Customers Also Purchased
รอกไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้งานยกและเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักมากทำได้ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นในโรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้า หรือตามไซต์งานต่างๆ รอกไฟฟ้าช่วยประหยัดแรงงาน เพิ่มความรวดเร็ว และลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บได้อย่างมาก
แต่ถึงรอกไฟฟ้าจะดูแข็งแรงมากแค่ไหน ก็ยังมีโอกาสเกิดปัญหาได้เหมือนกัน เช่น รอกค้าง โซ่หรือสลิงติด ทำให้ใช้งานต่อไม่ได้ บางครั้งแค่ของค้างอยู่กลางอากาศ งานก็สะดุดกันทั้งระบบแล้ว
ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปดูว่าอาการพวกนี้เกิดจากอะไรได้บ้าง และมีวิธีเช็กเบื้องต้นแบบง่าย ๆ อย่างไรที่คุณทำได้เอง เพื่อให้รอกไฟฟ้ากลับมาทำงานได้ไว ไม่ต้องเสียเวลารอช่างเสมอไป และที่สำคัญ — ทำให้งานปลอดภัยขึ้นด้วย
"รอกไฟฟ้า" คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญ?
รอกไฟฟ้า คืออุปกรณ์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนชุดเกียร์และเฟือง เพื่อยกหรือลดสิ่งของที่มีน้ำหนักมากผ่านทางโซ่ยกหรือสลิง
โครงสร้างหลักของ รอกไฟฟ้า โดยทั่วไปประกอบด้วย
- มอเตอร์ไฟฟ้า: ทำหน้าที่สร้างกำลังขับเคลื่อน
- ชุดเกียร์: สำหรับทดกำลังและควบคุมความเร็ว
- โซ่ยก/สลิง (Load Chain/Wire Rope): ส่วนที่ใช้ผูกหรือเกี่ยวสิ่งของ
- ตะขอ (Hook): สำหรับเกี่ยวสิ่งของ
- ระบบควบคุม (Control System): ปุ่มกดสำหรับสั่งการยก/ลด
- ระบบความปลอดภัย (Safety System): เช่น ระบบป้องกันการยกเกินพิกัด (Overload Protection) และสวิตช์จำกัดระยะ (Limit Switch)
รอกไฟฟ้า มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพงานยก ลดการใช้แรงงานคน และเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการสิ่งของที่มีน้ำหนักมากในอุตสาหกรรมต่างๆ
ปัญหาพบบ่อย: "รอกไฟฟ้า" ค้าง? โซ่/สลิงติด? และวิธีแก้ไขเบื้องต้น
เมื่อ รอกไฟฟ้า ของท่านเกิดปัญหาการทำงานผิดปกติ ลองตรวจสอบและแก้ไขตามแนวทางเหล่านี้ก่อนที่จะเรียกช่างค่ะ
1. ปัญหา: รอกค้าง/ไม่ทำงานเลย (Hoist is Stuck/Not Operating at All)
หาก รอกไฟฟ้า ไม่ตอบสนองคำสั่งเลยเมื่อท่านกดปุ่ม อาจมีสาเหตุมาจากระบบไฟฟ้าหรือระบบความปลอดภัยค่ะ
สาเหตุที่ 1.1: ปัญหาไฟฟ้า หรือไม่มีไฟเลี้ยง
- ลักษณะปัญหา: กดปุ่มแล้วเครื่องเงียบสนิท ไม่มีเสียงมอเตอร์ หรือไม่มีไฟแสดงสถานะ
- สิ่งที่ต้องตรวจสอบ:
- ปลั๊กไฟ: ตรวจสอบว่าปลั๊กเสียบแน่นดีหรือไม่ อาจหลวมหรือหลุด
- เบรกเกอร์/ฟิวส์: ตรวจสอบตู้ควบคุมไฟฟ้า หรือแผงเบรกเกอร์หลัก ว่าเบรกเกอร์ของวงจรที่จ่ายไฟให้รอกนั้น "ทริป" (สับลง) อยู่หรือไม่ หรือฟิวส์ขาด (สำหรับรอกที่ใช้ฟิวส์)
