Customers Also Purchased
เคยไหมครับ เวลาจะซื้อ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สักเครื่อง แล้วต้องเจอกับคำว่า แรงดันเท่าไร? หรือ กี่บาร์ถึงพอ? แล้วก็เริ่มงงๆ เพราะตัวเลขมีตั้งแต่ 90 บาร์ ยัน 200 บาร์ ยิ่งอ่านสเปค ยิ่งปวดหัว ในบทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ เป็นกันเอง ว่า "แรงดัน" ที่ว่านี่คืออะไร มีผลกับการใช้งานแค่ไหน แล้วถ้าเราจะใช้แค่ล้างรถ ล้างพื้นบ้าน หรือล้างคราบตะไคร่ แรงดันเท่าไรถึงจะพอ ไม่มากไป ไม่น้อยไป และไม่ต้องเสียเงินซื้อเกินความจำเป็นครับ
แรงดันคืออะไรในโลกของ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง?
เมื่อพูดถึง เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง หลายคนอาจจะนึกถึงเสียงฉีดน้ำแรงๆ ที่ช่วยให้คราบฝังแน่นหลุดออกอย่างง่ายดาย แต่สิ่งสำคัญที่อยู่เบื้องหลังพลังของมันก็คือ แรงดันน้ำิ นั่นเองครับ แรงดัน หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Pressure คือแรงที่น้ำถูกอัดให้พุ่งออกจากหัวฉีด ยิ่งแรงดันมาก น้ำก็ยิ่งพุ่งแรงและสามารถขจัดสิ่งสกปรกได้ดีขึ้น ซึ่งแรงดันนี้เราวัดกันเป็น บาร์ (bar) และ PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) โดยทั่วไป 1 บาร์ จะเท่ากับประมาณ 14.5 PSI
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆเช่น เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ของคุณมีแรงดัน 100 บาร์ ก็เท่ากับประมาณ 1,450 PSI ซึ่งถือว่าแรงพอสำหรับงานบ้านทั่วไป ไม่ว่าจะล้างพื้นโรงรถ ล้างรั้ว หรือแม้แต่ล้างรถให้สะอาดเหมือนใหม่ได้แบบไม่ต้องออกแรงขัดเยอะเลยครับ
ทำไมแรงดันจึงสำคัญกับการใช้งาน เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง?
แรงดันช่วยกำจัดสิ่งสกปรกได้ดีแค่ไหน
แรงดันสูงมีบทบาทสำคัญในการช่วย "ขจัดคราบ" หรือสิ่งสกปรกฝังแน่นที่บางทีก็ล้างด้วยมือเปล่าไม่ออก เช่น คราบโคลนที่ติดแน่นอยู่ใต้ซุ้มล้อรถ ตะไคร่น้ำที่เกาะเต็มพื้นปูนหลังบ้าน หรือรอยน้ำมันที่หยดบนพื้นโรงงาน ล้างด้วยแรงคนกี่ทีก็ไม่สะอาด พอใช้ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เข้าไป แทบจะเห็นผลทันที แรงน้ำมันพุ่งเข้าไปแซะคราบออกแบบไม่ต้องออกแรงขัดให้เหนื่อยเลยครับ
แรงดันที่มากเกินไปอาจก่อให้เกิดความเสียหาย
แรงดันที่สูงเกินความจำเป็นอาจกลายเป็นดาบสองคมครับ เพราะแทนที่จะช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น กลับอาจทำให้เกิดความเสียหายได้แบบไม่รู้ตัว เช่น ฉีดแรงไปโดนพื้นไม้จนเปื่อยหรือแตก สีรถที่เคลือบเงาไว้สวย ๆ ก็อาจหลุดลอก หรือถ้าไปฉีดตรงผนังบาง ๆ อย่างผนังฉาบปูนบาง อาจถึงขั้นเจาะทะลุเลยก็มีครับ เพราะฉะนั้นต้องใช้แรงดันให้เหมาะกับงาน ไม่งั้นจากทำความสะอาด อาจกลายเป็นต้องซ่อมของแทน!
