คู่มือเลือก "แมกเนติกคอนแทคเตอร์" ให้ถูกสเปก เลือกยังไงให้เหมาะกับงานของเรา?

Customers Also Purchased

คุณกำลังทำงานเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าในโรงงาน หรือกำลังจะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ใช่ไหมคะ? แล้วเคยสังเกตไหมว่า "สวิตช์" ที่ใช้เปิด-ปิดมอเตอร์ หรือเครื่องจักรที่กินไฟเยอะ ๆ เนี่ย ทำไมมันถึงหน้าตาแตกต่างจากสวิตช์ไฟบ้านที่เราใช้เปิด-ปิดหลอดไฟธรรมดาเลย? อุปกรณ์ตัวนั้นแหละค่ะ ที่เราเรียกว่า "แมกเนติกคอนแทคเตอร์" (Magnetic Contactor)

แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ไม่ใช่แค่สวิตช์ธรรมดา ๆ นะคะ แต่มันคืออุปกรณ์สำคัญที่ทำหน้าที่ควบคุมการเปิด-ปิดกระแสไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังสูงได้อย่างปลอดภัยและอัตโนมัติ การเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ให้ถูกสเปกนั้นสำคัญมากค่ะ เพราะถ้าเลือกผิด อาจทำให้คอนแทคเตอร์เสียหายเร็ว ระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ หรือที่แย่กว่านั้นคืออาจเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือไฟไหม้ได้เลยค่ะ

วันนี้เราจะมาคุยกันถึงวิธีการเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับงานของเราค่ะ จะมาดูกันว่าเราต้องพิจารณาอะไรบ้าง ทั้งเรื่อง พิกัดกระแส (กระแสไฟฟ้าที่รับได้), แรงดันไฟฟ้าที่ใช้งาน, ชนิดของคอยล์ (ตัวสั่งงาน) รวมถึงวิธีคำนวณง่าย ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับโหลดที่เราจะใช้งานค่ะ รับรองว่าอ่านจบแล้ว คุณจะเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ได้อย่างมั่นใจค่ะ

คู่มือเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ให้ถูกสเปก เลือกยังไงให้เหมาะกับงานของเรา

"แมกเนติกคอนแทคเตอร์" คืออะไร? และทำไมจึงสำคัญกับระบบไฟฟ้ากำลังสูง?

แมกเนติกคอนแทคเตอร์ หรือที่ช่างไฟฟ้าเรียกสั้นๆ ว่า "คอนแทคเตอร์" คืออุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำหน้าที่เป็น สวิตช์อัตโนมัติ ที่ใช้หลักการของแม่เหล็กไฟฟ้าในการเปิดหรือปิดวงจรไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ หรือมอเตอร์ไฟฟ้า

ความสำคัญและการใช้งานในระบบไฟฟ้ากำลังสูง

  • ควบคุมอุปกรณ์กำลังสูง: มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ หรือเครื่องจักรในโรงงานมักใช้กระแสไฟฟ้าสูงมาก การใช้สวิตช์ทั่วไปมาเปิด-ปิดไม่สามารถทำได้ เพราะสวิตช์เหล่านั้นไม่สามารถทนกระแสไฟฟ้าสูงได้ แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับกระแสไฟฟ้าสูงโดยเฉพาะ
  • สั่งงานจากวงจรควบคุม: เราสามารถใช้ "วงจรควบคุม" ที่มีแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่า (เช่น 24VDC, 110VAC, 220VAC) มาสั่งงานให้คอนแทคเตอร์เปิดหรือปิดได้ ซึ่งทำให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบควบคุมอัตโนมัติ, สวิตช์ปุ่มกด, เซ็นเซอร์, หรือ PLC (Programmable Logic Controller) ได้ง่าย
  • เพิ่มความปลอดภัย: ช่วยควบคุมกระแสไฟฟ้าสูงได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการสัมผัสกับไฟฟ้าโดยตรง
  • อายุการใช้งานยาวนาน: ถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการเปิด-ปิดวงจรบ่อยๆ และรองรับการทำงานหนักในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรม

ปัจจัยสำคัญในการเลือก "แมกเนติกคอนแทคเตอร์" ให้ถูกสเปก: สิ่งที่ต้องพิจารณา!

การเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับงาน มีปัจจัยหลักๆ ที่คุณต้องพิจารณาอย่างละเอียดค่ะ การเลือกผิดสเปกอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้

1. "พิกัดกระแส (Rated Current / Ampere Rating)" ของคอนแทคเตอร์: ต้องรองรับกระแสไฟได้!

นี่คือปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ พิกัดกระแสคือ ปริมาณกระแสไฟฟ้าสูงสุด ที่หน้าสัมผัส (ส่วนที่เชื่อมต่อไฟฟ้า) ของคอนแทคเตอร์สามารถนำผ่านไปได้โดยไม่เกิดความร้อนสูงเกินไปจนเสียหาย

สิ่งที่ต้องรู้: การเลือกคอนแทคเตอร์ที่มีพิกัดกระแสน้อยกว่าที่โหลด (เครื่องจักร/มอเตอร์) ต้องการ อาจทำให้หน้าสัมผัสร้อนจัด ไหม้ หรือเสียหายได้

วิธีเลือกให้ถูกต้อง:

  • ทราบกระแสไฟฟ้าของโหลด: ตรวจสอบกระแสไฟฟ้า (หน่วยเป็นแอมแปร์ - A) ของมอเตอร์ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ที่คุณจะนำมาต่อพ่วง เช่น มอเตอร์ 3 เฟส 15kW อาจกินกระแสไฟประมาณ 30A
  • เผื่อค่าความปลอดภัย: เพื่อยืดอายุการใช้งานของคอนแทคเตอร์และเพื่อความปลอดภัย ควรเลือกคอนแทคเตอร์ที่มีพิกัดกระแส สูงกว่ากระแสไฟฟ้าจริงของโหลดประมาณ 1.25 - 1.5 เท่า (หรือ 125% - 150%)

ตัวอย่าง: ถ้ามอเตอร์กินกระแส 30A ควรเลือกคอนแทคเตอร์ที่มีพิกัดกระแสอย่างน้อย 30A×1.25=37.5A หรือเลือกขนาดที่ใกล้เคียงที่สุดที่หาซื้อได้ เช่น 40A

2. "พิกัดแรงดันไฟฟ้า (Rated Voltage)" ของคอนแทคเตอร์: ต้องตรงกับระบบ!

พิกัดแรงดันไฟฟ้าคือ "แรงดันไฟฟ้าสูงสุด" ที่หน้าสัมผัสของคอนแทคเตอร์สามารถทนได้โดยไม่ชำรุดเสียหาย

สิ่งที่ต้องรู้: การเลือกคอนแทคเตอร์ที่มีพิกัดแรงดันต่ำกว่าแรงดันของระบบไฟฟ้าที่คุณใช้ จะทำให้คอนแทคเตอร์เสียหายได้

วิธีเลือกให้ถูกต้อง:

  • ทราบแรงดันไฟฟ้าของระบบ: ในประเทศไทย ระบบไฟฟ้าบ้านทั่วไปคือ 220V (1 เฟส) ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมมักใช้ 380V (3 เฟส) หรือ 400V (3 เฟส)
  • เลือกให้เท่ากับหรือสูงกว่า: เลือกคอนแทคเตอร์ที่มีพิกัดแรงดันเท่ากับ หรือสูงกว่าแรงดันไฟฟ้าของระบบที่คุณจะใช้งานเสมอ เช่น ถ้าใช้กับมอเตอร์ 3 เฟส 380V ก็ต้องเลือกคอนแทคเตอร์ที่มีพิกัดแรงดัน 380V หรือ 400V

คู่มือเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ให้ถูกสเปก เลือกยังไงให้เหมาะกับงานของเรา

3. "พิกัดของคอยล์ (Coil Voltage)" ของคอนแทคเตอร์: ห้ามพลาดเด็ดขาด!

