Customers Also Purchased
ในยุคที่อากาศบ้านเราแทบไม่มีคำว่าเย็นให้ได้สัมผัส หลายบ้านก็เริ่มหันมาใส่ใจเรื่องการไหลเวียนของอากาศกันมากขึ้น เพราะอยู่บ้านทั้งวัน ถ้าอากาศไม่ดี มันก็หงุดหงิดใช่ไหมล่ะ? ทีนี้เวลาเรานึกถึง พัดลม หลายคนอาจจะนึกถึงแค่พัดลมตั้งพื้นทั่วไป แต่จริง ๆแล้วมันมีพัดลมอีกสองแบบที่หลายคนยังแอบสับสนอยู่ นั่นคือ พัดลมดูดอากาศ กับ พัดลมระบายอากาศ ชื่อก็คล้าย หน้าตาก็ใกล้กัน จะเลือกยังไงดีล่ะเนี่ย?

พัดลมดูดอากาศ กับ พัดลมระบายอากาศ คืออะไร?
พัดลมดูดอากาศ (Exhaust Fan) คืออะไร?
พัดลมระบายอากาศ (Ventilation Fan) คืออะไร?
ความเข้าใจผิดยอดฮิตที่หลายคนยังแยกไม่ออก
- หลายคนมองเผิน ๆ แล้วคิดว่าเจ้าสองตัวนี้เป็นพัดลมแบบเดียวกันเลย เพราะชื่อก็คล้าย หน้าตาก็ใกล้กัน แต่จริง ๆ แล้วมันมีความต่างอยู่! พัดลมดูดอากาศก็เป็นหนึ่งในรูปแบบของพัดลมระบายอากาศนั่นแหละ แต่หน้าที่หลัก ๆ ของมันไม่เหมือนกันนะ ใช้ผิดที่ผิดงาน มีงงแน่นอน
- บางคนเผลอไปซื้อ พัดลมดูดอากาศ ไปติดในห้องที่จริง ๆ แล้วควรใช้พัดลมเป่าเข้าแทน เช่น ห้องเก็บไวน์ หรือห้องเซิร์ฟเวอร์ พอใช้ไปสักพัก อากาศภายในก็ไม่ไหลเวียนอย่างที่หวัง แถมบางทีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ก็ร้อนขึ้นอีก เพราะลมไม่ได้เข้าไปช่วยระบายเลย แบบนี้เรียกว่าซื้อผิดตัว เสียเงินฟรีไปแบบเจ็บใจเบา ๆ
พัดลมดูดอากาศ เหมาะกับงานแบบไหน?
- ห้องน้ำ ห้องน้ำเป็นจุดที่มีความชื้นสะสมเยอะมาก แค่เราอาบน้ำไม่กี่นาทีก็ชื้นไปทั้งห้องแล้ว ถ้าไม่มี พัดลมดูดอากาศ ช่วยระบายล่ะก็ รับรองได้เลยว่ากลิ่นอับ เชื้อรา และคราบตะไคร่จะทยอยมาแบบไม่ได้นัดหมายแน่นอน
- ห้องครัว ช่วยดูดควัน กลิ่นอาหาร และไอน้ำจากการทำกับข้าวออกไปนอกบ้านได้ดีมาก ๆ โดยเฉพาะบ้านไหนที่ครัวเป็นแบบปิด ทำอาหารทีทั้งกลิ่น ทั้งควันลอยฟุ้งทั่วบ้าน การมี พัดลมดูดอากาศ จะช่วยให้ครัวหายใจโล่งขึ้น ทำกับข้าวได้แบบไม่ต้องกลัวกลิ่นติดโซฟา ติดผ้าม่าน
- ห้องเก็บของหรือห้องที่ไม่ค่อยเปิด พวกห้องเก็บของ ห้องเก็บเอกสาร หรือห้องซักรีดที่ปิดไว้ตลอดทั้งวัน มักจะกลายเป็นแหล่งรวมความร้อนแบบไม่รู้ตัว เพราะไม่มีอากาศใหม่เข้ามาหมุนเวียน ถ้าเคยเปิดประตูเข้าไปแล้วรู้สึกเหมือนเข้าเตาอบ นั่นแหละคือสัญญาณว่าต้องมี พัดลมดูดอากาศ มาช่วยระบายลมหน่อยแล้ว!
