Customers Also Purchased
ในช่วงหน้าฝนที่หญ้าขึ้นไวจนเกินต้าน และหลายๆคนอาจสงสัยว่าจะตัดหญ้าได้ไหม? ในสภาพอากาศแบบนี้ ตัดหญ้าตอนฝนตก รถตัดหญ้า จะพังไหม? คำถามเหล่านี้น่าสนใจนะครับ เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้ใช้และอายุการใช้งานของ รถตัดหญ้า อีกด้วย ในบทความนี้จะพาทุกคนไปหาคำตอบ พร้อมวิธีใช้งาน รถตัดหญ้า ในช่วงฤดูฝนอย่างปลอดภัย ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่เสี่ยงพังและบาดเจ็บ และไม่เสียเงินซ่อมโดยไม่จำเป็น!
ทำไมช่วงหน้าฝนถึงตัดหญ้ายากขึ้น?
หญ้าขึ้นไวเกินคาด
ช่วงฤดูฝนเรียกได้ว่าเป็นเวลาทองของวัชพืชเลยล่ะครับ ทั้งน้ำเยอะ อากาศชื้น หญ้าก็เลยโตแบบไม่เกรงใจใคร ตื่นมาแป๊บเดียวหญ้าสูงท่วมหัวเด็กไปแล้ว ถ้าปล่อยไว้ไม่ตัดแค่สัปดาห์สองสัปดาห์ สนามหน้าบ้านคุณอาจกลายเป็นแดนหญ้าดิบเลยก็ว่าได้
พื้นดินแฉะและลื่น
พื้นดินในช่วงฝนตกมักจะอุ้มน้ำได้ดีเกินไปครับ พอคุณเข็น รถตัดหญ้า ลงไปก็จะรู้สึกเลยว่ามันแฉะ ยวบ และลื่นสุด ๆ เหมือนกำลังเดินบนพุดดิ้งที่ยังไม่เซ็ตตัวดี ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องดีสำหรับ รถตัดหญ้า เพราะแรงต้านจากพื้นจะทำให้ล้อหมุนยาก ระบบขับเคลื่อนก็ต้องทำงานหนัก แถมยังเสี่ยงที่คนใช้จะลื่นล้มหรือควบคุมรถพลาดได้อีกด้วย
หญ้าเปียกเหนียว พันใบมีดง่าย
หญ้าที่ชื้นหรือเปียกน้ำ มักเหนียวและจับตัวกันเป็นก้อน เหมือนก้อนแป้งที่นวดแล้วติดมืดหนึบ ๆ เลยครับ พอรถตัดหญ้าเริ่มทำงาน หญ้าเหล่านี้ก็จะยิ่งพันติดใบมีดกับใต้ท้องรถแบบไม่เกรงใจใคร ทำให้เครื่องสะดุด ใบมีดหมุนไม่คล่อง และถ้าฝืนใช้งานต่อไปนาน ๆ ก็อาจทำให้เครื่องร้อนจัดจนงอแง ดับกลางคันได้ง่าย ๆ

รถตัดหญ้า ใช้ตอนฝนตกได้ไหม?
ถึงแม้ว่า รถตัดหญ้า หลายรุ่นจะออกแบบมาให้ใช้งานกลางแจ้งได้สบายๆชิวๆ แต่ถ้าฝนตกหรือพื้นเปียกแฉะจนเดินแล้วรองเท้าติดดิน อันนี้ต้องพักไว้ก่อนเลยครับ เพราะมันมีหลายเหตุผลที่ทำให้การตัดหญ้าในสภาพแบบนั้นไม่ใช่ไอเดียที่ดีนัก
- อาจทำให้เครื่องพัง: โดยเฉพาะพวกรุ่นที่มีระบบไฟฟ้าหรือคาร์บูเรเตอร์ น้ำกับอุปกรณ์พวกนี้ไม่ค่อยจะถูกกันครับ ถ้าโดนน้ำเข้าไปก็มีสิทธิ์งอแงหรือพังได้เลย
- ใบมีดตัดหญ้าไม่คม: หญ้าเปียกนี่แหละครับ ตัวแสบ มันจะเหนียวและไม่ขาดง่าย ทำให้ใบมีดต้องออกแรงมากขึ้น ซึ่งพอใช้ไปบ่อย ๆ ใบมีดก็จะทื่อเร็ว
- เสี่ยงลื่นล้ม: ล้ออาจหมุนฟรีหรือควบคุมรถยาก โดยเฉพาะถ้าเป็นรุ่นธรรมดาที่ไม่มีระบบขับเคลื่อน ก็มีสิทธิ์พาเราลื่นหัวทิ่มได้ง่าย ๆ
- เกิดอุบัติเหตุจากไฟฟ้า: สำหรับ รถตัดหญ้าไฟฟ้า (ทั้งเสียบสายและแบบแบต) น้ำคือของต้องห้ามครับ ช็อตขึ้นมาไม่คุ้มเลยจริง ๆ
แล้วหลังฝนตกล่ะ? ใช้ได้ไหม?
