Customers Also Purchased
คุณอาจคิดว่าเครื่องเลเซอร์วัดได้หมด จะภายนอก ภายใน กลางวัน หรือกลางคืน ใช้ได้เหมือนกันหมดใช่ไหมครับ? แต่จริง ๆ แล้ว การวัดพื้นที่ภายนอกด้วยเครื่องวัดระยะเลเซอร์ต้องคำนึงถึงหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ระยะทาง ความสะท้อน หรือแม้แต่พื้นผิวที่เราจะเล็งเลเซอร์ไป
ในบทความนี้ผมเลยจะพาคุณไปดูว่า ถ้าต้องใช้เครื่องวัดระยะเลเซอร์กับ งานกลางแจ้ง หรือ งานภายนอกอาคาร มีอะไรบ้างที่ควรรู้ และต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้การวัดแม่นยำ และรวดเร็วที่สุดครับ
ทำไมเครื่องวัดระยะเลเซอร์ กลางแจ้ง ใช้ไม่เหมือนกับในอาคาร?
หลายคนพอใช้เครื่องวัดระยะเลเซอร์ได้ดีในอาคารก็คิดว่าน่าจะเอาไปใช้กลางแจ้งได้เลย เพราะมันใช้ง่าย แค่กดก็ได้ตัวเลข ไม่ต้องมีคนช่วยถือเหมือนตลับเมตร แต่พอเอาไปใช้งานจริงแล้วกลับเจอปัญหาหลายอย่างครับ เช่น มองไม่เห็นจุดเลเซอร์ หรือระยะไม่ตรงเท่าที่ควรจะเป็น
ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้มาจากตัวเครื่องอย่างเดียว แต่อยู่ที่ สภาพแวดล้อม ซึ่งต่างจากในอาคารโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดจ้า พื้นผิวสะท้อนแสงแดด หรือลมแรง และฝุ่นฟุ้ง ก็ล้วนส่งผลต่อการวัดทั้งนั้นครับ
ดังนั้น ถ้าคิดจะใช้เครื่องวัดระยะเลเซอร์ในงานกลางแจ้ง ต้องเข้าใจธรรมชาติของสภาพแวดล้อมข้างนอกด้วย ไม่ใช่แค่พึ่งพาฟังก์ชันของเครื่องอย่างเดียวครับ
ปัจจัยที่กระทบต่อการวัดกลางแจ้ง:
- แสงแดดแรง: ทำให้มองไม่เห็นจุดเลเซอร์ โดยเฉพาะช่วงกลางวัน
- ระยะไกล: เครื่องวัดระยะเลเซอร์ บางรุ่นไม่ได้ออกแบบมาให้วัดระยะไกลมากเกิน 50-100 เมตร
- พื้นผิวสะท้อนแสง: บางพื้นผิวไม่สามารถสะท้อนเลเซอร์กลับเข้าตัวเครื่องได้ดี ทำให้วัดพลาด
- สภาพอากาศ: ลม ฝุ่น หรือแม้แต่หมอกบาง ๆ ก็อาจรบกวนการวัดได้
พูดง่าย ๆ คือ ถึงแม้ว่าเครื่องวัดระยะเลเซอร์ จะยิงเลเซอร์ออกไปได้ไกล แต่ถ้า “รับกลับมาไม่ดี” หรือ “ตามองไม่เห็น” การวัดนั้นก็แทบไม่มีความหมายเลยครับ
วัดกลางแจ้ง ต้องเลือก เครื่องวัดระยะเลเซอร์ แบบไหน?