เลือกแรงดันให้เหมาะกับงานประหยัดทั้งแรงและเวลา
การเลือกแรงดันที่เหมาะสม เปรียบเสมือนการเลือกอาวุธให้ตรงกับศัตรูครับ ถ้าเจอคราบบาง ๆ ก็ไม่ต้องใช้แรงดันมหาศาลให้เปลืองน้ำเปลืองไฟ หรือถ้าจะล้างพื้นโรงงานที่คราบฝังแน่น ก็ต้องจัดหนักหน่อย ไม่อย่างนั้นก็ล้างไม่ออกอยู่ดี สุดท้ายแล้ว แรงดันที่พอดีจะช่วยให้คุณทำความสะอาดได้เร็ว ไม่ต้องเหนื่อยฟรี น้ำก็ไม่ไหลทิ้งเปล่า ๆ และที่สำคัญคือพื้นผิวของคุณจะยังสวยอยู่เหมือนเดิมครับ
อย่าเลือก เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง จากแรงดันเพียงอย่างเดียว
แม้ว่าแรงดันจะเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอันดับแรกเวลาเลือก เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง แต่เอาจริง ๆ แล้ว แรงดันอย่างเดียวไม่พอครับ ยังมีอีก 2 เรื่องสำคัญที่หลายคนมองข้ามไป ทั้ง ๆ ที่มันมีผลกับประสิทธิภาพในการใช้งานไม่น้อยเลย ลองนึกดูสิครับ ถ้าเครื่องแรงดันสูงแต่ปริมาณน้ำน้อย หรือมอเตอร์ไม่อึด พอใช้งานจริงก็อาจจะรู้สึกว่าไม่ได้แรงอย่างที่คิด ดังนั้นการเลือกเครื่องควรดูครบทั้ง 3 ปัจจัย จะได้ใช้งานได้คุ้มและสบายใจครับ
ปริมาณน้ำที่จ่ายออก (Flow Rate)
หน่วยวัดคือ "ลิตร/ชั่วโมง" หรือ "ลิตร/นาที" ซึ่งพูดง่ายๆก็คือปริมาณน้ำที่ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง สามารถปล่อยออกมาได้ในหนึ่งช่วงเวลา ยิ่งตัวเลขสูง น้ำก็ยิ่งพุ่งแรงและออกเยอะ ล้างคราบได้เร็วขึ้น เหมือนเวลาคุณใช้สายยางเปิดน้ำเบา ๆ กับเปิดน้ำแรงสุด มันต่างกันเห็น ๆ เลยใช่ไหมครับ เช่น เครื่องแรงดัน 120 บาร์ ที่ปล่อยน้ำได้ 600 ลิตร/ชั่วโมง อาจล้างเร็วและคราบหลุดง่ายกว่ารุ่นที่แรงดันสูงถึง 140 บาร์แต่ปล่อยน้ำได้แค่ 300 ลิตร/ชั่วโมง เพราะแรงอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีน้ำช่วยพัดเอาคราบออกด้วยครับ
ชนิดของมอเตอร์และปั๊มน้ำ
- มอเตอร์ยูนิเวอร์แซล (Universal Motor) : ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือมอเตอร์แบบประหยัดครับ ราคาน่ารัก ใช้ได้กับงานเบา ๆ เช่น ล้างรถ ล้างระเบียง เสียงจะดังกว่าหน่อย และอายุการใช้งานไม่ยาวมาก เหมาะกับคนที่ใช้แค่ช่วงวันหยุดหรือล้างบ้านเป็นบางครั้ง
- มอเตอร์อินดักชั่น (Induction Motor) : ตัวนี้คือของจริงครับ ใช้งานต่อเนื่องได้แบบไม่ต้องกลัวพัง ทนทาน เสียงเงียบกว่า เหมาะกับคนที่ล้างบ่อย ๆ หรือมีงานหนัก เช่น ล้างพื้นโกดัง ล้างเครื่องจักร หรือเปิดร้านล้างรถ มืออาชีพหลายคนเลือกใช้อินดักชั่นเพราะเชื่อถือได้ในระยะยาว
วิธีเลือกแรงดันให้เหมาะกับการใช้งาน เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ของคุณ
งานบ้านทั่วไป
- ใช้แรงดันประมาณ 100–130 บาร์ ก็ถือว่าเหลือเฟือแล้วครับสำหรับงานบ้านทั่วไป เช่น ล้างรถ ล้างพื้นโรงรถ หรือแม้แต่รั้วบ้านกับแผงโซลาร์เซลล์ ไม่ต้องไปไล่หาตัวแรง 180 บาร์ให้เหนื่อย เพราะแค่แรงพอดีก็สะอาดเอี่ยมได้แล้ว
- แนะนำให้เลือกรุ่นที่จ่ายน้ำไม่น้อยกว่า 360–420 ลิตร/ชั่วโมง เพื่อที่เวลาล้างจะได้ไม่ต้องยืนถือหัวฉีดอยู่นาน น้ำแรงพอดี ไหลเยอะกำลังดี ประหยัดทั้งแรงและเวลา แถมยังไม่กินไฟจนบิลพุ่งด้วยครับ
งานหนักขึ้น เช่น คราบฝังแน่น พื้นอุตสาหกรรม
