7 ปัญหาที่เจอบ่อยเมื่อใช้ เครื่องย่อยกิ่งไม้ และวิธีแก้แบบง่ายๆ

เครื่องย่อยกิ่งไม้ POLO CSD650 ขนาด 60 mm.

20,900 บาท

เครื่องย่อยกิ่งไม้ POLO CSV650 ขนาด 60 mm.

21,500 บาท

เครื่องย่อยกิ่งไม้ WOOD CHIPPER รุ่น CLP-WC155 พร้อมเครื่องยนต์ HONDA

35,000 บาท

เครื่องสับไม้ CPA-450 14 แรงม้า

248,000 บาท

เครื่องย่อยกิ่งไม้ POLO รุ่น CSV1500 ขนาด 100 MM.

41,800 บาท

เครื่องย่อยกิ่งไม้ WOOD CHIPPER รุ่น CLP-WC155 (เฉพาะเครื่องไม่รวมเครื่องยนต์)

28,000 บาท

การมี เครื่องย่อยกิ่งไม้ ติดบ้านหรือฟาร์มไว้ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มสุดๆเลยนะ! เพราะนอกจากจะช่วยจัดการเศษกิ่งไม้ได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังช่วยลดภาระในการขนย้ายหรือเผาทิ้ง ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งในแง่เวลาและสิ่งแวดล้อม 

1. เครื่องย่อยกิ่งไม้ อุดตันบ่อย

• ใส่วัสดุเปียกหรือชื้นเกินไป เช่น ใบไม้เปียก ไม้สด หรือวัสดุที่เพิ่งรดน้ำมาใหม่ ซึ่งอาจทำให้วัสดุจับตัวกันแน่นจนใบมีดตัดไม่ขาด
• ป้อนวัสดุเร็วเกินไป ไม่ให้เครื่องมีเวลาย่อย ส่งผลให้เกิดการสะสมของเศษไม้ในช่องใบมีด และทำให้เกิดอาการตันได้ง่าย โดยเฉพาะกับรุ่นที่ไม่มีระบบกันอุดตัน

วิธีแก้ไข

• ผึ่งหรือผสมวัสดุเปียกกับวัสดุแห้งก่อนย่อย เช่น ใบไม้แห้งผสมใบไม้เปียกในอัตรา 1:1 หรือหากมีเวลา ควรตากวัสดุในที่ร่ม 1-2 ชั่วโมงก่อนย่อย เพื่อช่วยลดความชื้นได้มากขึ้น
• ป้อนวัสดุช้า ๆ และสม่ำเสมอ โดยใช้มือค่อย ๆ ป้อนทีละกำ และไม่ควรยัดวัสดุจำนวนมากในครั้งเดียว เพราะจะทำให้เกิดแรงต้านสะสมในเครื่อง
• ตรวจสอบว่ามีระบบ Reverse หรือไม่ หากมี ใช้ย้อนเพื่อดันวัสดุออกอย่างระมัดระวัง และหมั่นตรวจสอบว่าไม่มีเศษวัสดุค้างในช่องย่อยก่อนเริ่มใช้งานครั้งถัดไป

2. ใบมีดทื่อ ย่อยไม่ละเอียด

• ใช้งานมานานโดยไม่ลับคมหรือเปลี่ยนใบมีด ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการตัดลดลงอย่างเห็นได้ชัด วัสดุที่ย่อยออกมาจะมีขนาดไม่สม่ำเสมอ หรือบางทีก็ไม่สามารถย่อยได้เลย ส่งผลให้เครื่องทำงานหนักขึ้นและอาจเกิดความร้อนสะสม
• ใส่วัสดุผิดประเภท เช่น กิ่งไม้ใหญ่เกินขนาด หรือไม้เนื้อแข็งเกินกว่าที่เครื่องรองรับ ซึ่งนอกจากจะทำให้ใบมีดสึกเร็ว ยังอาจทำให้เกิดการสะท้านหรือเครื่องหยุดกะทันหัน

วิธีแก้ไข

• ถอดใบมีดออกมาลับตามคู่มือ (บางรุ่นให้ลับเองได้) โดยใช้หินเจียร ลับตามองศาเดิมของใบมีด และต้องสวมถุงมือทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย หากไม่มั่นใจควรให้ช่างที่มีประสบการณ์ช่วยดำเนินการ
• ถ้าใบมีดบิ่นหรือสึกมาก ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะการฝืนใช้งานใบมีดที่เสียหายอาจส่งผลให้เกิดการสะท้าน หรือทำให้เครื่องเสียหายหนักกว่าเดิม
• เลือกวัสดุให้เหมาะกับขนาดและกำลังของเครื่อง เช่น ถ้าใช้เครื่องไฟฟ้าขนาดเล็กไม่ควรใส่ไม้สดหรือไม้แข็งขนาดใหญ่ เพราะจะทำให้ใบมีดทำงานหนักเกินไป และเสื่อมสภาพเร็ว