หลายคนอาจเคยเห็นเครื่องวัดระยะเลเซอร์ในบ้าน หรือในสำนักงาน แล้วรู้สึกว่าเครื่องมันแม่นมาก กดทีเดียวตัวเลขเป๊ะเลยใช่ไหมครับ? แต่พอจะเอาไปใช้นอกบ้าน เช่น วัดรั้ว วัดถนนหน้าบ้าน หรือวัดแนวปลูกต้นไม้ ก็พบว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด จุดเลเซอร์ที่เคยเห็นชัดในห้องมืด กลับมองไม่เห็นเลยเมื่อออกมาเจอแดดจ้า บางครั้งวัดแล้วตัวเลขกระโดดไปมาไม่แม่นเหมือนเดิม
จริง ๆ แล้วการเลือก เครื่องวัดระยะเลเซอร์ สำหรับการใช้งานกลางแจ้ง ต้องคิดเผื่อหลายเรื่อง เพราะสภาพแวดล้อมภายนอกนั้นไม่เหมือนในอาคาร ทั้งเรื่องแสง ความร้อน ลม หรือแม้แต่วัสดุที่อยู่รอบ ๆ ก็ส่งผลต่อความแม่นยำในการวัดทั้งสิ้น
1. เลือกรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับงาน Outdoor โดยเฉพาะ
เครื่องวัดระยะเลเซอร์รุ่นที่ออกแบบมาสำหรับใช้ภายใน เช่น งานตกแต่งภายใน วัดผนัง วัดฝ้าเพดาน ซึ่งไม่ต้องสู้กับแสงมากนัก แต่ถ้าเอาไปใช้กลางแจ้งจะวัดได้ไม่แม่น หรือใช้ไม่ได้เลย
เครื่องที่เหมาะกับงานภายนอกควรจะมี:
- กำลังแสงเลเซอร์สูง (เช่น Class 2 หรือ 3R)
- หน้าจอแสดงผลแบบ High Visibility หรือมองเห็นแม้ในที่สว่าง
- โหมด Outdoor หรือ Long Range Mode
- ตัวรับสัญญาณ (Receiver) เพื่อใช้งานกับไม้ Staff หรือเป้าเล็ง
2. มีระบบเซนเซอร์จับแสงอัตโนมัติ หรือโหมดปรับค่าการใช้งานกลางแจ้ง
เลือกเครื่องวัดระยะเลเซอร์ที่สามารถปรับระดับพลังงานเลเซอร์ หรือปรับค่าความไวของเซนเซอร์ให้เหมาะกับการใช้งานนอกอาคารได้ด้วย เช่น ปรับระยะเล็งให้แม่นยำขึ้นในระยะไกล หรือเพิ่มความถี่ของการวัดเพื่อให้แม่นยำแม้ในสภาพลมแรง นอกจากนี้เครื่องวัดระยะเลเซอร์บางรุ่นอาจมีโหมดปรับอัตโนมัติเพื่อให้เข้ากับแสงแดดจ้า หรือสามารถเลือกให้เครื่องวัดหลายครั้ง และเฉลี่ยค่าให้อัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดความคลาดเคลื่อนจากสิ่งแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้
ตัวอย่างฟังก์ชันที่ควรมองหา:
- โหมด “Outdoor” สำหรับการใช้งานกลางแจ้ง
- ฟีเจอร์ปรับพลังงานเลเซอร์อัตโนมัติตามระดับแสง
- ระบบวัดหลายครั้งและคำนวณค่าเฉลี่ยอัตโนมัติ
- การตั้งค่าความไวของเซนเซอร์ในพื้นที่ที่มีการสั่นหรือมีลมแรง
- ความสามารถในการจับค่าระยะได้อย่างต่อเนื่องในขณะเล็งเป้าหมาย
3. เลือกเครื่องวัดระยะเลเซอร์ที่มีฟังก์ชัน Bluetooth หรือ GPS
อันนี้อาจไม่ได้เกียวกับประสิทธิภาพการวัดโดยตรงนะครับ แต่สำหรับงานก่อสร้างใหญ่ ๆ หรือการสำรวจพื้นที่กลางแจ้ง การที่เครื่องวัดระยะเลเซอร์สามารถเชื่อมต่อกับแอปมือถือ หรือ GPS ได้ ถือเป็นข้อดีมาก เพราะมันช่วยให้การจัดการข้อมูลสะดวกและแม่นยำขึ้น เช่น สามารถอัปเดตข้อมูลระยะทางแบบเรียลไทม์ แชร์เข้าโปรเจกต์ในแอพพลิเคชั่น หรือส่งกลับสำนักงานโดยไม่ต้องจำหรือจดใส่กระดาษเลย ลดความผิดพลาด และประหยัดเวลาไปได้เยอะครับ
ข้อดีของฟังก์ชันเชื่อมต่อในเครื่องวัดระยะเลเซอร์:
- แชร์ข้อมูลระยะแบบเรียลไทม์กับทีมก่อสร้าง หรือวิศวกรในไซต์อื่นได้ทันที
- บันทึกค่าระยะทางลงในแอปเพื่อวิเคราะห์ และจัดทำแบบแปลนต่อได้โดยไม่ต้องถ่ายรูป หรือจดมือ
- เชื่อมต่อกับ GPS เพื่อแนบพิกัดตำแหน่งของจุดวัดได้อัตโนมัติ เหมาะกับงานสำรวจพื้นที่กว้าง