คอยล์ (Coil) คือส่วนที่ทำหน้าที่สร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อดึงหน้าสัมผัสของคอนแทคเตอร์ให้เปิดหรือปิด คอยล์ของคอนแทคเตอร์จะมี "แรงดันไฟฟ้า" เฉพาะของมันเอง ซึ่งอาจแตกต่างจากแรงดันไฟฟ้าหลักของโหลดที่คอนแทคเตอร์ควบคุมอยู่

สิ่งที่ต้องรู้: การเลือกคอนแทคเตอร์ที่มีคอยล์แรงดันไม่ตรงกับแรงดันของวงจรควบคุม จะทำให้คอยล์ไม่ทำงาน (ถ้าแรงดันต่ำไป) หรือคอยล์ไหม้ (ถ้าแรงดันสูงไป) ทำให้คอนแทคเตอร์ไม่สามารถเปิด-ปิดได้

วิธีเลือกให้ถูกต้อง:

  • ทราบแรงดันของวงจรควบคุม: คุณต้องรู้ว่าวงจรควบคุมที่คุณจะนำมาสั่งงานคอนแทคเตอร์นั้นใช้แรงดันไฟฟ้าเท่าไหร่ (เช่น 24VDC, 110VAC, 220VAC, 380VAC)
  • เลือกคอยล์ให้ตรงเป๊ะ: เลือกคอนแทคเตอร์ที่มีพิกัดแรงดันของคอยล์ ตรงกับแรงดันของวงจรควบคุม เสมอ

ตารางเปรียบเทียบ "แรงดันคอยล์ – เหมาะกับวงจรควบคุมแบบใด

แรงดันคอยล์ประเภทกระแสเหมาะกับวงจรควบคุมที่...
24VDC
DC
ใช้แบตเตอรี่, PLC, Sensor
24VACACใช้หม้อแปลงเล็กในวงจรอาคาร
110VACACระบบควบคุมเก่า หรือบางระบบอเมริกา
220–240VACACระบบบ้าน, ระบบควบคุมทั่วไปในไทย
380–400VACACใช้ควบคุมตรงจากไฟฟ้า 3 เฟส

4. "ประเภทของโหลด (Utilization Category)" หรือ "ลักษณะการใช้งาน": มากกว่าแค่กระแส!

นอกจากการดูพิกัดกระแสแล้ว คุณยังต้องพิจารณา "ประเภทของโหลด" หรือ "ลักษณะการใช้งาน" ของคอนแทคเตอร์ด้วยค่ะ เพราะโหลดแต่ละชนิดมีพฤติกรรมการใช้กระแสไฟที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะช่วงเปิด-ปิด

ทำไมจึงสำคัญ: โหลดบางประเภท เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า จะมีการกินกระแสไฟสูงมากในช่วงสตาร์ท (กระแสกระชาก หรือ Inrush Current) ซึ่งสูงกว่ากระแสปกติหลายเท่า (อาจถึง 5-7 เท่า) หากเลือกคอนแทคเตอร์ที่ไม่เหมาะสมกับลักษณะการทำงานของโหลด หน้าสัมผัสอาจสึกหรอเร็ว หรือไหม้ได้ง่าย

ประเภทโหลดที่พบบ่อย (ตามมาตรฐาน IEC)

  • AC-1: สำหรับโหลดที่เป็น ความต้านทาน (Resistive Load) เช่น ฮีตเตอร์ (เครื่องทำความร้อน), เตาอบ, หรือโหลดที่ไม่ใช่ประเภทมอเตอร์ กระแสไฟจะค่อนข้างคงที่
  • AC-3: สำหรับโหลดที่เป็น มอเตอร์ไฟฟ้าแบบกรงกระรอก (Squirrel Cage Motor) ที่มีการสตาร์ทและหยุดทำงานบ่อยครั้ง โหลดประเภทนี้จะมีกระแสกระชากสูงมากในช่วงสตาร์ท คอนแทคเตอร์ AC-3 จึงต้องทนทานต่อกระแสกระชากได้ดี
  • AC-4: สำหรับโหลดมอเตอร์ไฟฟ้าที่ต้องการการ กลับทิศทางหมุน (Reversing) หรือ เดิน-หยุดบ่อยครั้ง (Plugging/Jogging) เช่น มอเตอร์เครน มอเตอร์เครื่องจักรอัตโนมัติ โหลดประเภทนี้จะมีกระแสกระชากสูงมากและบ่อยครั้งกว่า AC-3 คอนแทคเตอร์ AC-4 จึงถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อการเปิด-ปิดที่ถี่และรุนแรงมากๆ