- แหล่งจ่ายไฟ: สำหรับรอกไฟฟ้า 3 เฟส ลองตรวจสอบว่ามีเฟสใดเฟสหนึ่งขาดหายไปหรือไม่ (Phase Loss) เพราะมอเตอร์จะไม่สามารถทำงานได้ - วิธีแก้ไขเบื้องต้น:
- เสียบปลั๊กให้แน่น
- หากเบรกเกอร์ทริป ให้ลองสับเบรกเกอร์ขึ้นใหม่ (แต่หากทริปซ้ำทันที อาจมีปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร หรือโอเวอร์โหลด ควรเรียกช่าง)
- หากสงสัยเรื่องเฟสขาด หรือปัญหาแรงดันไฟฟ้า ควรปรึกษาช่างไฟฟ้า
สาเหตุที่ 1.2: การใช้งานเกินพิกัด (Overload Protection Trip)
- ลักษณะปัญหา: รอกอาจทำงานได้เล็กน้อยแล้วหยุด หรือไม่ทำงานเลยเมื่อพยายามยกของหนักเกินกว่าพิกัดที่กำหนด
- สิ่งที่ต้องตรวจสอบ: รอกไฟฟ้า ส่วนใหญ่มีระบบป้องกันการยกเกินพิกัด (Overload Protection) เพื่อป้องกันความเสียหายของมอเตอร์และโครงสร้าง หากยกของหนักเกินไป ระบบจะสั่งหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติ
- วิธีแก้ไขเบื้องต้น:
- ลดน้ำหนักของสิ่งของที่กำลังยก ให้เบากว่าพิกัดสูงสุดที่รอกรับได้
- รอกบางรุ่นจะรีเซ็ตอัตโนมัติเมื่อลดน้ำหนักออก บางรุ่นอาจมีปุ่มรีเซ็ตให้กด หรือต้องรอให้มอเตอร์เย็นลงก่อนจึงจะทำงานได้ใหม่ (อ้างอิงคู่มือ)
- หากยังคงยกของหนักเกินพิกัดบ่อยครั้ง รอกอาจเสียหายได้ในระยะยาว
สาเหตุที่ 1.3: สวิตช์ฉุกเฉินถูกกด (Emergency Stop Engaged)
- ลักษณะปัญหา: ปุ่มกดฉุกเฉิน (Emergency Stop Button) ที่เป็นปุ่มกลมสีแดงขนาดใหญ่มักจะถูกกดค้างไว้ ทำให้รอกไม่ทำงานเลย
- สิ่งที่ต้องตรวจสอบ: ตรวจสอบว่าปุ่มกดฉุกเฉินบนแผงควบคุม หรือบนตัวรอก ถูกกดค้างอยู่หรือไม่
- วิธีแก้ไขเบื้องต้น: หมุนหรือดึงปุ่มกดฉุกเฉิน (แล้วแต่ชนิดของปุ่ม) เพื่อปลดล็อกให้ปุ่มเด้งกลับมาในตำแหน่งปกติ รอกก็จะสามารถทำงานได้
สาเหตุที่ 1.4: สวิตช์จำกัดระยะ (Limit Switch Trip)
- ลักษณะปัญหา: รอกจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อตะขอถูกยกขึ้นสุดระยะ หรือลงสุดระยะที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้โซ่/สลิงหลุด หรือรอกชนเพดาน
- สิ่งที่ต้องตรวจสอบ: ดูว่าตะขอเกี่ยวสิ่งของยกขึ้นไปชนสวิตช์จำกัดระยะสูงสุด หรือลงมาจนสุดระยะต่ำสุดแล้วหรือไม่
- วิธีแก้ไขเบื้องต้น: หากตะขอชน Limit Switch ให้ลองกดปุ่มสั่งการในทิศทางตรงกันข้าม (เช่น ถ้าชน Limit Switch ด้านบน ก็กดปุ่มสั่งให้รอก "ลง") รอกก็จะสามารถเคลื่อนที่กลับมาได้
2. ปัญหา: โซ่/สลิงติดขัด หรือไม่ยอมเคลื่อนที่ (Chain/Wire Rope Jamming)
หาก รอกไฟฟ้า ทำงานได้แต่โซ่หรือสลิงไม่ยอมเคลื่อนที่ หรือเคลื่อนที่ติดขัด มีสาเหตุมาจากปัญหาที่ตัวโซ่หรือสลิงเองค่ะ
สาเหตุที่ 2.1: โซ่/สลิงพันกัน หรือบิดเกลียว
- ลักษณะปัญหา: โซ่ยกอาจพันกันยุ่งเหยิง หรือสลิงอาจบิดเกลียวไม่เป็นระเบียบ ทำให้ไม่สามารถเข้าสู่ร่องเฟืองหรือแกนเก็บสลิงได้
- สิ่งที่ต้องตรวจสอบ: สังเกตสภาพของโซ่หรือสลิงว่ามีการพันกัน บิดเกลียว หรือจัดเรียงตัวผิดปกติหรือไม่