3. มอเตอร์ร้อนจัดจนเครื่องตัดการทำงาน

• ใช้งานต่อเนื่องนานเกินไป โดยไม่หยุดพัก เช่น การเปิดเครื่องติดต่อกันเกิน 30 นาทีโดยไม่มีช่วงพัก ซึ่งจะทำให้มอเตอร์ร้อนสะสม และหากทำบ่อย ๆ จะส่งผลให้ระบบตัดอัตโนมัติทำงานบ่อย หรืออาจลดอายุการใช้งานของมอเตอร์ในระยะยาว
• ใส่วัสดุเกินขนาด ทำให้มอเตอร์ต้องใช้แรงมาก เช่น ใส่กิ่งไม้ที่มีขนาดเกินกว่าข้อกำหนดในคู่มือ เช่น รุ่นที่รองรับไม้ขนาด 2 นิ้ว แต่ใส่ไม้ 3 นิ้วเข้าไป จะทำให้ใบมีดติดหรือฝืนตัด และส่งผลให้มอเตอร์เกิดความร้อนเกินขีดจำกัด

วิธีแก้ไข

• หยุดพักทุก 15-20 นาที เพื่อให้เครื่องเย็น โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนหรือเมื่อใช้งานต่อเนื่องเกิน 30 นาที ควรปิดเครื่องและเปิดฝาระบายอากาศทิ้งไว้เล็กน้อยหากทำได้
• ไม่ควรใส่ไม้ขนาดใหญ่กว่าที่ระบุไว้ในคู่มือ เพราะนอกจากจะทำให้มอเตอร์ทำงานหนักเกินไป ยังเสี่ยงต่อการทำให้ใบมีดเสียหายหรือเครื่องสะดุดหยุดกะทันหัน
• ตรวจสอบการระบายอากาศของเครื่องว่าสะดวกหรือไม่ เช่น ช่องลมไม่อุดตัน พัดลมระบายความร้อนยังทำงานดี และไม่มีเศษไม้หรือฝุ่นสะสมในบริเวณรอบตัวเครื่อง

4. เสียงดังผิดปกติ

• วัสดุแข็งไปกระแทกใบมีด เช่น หิน เหล็ก ตะปู หรือเศษโลหะอื่น ๆ ที่อาจปะปนมากับกิ่งไม้โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เกิดเสียงดังผิดปกติ แต่ยังเสี่ยงต่อการบิ่นหรือหักของใบมีดได้
• ใบมีดหลวมหรือเสียศูนย์จากการติดตั้งไม่แน่น หรือจากการสั่นสะเทือนขณะใช้งาน ทำให้ใบมีดหมุนไม่สมดุล ส่งผลให้เกิดเสียงกระแทกและแรงสั่นที่ผิดปกติ ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้ชุดใบมีดหลุดออกจากแกนได้

วิธีแก้ไข

• ปิดเครื่องทันที แล้วเปิดฝาตรวจสอบภายในอย่างระมัดระวัง โดยควรรอให้ใบมีดหยุดหมุนสนิทก่อนเสมอ
• เช็กใบมีดว่าหลุดหรือคลายหรือไม่ หากพบว่าใบมีดหลวมให้ขันน็อตยึดให้แน่น และตรวจสอบความเสียหายของใบมีดด้วยว่ามีบิ่นหรือบิดงอหรือไม่
• หลีกเลี่ยงการใส่วัสดุที่ไม่ใช่พืช เช่น ตะปูในไม้ หรือกรวดดินปนเปื้อน โดยควรตรวจสอบกิ่งไม้ก่อนย่อยทุกครั้ง และอาจใช้ตะแกรงคัดกรวดดินออกหากเก็บวัสดุจากพื้นโดยตรง

5. เครื่องสตาร์ทยาก หรือไม่ติดเลย

• น้ำมันหมดหรือเก่า อาจเกิดจากการเก็บน้ำมันไว้นานจนคุณภาพลดลง ทำให้การจุดระเบิดไม่สมบูรณ์ หรือมีตะกอนสะสมในระบบเชื้อเพลิง
• หัวเทียนสกปรกหรือระบบไฟมีปัญหา เช่น คราบเขม่าเกาะหัวเทียน ทำให้ไม่สามารถจุดไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือสายไฟชำรุด ขั้วหลุด ขั้วเขย่าไม่แน่น ซึ่งทำให้กระแสไฟไม่ไหลถึงเครื่องยนต์