หลังฝนตกใหม่ ๆ ก็อย่าเพิ่งรีบเอา รถตัดหญ้า ออกมาลุยเลยครับ ถึงแม้แดดจะออกนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ไม่ได้แปลว่าพื้นจะพร้อมใช้งาน เพราะดินยังชื้นอยู่มาก เดินลงไปอาจยวบหรือแฉะจนล้อจมได้ง่าย ๆ แนะนำให้รอสัก 4–6 ชั่วโมงในวันที่แดดดี หรือถ้าจะให้ชัวร์ ก็ลองเอามือไปจับหญ้าดู ถ้ายังเปียกอยู่แบบรู้สึกได้ ก็ควรพักไว้ก่อน อย่าเสี่ยงตัดให้เครื่องเหนื่อยเปล่า
ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้ รถตัดหญ้า ในสภาพเปียก
ใบมีดอุดตันและทื่อเร็ว
หญ้าเปียกจะจับตัวเป็นก้อนแล้วติดที่ใบมีดและใต้ท้องเครื่อง เหมือนเราปาดข้าวเหนียวเปียก ๆ ติดไม้ยังไงยังงั้นครับ ใบมีดเลยหมุนไม่คล่อง แถมยังต้องฝืนตัดก้อนหญ้าเหนียว ๆ พวกนี้ไปเรื่อย ๆ จนเกิดแรงต้าน ทำให้ใบมีดทื่อเร็วแบบไม่รู้ตัว ใช้ไปไม่นานก็ต้องลับหรือเปลี่ยนใหม่เสียแล้ว
มอเตอร์ร้อนเกินพิกัด
การฝืนใช้งานในสภาพที่รถต้องเจอแรงต้านจากพื้นแฉะ และใบมีดต้องฝ่าหญ้าเปียกเหนียว เหมือนคนต้องเดินลุยโคลนถือมีดตัดต้นไม้เหนียว ๆ ไปด้วยเลยครับ เครื่องก็จะทำงานหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนร้อนจี๋แบบหายใจไม่ทัน และสุดท้ายก็อาจตัดสินใจพักงานเองด้วยการดับไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ระบบไฟฟ้าเสียหาย
โดยเฉพาะในรุ่นไฟฟ้า ถ้าน้ำซึมเข้าไปในระบบเมื่อไร งานงอกแน่นอนครับ เพราะน้ำอาจไปโดนแผงวงจร ทำให้ฟิวส์ขาด หรือหนักสุดก็แบตเตอรี่ช็อตไปเลย เรียกได้ว่าเครื่องจะงอแงแบบไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเลยทีเดียว
ล้อจม/ลื่นไถล
พื้นเปียกอาจทำให้ล้อหมุนฟรี หมุนเท่าไหร่ก็ไม่ไปไหน เหมือนกำลังปั่นจักรยานอยู่กับที่ ล้อหลังอาจจมลงดินแฉะ ๆ หรือเครื่องอาจฝืนขับไม่ไหว พอแรงส่งไม่พอก็มีสิทธิ์เสียสมดุล ลื่นล้ม หรือคว่ำกลางสนามแบบไม่ตั้งตัวได้เลยครับ
สนิมและการกัดกร่อน
น้ำฝนที่มีค่าความเป็นกรดเล็กน้อย แม้จะดูไม่มีพิษภัยอะไร แต่ถ้าตกใส่โลหะที่ไม่ได้เคลือบกันสนิมบ่อย ๆ เข้า ก็เหมือนแอบกัดกินทีละนิดครับ พอผ่านไปนาน ๆ สนิมก็จะค่อย ๆ สะสมจนกินเนื้อเหล็ก โดยเฉพาะบริเวณที่เราไม่ค่อยได้ล้างหรือเช็ดบ่อยอย่างใบมีด ใต้ท้องเครื่อง และข้อต่อต่าง ๆ ถ้าไม่ระวัง รถอาจจะพังเพราะสนิมล้วน ๆ เลยก็ได้

วิธีใช้ รถตัดหญ้า ให้ปลอดภัยในหน้าฝน
เลือกช่วงเวลาตัดหญ้าให้เหมาะ
- เลือกช่วงที่แดดออก หรือหญ้าแห้งจะดีที่สุดครับ เพราะหญ้าแห้งแล้วตัดง่าย เครื่องก็ทำงานลื่น คนก็ไม่ต้องลุยเละ ๆ ให้เปื้อนรองเท้า
- หลีกเลี่ยงช่วงที่ฝนพึ่งหยุด เพราะแม้จะดูเหมือนฟ้าเปิดแล้ว แต่พื้นดินข้างล่างยังชุ่มฉ่ำอยู่ เดินไปอาจจมมิดปลายรองเท้าได้เลย