คำแนะนำ: ตรวจสอบประเภทโหลดของคุณ และเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ที่มี Utilization Category ตรงตามการใช้งานนั้นๆ เสมอ เพื่อให้คอนแทคเตอร์มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

ตารางแรงดันคอยล์ VS การใช้งานวงจรควบคุม

Categoryเหมาะสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม
AC-1โหลดต้านทาน เช่น ฮีตเตอร์, เตาอบกระแสคงที่ ไม่มี Inrush
AC-3มอเตอร์กรงกระรอก Start/Stop (ทั่วไป)มี Inrush ตอนเริ่มทำงาน แต่เปิด-ปิดไม่บ่อย
AC-4Jogging, Plugging, Reversing มอเตอร์เปิด-ปิดถี่, เปลี่ยนทิศ หมุนกลับทันที
AC-5aหลอดฟลูออเรสเซนต์, เมทัลฮาไลด์กระแสกระชากสูงในช่วงเปิดใช้งานครั้งแรก
AC-6bขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น โซลินอยด์, วาล์วกระแสเริ่มต้นสูง จากนั้นคงที่เมื่อทำงานต่อเนื่อง

คำแนะนำเพิ่มเติม

  • ส่วนใหญ่ใน อุตสาหกรรม ใช้ AC-3 เป็นพื้นฐาน 80–90% ของงานควบคุมมอเตอร์
  • ถ้าใช้กับ เครน, ลิฟต์, แขนกล, จ๊อกกิ้งบ่อย → ควรเปลี่ยนไปใช้ AC-4
  • ห้ามใช้ AC-1 กับโหลดมอเตอร์เด็ดขาด แม้กระแสจะเท่ากันก็ตาม!

คู่มือเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ให้ถูกสเปก เลือกยังไงให้เหมาะกับงานของเรา

5. จำนวนหน้าสัมผัส (Number of Contacts): เพียงพอต่อการใช้งานไหม?

แมกเนติกคอนแทคเตอร์ จะมีหน้าสัมผัส (Contact) อยู่ 2 แบบหลักๆ คือ หน้าสัมผัสหลักและหน้าสัมผัสช่วย

  • หน้าสัมผัสหลัก (Main Contacts): ใช้สำหรับต่อกับวงจรไฟฟ้าหลักที่มีกระแสสูง ส่วนใหญ่มักจะเป็น 3 โพล (สำหรับมอเตอร์ 3 เฟส) หรือ 2 โพล (สำหรับ 1 เฟส)
  • หน้าสัมผัสช่วย (Auxiliary Contacts): เป็นหน้าสัมผัสขนาดเล็ก ใช้สำหรับต่อกับวงจรควบคุม (Control Circuit) เพื่อส่งสัญญาณการทำงานของคอนแทคเตอร์ไปยังอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ไฟแสดงสถานะ หรือใช้ในการสร้างวงจรควบคุมที่ซับซ้อน (Interlock Circuit) โดยจะมีทั้งแบบ Normally Open (NO - ปกติเปิด) และ Normally Closed (NC - ปกติปิด) คุณต้องตรวจสอบว่าคอนแทคเตอร์มีหน้าสัมผัสช่วยเพียงพอสำหรับการออกแบบวงจรควบคุมของคุณหรือไม่

ขั้นตอนการคำนวณและเลือก "แมกเนติกคอนแทคเตอร์" ให้เหมาะสมกับโหลด

สรุปขั้นตอนง่ายๆ ในการเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ที่เหมาะสม:

1. หาสเปกของโหลด (เครื่องจักร/มอเตอร์)

