Customers Also Purchased
กรรไกร ในงานช่างไม่ใช่ของเล่นนะครับ ถึงแม้หน้าตาจะดูธรรมดาเหมือน กรรไกร ตัดกระดาษที่เราใช้กันทั่วไป แต่ในโลกของช่างแล้ว กรรไกร มีหน้าที่ที่หนักหนาสาหัสกว่านั้นมาก ไม่ว่าจะเป็นการตัดแผ่นโลหะ ตัดสังกะสี ตัดท่อพีวีซี หรือแม้กระทั่งตัดสายไฟแรงสูง ถ้าเลือกผิด หรือใช้งานไม่ถูกวิธี งานที่ตั้งใจไว้ก็อาจพังไม่เป็นท่า แถมยังเสี่ยงอันตรายต่อผู้ใช้งานอีกต่างหาก

1. ใช้งาน กรรไกร ผิดประเภท
- กรรไกรตัดแผ่นโลหะ (tin snips) จะเหมาะกับการตัดสังกะสีหรือแผ่นเหล็กบาง ๆ แบบที่เราใช้ทำหลังคาหรือรางน้ำอะครับ ตัว กรรไกร มักจะมีรูปทรงโค้งเล็กน้อยเพื่อช่วยให้ตัดโค้งได้ง่าย ใครที่ต้องทำงานกับวัสดุพวกนี้บ่อย ๆ ถือว่าเป็นไอเทมที่ควรมีติดกล่องเครื่องมือเลย
- กรรไกรตัดสายไฟจะออกแบบมาให้คมพอที่จะตัดฉนวนได้อย่างเรียบร้อย แต่จะไม่แหลมปลายเหมือน กรรไกร ทั่วไป เพราะถ้าแหลมไปอาจเผลอไปบาดสายทองแดงด้านใน หรือมือเราเองก็ได้ เรียกได้ว่าออกแบบมาให้ปลอดภัยกับทั้งสายไฟและคนใช้เลยครับ
- กรรไกรตัดท่อพีวีซีจะมีความหนาและแข็งแรงมาก เพราะต้องรับมือกับท่อที่แข็งและหนากว่าพลาสติกทั่วไป ถ้าเราเอา กรรไกร ธรรมดาไปตัด รับรองว่าได้ปวดมือแน่นอนครับ บางรุ่นจะมีระบบสปริงช่วยออกแรง หรือมีด้ามจับใหญ่เพื่อให้เราบีบได้ถนัดขึ้น ใครที่ชอบงานประปา งานเดินท่อเล็ก ๆ ในบ้าน มีติดไว้สักตัวจะสะดวกขึ้นเยอะเลย
2. ไม่ตรวจสอบความคมก่อนใช้งาน
- หมั่นตรวจสอบใบมีด กรรไกร เป็นประจำนะครับ ลองหยิบขึ้นมาดูสักนิดก่อนเริ่มงาน ไม่เสียเวลาแน่นอน
- ถ้าใช้งานบ่อยก็ลับ กรรไกร บ้างครับ จะได้ตัดได้ลื่น ไม่ต้องออกแรงเยอะ
- แต่ถ้าเป็น กรรไกร ที่ใช้ในงานหนักมาก ๆ แนะนำให้เอาไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญลับให้จะดีกว่า ปลอดภัยกว่าแน่นอน ไม่ต้องเสี่ยงใบมีดเสียจากการลับผิดวิธีครับ
3. ไม่ใส่ถุงมือขณะใช้งาน
ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอ ในงานช่าง โดยเฉพาะเวลาตัดวัสดุอย่างโลหะหรือพลาสติกแข็ง ๆ เนี่ย มันมีโอกาสสูงมากที่เศษจะกระเด็นใส่มือ หรือขอบคม ๆ จะมาบาดเอาได้ง่าย ๆ เลยครับ ถ้าใครเคยเจอมาก่อนจะรู้เลยว่าแสบแค่ไหน เพราะฉะนั้นแค่ใส่ถุงมือก็ช่วยเซฟเราได้เยอะจริง ๆ ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด
- ใช้ถุงมือกันบาดหรือถุงมือช่างทุกครั้งนะครับ อย่างน้อยก็ช่วยลดโอกาสบาดเจ็บจากของมีคมไปได้เยอะเลย
- ถ้างานไหนต้องใช้ความแม่นยำ เช่น งานตัดละเอียด งานเดินสายไฟ ควรเลือกถุงมือที่บางหน่อย จะได้ยังจับเครื่องมือถนัดมือ ไม่รู้สึกเทอะทะเกินไป
4. ใช้งาน กรรไกร ราคาถูกไม่มีคุณภาพ
กรรไกรไม่ดี = งานเสีย + อันตรายแฝง กรรไกร ที่ผลิตจากวัสดุไม่ดี บางทีก็เจอปัญหาแบบว่าใช้ไปแป๊บเดียวบิดงอซะแล้ว บางรุ่นใบมีดก็ไม่คมตั้งแต่แรก หรือแค่เจอความชื้นนิดเดียวก็ขึ้นสนิมให้เห็นเร็วมาก แบบนี้นอกจากจะทำให้ใช้งานลำบากแล้ว ยังเสี่ยงอันตรายอีกด้วยครับ เพราะอุปกรณ์ที่พังง่ายก็ควบคุมยาก งานก็ออกมาไม่เนี๊ยบ แถมเราเองก็ต้องระวังตัวมากขึ้น
- เลือกซื้อ กรรไกร จากแบรนด์ที่เชื่อถือได้ เช่น KNIPEX, Milwaukee, IRWIN ฯลฯ เพราะแบรนด์เหล่านี้เค้าทำเครื่องมือช่างมานาน มีมาตรฐานที่ไว้ใจได้ ไม่ต้องกลัวว่าใช้ไปแป๊บเดียวจะพังครับ
- ลองดูรีวิวจากคนใช้งานจริงก็ช่วยได้เยอะเลยครับ อย่างน้อยก็พอเห็นภาพว่าดีจริงหรือแค่โฆษณา
- แล้วก็อย่าลืมดูเรื่องวัสดุด้วยนะครับ แนะนำให้เลือกที่ทำจากสแตนเลสเกรดดี หรือเหล็กกล้าคาร์บอน เพราะนอกจากจะแข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้ใช้งานได้นาน ไม่ขึ้นสนิมง่ายด้วย
5. ใช้ผิดองศาการตัด
ไม่ใช่แค่คม แต่ท่าทางต้องถูก การตัดโดยไม่ยึดวัสดุให้มั่นคง หรือจับ กรรไกร ในมุมที่ไม่ถนัด บางทีมันจะรู้สึกฝืน ๆ ไปหมดครับ แถมวัสดุก็มีโอกาสบิดหรือเบี้ยวได้ง่าย ยิ่งถ้าท่าจับไม่ดี มืออาจหลุดหรือ กรรไกร กระเด้งออกมาได้แบบไม่ทันตั้งตัว เพราะฉะนั้นก่อนตัด ลองเช็กมุม เช็กท่าให้พร้อม จะได้ไม่ต้องมาตัดซ้ำให้เหนื่อยครับ
- ใช้แท่นจับหรือ clamp ยึดวัสดุไว้ก่อนตัดจะช่วยให้วัสดุไม่ลื่นหรือขยับไปมา เพราะถ้ามันขยับระหว่างตัดขึ้นมานี่ งานอาจเบี้ยวได้แบบไม่รู้ตัวเลยครับ
- เวลาวางมือก็ควรเลือกท่าที่สบาย ๆ หน่อย อย่าเกร็งมากจนเมื่อย เพราะยิ่งสบายมือ เราก็จะควบคุมแรงได้ดี ตัดได้แม่นขึ้นด้วย
- ลองฝึกจับมุมมือให้ชินกับงานแต่ละประเภทดูนะครับ อย่างบางงานต้องตัดเฉียง บางงานต้องตัดตรง มุมมือนี่แหละเป็นตัวช่วยให้ตัดได้เป๊ะขึ้นเยอะเลย
6. ใช้งาน กรรไกร ตัดของแข็งเกินไป