- ลดความผิดพลาดจากการจดบันทึกด้วยมือ และเพิ่มความรวดเร็วในการจัดเก็บข้อมูล
วิธีการใช้งาน เครื่องวัดระยะเลเซอร์ ให้ได้ผลจริงนอกอาคาร
นอกจากการเลือกเครื่องวัดระยะเลเซอร์ที่เหมาะสมแล้ว ยังมีเทคนิคอีกหลายอย่าง ซึ่งสามารถช่วยให้คุณวัดได้แม่นขึ้น ใช้เวลาน้อยลง และไม่ต้องเสียแรงซ้ำหลายรอบ เทคนิคเล็ก ๆ เหล่านี้อาจดูเหมือนไม่สำคัญในตอนแรก แต่ก็ผลกับผลลัพธ์ของการวัดอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องทำงานแข่งกับเวลา หรือมีปัจจัยแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้
การวัดกลางแจ้งให้แม่นยำ
การวัดพื้นที่นอกอาคารหรือกลางแจ้ง ไม่ใช่แค่เรื่องของระยะทางอย่างเดียวนะครับ แต่ยังมีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลต่อความแม่นยำในการวัด เช่น แสงแดด ลม ฝุ่น หรือแม้แต่ความเอียงของพื้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้การใช้งานเครื่องวัดระยะเลเซอร์นอกอาคารกลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้ และความเข้าใจพอสมควรครับ
เพราะฉะนั้น ถ้าใครจะเอาเครื่องวัดระยะเลเซอร์ไปวัดรั้ว วัดสนาม วัดพื้นที่เพื่อวางผังบ้าน หรือวัดแนวท่อแนวสายไฟนอกอาคาร การเตรียมตัวให้ถูกต้องจะช่วยให้การวัดแม่นยำ ไม่ต้องเสียเวลาวัดซ้ำ และลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดที่จะส่งผลกับขั้นตอนต่อไปได้มากครับ
- ใช้เป้าเล็งสะท้อนแสง: เป้าพวกนี้มักจะเป็นสีแดง หรือสะท้อนแสงเล็กน้อย เพื่อให้เลเซอร์สะท้อนกลับได้แม้อยู่ในในที่แสงแดดจ้า
- ใช้ขาตั้ง(Tripod): ลดการสั่น และช่วยวัดจุดเดิมซ้ำได้แม่นยำขึ้น
- เล็งจากจุดต่ำมองขึ้น ไม่ใช่จุดสูงมองลง: เพื่อให้ระยะ และมุมของเลเซอร์ตรง
- วัดหลายครั้ง แล้วหาค่าเฉลี่ย: โดยเฉพาะถ้าพื้นที่นั้นลมแรง หรือมีฝุ่นเยอะ
ตรวจเช็คสภาพอุปกรณ์ก่อนใช้งาน
การตรวจสอบเครื่องวัดระยะเลเซอร์ก่อนเริ่มใช้งานเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามครับ และเป็นขั้นตอนสำคัญมาก เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของความแม่นยำในการวัดเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและอายุการใช้งานของเครื่องด้วย
- เช็คว่าแบตเตอรี่เพียงพอ
- เช็คว่าเลนส์เลเซอร์มีฝุ่น คราบสกปรก หรือเปล่า
- เช็คว่าตัวเครื่องมีร่องรอยการกระแทก หรือไม่
- เช็คว่าจุดเลเซอร์ตรง หรือเบี้ยวไปจากแนวกลาง
- ใช้เครื่องวัดระยะเลเซอร์ในพื้นที่ที่อุณหภูมิไม่เกินขอบเขตที่เครื่องรองรับ
สถานการณ์ตัวอย่างที่ควรพิจารณาให้มากก่อนกดวัด
บางสถานการณ์ที่เราเห็นว่า ไม่น่าจะมีผล กลับกลายเป็นจุดที่ใช้เครื่องวัดระยะเลเซอร์พลาดได้บ่อยมากครับ เช่น:
- การวัดใกล้พื้นผิวมันเงา เช่น เหล็กผิวเรียบ หรือกระจก: เลเซอร์อาจไม่สะท้อนกลับเข้าเซนเซอร์ได้ดี
- พื้นที่ลาดเอียงมาก: ถ้าวัดจากจุดสูงไปต่ำ หรือมุมไม่ตรง จะได้ค่าผิดเพี้ยน
- พื้นเปียกหรือมีน้ำขัง: เลเซอร์สะท้อนกับน้ำ แล้วกระจาย ทำให้เกิดค่าที่ไม่แม่น
กรณีเหล่านี้ควรเล็งเลเซอร์ไปที่วัสดุที่มีผิวด้าน หรือใช้แผ่นรองสะท้อนร่วมด้วยครับ
ฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้งานวัดกลางแจ้งง่ายขึ้น