- วิธีแก้ไขเบื้องต้น:
- ลดน้ำหนักของสิ่งของออก (ถ้ากำลังยกอยู่) เพื่อลดความตึง
- ค่อยๆ คลายโซ่หรือสลิงที่พันกันให้เรียบร้อย (หากสามารถทำได้ด้วยความปลอดภัย)
- บางครั้งการยก/ลดเล็กน้อยสลับกัน อาจช่วยให้โซ่เข้าที่
- หลีกเลี่ยงการยก/ลดสิ่งของในแนวเฉียง หรือการปล่อยให้โซ่/สลิงหย่อนเกินไป เพราะอาจทำให้พันกันได้ง่าย
สาเหตุที่ 2.2: โซ่/สลิงไปติดขัดกับสิ่งกีดขวาง
- ลักษณะปัญหา: โซ่หรือสลิงอาจไปเกี่ยวกับโครงสร้าง สิ่งของ หรือชิ้นส่วนอื่นที่ไม่ตั้งใจ
- สิ่งที่ต้องตรวจสอบ: ตรวจสอบเส้นทางของโซ่/สลิงทั้งหมด ว่ามีสิ่งกีดขวางใดๆ ที่กำลังขัดขวางการเคลื่อนที่หรือไม่ รวมถึงตรวจสอบว่าตะขอเกี่ยวติดอยู่กับอะไรหรือไม่
- วิธีแก้ไขเบื้องต้น: ปลดสิ่งกีดขวางออกอย่างระมัดระวัง และตรวจสอบว่าโซ่/สลิงสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ
สาเหตุที่ 2.3: โซ่/สลิงตกจากร่องเฟือง หรือหลุดจากแกนเก็บ
- ลักษณะปัญหา: โซ่อาจหลุดออกจากร่องของเฟืองขับ หรือสลิงหลุดออกจากแกนหมุนเก็บสลิง ทำให้ไม่สามารถส่งแรงยกได้
- สิ่งที่ต้องตรวจสอบ: สังเกตว่าโซ่ยังคงอยู่ในร่องเฟือง หรือสลิงยังพันเก็บอยู่บนแกนอย่างถูกต้องหรือไม่
- วิธีแก้ไขเบื้องต้น (หากเห็นได้ชัดและปลอดภัย): หากโซ่เพิ่งตกจากร่องเฟืองเพียงเล็กน้อย หรือสลิงหลุดออกมาไม่มาก ลองใช้มือจัดให้เข้าที่อย่างระมัดระวัง (โดยต้องแน่ใจว่ารอกถูกตัดกระแสไฟฟ้าแล้ว) จากนั้นลองใช้งานใหม่
- ข้อควรระวัง: หากโซ่ตกอย่างรุนแรง หรือสลิงหลุดจากแกนจนพันยุ่งเหยิงภายใน ควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการแก้ไข เพื่อความปลอดภัย
สาเหตุที่ 2.4: การสึกหรอของโซ่/สลิง
- ลักษณะปัญหา: โซ่อาจยืดตัว บิดงอ มีรอยแตก หรือสลิงมีเส้นลวดขาด ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น หรือประสิทธิภาพในการยึดเกาะลดลง
- สิ่งที่ต้องตรวจสอบ: ตรวจสอบสภาพของโซ่/สลิงอย่างละเอียดว่ามีร่องรอยการสึกหรอ เสียหาย หรือเสื่อมสภาพหรือไม่
- วิธีแก้ไข: หากพบว่าโซ่หรือสลิงมีการสึกหรอ เสียหาย หรือเสื่อมสภาพ ควร เปลี่ยนใหม่ทันที การฝืนใช้งานต่ออันตรายมากๆ ค่ะ กรณีนี้ต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดำเนินการเปลี่ยน
ข้อควรจำก่อนลงมือแก้ปัญหาด้วยตนเอง (เพื่อความปลอดภัยสูงสุด)
ก่อนที่ท่านจะลงมือตรวจสอบหรือแก้ไขปัญหา รอกไฟฟ้า ด้วยตนเอง ควรปฏิบัติตามข้อควรจำเหล่านี้อย่างเคร่งครัดค่ะ
- ความปลอดภัยต้องมาก่อน: ตัดกระแสไฟฟ้าเสมอ! ก่อนการตรวจสอบหรือลงมือแก้ไขปัญหาใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวรอกหรือระบบไฟฟ้า ท่านต้องตัดกระแสไฟฟ้าที่จ่ายให้กับรอกออกทั้งหมดเสมอ โดยการดึงปลั๊กไฟออก หรือสับเบรกเกอร์ลง เพื่อป้องกันไฟฟ้าดูดหรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
