Customers Also Purchased
พอเข้าฤดูฝนทีไร หลายคนก็รีบหาซื้อร่มใหม่ เตรียมรองเท้ากันลื่น หรือดูทางหนีทีไล่เวลารถติดน้ำ แต่มีอีกเรื่องนึงที่มักจะถูกมองข้ามครับ...นั่นคือ ปั๊มน้ำ เจ้าเพื่อนรักของบ้านเรานั่นเอง เพราะถ้าฝนตกหนัก น้ำไหลมาไฟตก แล้ว ปั๊มน้ำ เกิดงอแงขึ้นมา บอกเลยว่างานเข้าหนักแน่!
เปิดก๊อกแล้วน้ำไม่ไหล อาบน้ำอยู่ดี ๆ น้ำหยุด หรือไฟฟ้าช็อตจนเบรกเกอร์ตัดกลางดึกก็มีให้เห็นกันประจำ บทความนี้เลยอยากชวนคุณมาเช็กกันแบบง่าย ๆ สไตล์เพื่อนเล่าให้ฟัง เตรียม ปั๊มน้ำ ของคุณให้พร้อมลุยหน้าฝนแบบไม่ต้องลุ้นว่าเช้าพรุ่งนี้จะมีน้ำให้ล้างหน้าหรือเปล่า!
ทำไมหน้าฝนต้องห่วง ปั๊มน้ำ เป็นพิเศษ?
ความชื้นสูง เสี่ยงต่อระบบไฟฟ้า
หน้าฝนแบบนี้ อากาศก็ชื้นตลอดเวลา เรียกว่าแค่เดินผ่านหญ้าก็รองเท้าเปียกแล้ว และสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษก็คืออุปกรณ์ไฟฟ้าครับ โดยเฉพาะ "ปั๊มน้ำ" ที่ต้องทำงานร่วมกับทั้งน้ำและไฟฟ้า ถ้าเกิดมีน้ำรั่วซึมหรือฝนสาดเข้าตัวเครื่องเมื่อไหร่ ความเสี่ยงที่เครื่องจะช็อตหรือพังขึ้นมาก็สูงเลยล่ะครับ
ฝนตกหนัก ทำให้พื้นที่น้ำท่วม
ถ้า ปั๊มน้ำ ของคุณเผลอไปอยู่ในจุดที่น้ำขังบ่อย ๆ อย่างข้างรั้ว ใต้บันได หรือตรงซอกข้างบ้านที่พื้นต่ำกว่าเพื่อนบ้านล่ะก็...ต้องรีบเช็กเลยครับ! เพราะถ้าฝนตกหนัก น้ำฝนไหลมาท่วมเมื่อไหร่ ปั๊มน้ำ ที่แสนรักของเราอาจโดนน้ำจมหายไปทั้งตัว ไม่ใช่แค่เสียหายธรรมดา แต่อาจถึงขั้นไฟดูด ไฟช็อต ทำให้เบรกเกอร์ตัดหรืออุปกรณ์อื่นในบ้านพังตามมาอีกเพียบ อันตรายแบบไม่ให้ตั้งตัวจริง ๆ เลยครับ
ทางแก้ไม่ยากครับ แค่หาจุดติดตั้งใหม่ให้ปลอดภัยขึ้น อาจจะใช้แท่นยกสูงสัก 30–50 ซม. มีหลังคาหรือกล่องครอบกันฝนไว้ ก็ช่วยให้ปั๊มอยู่รอดปลอดภัยตลอดฤดูฝนได้แบบหายห่วงเลยครับ
ไฟตก-ไฟดับบ่อย
หน้าฝนทีไร หลายบ้านต้องเจอปัญหาไฟตกจากพายุฟ้าคะนองแบบไม่ทันตั้งตัวเลยครับ เคยมั้ย? กำลังต้มน้ำร้อน หรือซักผ้าอยู่ดี ๆ ไฟก็กระพริบพรึ่บพรั่บแล้วก็ดับไปเฉย ๆ พอเปิดมาอีกที เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ทำงานซะงั้น! โดยเฉพาะ ปั๊มน้ำ ที่มักจะเสียแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ถ้าไม่มีอุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก (surge protector) ติดตั้งไว้ บอกเลยว่ามีโอกาสพังได้ง่าย ๆ เหมือนกัน เสียทั้งเงินซ่อม เสียทั้งเวลา แถมยังไม่มีน้ำใช้อีกต่างหาก! แนะนำว่า ลงทุนติดไว้เถอะครับ ถูกกว่าซ่อมหลายเท่าแน่นอน
เช็กลิสต์ตรวจสภาพ ปั๊มน้ำ ก่อนเข้าฤดูฝน
1. ตรวจสอบตำแหน่งติดตั้ง
อยู่สูงพอไหม? ลองเดินไปดูจุดติดตั้ง ปั๊มน้ำ ของบ้านคุณสิครับ ว่าอยู่ต่ำกว่าพื้นรอบ ๆ ไหม ถ้าใช่ก็ต้องรีบยกให้สูงเลย เพราะถ้าฝนตกหนักแล้วน้ำทะลักมาเมื่อไหร่ เครื่องอาจจมน้ำจนพังได้แบบไม่รู้ตัวเลยนะครับ มีหลังคาคลุมหรือเปล่า? ถ้าปั๊มต้องอยู่กลางแจ้ง ไม่มีอะไรบังแดดบังฝนเลย แบบนี้เสี่ยงมาก! แนะนำให้ทำหลังคาครอบง่าย ๆ หรือหากไม่มีเวลาจะ DIY ก็หากล่องกันฝนแบบสำเร็จรูปมาติดตั้งไว้ ปั๊มจะได้ไม่เปียกปอนทุกครั้งที่ฝนตก แถมช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกด้วยครับ