- ห้องทำงาน/ห้องนอนที่เปิดแอร์ แม้จะเป็นห้องแอร์ที่เราคิดว่าอากาศสะอาดอยู่แล้ว แต่ความจริงคืออากาศข้างในมันหมุนเวียนไม่ค่อยดีเท่าที่คิด การติด พัดลมดูดอากาศ ไว้ช่วยให้ลมในห้องไหลเวียนได้ดีขึ้น ไม่อับ ไม่ชื้น ลดกลิ่นอับได้ดีมากเลยครับ แถมยังช่วยให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักอีกต่างหาก
พัดลมระบายอากาศ เหมาะกับงานแบบไหน?
- โรงงานหรือโกดังสินค้า พื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โรงงานหรือโกดังนี่แหละครับ เป็นจุดที่อากาศค่อนข้างร้อนและอับง่าย เพราะมีทั้งเครื่องจักร คนงาน หรือแม้แต่ของเก็บเยอะ ๆ การติดพัดลมระบายอากาศช่วยให้ลมไหลเวียนได้ดีขึ้น แม้อาจไม่ได้เน้นดูดกลิ่นเหมือน พัดลมดูดอากาศ แต่เน้นลดอุณหภูมิและทำให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้นแบบชัดเจน อยู่แล้วไม่อึดอัดแน่นอน
- อาคารสำนักงานหรืออาคารเรียน ช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้ดีขึ้น ไม่รู้สึกอึดอัด เหมือนมีลมเย็น ๆ เข้ามาเติมความสดชื่นให้ทุกคนที่อยู่ในตึก ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน นักเรียน หรือใครที่ใช้พื้นที่นั้นบ่อย ๆ ก็จะรู้สึกได้เลยว่าอากาศโปร่ง โล่ง น่าอยู่ขึ้นเยอะ
- ห้องพักหรือห้องนั่งเล่นที่อากาศถ่ายเทไม่ดี ลองใช้พัดลมระบายอากาศแบบเป่าเข้าช่วยดึงลมเย็น ๆ จากข้างนอกเข้ามาแทน อารมณ์เหมือนเปิดประตูให้ลมธรรมชาติพัดเข้ามาในห้องโดยไม่ต้องเปิดหน้าต่าง ช่วยให้บรรยากาศในห้องสดชื่นขึ้นแบบรู้สึกได้เลย
- ห้องควบคุม ห้องเซิร์ฟเวอร์ ช่วยลดความร้อนที่สะสมจากอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างพวกเซิร์ฟเวอร์หรือเครื่องควบคุมต่าง ๆ ได้ดีมาก โดยเฉพาะในห้องที่ไม่มีหน้าต่างหรือช่องระบายอากาศเลย อาจใช้ร่วมกับพัดลมหรือระบบระบายความร้อนอื่นเสริมเข้าไปด้วยก็จะยิ่งเวิร์ก เหมือนช่วยกันทำให้ห้องเย็นลงเร็ว ไม่ต้องกลัวว่าอุปกรณ์จะแฮงค์เพราะร้อนเกิน
พัดลมดูดอากาศ VS พัดลมระบายอากาศ แบบไหนเปลืองไฟกว่ากัน?
ตรงนี้บอกเลยว่าไม่มีคำตอบตายตัว เพราะมันขึ้นอยู่กับขนาดและการใช้งานจริง ๆ ครับ ถ้าแค่ พัดลมดูดอากาศ ติดในห้องน้ำ ใช้งานวันละไม่กี่นาที บอกเลยว่าค่าไฟแทบไม่ขยับเลยด้วยซ้ำ
แต่ถ้าเป็นพัดลมระบายอากาศตัวใหญ่ที่เปิดทั้งวันในโรงงานหรือโกดัง แบบนั้นกินไฟแน่นอน เพราะต้องใช้แรงลมเยอะและทำงานต่อเนื่องทั้งวัน ดังนั้นก่อนซื้อควรเลือกให้เหมาะกับขนาดพื้นที่และระยะเวลาในการใช้งาน จะได้ไม่ต้องมานั่งกุมขมับตอนเห็นบิลค่าไฟนะครับ!
