กระจกจราจรคืออะไร? ทำไมต้องติดตั้ง และช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างไร?

Customers Also Purchased

เคยบ้างไหม เวลาขับรถออกจากซอยแคบ ๆ แล้วมองไม่เห็นว่ารถทางตรงกำลังมาเร็วแค่ไหน? หรือตอนจะเลี้ยวโค้งหักศอกแล้วกลัวว่าจะมีอะไรอยู่หลังโค้ง? เราเชื่อว่าหลายคนต้องเคยเจอสถานการณ์แบบนี้แน่นอน แล้วความรู้สึกเสียวแวบ ๆ นี่แหละ ที่มักจะนำไปสู่อุบัติเหตุได้ง่าย ๆ โชคดีที่เรามีตัวช่วยดีๆ ที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป นั่นก็คือ "กระจกจราจร" หรือที่บางคนอาจจะเรียกว่า "กระจกโค้ง" ค่ะ วันนี้เราจะมาคุยกันว่าไอ้เจ้ากระจกนี้มันคืออะไร ทำไมเราถึงต้องมีมันติดอยู่ตามถนนหนทาง แล้วมันช่วยให้เราปลอดภัยขึ้นได้ยังไงบ้าง ไปดูกันเลย!

กระจกจราจรคืออะไร? มันมองเห็นได้ยังไง?

กระจกนูน ๆ ที่เราเห็นตามทางแยก ทางโค้ง หรือตามที่จอดรถนั่นแหละค่ะ นั่นคือ กระจกจราจร มันไม่ได้เป็นกระจกแบน ๆ เหมือนกระจกที่เราส่องหน้า แต่เป็นกระจกที่นูนออกมาข้างหน้าหน่อย ๆ เหมือนลูกตาปลา หรือบางทีก็เป็นทรงกลม ๆ ครึ่งวงกลม หรือสี่เหลี่ยมนูน ๆ ก็มี

ความพิเศษของมันอยู่ตรงที่พื้นผิวที่โค้งนูนนี่แหละ เพราะความโค้งนี้เองที่ทำให้มันสามารถเก็บภาพได้กว้างกว่ากระจกธรรมดามาก ๆ ถ้าเรายืนอยู่หน้ากระจกจราจร เราจะเห็นภาพของถนนหรือบริเวณรอบ ๆ ได้ในมุมที่กว้างขึ้นมาก มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้เยอะขึ้น แม้ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ตรงมุมอับที่เรามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าโดยตรงก็ตาม

ส่วนวัสดุที่ใช้ทำก็มีหลายแบบนะ ไม่ว่าจะเป็นพลาสติกอย่าง อะคริลิก หรือ โพลีคาร์บอเนต ซึ่งพวกนี้จะทนทาน ไม่แตกง่ายเท่ากระจกจริง ๆ แต่ก็อาจจะเป็นรอยง่ายหน่อย หรือบางทีก็เป็นกระจกแก้วเลย อันนี้จะให้ภาพคมชัด แต่ก็เปราะบาง แตกหักง่ายถ้าโดนกระแทกแรง ๆ ส่วนขนาดก็มีตั้งแต่เล็ก ๆ ไปจนถึงใหญ่มาก ๆ ขึ้นอยู่กับว่าเอาไปติดที่ไหน และอยากให้มองเห็นได้กว้างแค่ไหนนั่นเอง

กระจกจราจรคืออะไร ทำไมต้องติดตั้ง และช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างไร

ทำไมต้องติดตั้งกระจกจราจร? มันจำเป็นจริง ๆ หรอ?

หลายคนอาจจะสงสัยว่า "ก็แค่กระจกเนี่ยนะ จะสำคัญอะไรนักหนา?" แต่จริง ๆ แล้ว กระจกจราจรโคตรสำคัญเลยนะ สำคัญมากจนหลาย ๆ ที่ถึงกับต้องมีติดเอาไว้เลย เพราะมันช่วยแก้ปัญหาใหญ่ ๆ บนท้องถนนที่เราเจอได้ดีมาก ๆ ดังนี้