วิธีแก้ไข

• เติมน้ำมันใหม่ และเขย่าเบา ๆ ให้ไหลเข้าสู่ระบบ พร้อมเปิดฝาถังเล็กน้อยเพื่อช่วยไล่ลมและทำให้น้ำมันไหลเข้าสู่คาร์บูเรเตอร์ได้เร็วขึ้น
• ถอดหัวเทียนออกมาทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่หากเก่าเกินไป โดยใช้แปรงลวดหรือผ้าสะอาดเช็ดคราบเขม่าที่เกาะอยู่ และควรเช็กระยะห่างของเขี้ยวหัวเทียนให้ตรงตามสเปก
• ตรวจสอบสายไฟหรือระบบสตาร์ทว่ามีการหลุดหรือขาดหรือไม่ หากพบสายหลุดควรเสียบกลับให้แน่น หรือหากพบรอยไหม้หรือชำรุดควรเปลี่ยนสายใหม่ทันทีเพื่อป้องกันการลัดวงจร

6. ย่อยออกมาแล้วติดเป็นก้อน

• วัสดุมีความชื้นสูง เช่น ใบไม้สดหรือกิ่งไม้ที่เพิ่งตัดใหม่ซึ่งยังไม่ผ่านการตากแห้ง เมื่อเข้าสู่เครื่องย่อยจะเกาะกันเป็นก้อนและไม่หลุดออกจากช่องทางเดินของใบมีดได้ง่าย
• ระบบใบมีดย่อยไม่ละเอียดพอ หรือเป็นรุ่นที่ออกแบบมาสำหรับการสับหยาบ ทำให้วัสดุที่ได้มีลักษณะใหญ่ ติดกันเป็นก้อนโดยเฉพาะเมื่อผสมกับวัสดุเปียก หรือหากใบมีดเริ่มทื่อก็ยิ่งทำให้ปัญหานี้ชัดเจนขึ้น

วิธีแก้ไข

• ตากวัสดุให้แห้งก่อนย่อย หรือผสมวัสดุแห้งเข้าไปด้วย เช่น เศษใบไม้แห้งหรือขี้เลื่อย เพื่อช่วยลดความชื้นโดยรวม ทำให้การย่อยมีประสิทธิภาพมากขึ้นและไม่เกาะเป็นก้อน
• ถ้าเครื่องมีหลายระดับความละเอียด ให้เลือกตั้งค่าที่ละเอียดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องการวัสดุสำหรับคลุมดิน หรือทำปุ๋ยหมักที่เนื้อเนียนสม่ำเสมอ
• ใช้ตะแกรงคัดแยกหลังย่อย เพื่อคัดวัสดุที่ยังไม่ละเอียดกลับเข้าไปย่อยใหม่ และควรเก็บแยกวัสดุเปียกกับแห้งไว้ตั้งแต่ต้นเพื่อลดการอุดตันในรอบถัดไป

7. เครื่องสั่นแรงหรือเคลื่อนตัวระหว่างใช้งาน

• พื้นที่วางไม่เรียบ หรือเครื่องไม่ได้ตั้งมั่นคง เช่น ตั้งเครื่องบนพื้นหญ้า พื้นเอียง หรือพื้นดินที่ไม่แน่น ซึ่งจะทำให้เครื่องโคลงเคลงขณะทำงาน และเกิดแรงสะเทือนที่ส่งผลต่อสมดุลของใบมีดได้
• ใบมีดไม่สมดุล หรือติดเศษวัสดุด้านหนึ่ง ทำให้การหมุนเกิดแรงเหวี่ยงที่ไม่สมดุล ส่งผลให้เครื่องเกิดการสั่นแรงผิดปกติ และอาจทำให้ชิ้นส่วนสึกหรอเร็วขึ้นหากไม่แก้ไข

วิธีแก้ไข

• วางเครื่องบนพื้นเรียบ และล็อกล้อหากมี หรือนำวัสดุเช่นแผ่นไม้หรือบล็อกยางรองฐานเพื่อช่วยลดแรงสั่นจากพื้นผิวที่ไม่มั่นคง
• ตรวจสอบใบมีดว่าใส่แน่นหรือมีสิ่งแปลกปลอมเกาะอยู่หรือไม่ เช่น เศษไม้เปียก เศษเชือก หรือวัสดุเหนียวที่อาจติดแน่นและทำให้การหมุนเสียสมดุล
• ถอดออกมาทำความสะอาดและประกอบใหม่ให้แน่นหนา พร้อมเช็กระยะใบมีดทั้งสองฝั่งให้สมดุลกันเพื่อลดแรงเหวี่ยงขณะเครื่องทำงาน

สรุป

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ เครื่องย่อยกิ่งไม้ มักไม่ได้ซับซ้อน และหลายอย่างสามารถป้องกันได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มใช้งาน หากคุณรู้จักการดูแล ตรวจเช็กสภาพ และใช้งานเครื่องอย่างถูกวิธี ก็จะลดปัญหาเหล่านี้ได้เกือบทั้งหมด