2. ตรวจดูสายไฟและปลั๊ก
มีรอยรั่ว รอยไหม้ หรือชำรุดหรือไม่? ลองก้มดูตรงสายไฟดี ๆ ครับ บางทีฝนสาดแรงจนความชื้นซึมเข้าไป หรือมีแมลงเล็ก ๆ ไปกัดสาย ทำให้เกิดรอยชำรุดแบบที่เราไม่ทันสังเกต ถ้าพบรอยดำ ๆ ไหม้ ๆ หรือสายขาด ๆ ล่ะก็ อย่าชะล่าใจเด็ดขาด ควรรีบเปลี่ยนหรือเรียกช่างมาดูให้แน่นอน
มีการต่อสายดินหรือเบรกเกอร์ที่ปลอดภัยหรือยัง? ตรงนี้สำคัญมาก โดยเฉพาะหน้าฝนแบบนี้ เพราะถ้าระบบสายดินไม่ดี หรือไม่มีเบรกเกอร์คอยตัดไฟเมื่อเกิดไฟรั่ว ปั๊มน้ำ อาจกลายเป็นอันตรายแบบไม่รู้ตัวเลยครับ ถ้ายังไม่มั่นใจ ลองให้ช่างมาตรวจสอบหรือปรับปรุงให้ดีก่อนเข้าสู่หน้าฝนจะอุ่นใจกว่าครับ
3. ตรวจเช็กเสียง ปั๊มน้ำ ตอนทำงาน
ถ้าได้ยินเสียง “หึ่ง” ที่ฟังแล้วไม่เหมือนเดิม เช่น หึ่งยาว ๆ แบบลากเสียง หรือดังจนได้ยินไปถึงหน้าบ้าน นั่นแหละครับอาจเป็นสัญญาณว่ามอเตอร์เริ่มงอแงแล้ว ไม่ต้องรอให้เครื่องดับคาที่ แนะนำให้เรียกช่างมาดูให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องลุ้นว่าจะมีน้ำใช้มั้ยตอนอาบน้ำเย็น ๆ กลางคืน!
4. ตรวจเช็กแรงดันน้ำ
ลองเปิดก๊อกในบ้านพร้อมกันดูครับ เช่น เปิดก๊อกห้องน้ำกับก๊อกล้างจาน ถ้าน้ำยังแรงดีอยู่ก็โอเค แต่ถ้าน้ำเริ่มไหลเบาแบบชวนหงุดหงิด หรือแปรปรวนเหมือนอารมณ์คนตื่นเช้า นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า ปั๊มน้ำ เริ่มทำงานได้ไม่เต็มที่แล้วนะครับ อาจถึงเวลาที่ต้องเช็กแรงดัน หรือตั้งค่าปั๊มใหม่ หรือถ้าใช้งานมานานหลายปี อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนรุ่นใหม่ที่แรงกว่าและประหยัดไฟขึ้นด้วยครับ
5. ล้างถังเก็บน้ำและกรอง ปั๊มน้ำ
ลองเปิดฝาถังน้ำดูบ้างครับ บางทีอาจจะตกใจว่า เอ๊ะ! ทำไมมีทั้งเศษดิน เศษใบไม้ หรือบางบ้านถึงขั้นมีลูกน้ำว่ายอยู่เลยก็มี การล้างตะกอนพวกนี้ออกจากถังเก็บน้ำและกรองปั๊มเป็นเรื่องที่สำคัญมากนะครับ เพราะสิ่งสกปรกเหล่านี้สามารถอุดตันการทำงานของเครื่องได้ง่าย ๆ เลย ถ้าปล่อยไว้นาน ปั๊มน้ำ จะต้องทำงานหนักขึ้นโดยไม่จำเป็น เสี่ยงพังเร็ว แถมน้ำที่ไหลออกมาก็ไม่สะอาดอีกต่างหาก แนะนำว่าควรล้างถังอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หรือถ้ามีเวลาก็ล้างบ่อยกว่านั้นได้นะครับ บ้านจะได้ใช้น้ำสะอาด ปั๊มก็อยู่กับเราได้นาน ๆ
วิธีดูแล ปั๊มน้ำ ให้ปลอดภัยในหน้าฝน
ติดตั้งกล่องกันน้ำหรือทำหลังคาครอบ
การป้องกัน ปั๊มน้ำ ไม่ให้เปียกฝนตรง ๆ นี่แหละครับคือหัวใจของการดูแลช่วงหน้าฝนเลย ลองนึกภาพฝนเทกลางดึก แล้วปั๊มเปลือยอยู่กลางสนาม...ไม่รอดแน่! ถ้าใครยังไม่มีอะไรคลุม ลองหากล่องกันฝนพลาสติกแข็งที่ขายทั่วไป หรือถ้าขยันหน่อยจะทำหลังคาเล็ก ๆ ครอบไว้เองก็ได้นะครับ แค่มีอะไรช่วยบังฝนไว้ ก็ช่วยให้ปั๊มอายุยืนขึ้นเยอะเลย
ยก ปั๊มน้ำ ให้สูงจากพื้นอย่างน้อย 30 ซม.