- ถ้าจำเป็นต้องตัด ให้เลือกช่วงเช้าสาย ๆ ถึงบ่ายก่อนฝนรอบใหม่จะมา อย่างน้อยให้มีแดดช่วยไล่ความชื้นหน่อย เครื่องจะได้ไม่ต้องออกแรงฝ่าหญ้าเหนียว ๆ ตลอดทาง
ตรวจสอบสภาพเครื่องก่อนใช้งาน
- ตรวจดูว่าไม่มีน้ำขังในเครื่อง อย่าลืมส่องดูตามซอกมุมต่าง ๆ ด้วยนะครับ เพราะบางทีน้ำอาจแอบซึมเข้ามาตรงจุดที่เรามองข้าม ถ้ามีให้เช็ดให้แห้งสนิทก่อนใช้งาน
- เช็กแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้าในกรณีเป็นรุ่นไฟฟ้า ลองเปิดเครื่องดูว่าไฟติดไหม หรือมีอาการงอแงหรือเปล่า ถ้าใช่ อาจต้องพักก่อนสักนิดแล้วตรวจให้ชัวร์ก่อนใช้งานจริง
- ตรวจความคมของใบมีด ถ้าทื่อให้ลับก่อนใช้งาน เพราะใบมีดคม ๆ จะช่วยให้ตัดหญ้าได้ลื่น ไม่ฝืด ไม่เปลืองแรง และยังประหยัดพลังงานอีกด้วยครับ
3. ตัดหญ้าแบบไล่รอบ ไม่ย้อนเส้นเดิม
- ตัดแบบวนวงกลมหรือซิกแซกจะช่วยให้คุณไม่ต้องไถรถผ่านจุดเดิมซ้ำ ๆ ครับ เพราะยิ่งเหยียบซ้ำบนพื้นเดิมบ่อยเท่าไหร่ พื้นก็จะยิ่งยวบ แฉะ และอาจทำให้ล้อจมจนเข็นไม่ขึ้นได้ง่าย ๆ
- การเปลี่ยนเส้นทางบ่อย ๆ ยังช่วยให้รถเคลื่อนตัวลื่นขึ้น ไม่ฝืน ไม่จม และคุณก็ไม่ต้องออกแรงดันรถจนเหงื่อแตกกลางสายฝน
ยกความสูงใบมีดให้เหมาะสม
- ไม่ควรตั้งใบมีดต่ำเกินไป เพราะหญ้าเปียกจะเหนียวและตัดยากกว่าปกติครับ ถ้าตั้งต่ำเกินไป รถจะฝืนทำงานจนสะดุดหรืออาจมีเสียงดังผิดปกติ คล้าย ๆ กับพยายามฝ่าหญ้าป่ารกแบบไม่มีทางลัด
- ปรับระดับสูงขึ้นอีกเล็กน้อย เหมือนยกสเก็ตบอร์ดให้หลบกรวดเล็ก ๆ ครับ รถจะลื่นไหลขึ้น ไม่ต้องฝืนฝ่าหญ้าเปียกหนึบ ๆ ที่ชอบพันติดใต้เครื่อง ทำให้เครื่องไม่ฝืด และใบมีดก็หมุนคล่องขึ้น ตัดง่าย สบายใจทั้งคนทั้งเครื่อง
ทำความสะอาดหลังใช้งานทุกครั้ง
- เคาะเศษหญ้าออกจากใบมีดและใต้เครื่อง เพราะเจ้าเศษหญ้าพวกนี้มักจะติดแน่นอยู่ใต้ท้องรถหรือรอบใบมีด เหมือนข้าวเหนียวติดกระทะเลยครับ ถ้าไม่เคาะออก เครื่องจะอุดตันและทำงานฝืดในครั้งต่อไป
- ใช้ลมเป่าหรือผ้าแห้งเช็ดแทนการฉีดน้ำโดยตรง เพราะการฉีดน้ำแรง ๆ อาจทำให้น้ำซึมเข้าชิ้นส่วนไฟฟ้าหรือแบริ่งภายในได้ เสี่ยงพังโดยไม่รู้ตัว
- ถ้ารถเปียกฝน ให้ผึ่งลมหรือผึ่งแดดให้แห้งก่อนเก็บ อย่ารีบเก็บเข้าห้องเก็บของหรือคลุมผ้าทันที เพราะความชื้นจะวนเวียนอยู่ข้างใน ทำให้เครื่องขึ้นสนิมเร็วครับ
เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกัน
- ใส่รองเท้ากันลื่น ถุงมือ และเสื้อแขนยาว เพื่อป้องกันตัวเองจากหญ้าเปียก เศษดิน หรือแมลงที่อาจมากับความชื้นในสนามครับ เสื้อแขนยาวก็ช่วยกันรอยขีดข่วนจากหญ้ารก ๆ ได้ดีเลย
- ระวังลื่นในขณะเข็น หรือขึ้นทางลาด เพราะพื้นเปียกอาจทำให้คุณเสียหลักได้ง่าย ยิ่งถ้าต้องดันรถขึ้นเนินแบบออกแรงเยอะ ๆ โอกาสพลาดก็มีสูง ใส่รองเท้าที่ยึดเกาะพื้นดีไว้ จะช่วยเซฟตัวเองได้เยอะครับ
ถ้าเลี่ยงไม่ได้ต้องใช้ รถตัดหญ้า เปียกจริงๆทำยังไง?
