจสอบสายไฟ/ปลั๊ก: สังเกตสายไฟเครื่องใช้ไฟฟ้า ปลั๊กไฟ เต้ารับ สวิตช์ไฟ ว่ามีรอยไหม้ รอยดำ, สายไฟร้อนผิดปกติ หรือมีกลิ่นไหม้หรือไม่
  • ปรึกษาช่าง: หากพบอาการเหล่านี้ ควรหยุดใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือวงจรนั้นทันที และปรึกษาช่างไฟฟ้า

เจาะลึก 5 สาเหตุหลัก ทำไม ไฟช็อต แต่ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ไม่ยอมตัด พร้อมวิธีเช็ค

ความเสี่ยงเมื่อ "เซอร์กิตเบรกเกอร์" ไม่ยอมตัด

การที่ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ไม่ยอมตัดเมื่อเกิด ไฟช็อต ถือเป็นความเสี่ยงสูงสุดในระบบไฟฟ้าของคุณค่ะ

  • ไฟไหม้: ความร้อนที่สะสมในจุดที่ลัดวงจรจะทำให้ฉนวนสายไฟละลาย และลุกไหม้ลามไปถึงวัสดุอื่นๆ ได้
  • ไฟฟ้าดูด: หากมีกระแสไฟฟ้ารั่วไหลจากการลัดวงจร แล้ว เซอร์กิตเบรกเกอร์ ไม่ตัด อาจทำให้ผู้ที่สัมผัสถูกไฟฟ้าดูดได้
  • อุปกรณ์เสียหาย: เครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ อาจเสียหายจากกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติ

สิ่งที่ควรทำเมื่อ "ไฟช็อต" แล้ว "เซอร์กิตเบรกเกอร์" ไม่ตัด

หากคุณประสบเหตุการณ์ที่ ไฟช็อต แล้ว เซอร์กิตเบรกเกอร์ ไม่ยอมตัดไฟเลย โปรดทำตามขั้นตอนเหล่านี้ทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินค่ะ

  1. ตัดกระแสไฟฟ้าหลักทันที: สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือ ไปที่ตู้ควบคุมไฟฟ้าหลักของบ้าน แล้วสับเบรกเกอร์หลัก (Main Breaker) ลง เพื่อตัดกระแสไฟฟ้าออกจากทั้งบ้านโดยสมบูรณ์
  2. ห้ามสัมผัสอุปกรณ์/สายไฟที่เกิดปัญหา: ห้ามเข้าไปจับ หรือแตะต้องเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสายไฟที่เกิดปัญหาเด็ดขาด
  3. แจ้งช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญ: หลังจากตัดไฟเรียบร้อยแล้ว ให้รีบติดต่อช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุและแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนที่สุด

วิธีป้องกันปัญหา "เซอร์กิตเบรกเกอร์" ไม่ตัด

การป้องกันปัญหา เซอร์กิตเบรกเกอร์ ไม่ตัดไฟ ถือเป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยในระยะยาวของบ้านคุณค่ะ

  1. เลือกขนาดเบรกเกอร์และสายไฟให้เหมาะสม: การติดตั้งระบบไฟฟ้าควรทำโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ที่จะเลือกขนาดของ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ให้สัมพันธ์กับขนาดหน้าตัดของสายไฟ และปริมาณการใช้ไฟฟ้าของวงจรนั้นๆ ตามมาตรฐาน วสท.
  2. ติดตั้งระบบสายดินให้ถูกต้องและมีคุณภาพ: ระบบสายดินที่ดีและมีค่าความต้านทานต่ำ จะช่วยให้ เซอร์กิตเบรกเกอร์ หรืออุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วไฟดูด (RCD/RCBO) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเกิดการลัดวงจรลงกราวด์
  3. ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าและสายไฟที่มีมาตรฐาน: ควรเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและสายไฟที่มีมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) เพื่อลดโอกาสการเกิดข้อบกพร่องภายในที่อาจนำไปสู่การลัดวงจร
  4. หมั่นตรวจสอบระบบไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้า: สังเกตสัญญาณเตือนต่างๆ เช่น กลิ่นไหม้, รอยดำ, สายไฟร้อนผิดปกติ, หรือเสียงผิดปกติจากปลั๊กไฟ/สวิตช์/เครื่องใช้ไฟฟ้า
  5. ปรึกษาช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญ: สำหรับการติดตั้งระบบไฟฟ้าใหม่ การซ่อมแซมที่ซับซ้อน หรือการตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจำปี ควรเรียกใช้บริการช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญเสมอ

เจาะลึก 5 สาเหตุหลัก ทำไม ไฟช็อต แต่ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ไม่ยอมตัด พร้อมวิธีเช็ค

"เซอร์กิตเบรกเกอร์" ไม่ตัด = อันตรายที่ต้องรีบแก้ไข!

การที่ "ไฟช็อต" แล้ว "เซอร์กิตเบรกเกอร์" ไม่ยอมตัด เป็นสัญญาณอันตรายสูงสุดที่ระบบไฟฟ้าของคุณกำลังส่งมาค่ะ มันไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม หรือพยายามแก้ไขด้วยตัวเองโดยไม่มีความรู้

การทำความเข้าใจสาเหตุหลักๆ และรู้วิธีเช็คเบื้องต้น จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัย และที่สำคัญที่สุดคือ ควรเรียกช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้ถูกต้องตามมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของบ้านและคนที่คุณรักค่ะ