เครื่องวัดระยะเลเซอร์รุ่นใหม่ ๆ สมัยนี้ไม่ได้มีดีแค่ยิงเลเซอร์ตรง ๆ อย่างเดียวครับ มันยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้การวัดกลางแจ้งแม่นยำขึ้น และสะดวกขึ้นด้วย ทำให้แทบไม่ต้องพึ่งพาอะไรเพิ่มเติมเลยครับ ถ้าคุณเลือกเครื่องที่เหมาะกับงานกลางแจ้งจริง ๆ คุณจะสามารถวัดได้แม่น และเร็ว โดยไม่ต้องวัดซ้ำบ่อย ๆ ให้เสียเวลา
1. ฟังก์ชัน Tilt Sensor หรือ Inclinometer
ช่วยวัดองศาการเอียงของเครื่องวัดระยะเลเซอร์ ทำให้รู้ว่ากำลังวัดอยู่ในแนวตรงหรือเอียงไปทางไหนบ้าง ป้องกันความคลาดเคลื่อนจากการวัดไม่ตรงแนว และยังช่วยให้สามารถวางตำแหน่งเครื่องได้แม่นยำแม้ในพื้นที่ลาดเอียง หรือไม่เสมอกัน เช่น บนพื้นสนามหรือพื้นหญ้า
- ตั้งเครื่องบนขาตั้งกล้องเพื่อลดความสั่น และเพิ่มความเสถียร
- เปิดหน้าจอแสดงค่ามุมเพื่อปรับแนวเครื่องให้ตรงก่อนเริ่มวัด
- ใช้ฟังก์ชันล็อกองศา เพื่อให้ได้มุมวัดที่แม่นยำสม่ำเสมอในหลายจุด
2. ฟังก์ชัน Area/Volume Calculation
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องวัดพื้นที่หรือปริมาตรดิน หรือฐานราก โดยไม่ต้องจดหลายจุด แล้วคำนวณเองให้ยุ่งยาก เพราะเครื่องวัดระยะเลเซอร์สามารถวัดค่าได้ต่อเนื่อง และคำนวณผลให้ทันที ทำให้ลดข้อผิดพลาดจากการจดผิด หรือคำนวณผิดแบบเดิม ๆ ได้มาก นอกจากนี้ยังสามารถเลือกหน่วยที่ต้องการวัดได้ทั้งตารางเมตร ลูกบาศก์เมตร หรือระยะเฉพาะจุด เช่น ความยาวฐาน ความสูงแนวเสา หรือขนาดหลุมเจาะ ได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ
- วัดได้ต่อเนื่องในจุดที่มีความลึก หรือความลาดเอียง
- คำนวณพื้นที่ หรือปริมาตรให้อัตโนมัติจากค่าที่วัด
- บันทึกผลได้ในตัวเครื่อง หรือต่อเข้ามือถือผ่านแอป
- ช่วยวัดระยะในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก เช่น คูน้ำ ฐานราก หรือแนวเอียง
- ลดเวลาในการวัด-จด-คำนวณ และลดความผิดพลาดในการตีเส้น
3. การบันทึกข้อมูลอัตโนมัติ
สามารถเก็บค่าที่วัดแต่ละครั้งไว้ในหน่วยความจำภายในเครื่อง พร้อมฟังก์ชันส่งข้อมูลเข้าแอปพลิเคชันได้ทันทีผ่าน Bluetooth หรือ Wi-Fi ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องใช้วิธีจำ หรือจดบันทึกลงกระดาษ ทั้งยังช่วยลดข้อผิดพลาดจากการจดผิด หรืออ่านค่าผิดในภายหลัง นอกจากนี้ยังสามารถแนบข้อมูลตำแหน่งจาก GPS หรือแนบรูปภาพจากหน้างานเพื่ออ้างอิงจุดวัดได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
- ไม่ต้องจดตัวเลขด้วยมือ ลดโอกาสผิดพลาด
- ส่งข้อมูลเข้าแอปได้แบบเรียลไทม์
- เรียกดูข้อมูลย้อนหลังได้ตลอดเวลา
- แนบข้อมูลตำแหน่ง หรือรูปถ่ายประกอบได้สะดวก
- เพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบ และทำรายงาน
สรุป: ใช้ เครื่องวัดระยะเลเซอร์ กลางแจ้ง ให้ถูกต้อง
ถ้าคุณจะใช้ เครื่องวัดระยะเลเซอร์กับงานภายนอกอาคาร อย่าคิดแค่ว่าเครื่องมีเลเซอร์แล้วยิงได้ก็พอนะครับ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การเลือกเครื่องวัดให้เหมาะกับงาน และการใช้ให้ถูกวิธี
แต่ถ้าคุณมีความเข้าใจเรื่องสภาพแสง การเลือกอุปกรณ์เสริม และการใช้ฟังก์ชันให้เหมาะกับหน้างาน เครื่องวัดระยะเลเซอร์ จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และช่วยให้คุณประหยัดแรง ประหยัดเวลา ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำในทุกจุดที่ต้องการวัดแน่นอนครับ