ใช้ รถตัดหญ้า ที่เหมาะกับสภาพชื้น
- เลือกรุ่นที่กันน้ำได้ดี หรืออย่างน้อยก็มีซีลกันชื้นตามจุดสำคัญครับ จะช่วยลดความเสี่ยงที่น้ำจะเข้าไปทำลายระบบไฟฟ้าหรือมอเตอร์ได้เยอะเลย และถ้าเลือกได้ ควรเลือกรุ่นที่มีล้อยางใหญ่หน่อย จะช่วยให้เกาะพื้นดี ไม่ลื่น ไม่จมเวลาเจอพื้นแฉะ
- ใช้ใบมีดแบบตรงจะดีกว่า เพราะถ้าเป็นใบพัด มันจะดูดหญ้าเปียก ๆ ขึ้นมาแล้วพันเข้าไปในตัวเครื่องได้ง่าย เหมือนเอาหญ้าเปียกมาเหนียวติดเครื่องเองเลยครับ
ตัดเป็นช่วง ๆ ไม่เร่ง
- พักเครื่องทุก 15–20 นาที อย่าปล่อยให้เครื่องวิ่งยาวจนล้าเกินไปครับ ระหว่างพักก็ถือโอกาสตรวจสอบไปเลยว่าใบมีดยังหมุนลื่นดีอยู่ไหม มีหญ้าพันติดอยู่หรือเปล่า
- เคลียร์เศษหญ้าออกให้เรียบร้อยก่อนที่เครื่องจะเริ่มฝืดหรือออกอาการสะดุด เพราะถ้าปล่อยไว้จนฝืดแล้ว จะกลายเป็นต้องล้างใหญ่ทีเดียว เสียเวลามากกว่าเดิมอีกครับ
เลือกใช้รถแบบผลักดัน
- หากพื้นที่เป็นเนินหรือพื้นลื่น ๆ จากฝน รถแบบเข็นหรือผลักจะควบคุมง่ายกว่ารุ่นนั่งขับครับ เพราะน้ำหนักเบา แถมไม่ต้องกังวลเรื่องแรงเหวี่ยงเวลาหมุนเลี้ยว หรือเจอทางลาด
- รถเบา ควบคุมง่าย เวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น ล้อสะดุดหรือเครื่องเริ่มฝืด เราจะหยุดหรือเบรกได้ทัน ไม่ต้องลุ้นว่าจะพุ่งลงเนินแบบรถโกคาร์ท
เช็กสภาพ รถตัดหญ้า ทันทีหลังใช้งาน
- ทำความสะอาดทันที อย่าปล่อยให้เศษหญ้าแห้งกรังติดอยู่ทั้งคันนะครับ เพราะพอแห้งแล้วจะฝังแน่นแบบล้างยากขึ้นหลายเท่า ทำตอนยังเปียก ๆ อยู่นี่แหละ ง่ายสุด!
- ตรวจระบบเบรก/ใบมีด/สายพาน ส่องดูว่าอะไรหลวมไหม เบรกยังอยู่ดีไหม ใบมีดยังคมหรือเริ่มสึกแล้ว ถ้าดูไว้ตั้งแต่ตอนนี้ คราวหน้าใช้งานก็ลื่นไหล ไม่ต้องมาหยุดกลางงานให้หงุดหงิดครับ
การตัดหญ้าในหน้าฝนไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวังและเตรียมตัวให้ดี หากคุณใช้ รถตัดหญ้า อย่างถูกวิธี ดูแลรักษาหลังใช้งานสม่ำเสมอ รถตัดหญ้า ก็จะอยู่กับคุณไปได้อีกนาน ไม่ต้องเสียเงินซ่อมซ้ำ ๆ แน่นอนครับ