- ใช้แรงดัน 140–180 บาร์ ขึ้นไปกำลังดีครับสำหรับใครที่ต้องจัดการกับงานหนักแบบจริงจัง อย่างคราบตะไคร่เกาะแน่น พื้นซีเมนต์หนืด ๆ หรือใช้ในพื้นที่อุตสาหกรรมที่คราบฝังแน่นไม่ธรรมดา แบบนี้แรงเบาเอาไม่อยู่แน่นอน และแนะนำให้เลือกเครื่องที่ใช้มอเตอร์อินดักชั่น เพราะทนทาน ใช้งานหนักต่อเนื่องได้นาน ไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะงอแงกลางงาน
- อีกอย่างที่ควรมีติดเครื่องไว้เลยก็คือระบบตัดน้ำอัตโนมัติ กับระบบกรองน้ำก่อนเข้าปั๊มครับ ฟังดูเหมือนของเสริม แต่บอกเลยว่าช่วยยืดอายุเครื่องได้แบบเห็นผล เพราะบางทีน้ำประปาก็มีเศษทราย เศษตะกอนปนมา ถ้าไม่มีตัวกรองเข้าไปก่อน ปั๊มโดนกัดกินทุกครั้งที่เปิดใช้ ไม่กี่เดือนก็อาจเริ่มงอแงแล้ว ส่วนระบบตัดน้ำอัตโนมัติ ก็เหมือนเป็นคนช่วยปิดวาล์วให้อัตโนมัติ เวลาเราวางหัวฉีดทิ้งไว้ เครื่องจะไม่ทำงานเปล่า ๆ ให้สิ้นเปลืองไฟด้วยครับ
งานล้างรถมืออาชีพ
- แนะนำแรงดัน 120–150 บาร์ ครับ ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่พอดีสำหรับร้านล้างรถหรือคนที่ล้างรถบ่อย ๆ แบบมืออาชีพ เพราะแรงดันกำลังเหมาะ ไม่เบาเกินจนต้องฉีดอยู่นาน และไม่แรงเกินจนเสี่ยงทำลายผิวรถ แนะนำให้ใช้หัวฉีดแบบปรับองศาได้ด้วย จะได้ปรับทิศทางให้เข้ากับแต่ละมุมของรถได้สะดวก
- ที่สำคัญอย่าลืมดูว่าเครื่องรองรับหัวฉีดโฟมหรือเปล่านะครับ เพราะถ้าใช้หัวโฟมล้างรถร่วมด้วย จะช่วยให้ฟองแน่นเกาะตัวดี ล้างง่าย ประหยัดแรงและดูเป็นมืออาชีพขึ้นอีกเยอะเลยครับ
เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง หากแรงไปเป็นอันตรายจริงไหม?
คำตอบคือ จริงเลยครับ โดยเฉพาะถ้าเราใช้งานแบบไม่รู้เท่าทัน หรือเผลอเลือกหัวฉีดผิดงาน
- อย่างถ้าใช้หัวฉีดแบบหัวจุด (pinpoint jet) ไปจ่อใกล้ ๆ กับผิวรถมากเกินไป อาจจะทำให้สีหลุด หรือเคลือบเงาสวย ๆ หายวับไปในพริบตา
- ฉีดน้ำใกล้กระจกมากเกิน แรงดันสะท้อนเข้ากระจก อาจทำให้ร้าวหรือแตกแบบไม่ทันตั้งตัว
- หรือไปฉีดพื้นไม้ที่เรารักด้วยแรงสูงจัด ๆ ไม้อาจจะบวม แตก หรือเสียรูปได้เลยครับ
เพราะฉะนั้น ก่อนจะเริ่มใช้งาน เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง อย่าลืมอ่านคู่มือให้ละเอียด ลองฉีดเบา ๆ บนพื้นที่เล็ก ๆ ก่อน เพื่อเช็กว่าแรงดันพอดีไหม จะได้ไม่พลาดทีหลังครับ
หัวฉีดก็ส่งผลกับแรงดัน
หัวฉีดแต่ละแบบก็เหมือนอุปกรณ์คู่ใจที่ช่วยให้ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ทำงานได้ตรงจุดครับ เลือกผิดก็เหมือนใช้มีดหั่นขนมปังไปฟันต้นไม้ มันไม่เวิร์กแน่นอน มาดูกันว่าแต่ละแบบเหมาะกับอะไร:
- หัวฉีดแบบจุด (0 องศา): แรงสุดแบบจัดเต็ม พุ่งเป็นเส้นตรงเหมือนเลเซอร์ เหมาะกับคราบหนัก ๆ อย่างตะไคร่หรือคราบปูนติดแน่นบนพื้น แต่ต้องใช้ระวัง เพราะแรงจนเจาะสีรถหรือพื้นไม้ได้เลย
- หัวฉีด 15–25 องศา: อเนกประสงค์ที่สุดเลยครับ ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งล้างรถ ล้างพื้นบ้าน หรือแม้แต่ผนัง เหมาะกับคนที่อยากมีหัวเดียวใช้ครอบจักรวาล
- หัวฉีด 40 องศา: น้ำจะกระจายกว้างและแรงดันเบาลง เหมาะกับของที่บอบบาง เช่น ล้างเฟอร์นิเจอร์ไม้ ระเบียง หรือรถยนต์ที่พ่นสีมาใหม่ ๆ ไม่ต้องกลัวสีหลุดครับ
- หัวฉีดโฟม: อันนี้สายรักความสะอาดต้องมี! ใช้พ่นน้ำยาให้กลายเป็นฟองโฟมแน่น ๆ เกาะตัวดี ทำให้ล้างรถหรือล้างพื้นมันส์มือขึ้นเยอะ ช่วยประหยัดเวลาและผลงานก็ออกมาดูดีเหมือนร้านมือโปรครับ
แล้วควรเลือกซื้อ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง อย่างไรดี?
ดูจากลักษณะงานที่ต้องการเป็นหลัก
ซื้อแรงดันสูงสุดไปเลยไม่ได้แปลว่าจะดีกว่าเสมอไปนะครับ บางทีเห็นตัวเลขแรง ๆ แล้วรู้สึกมั่นใจ แต่พอเอาเข้าจริงกลับแรงเกินความจำเป็น ใช้งานไม่ตรงจุด แถมอาจจะทำของพังอีกต่างหาก เพราะฉะนั้น ก่อนจะควักกระเป๋าซื้อ ควรถามตัวเองก่อนว่าเราจะใช้ล้างอะไรบ่อยที่สุด ล้างรถ? ล้างพื้น? หรือใช้งานในโรงงาน? พอรู้ความต้องการชัดเจน การเลือกแรงดันก็จะง่ายขึ้น ไม่ต้องจ่ายแพงเกิน และได้ของที่ตอบโจทย์เราจริง ๆ ครับ
เลือกจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ
เช่น Karcher, Bosch, Makita, DeWalt แบรนด์พวกนี้คือชื่อที่เราคุ้น ๆ กันดีอยู่แล้ว ใช้งานในบ้านก็สบายใจ ส่วนถ้าใครจะเอาไปใช้งานหนัก ๆ ล้างพื้นโรงงานหรือเปิดร้านล้างรถ ก็ลองมองหาแบรนด์สายอึดอย่าง PUMA หรือ Lavor ที่ออกแบบมาเพื่อความทนทานโดยเฉพาะครับ
มีบริการหลังการขายหรืออะไหล่รองรับหรือไม่
เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ก็เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ครับ ใช้ไปนาน ๆ ก็มีสิทธิ์ต้องเปลี่ยนอะไหล่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นหัวฉีดที่เริ่มรั่ว สายยางที่กรอบ หรือฟิลเตอร์ที่อุดตัน เพราะฉะนั้น ควรเลือกแบรนด์ที่หาอะไหล่เปลี่ยนได้ง่าย จะได้ไม่ต้องปวดหัวเวลาของเสีย จะซ่อมก็ซ่อมได้ไว ไม่ต้องรอของจากต่างประเทศนาน ๆ ให้เสียอารมณ์ครับ
พิจารณาเรื่องขนาดและน้ำหนัก
สำหรับผู้สูงอายุหรือคนที่ใช้งานในบ้านทั่วไป แนะนำว่าให้เลือกเครื่องที่มีล้อเลื่อน และเคลื่อนย้ายง่าย ๆ จะดีที่สุดครับ เพราะบางทีต้องลากเครื่องจากหน้าบ้านไปหลังบ้าน ถ้าหนักหรือไม่มีล้อก็จะกลายเป็นภาระแทน อีกเรื่องคือขนาด ควรเลือกแบบกะทัดรัด ไม่กินพื้นที่ เวลาใช้งานก็สะดวก เวลาเก็บก็ไม่ต้องหาที่ให้วุ่นวาย เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัดหรือมีของเยอะอยู่แล้วครับ
เลือก > เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ให้เหมาะกับงานของคุณ จะช่วยให้ประหยัดทั้งเงิน ค่าไฟ เวลา และที่สำคัญยังไม่ทำให้ของเสียหายโดยไม่รู้ตัวด้วยครับ