- อ้างอิงคู่มือผู้ใช้งาน: รอกไฟฟ้า แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ มีคู่มือการใช้งานและคำแนะนำในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่แตกต่างกัน ท่านควรอ่านคู่มือของรอกที่ท่านมีอย่างละเอียดก่อนลงมือทำ
- อย่าฝืนหรือใช้แรง: หากรอกติดขัด หรือไม่ทำงาน อย่าพยายามฝืนกดปุ่มควบคุมซ้ำๆ หรือใช้แรงงัดแงะ เพราะอาจทำให้รอกเสียหายหนักขึ้น หรือเกิดอันตรายได้
- รู้จักขีดจำกัดของตนเอง: หากท่านไม่มั่นใจในสาเหตุของปัญหา ไม่แน่ใจว่าจะแก้ไขได้ถูกต้อง หรือปัญหาที่พบเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าภายใน มอเตอร์ หรือชิ้นส่วนสำคัญที่ซับซ้อน ควรหยุดและเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดำเนินการทันที เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
โปรดจำไว้ว่าการแก้ปัญหาเบื้องต้นนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการใช้งาน รอกไฟฟ้า อย่างถูกวิธีและปลอดภัยเท่านั้น ท่านสามารถศึกษาหลักปฏิบัติที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นได้จากบทความเรื่อง 'สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการใช้รอกไฟฟ้า' เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการปฏิบัติงานของท่าน
เมื่อไหร่ที่ต้องเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญ?
แม้ปัญหาบางอย่างจะแก้ไขได้ด้วยตนเอง แต่สำหรับบางกรณี การเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญคือทางออกที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดค่ะ
- ปัญหาไฟฟ้าซับซ้อน: เช่น มอเตอร์ไม่ทำงานเลยแม้ไฟเข้าปกติ, มีกลิ่นไหม้, หรือไฟฟ้าลัดวงจรบ่อยครั้ง
- ปัญหาเชิงกลไกภายใน: เช่น เสียงดังผิดปกติจากชุดเกียร์, รอกเคลื่อนที่กระตุกอย่างรุนแรง, หรือชุดเฟืองเสียหาย
- ชิ้นส่วนสำคัญชำรุด: เช่น โซ่ยก/สลิงมีรอยแตกหรือยืดตัว, ตะขอเกี่ยวบิดงอหรือร้าว
- ปัญหาต่อเนื่อง: หากแก้ไขเบื้องต้นแล้วปัญหายังคงอยู่ หรือเกิดซ้ำๆ บ่อยครั้ง
"รอกไฟฟ้า" ใช้งานได้อย่างราบรื่น ด้วยการแก้ไขที่รวดเร็วและถูกต้อง
ปัญหา "รอกไฟฟ้า" ค้าง? โซ่/สลิงติด? เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ค่ะ แต่ด้วยความเข้าใจในหลักการทำงาน และการรู้จักสังเกตสัญญาณผิดปกติ รวมถึงการทราบวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่ถูกต้องและปลอดภัย จะช่วยให้สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว
การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุอย่างทันท่วงที ไม่เพียงช่วยให้งานของท่านไม่สะดุดและดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้นนะคะ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของ รอกไฟฟ้า และที่สำคัญที่สุดคือช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการปฏิบัติงานค่ะ