ฝืนตัด = หักพังเร็ว แม้ กรรไกร บางรุ่นจะเขียนว่า “heavy-duty” แต่จริง ๆ แล้วมันก็มีลิมิตของมันอยู่ครับ ไม่ใช่ว่าเห็นคำว่าแกร่งแล้วจะเอาไปตัดเหล็กหนา ๆ หรือท่อแข็ง ๆ ได้แบบไม่คิดเลยนะ เพราะถ้าเกินกำลังของกรรไกรจริง ๆ ล่ะก็ มีสิทธิ์พังได้ตั้งแต่ตัดครั้งแรกเลย แถมบางทีอาจทำให้ใบมีดงอ หรือหลุดกระเด็นก็ได้ แบบนี้ไม่คุ้มเสี่ยงแน่นอนครับ
- ก่อนจะหยิบ กรรไกร ขึ้นมาตัดอะไรก็ตาม อย่าลืมดูสเปคของ กรรไกร ก่อนนะครับว่าเค้าออกแบบมาให้ตัดวัสดุหนาขนาดไหน เพราะบางรุ่นก็เหมาะกับงานเบา ๆ ถ้าเอาไปตัดของแข็งเกินไปนี่มีสิทธิ์พังได้ง่าย ๆ เลย
- แล้วก็อย่าฝืนครับ ถ้ารู้สึกว่าต้องออกแรงเยอะกว่าปกติ แสดงว่าเกินกำลังกรรไกรแล้ว แบบนี้ควรเปลี่ยนเครื่องมือให้เหมาะกับงานดีกว่า จะได้ไม่พังก่อนเวลาอันควร แถมมือเราก็ไม่เจ็บด้วย
7. ไม่ทำความสะอาดหลังใช้งาน
เศษวัสดุสะสม = สนิม + กรรไกรฝืด เศษโลหะ ฝุ่น หรือคราบน้ำมันที่ติดอยู่ในใบมีดเนี่ย ถ้าเราไม่รีบจัดการหลังใช้งาน มันจะสะสมไปเรื่อย ๆ จนทำให้ กรรไกร เริ่มฝืด ตัดไม่ลื่น แถมยังมีโอกาสขึ้นสนิมได้เร็วอีกด้วยครับ เรียกว่าพอจะหยิบมาใช้งานอีกที อาจเจอปัญหาแบบไม่ได้ตั้งตัวเลย
- ใช้ผ้าแห้งเช็ดใบมีดทุกครั้งหลังใช้งานนะครับ แค่เช็ดเบา ๆ ไม่ต้องลงแรงเยอะก็ช่วยให้เศษวัสดุไม่เกาะสะสม และยังช่วยยืดอายุการใช้งานของ กรรไกร ได้อีกเยอะเลย เหมือนเราดูแลเครื่องมือให้สะอาดพร้อมใช้งานตลอดเวลา
- ถ้ารู้ตัวว่าจะไม่ได้ใช้งาน กรรไกร ไปอีกสักพัก ลองหยดน้ำมันหล่อลื่นเคลือบไว้บาง ๆ บริเวณใบมีดดูครับ วิธีนี้ช่วยป้องกันสนิมได้ดีมาก เหมือนเราห่มผ้าให้กรรไกร ตอนนอนเลย รับรองว่าเปิดใช้งานรอบหน้าจะยังลื่นปรื๊ดเหมือนใหม่
- เก็บไว้ในที่แห้ง ๆ หน่อยนะครับ อย่าวางไว้ใกล้อ่างล้างจานหรือห้องน้ำเด็ดขาด ความชื้นนี่แหละตัวดีเลยที่จะทำให้ใบมีดขึ้นสนิมไว แนะนำให้เก็บใส่กล่องหรือแขวนไว้ในมุมที่อากาศถ่ายเทจะดีที่สุดครับ
> 10 การบำรุงรักษา กรรไกร ของคุณให้คมอยู่เสมอ
8. ไม่ตั้งใจฟังเสียงขณะตัด
กรรไกรที่เริ่มมีปัญหา มักส่งเสียงเตือน ถ้าระหว่างตัดอยู่แล้วได้ยินเสียงฝืด ๆ หรือแกร๊ก ๆ แบบแปลก ๆ หรือรู้สึกว่าใบมีดมันเสียดสีกันแรงผิดปกติ อย่าฝืนนะครับ หยุดก่อนแล้วลองเช็กดูดีกว่า เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณว่ากรรไกรเริ่มมีปัญหา ถ้ายังฝืนใช้อาจทำให้กรรไกรพังหรือบาดมือเราได้เลย
- ลองฝึกหูให้ชินกับเสียงขณะตัดดูนะครับ เพราะบางทีเสียงเบา ๆ อย่างเสียงฝืดหรือเสียงแกร๊ก ๆ ก็เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าได้เหมือนกัน
- ถ้าได้ยินเสียงแปลก ๆ แบบไม่เคยได้ยินมาก่อน แนะนำให้หยุดแล้วทำความสะอาดดูก่อน อาจมีฝุ่นหรือคราบมันเกาะอยู่ หรือสกรูบางตัวอาจคลายตัวออก
- อย่าลืมเช็กด้วยว่าตัว กรรไกร มันยังตรงอยู่ไหม บางทีถ้าใบมีดไม่เข้าศูนย์กันหรือบิดงอเล็กน้อย ก็ทำให้การตัดเพี้ยนและเสียงเปลี่ยนได้ครับ
9. ใช้มือเดียวในงานที่ต้องการแรงมาก
กรรไกร บางแบบต้องใช้สองมือ งานตัดที่ต้องใช้แรงมาก เช่น ตัดเหล็กหนา หรือตัดหลายชั้นพร้อมกัน ถ้าใช้มือเดียวเนี่ย มันจะคุมได้ยากมากเลยครับ บางทีแรงอาจไม่พอ แถมยังเสี่ยงที่ กรรไกร จะหลุดมือหรือทิศทางการตัดจะเบี้ยวไปหมด แบบนี้นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังอันตรายด้วยนะ เพราะฉะนั้นถ้าเจองานหนัก ๆ แบบนี้ ใช้สองมือไว้ก่อน ปลอดภัยกว่าเยอะเลยครับ
- ใช้กรรไกรแบบคันโยกหรือแบบมีด้ามยาวสำหรับงานหนัก จะช่วยให้เราออกแรงได้มากขึ้นโดยไม่ต้องบีบมือจนเมื่อยครับ เหมาะมากกับงานที่ต้องใช้แรงเยอะจริง ๆ
- เวลาใช้งานอย่าลืมใช้สองมือช่วยกันควบคุมด้วยนะครับ จะได้มั่นคง ไม่หลุดมือง่าย ถ้ารู้สึกว่าท่าทางไม่ถนัดก็ไม่ต้องฝืน ลองปรับระดับโต๊ะหรือลองเปลี่ยนท่าดู จะช่วยให้เราทำงานได้ลื่นขึ้นและปลอดภัยขึ้นเยอะเลย
10. ลืมตรวจสภาพ กรรไกร ก่อนใช้งานทุกครั้ง
กรรไกร ที่มีสกรูคลาย ด้ามแตก หรือใบมีดเบี้ยว บางทีมองเผิน ๆ แล้วเหมือนยังใช้ได้อยู่ แต่พอเอาเข้าจริงอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่เลยครับ เพราะมันอาจหลุดพรวดตอนกำลังตัดอยู่ หรือแรงกดไม่สม่ำเสมอจนทำให้ใบมีดดีดกลับมาได้ แบบนี้ไม่แค่ทำให้งานพัง แต่คนใช้งานก็อาจเจ็บตัวได้ง่าย ๆ เลย
- ตรวจสอบทุกจุดก่อนใช้งาน โดยเฉพาะบริเวณจุดหมุน เพราะจุดนี้แหละครับที่มักจะหลวมง่ายถ้าใช้งานบ่อย ๆ
- ถ้าเจออะไรผิดปกติ เช่น สกรูคลาย ด้ามโยก ใบมีดไม่แนบกัน อย่าฝืนนะครับ เปลี่ยนเลยดีกว่า ปลอดภัยกว่าเยอะ
- ถ้าใช้เป็นประจำทุกวัน แนะนำให้ตั้งเตือนไว้เลยครับ ตรวจสภาพ กรรไกร ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน จะได้ไม่ลืม และมั่นใจว่าเครื่องมือพร้อมใช้งานเสมอ
> กรรไกร ในงานช่างเป็นเครื่องมือที่ดูธรรมดาแต่ซ่อนความซับซ้อนในการใช้งานไว้อย่างไม่น่าเชื่อ หากใช้งานผิดพลาดเล็กน้อย ก็อาจกลายเป็นอันตรายใหญ่หลวงได้ ทั้งกับตัวผู้ใช้งานและชิ้นงานที่ทำอยู่