ใช้แท่นเหล็ก หรือแท่นคอนกรีตยกสูงขึ้นสัก 30–50 ซม. นี่แหละครับ ช่วยกันไม่ให้น้ำฝนที่ไหลบ่ามาท่วมถึงปั๊มได้ดีเลย เพราะบางทีฝนตกหนัก ๆ น้ำอาจซึมเข้ามาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งถ้าปั๊มวางติดพื้นเปล่า ๆ ก็เสี่ยงจะโดนน้ำเข้าจนเครื่องเสียเอาง่าย ๆ ยกขึ้นมานิดเดียว แต่ช่วยยืดอายุการใช้งานได้อีกเยอะเลยครับ
ตรวจเช็กสายดินและเบรกเกอร์ทุกปี
อย่ามองข้ามระบบไฟฟ้าเด็ดขาดเลยครับ โดยเฉพาะบ้านที่ใช้ปั๊มน้ำแบบเดินสายตรงเข้าระบบไฟ ไม่มีปลั๊กเสียบแบบสำเร็จรูป ยิ่งต้องระวังเข้าไปใหญ่ เพราะถ้าเกิดไฟรั่วหรือเบรกเกอร์ไม่ตัดขึ้นมา อาจอันตรายได้จริง ๆ แนะนำว่าเรียกช่างไฟที่ไว้ใจได้มาตรวจสอบให้แน่นอนดีกว่า ลงทุนแค่นิดเดียว แต่ช่วยให้สบายใจทั้งฤดูฝนเลยครับ
หมั่นล้างถังเก็บน้ำทุก 6 เดือน
การหมั่นล้างถังน้ำ ไม่ใช่แค่ทำให้ ปั๊มน้ำ ไม่พังง่ายนะครับ แต่ยังช่วยให้มั่นใจว่าน้ำที่เราอาบ ล้างหน้า ล้างผัก หรือชงกาแฟในทุกเช้านั้น สะอาดจริง ๆ แบบไม่ต้องแอบหวั่นใจเลย ยิ่งถ้ามีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุอยู่บ้าน ยิ่งต้องใส่ใจเรื่องสุขอนามัยน้ำเป็นพิเศษครับ ล้างแค่ไม่กี่นาที แต่ดูแลทั้งบ้านได้สบายใจ
หากเกิดปัญหา ต้องทำยังไง?
น้ำไม่ไหล กระแสไฟปกติ
- ลองเดินไปดูที่เบรกเกอร์หลักของบ้านหรือเฉพาะเบรกเกอร์ที่ต่อกับ ปั๊มน้ำ ครับ ว่ามันตกหรือเปล่า บางทีฝนตกแรง ฟ้าร้องเปรี้ยงเดียวก็ทำให้เบรกเกอร์ตัดได้แบบไม่ทันตั้งตัวเลย ถ้าเห็นว่าเบรกเกอร์ตก ก็ลองสับขึ้นมาใหม่เบา ๆ ดู แต่ถ้าสับแล้วก็ตกอีก แบบนี้ต้องรีบเรียกช่างมาตรวจเลยครับ อย่าฝืนใช้เด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย!
- ลองเปิดก๊อกหลาย ๆ จุดพร้อมกันดูครับ เช่น เปิดห้องน้ำกับอ่างล้างจานพร้อมกัน ถ้าน้ำไหลออกมาพร้อม ๆ กัน แล้วปั๊มทำงานปกติก็ถือว่าโอเค แต่ถ้าเปิดแล้วปั๊มไม่ขยับ หรือเสียงเงียบกริบเหมือนกำลังงอนเราอยู่ แบบนี้อาจต้องสงสัยแล้วล่ะครับว่าปั๊มมีปัญหาหรือเปล่า ลองฟังเสียงดี ๆ หรือจับดูว่ามีการสั่นมั้ย ถ้ายังเงียบอยู่ แนะนำให้เรียกช่างมาช่วยเช็กให้จะชัวร์สุดครับ
ปั๊มน้ำ ไม่ตัด
- บางครั้งอาการที่ ปั๊มน้ำ ไม่ยอมตัด อาจเกิดจาก pressure switch หรือ sensor ที่ทำหน้าที่ควบคุมแรงดันน้ำเริ่มมีปัญหาแล้วครับ ซึ่งถ้าเราไม่ใช่สายช่างจริง ๆ ก็อาจดูไม่ออกว่าอะไรเสียบ้าง แนะนำว่าเรียกช่างมาช่วยตรวจให้ดีกว่า ไม่ต้องเสี่ยงลองซ่อมเองให้ปวดหัว แถมยังปลอดภัยกว่าเยอะเลยครับ
ปั๊มน้ำ ดังมากผิดปกติ
- ถ้าได้ยินเสียงดังแปลกๆ จาก ปั๊มน้ำ แบบไม่เคยเป็นมาก่อน อย่างเช่น เสียงครืด ๆ หรือเหมือนอะไรไปติดอยู่ภายใน ให้รีบปิดเครื่องก่อนเลยครับ แล้วลองเปิดฝาครอบดูเบื้องต้นว่า มีเศษใบไม้ เศษพลาสติก หรืออะไรที่อาจจะหลุดเข้าไปอุดในใบพัดหรือเปล่า ถ้าดูแล้วไม่แน่ใจ หรือไม่กล้าแกะเองจริง ๆ แนะนำให้เรียกช่างมาช่วยดูจะดีกว่า ปลอดภัยกว่าเยอะครับ ไม่ต้องเสี่ยงให้เครื่องพังหนักกว่าเดิม
แนะนำอุปกรณ์เสริมเพิ่มความอุ่นใจในหน้าฝน
เซนเซอร์ตัดไฟอัตโนมัติเมื่อมีน้ำท่วม
เหมาะมากเลยครับสำหรับบ้านที่อยู่ในพื้นที่ต่ำ น้ำท่วมขังง่าย หรือใครที่วาง ปั๊มน้ำ ไว้ติดพื้นดินแบบไม่ได้ยกสูง ถ้าฝนเทแรง ๆ มาเมื่อไหร่ เซนเซอร์พวกนี้จะช่วยตัดไฟให้ทันทีแบบอัตโนมัติ ลดความเสี่ยงไฟช็อตหรือปั๊มพังได้ดีเลยครับ
กล่องครอบกันฝนพร้อมระบายอากาศ
กล่องครอบกันฝนนี่ไม่จำเป็นต้องหายากหรือแพงเลยครับ! ถ้าใครไม่อยากยุ่งยากก็สามารถหาซื้อแบบสำเร็จรูปได้ที่ร้านเครื่องมือทั่ว ๆ ไป หรือถ้าบ้านไหนมีเวลากับอุปกรณ์อยู่แล้ว จะทำ DIY จากกล่องพลาสติกแข็ง ๆ สักใบก็ช่วยกันฝนได้ดีเหมือนกันครับ แถมประหยัดเงินด้วย ทำเองก็สนุกไปอีกแบบ!
UPS หรือ Inverter สํารองไฟ
เจ้า UPS หรือ Inverter ตัวช่วยตัวจิ๋วแต่แจ๋วเลยครับ! เวลาฝนตกฟ้าร้องแล้วไฟดับแบบไม่ทันตั้งตัว ถ้ามีอุปกรณ์สำรองไฟไว้ ก็ยังสามารถใช้น้ำต่อได้ชั่วคราว ไม่ต้องลำบากล้างจานด้วยขันหรืออาบน้ำด้วยขวดน้ำแบบแคมป์ปิ้งเลยครับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากให้กิจวัตรในบ้านต้องสะดุดเพราะไฟดับ
สรุป
หน้าฝนไม่ใช่แค่เรื่องของร่มกับรองเท้า แต่ "ปั๊มน้ำ" ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรเตรียมพร้อม เพราะถ้าเสียขึ้นมาในวันที่ฝนตก น้ำท่วม หรือไฟดับ อาจส่งผลต่อความเป็นอยู่ทั้งบ้านได้เลยครับ เพียงตรวจเช็กเล็กน้อย ปรับจุดติดตั้งให้ปลอดภัย และหมั่นดูแลเป็นประจำ เท่านี้ก็ช่วยให้ ปั๊มน้ำ พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ฝนฟ้าได้แล้วครับ