  • กระแสไฟฟ้า (A): ตรวจสอบจากฉลากมอเตอร์ หรือคำนวณจากสูตร:

คู่มือเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ให้ถูกสเปก เลือกยังไงให้เหมาะกับงานของเรา

  • แรงดันไฟฟ้า (V): ตรวจสอบจากฉลากมอเตอร์
  • ประเภทของโหลด: เป็นมอเตอร์ (AC-3, AC-4) หรือฮีตเตอร์ (AC-1)

2. คำนวณพิกัดกระแสของคอนแทคเตอร์ที่ต้องใช้

  • นำกระแสไฟฟ้าของโหลด (จากข้อ 1) มาคูณด้วย ค่าเผื่อความปลอดภัย 1.25 - 1.5 เท่า (เผื่อไป 25% - 50%)
  • ตัวอย่าง: ถ้ามอเตอร์กินกระแส 30A คุณก็ต้องเผื่อไปอีกอย่างน้อย 30A×1.25=37.5A เพราะฉะนั้น ควรเลือกคอนแทคเตอร์ที่มีพิกัดกระแสอย่างน้อย 40A ขึ้นไป (เลือกขนาดที่ใกล้เคียงที่สุดที่หาซื้อได้)

3. ตรวจสอบพิกัดแรงดันคอนแทคเตอร์

  • เลือกคอนแทคเตอร์ที่มีพิกัดแรงดันเท่ากับ หรือสูงกว่าแรงดันของระบบไฟฟ้าที่คุณใช้ (เช่น 380V หรือ 400V)

4. ตรวจสอบพิกัดคอยล์คอนแทคเตอร์

  • สำคัญมาก! คุณต้องรู้ว่าวงจรควบคุมที่คุณจะใช้สั่งงานคอนแทคเตอร์นั้นใช้แรงดันเท่าไหร่ (เช่น 24VDC, 220VAC) แล้วเลือกคอยล์ให้ตรงกับแรงดันนั้นเลย

5. เลือกประเภทการใช้งาน (Utilization Category) ให้ตรงกับโหลด

  • ถ้าเป็นมอเตอร์ที่สตาร์ท-หยุดทั่วไป เลือก AC-3
  • ถ้าเป็นมอเตอร์ที่ต้องกลับทิศทางบ่อยๆ หรือเดิน-หยุดถี่ๆ เลือก AC-4
  • ถ้าเป็นโหลดประเภทฮีตเตอร์ (เครื่องทำความร้อน) หรืออื่นๆ ที่กินไฟเรียบๆ เลือก AC-1

6. นับจำนวนหน้าสัมผัสช่วยที่ต้องการ

  • ดูว่าวงจรควบคุมของคุณต้องการหน้าสัมผัส NO (Normally Open - ปกติเปิด) และ NC (Normally Closed - ปกติปิด) อย่างละกี่ตัว

คู่มือเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ให้ถูกสเปก เลือกยังไงให้เหมาะกับงานของเรา

เลือก "แมกเนติกคอนแทคเตอร์" ถูกสเปก = ระบบไฟฟ้าปลอดภัย มีประสิทธิภาพ!

แมกเนติกคอนแทคเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในระบบไฟฟ้าที่ใช้ไฟกำลังสูงค่ะ การเลือกซื้อและใช้งานให้ถูกสเปก ไม่ใช่แค่เรื่องของการเปิด-ปิดมอเตอร์ได้เท่านั้นนะคะ แต่มันคือหัวใจสำคัญของการ ป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ายืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรราคาแพง และทำให้ระบบไฟฟ้าในโรงงานของคุณ ทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด ค่ะ

ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจเลือก แมกเนติกคอนแทคเตอร์ ครั้งต่อไป อย่าลืมพิจารณาปัจจัยเหล่านี้อย่างรอบคอบนะคะ และหากคุณไม่แน่ใจจริงๆ หรือไม่มีความรู้ด้านไฟฟ้ามากพอ โปรดปรึกษาช่างไฟฟ้าผู้เชี่ยวชาญเสมอ ค่ะ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณได้เลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุดสำหรับงานของคุณค่ะ