เลือก หน้ากากกันสารเคมี ดูจากอะไรบ้าง? รหัสไส้กรองคืออะไร?

Customers Also Purchased

ถ้าคุณทำงานเกี่ยวกับสารเคมี ไม่ว่าจะพ่นยาในสวน ทาสีบ้าน หรือทำงานในโรงงานเคมี เชื่อเลยว่าคุณคงเคยได้ยินคำว่า หน้ากากกันสารเคมี มาบ้างแล้วใช่ไหมครับ? เพราะเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้แหละ คือเกราะป้องกันด่านแรกที่จะช่วยให้เราไม่ต้องสูดไอระเหย หรือก๊าซอันตรายเข้าไปในร่างกายโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง 

แต่คำถามที่หลายคนยังสงสัยก็คือ... แล้วเราจะเลือก หน้ากากกันสารเคมี แบบไหนดีให้เหมาะกับงานของเรา? แล้วรหัสแปลก ๆ อย่าง A1, B2, E1 ที่ติดอยู่บนไส้กรองมันหมายถึงอะไร? จำเป็นแค่ไหน? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจทั้งหมดแบบง่าย ๆ เหมือนคุยกับเพื่อน พร้อมเคล็ดลับเล็ก ๆ ที่ช่วยให้คุณเลือก หน้ากากกันสารเคมี ได้ตรงจุด ปลอดภัย และคุ้มค่าแบบมืออาชีพ!

ทำไมต้องใช้ หน้ากากกันสารเคมี

ความเสี่ยงที่เกิดจากสารเคมี

  • สารเคมีระเหยที่มองไม่เห็นแต่แอบอันตรายมาก เช่น โทลูอีน, อะซิโทน, แอมโมเนีย ที่หลายคนเจอประจำในงานทาสี พ่นยา หรือแม้แต่งานซ่อมแซมเล็ก ๆ ในบ้านก็มี
  • สารอินทรีย์ระเหย (VOC) ที่มักอยู่ในสี ทินเนอร์ และกาว บางทีแค่เปิดกระป๋องกลิ่นก็ลอยมาทักทายก่อนเลย ใครเคยเวียนหัวเพราะกลิ่นพวกนี้จะรู้ดี
  • ก๊าซพิษที่อันตรายแบบไม่ต้องสูดเยอะก็รู้เรื่อง เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์, คลอรีน, ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งใช้ในโรงงานบางประเภทหรืออาจรั่วไหลในที่อับอากาศ

อันตรายที่เกิดจากการสูดดมโดยไม่ป้องกัน

  • ระคายเคืองทางเดินหายใจแบบรู้สึกแสบ ๆ คัน ๆ ทั้งจมูกและคอ บางคนอาจไอโดยไม่รู้ตัว
  • วิงเวียนศีรษะ หายใจติดขัด เหมือนอยู่ในที่อับ ๆ หรือโดนกลิ่นฉุนแรง ๆ จนต้องเดินหนี
  • ถ้ารับสารต่อเนื่องโดยไม่มีการป้องกัน สารบางตัวอาจเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อปอดสะสมไปเรื่อย ๆ แบบไม่รู้ตัวเลย
  • ที่แย่ที่สุดคือ บางรายถึงขั้นหมดสติหรืออาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้าเจอในพื้นที่ปิดหรือไม่มีอากาศถ่ายเท

เลือกหน้ากากกันสารเคมี ดูจากอะไรบ้าง รหัสไส้กรองคืออะไร

ประเภทของ หน้ากากกันสารเคมี

หน้ากากครึ่งหน้า (Half Facepiece)

ปิดจมูกและปากแบบพอดี ๆ ใช้งานง่าย ใส่แล้วไม่อึดอัด เหมาะมากกับงานเบาถึงปานกลาง เช่น พ่นยา ทาสี หรือทำงานที่เจอไอระเหยบ้างประปราย ใครที่เริ่มต้นใช้งานหน้ากากกันสารเคมีครั้งแรก แบบนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยครับ

ใครที่ต้องใส่แว่นนิรภัยหรือแว่นครอบตาระหว่างทำงานอยู่แล้วก็หายห่วงครับ เพราะหน้ากากครึ่งหน้ารุ่นนี้ใส่ร่วมกันได้สบาย ไม่เกะกะ ไม่เบียดกับแว่น แถมยังช่วยให้มองเห็นชัดเวลาใช้งานด้วย

หน้ากากเต็มหน้า (Full Facepiece)

หน้ากากประเภทนี้จะปิดทั้งใบหน้าเลยครับ ไม่ใช่แค่ปากกับจมูก แต่รวมถึงดวงตาด้วย เหมาะมากกับคนที่ต้องทำงานในที่ที่มีไอระเหยแรง ๆ หรือมีละอองสารเคมีลอยอยู่เต็มไปหมด ใส่แล้วช่วยให้มั่นใจได้ว่าดวงตาเราจะไม่โดนสารเคมีเล่นงานแบบไม่รู้ตัว

เหมาะมากกับงานที่มีความเสี่ยงสูงครับ โดยเฉพาะถ้าคุณต้องเข้าไปพ่นสารเคมีในที่แคบ ๆ อับ ๆ ที่แทบไม่มีลมผ่าน แบบที่แค่เปิดประตูเข้าไปกลิ่นก็ลอยมาเต็มหน้าแล้ว แบบนี้ใช้หน้ากากเต็มหน้าไว้จะอุ่นใจกว่ามาก

หน้ากากแบบใช้แล้วทิ้ง (Disposable Mask)

บางรุ่นพอจะช่วยกรองกลิ่นสารเคมีอ่อน ๆ ได้อยู่ครับ เช่น กลิ่นทินเนอร์จาง ๆ หรือกลิ่นยาฉุน ๆ เวลาเราทำงานทั่วไปในบ้าน แม้จะไม่ได้ป้องกันแบบแน่นหนาเหมือนรุ่นมืออาชีพ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ใส่อะไรเลย โดยเฉพาะใครที่แค่ทำงานเล็ก ๆ แบบ DIY ก็พออุ่นใจได้บ้าง

หน้ากากแบบนี้อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีถ้าคุณต้องเจอกับสารเคมีแรง ๆ หรือก๊าซพิษเข้มข้นนะครับ เพราะถึงจะใส่แล้วช่วยเรื่องกลิ่นบ้าง แต่ถ้าเจอของแรงจริง ๆ มันเอาไม่อยู่แน่นอน แบบนี้ควรเลือกหน้ากากระดับมืออาชีพที่ใช้ไส้กรองเฉพาะจะปลอดภัยกว่าครับ

ส่วนประกอบหลักของหน้ากากกันสารเคมี

ตัวหน้ากาก (Facepiece)

วัสดุของหน้ากากพวกนี้มักทำจากยางหรือซิลิโคนครับ ซึ่งข้อดีคือมันยืดหยุ่น ใส่แล้วแนบสนิทกับรูปหน้า ไม่หลุดง่าย และไม่รู้สึกบีบจนเกินไป ใครที่ต้องใส่ทำงานนาน ๆ จะรู้เลยว่าสบายหน้ากว่าที่คิดเยอะ

ส่วนนี้ถือว่าสำคัญเลยครับ เพราะตัวหน้ากากจะมีวาล์วหายใจเข้าและออกแยกกัน ทำให้เวลาเราหายใจเข้า อากาศจะผ่านไส้กรองก่อนเข้าไปในจมูก และเวลาหายใจออกก็จะไหลออกอีกทาง ช่วยให้หายใจสะดวก ไม่อึดอัด ไม่เหมือนกับหน้ากากธรรมดาทั่วไปที่ใส่ไปแป๊บเดียวก็รู้สึกแน่นหน้าอกแล้ว

ไส้กรอง (Filter/Cartridge)

หน้าที่หลักของเจ้าชิ้นนี้คือช่วยกรองเอาสารเคมีหรืออนุภาคในอากาศออกก่อนที่เราจะหายใจเข้าไปครับ ไม่ว่าจะเป็นไอระเหย กลิ่นฉุน หรือแม้แต่ฝุ่นละเอียด ๆ ที่มองไม่เห็น แต่ถ้าเข้าสู่ร่างกายบ่อย ๆ ก็สะสมจนส่งผลเสียได้ ดังนั้นไส้กรองนี่แหละคือฮีโร่เงียบที่ช่วยปกป้องเราแบบไม่ให้รู้ตัว

เจ้ารหัสพวกนี้แหละครับที่หลายคนเห็นแล้วอาจจะงงนิดนึง แต่จริง ๆ แล้วมันคือคู่มือย่อส่วนเลยก็ว่าได้ เพราะบอกเราว่าไส้กรองชิ้นนี้สามารถป้องกันสารเคมีแบบไหนได้บ้าง เช่น A1 เอาไว้กรองสารอินทรีย์ระเหยอย่างทินเนอร์หรือกลิ่นสี ส่วน B2 ก็เหมาะกับพวกก๊าซพิษแรง ๆ อย่างคลอรีนหรือแอมโมเนีย เป็นต้น อ่านรหัสเป็นเมื่อไหร่ รับรองเลือก หน้ากากกันสารเคมี ได้แม่นกว่าเดิมแน่นอนครับ

สายรัดศีรษะ (Head Harness)

เจ้าสายรัดนี่แหละครับที่คอยทำหน้าที่ยึด หน้ากากกันสารเคมี ให้แนบสนิทกับใบหน้า ไม่ให้หลุดหรือเลื่อนเวลาหันซ้ายหันขวา ทำให้เราใช้งานได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องคอยจับปรับอยู่ตลอดเวลา

เลือกหน้ากากกันสารเคมี ดูจากอะไรบ้าง รหัสไส้กรองคืออะไร

วิธีเลือก หน้ากากกันสารเคมี ให้เหมาะกับการใช้งาน

ระบุประเภทของสารเคมีที่ต้องรับมือ

  • ลองเปิดดูเอกสาร SDS (Safety Data Sheet) ของสารเคมีนั้น ๆ ก่อนเลยครับ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแนบมากับผลิตภัณฑ์หรือสามารถขอจากผู้ผลิตได้ ข้างในจะบอกละเอียดเลยว่าสารนั้นมีอันตรายยังไง ต้องป้องกันแบบไหน ช่วยให้เราเลือก หน้ากากกันสารเคมี ได้ตรงกับความเสี่ยง ไม่ต้องเดาสุ่มให้เสียสุขภาพ
  • ลองดูว่าเรากำลังรับมือกับสารเคมีประเภทไหนครับ เช่น เป็นพวกสารอินทรีย์ที่มีกลิ่นแรง ๆ อย่างทินเนอร์หรือกาว? หรือเป็นก๊าซพิษที่แค่ได้กลิ่นก็ต้องถอย เช่น คลอรีน? หรืออาจเป็นกรด-ด่างที่กัดกร่อนผิวได้? การรู้ชนิดของสารเหล่านี้จะช่วยให้เราเลือก หน้ากากกันสารเคมี และไส้กรองได้แม่นยำขึ้นเยอะเลยครับ

ประเมินความเข้มข้นและสภาพแวดล้อม

  • ลองสังเกตดูก่อนครับว่าคุณทำงานในพื้นที่แบบไหน ถ้าเป็นพื้นที่เปิดโล่ง มีลมโกรกตลอด ความเสี่ยงก็จะน้อยหน่อย แต่ถ้าเป็นพื้นที่ปิด ห้องแคบ ๆ หรืออับ ๆ แบบที่อากาศแทบไม่ไหลเวียน อันนี้ต้องระวังมากเป็นพิเศษ
  • มีพัดลมหรือระบบดูดอากาศไหม? ถ้าไม่มีเลย โอกาสที่ไอระเหยจะสะสมจนเป็นอันตรายก็สูงขึ้น
  • แล้วสารเคมีที่คุณใช้ กลิ่นแรงแค่ไหน? แสบจมูกไหม? ถ้ากลิ่นแรงจนต้องกลั้นหายใจ แสดงว่าเข้มข้นมาก แบบนี้ต้องเลือก หน้ากากกันสารเคมี และไส้กรองให้แม่นยำ อย่าเสี่ยงใช้อะไรแบบทั่วไปครับ

เลือกประเภท หน้ากากกันสารเคมี ให้เหมาะสม

  • ถ้าคุณต้องเคลื่อนไหวเยอะ หันซ้ายหันขวาบ่อย หรือทำงานกลางแจ้งที่ต้องพูดคุยหรือใส่หน้ากากนาน ๆ แนะนำให้เลือกแบบครึ่งหน้าครับ เพราะมันใส่สบาย น้ำหนักเบา ไม่อึดอัด และที่สำคัญคือหายใจง่าย เหมาะสุด ๆ สำหรับงานที่ต้องคล่องตัว เช่น พ่นยาในสวนหรือทาสีชิ้นงาน
  • แต่ถ้างานของคุณต้องเจอทั้งไอระเหยแรง ๆ และละอองที่อาจกระเด็นเข้าตา หรือทำงานในที่อับแบบที่กลิ่นสารเคมีลอยมาเต็มหน้าเมื่อเปิดประตู แบบนี้ไม่ต้องคิดมากเลยครับ เลือกหน้ากากแบบเต็มหน้าจะดีที่สุด เพราะนอกจากจะป้องกันปากและจมูกแล้ว ยังช่วยป้องกันดวงตาเราได้ด้วย ใส่แล้วมั่นใจขึ้นเยอะเลย

เลือกไส้กรองให้ตรงกับสารเคมี

  • ตรงจุดนี้แหละครับที่หลายคนมองข้ามไป! รหัสไส้กรองบน หน้ากากกันสารเคมี ไม่ใช่แค่ตัวหนังสือสวย ๆ นะครับ มันคือกุญแจที่จะบอกเราว่าไส้กรองนี้ป้องกันสารเคมีอะไรได้บ้าง เพราะแต่ละงานเจอกันคนละแบบ เราเลยต้องเลือกให้ตรงกับสิ่งที่เราจะเจอจริง ๆ ถ้ายังไม่แน่ใจ เดี๋ยวไปดูหัวข้อถัดไปครับ ผมจะอธิบายให้เข้าใจง่ายสุด ๆ เลย

เลือกหน้ากากกันสารเคมี ดูจากอะไรบ้าง รหัสไส้กรองคืออะไร

รหัสไส้กรองคืออะไร? อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ

รหัสไส้กรองที่เราเห็นกันบ่อย ๆ อย่าง A1, B2, E1, K2 นั้น จริง ๆ แล้วไม่ได้เป็นแค่รหัสเท่ ๆ ครับ แต่มันคือคีย์สำคัญที่ช่วยให้เรารู้ว่าไส้กรองชิ้นนั้นใช้ป้องกันสารอะไรได้บ้าง และทนได้แค่ไหน ถ้าเข้าใจระบบนี้ จะเลือกไส้กรองให้เหมาะกับงานก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปครับ

ตัวอักษร หมายถึงอะไร?

  • สารอินทรีย์ระเหย ทินเนอร์, เบนซิน, อะซิโตน
  • ก๊าซอนินทรีย์ คลอรีน, ไฮโดรเจนซัลไฟด์
  • กรด ซัลเฟอร์ไดออกไซด์, ไนโตรเจนไดออกไซด์
  • แอมโมเนียและอนุพันธ์ แอมโมเนีย, เมทิลเอมีน
  • อนุภาค ฝุ่น, ควัน, เชื้อโรค

ตัวเลข หมายถึงอะไร?

ตัวเลขแสดงถึงระดับความสามารถในการกรอง

  • 1 = สำหรับสถานการณ์ทั่วไปที่ไม่ได้เจอสารเคมีแรงมาก เหมาะกับงานเบา ๆ เช่น พ่นยาหรือทาสีในที่โล่ง
  • 2 = สำหรับงานที่สารเคมีเข้มข้นขึ้นมาอีกระดับ เช่น พ่นสีในที่ปิดหรืออยู่ใกล้แหล่งสารระเหยโดยตรง
  • 3 = สำหรับงานหนักที่ต้องเจอกับสารเคมีแรงหรือเข้มข้นมาก แบบที่แค่เปิดขวดกลิ่นก็พุ่งขึ้นจมูกทันที (แต่ตัวเลขระดับ 3 อาจไม่ได้มีในทุกรุ่นหรือทุกแบรนด์นะครับ)

ตัวอย่างเช่น

  • A1: ใช้สำหรับกรองพวกกลิ่นแรง ๆ จากสารอินทรีย์ระเหย เช่น ทินเนอร์ น้ำมันเบนซิน หรือสีที่ใช้ในงานพ่น โดยเหมาะกับงานที่ความเข้มข้นไม่สูงมาก ใครที่เคยพ่นสีแล้วเวียนหัว แบบนี้ช่วยได้ครับ
  • K2: เหมาะสำหรับกรองแอมโมเนียในระดับปานกลาง เช่น งานที่ใช้สารทำความเย็น งานห้องแล็บ หรือในฟาร์มที่ใช้ปุ๋ยสูตรแรง ๆ ถ้าได้กลิ่นฉุนแสบจมูก หน้ากากกันสารเคมี รหัสนี้ช่วยบรรเทาได้ดีเลย
  • ABE1: รุ่นนี้ถือว่าอเนกประสงค์ครับ กรองได้ทั้งสารอินทรีย์ ก๊าซอนินทรีย์ และกรด ถ้าใครไม่แน่ใจว่าสารที่ใช้เป็นกลุ่มไหน หรือเจอหลายอย่างผสมกัน ตัวนี้คือทางเลือกที่ครอบคลุมและอุ่นใจ

มาตรฐานที่ควรตรวจสอบก่อนซื้อ

มาตรฐานยุโรป (EN)

  • EN 143: มาตรฐานตัวนี้เอาไว้สำหรับไส้กรองอนุภาคครับ เช่น พวกฝุ่น ควัน หรือเชื้อโรคในอากาศ โดยแบ่งออกเป็นระดับ P1, P2, และ P3 ยิ่งตัวเลขเยอะก็ยิ่งกรองได้ละเอียดมากขึ้น เหมาะกับงานที่ต้องเจอกับฝุ่นจิ๋ว ๆ หรือผงเคมีลอยในอากาศแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
  • EN 14387: มาตรฐานตัวนี้เหมาะสำหรับไส้กรองที่ใช้กับก๊าซและไอระเหยต่าง ๆ ครับ เช่น ไส้กรองรหัส A, B, E, K หรือ AX ที่เราเห็นกันบ่อยๆบน หน้ากากกันสารเคมี ถ้าคุณต้องทำงานกับไอระเหยจากสารเคมีบ่อย ๆ หรือเจอหลายกลุ่มปนกันในงานเดียว มาตรฐานนี้ช่วยยืนยันได้ว่าไส้กรองที่คุณใช้ผ่านการทดสอบและเชื่อถือได้จริง

มาตรฐานอเมริกา (NIOSH)

  • มาตรฐานของฝั่งอเมริกาอย่าง NIOSH ก็มีรหัสที่เราน่าจะคุ้นหูกันอยู่แล้วครับ เช่น N95 ที่ช่วยกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ดี เหมาะกับงานฝุ่นหรือเชื้อโรคทั่วไป ส่วน P100 ก็กรองได้ละเอียดกว่าอีกระดับ ถ้าเป็น OV (Organic Vapor) หมายถึงใช้สำหรับกรองไอระเหยจากสารอินทรีย์ เช่น สีหรือทินเนอร์ และ AG (Acid Gas) ไว้กรองพวกก๊าซกรดแรง ๆ อย่างคลอรีนหรือไฮโดรเจนคลอไรด์ ใครที่ทำงานกับสารเหล่านี้เป็นประจำ ควรเลือกให้ตรงรหัสนะครับ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้งานและดูแล หน้ากากกันสารเคมี

การติดตั้งไส้กรองให้ถูกต้อง

  • ก่อนใช้งานอย่าลืมตรวจเช็กว่าใส่ไส้กรองเข้าไปจนแน่นดีแล้วนะครับ บางรุ่นแค่หมุนให้เข้าล็อคก็ใช้ได้เลย บางรุ่นอาจต้องกดคลิกให้ได้ยินเสียง 'แกร๊ก' ถึงจะถือว่าใส่เรียบร้อยแล้ว ถ้ายังไม่แน่น กลิ่นอาจรั่วเข้ามาได้นะครับ
  • แนะนำอย่างแรงเลยครับว่าอย่าเอาหน้ากากแบรนด์หนึ่งไปใช้กับไส้กรองอีกแบรนด์นะ เพราะถึงจะดูใส่ได้พอดี แต่ระบบล็อกหรือการออกแบบภายในอาจไม่ตรงกัน ผลคือลมรั่ว เสี่ยงที่สารเคมีเล็ดลอดเข้าไปได้โดยไม่รู้ตัว เพื่อความชัวร์และปลอดภัย ใช้ไส้กรองกับหน้ากากแบรนด์เดียวกันดีที่สุดครับ

อายุการใช้งานของไส้กรอง

  • หลังจากเปิดใช้งานแล้ว แนะนำว่าอย่าปล่อยให้เกิน 30 วันนะครับ ควรเปลี่ยนไส้กรองให้สดใหม่เสมอ แต่ถ้าระหว่างใช้งานเริ่มได้กลิ่นสารเคมีเล็ดลอดเข้ามาเมื่อไหร่ อย่ารอให้ครบเดือน รีบเปลี่ยนทันทีเลย เพราะนั่นแปลว่าไส้กรองเริ่มเสื่อมแล้วครับ
  • ข้อนี้สำคัญมากเลยครับ อย่าลืมเช็กวันหมดอายุที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ทุกครั้ง เพราะถึงแม้ไส้กรองจะยังดูดีหรือยังไม่เคยแกะใช้ แต่ถ้าเลยวันหมดอายุไปแล้ว ประสิทธิภาพในการกรองก็จะลดลงโดยที่เราไม่รู้ตัว ใช้แล้วเหมือนไม่ได้ใส่ป้องกันอะไรเลยก็ได้นะครับ

การเก็บรักษา

  • หลังใช้งานเสร็จแล้ว แนะนำให้เก็บ หน้ากากกันสารเคมี ไว้ในถุงหรือกล่องสุญญากาศที่ปิดได้สนิทครับ เพื่อไม่ให้อากาศจากภายนอกเข้าไปทำให้ไส้กรองเสื่อมเร็ว โดยเฉพาะถ้าใช้ ๆ หยุด ๆ แบบเป็นครั้งคราว การเก็บแบบนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของไส้กรองได้อีกพอสมควรเลย
  • พยายามอย่าเก็บ หน้ากากกันสารเคมี ไว้ใกล้แดด หรือวางไว้ในรถที่ร้อน ๆ นะครับ เพราะความร้อนและแสงแดดจะทำให้วัสดุเสื่อมเร็ว รวมถึงความชื้นก็เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เชื้อราเติบโตได้ไวอีกด้วย เก็บในที่แห้งและเย็นไว้จะดีที่สุดครับ

สรุป เลือก หน้ากากกันสารเคมี ให้ถูก ต้องดูอะไร?

  • ระบุประเภทของสารเคมีที่คุณทำงานด้วย
  • เช็กระดับความเข้มข้นของสารและสภาพแวดล้อม
  • เลือก หน้ากากกันสารเคมี ที่เหมาะกับลักษณะงาน (ครึ่งหน้า / เต็มหน้า)
  • เลือกรหัสไส้กรองให้ตรงกับสารเคมี เช่น A1, B2, E1, K1
  • ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย เช่น EN 14387, NIOSH
  • รักษาและเปลี่ยนไส้กรองตามรอบอายุการใช้งาน

เลือก หน้ากากกันสารเคมี ให้เหมาะกับการใช้งาน