ข้อควรระวัง! ใช้ผิดงาน เสียเงินฟรี
- ใช้ พัดลมดูดอากาศ ในห้องที่ควรให้ลมเข้า เช่น ห้องแอร์ ห้องที่มีคนใช้งานเยอะ ๆ อาจทำให้ห้องนั้นกลายเป็นสุญญากาศย่อม ๆ ลมไม่พอ หายใจไม่สะดวก เกิดแรงดันลบจนรู้สึกอึดอัด แบบอยู่ในห้องแล้วใจมันหวิว ๆ ยังไงไม่รู้
- ส่วนถ้าเราเอาพัดลมเป่าเข้าไปใช้ในห้องที่มีสารเคมี ควัน หรือกลิ่นแรง ๆ เช่น ห้องซ่อมรถ ห้องพ่นสี บอกเลยว่ามีสิทธิ์เจอของไม่พึงประสงค์ลอยย้อนกลับเข้ามาในห้องเต็ม ๆ เหมือนเป่าลมดี แต่ของแถมกลับเป็นกลิ่นแรงแทน
- ที่สำคัญ ติดตั้งผิดทิศเมื่อไหร่ มีโอกาสลมหมุนวนผิดทิศ ไหลย้อนมั่วไปหมด กลายเป็นไม่ช่วยอะไรเลย แถมบางทีต้องถอดออกมาติดใหม่อีก เสียทั้งเงิน เสียเวลา แถมเสียอารมณ์อีกต่างหาก!
> 6 วิธีดูแลรักษาและทำความสะอาด พัดลมดูดอากาศ
วิธีเลือกให้ตรงงาน ไม่เสียเงินฟรี
เช็กก่อนว่าอยากให้ “อากาศออก” หรือ “อากาศเข้า”
ถ้าห้องของคุณมีกลิ่นอับ ๆ ชื้น ๆ หรือมีควันจากการทำอาหาร แล้วอยากกำจัดมันออกไปให้ไว ให้เลือกใช้ “พัดลมดูดอากาศ” เลยครับ เพราะมันเหมือนตัวช่วยดูดของไม่พึงประสงค์ออกนอกบ้าน ไม่ต้องเปิดหน้าต่างให้ฝุ่นเข้ามาด้วย
แต่ถ้าห้องของคุณเป็นห้องที่ปิดทึบ อากาศนิ่งจนรู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก อยากให้ลมเย็นจากข้างนอกเข้ามาหน่อย ให้เลือกใช้ “พัดลมระบายอากาศแบบเป่าเข้า” ครับ เหมือนเปิดประตูให้ลมธรรมชาติเข้ามาเยือนแบบไม่ต้องออกแรง
ดูลักษณะพื้นที่ ว่าปิดหรือเปิด
ห้องที่ปิดสนิท ไม่มีหน้าต่างหรือช่องลม ควรเริ่มจากติด พัดลมดูดอากาศ ก่อนเลยครับ เพื่อให้สิ่งไม่พึงประสงค์อย่างกลิ่นหรือความชื้นออกไปได้ก่อน แล้วถ้ายังรู้สึกว่าอากาศมันนิ่งไปอีกหน่อย ค่อยเสริมพัดลมแบบเป่าเข้าอีกตัว ช่วยให้ลมไหลเวียนคล่องขึ้น สดชื่นขึ้นแบบรู้สึกได้!
เลือกขนาดให้เหมาะกับห้อง
ลองดูขนาดห้องของเราก่อนครับ ว่ากว้าง ยาว สูงแค่ไหน แล้วค่อยคำนวณว่าแรงลมที่เหมาะสมควรอยู่ที่เท่าไหร่ เช่น m3/h หรือ CFM ฟังดูเทคนิคหน่อย แต่เอาเข้าจริงคือแค่รู้ว่าห้องเราใหญ่แค่ไหน ก็พอจะเลือกพัดลมให้แรงพอดี ไม่อ่อนเกินไปให้เสียของ หรือแรงเกินจนเปลืองไฟเกินจำเป็น
ปรึกษาช่างหรือตัวแทนจำหน่าย
ถ้าไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าแบบไหนเหมาะกับห้องเรา อย่าเพิ่งรีบซื้อมั่ว ๆ เลยครับ เพราะบางทีซื้อมาแล้วพอติดตั้งจริง ๆ ใช้งานไม่ตรงจุด พอเจอปัญหา มันไม่ใช่แค่เสียเงิน แต่เสียเวลา เสียอารมณ์อีกด้วย แถมบางทีต้องมานั่งถอดติดใหม่ให้เหนื่อยเปล่า ปรึกษาช่างหรือตัวแทนจำหน่ายซักนิด จะได้ชัวร์ตั้งแต่ต้น สบายใจกว่าเยอะเลยครับ
สรุป
พัดลมดูดอากาศ และ พัดลมระบายอากาศ มีจุดประสงค์ต่างกัน แม้จะดูคล้ายกันก็ตาม ถ้าเลือกให้เหมาะกับพื้นที่และหน้าที่ของมัน ก็จะช่วยให้บ้านหรืออาคารของเรามีอากาศถ่ายเทดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น และยังช่วยประหยัดค่าไฟอีกด้วย