  1. มองทะลุ "จุดอับสายตา" (Blind Spots): นี่คือเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้กระจกจราจรสำคัญมากๆ ค่ะ จุดอับสายตาคือบริเวณที่เรามองไม่เห็นเลย ไม่ว่าจะมองตรง ๆ หรือมองจากกระจกมองข้างรถเราเอง จุดเหล่านี้มักจะเจอได้ตาม ทางแยกที่ถูกบัง (เช่น มีกำแพง ต้นไม้ หรือตึกบังอยู่) ทางโค้งหักศอก ที่มองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้า หรือแม้แต่ ทางออกจากลานจอดรถ หรือปากซอยเล็ก ๆ ที่มีอะไรมาบดบังเยอะแยะ พอมีกระจกจราจรมาช่วย เราก็จะมองเห็นรถคันอื่น มอเตอร์ไซค์ หรือคนเดินเท้าที่กำลังจะโผล่มาจากจุดอับเหล่านี้ได้ชัดเจน ทำให้เรามีเวลาเตรียมตัว ไม่ต้องไปเสี่ยงขับชนกันเอง
  2. ช่วยชีวิตที่ "ทางแยกไร้สัญญาณไฟ": ตามถนนเล็ก ๆ หรือในหมู่บ้านมักจะไม่มีไฟจราจรใช่ไหมคะ เวลาจะข้ามแยกหรือเลี้ยวรถก็ต้องระวังสุด ๆ กระจกจราจรนี่แหละ ที่เข้ามาช่วยให้เรามองเห็นการจราจรจากอีกฝั่งได้ก่อนที่เราจะโผล่หัวรถออกไป ทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นและปลอดภัยขึ้นเยอะเลย
  3. ทางโค้งมหาภัย: โค้งหักศอก โค้งบนเนิน: โค้งแบบนี้อันตรายมาก ๆ นะ เพราะเรามองไม่เห็นเลยว่าข้างหน้ามีอะไรอยู่ อาจจะเป็นรถที่สวนมา รถเสียจอดอยู่ หรือแม้แต่สัตว์ที่วิ่งตัดหน้า การมีกระจกจราจรที่โค้งพวกนี้ จะทำให้เราเห็นภาพรวมของทางโค้งก่อนที่เราจะเลี้ยวเข้าไปจริง ๆ ทำให้เราลดความเร็ว เตรียมตัว หรือบีบแตรเตือนได้ทันท่วงทีครับ
  4. ในลานจอดรถและอาคารจอดรถ: ลองนึกภาพเวลาไปห้าง หรือที่จอดรถที่คนแน่น ๆ ทางก็แคบ ๆ กระจกจราจรช่วยให้เรามองเห็นรถคันอื่นที่กำลังจะเลี้ยวเข้าเลี้ยวออกได้ชัดเจน ลดการเฉี่ยวชนกันในที่แคบ ๆ ได้ดีมาก
  5. ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือโกดังใหญ่ ๆ: ในที่แบบนี้มีรถยก (Forklift) รถขนของคันใหญ่ ๆ วิ่งไปมาเยอะมาก ซึ่งรถพวกนี้มีจุดอับสายตาเยอะสุด ๆ การติดกระจกจราจรตามทางเดิน หรือทางแยกในโรงงาน จะช่วยให้คนขับรถยกมองเห็นพนักงาน หรือรถคันอื่นได้ชัดเจน ทำให้ทำงานได้ปลอดภัยขึ้นมาก ๆ ค่ะ
  6. เพื่อคนเดินเท้าและจักรยาน: ไม่ใช่แค่รถยนต์นะที่ต้องการจุดมองเห็น บางทีทางเดินเท้า ทางจักรยาน หรือทางแยกที่คนเดินเยอะ ๆ ก็มีจุดอับสายตาเหมือนกัน การติดกระจกจราจรช่วยให้คนขับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์มองเห็นคนเดินเท้ากับจักรยานได้ชัดเจนขึ้น ทำให้ระมัดระวังมากขึ้น ไม่ไปชนกัน

กระจกจราจรช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างไร? มันทำงานยังไงนะ?

หัวใจสำคัญของกระจกจราจรก็คือ "การขยายมุมมอง" ค่ะ อย่างที่บอกไปว่าพื้นผิวของมันจะโค้งนูน พอแสงมาตกกระทบแล้วสะท้อนออกไป มันจะทำให้ภาพที่เราเห็นในกระจกเล็กลงหน่อย แต่สิ่งที่เราเห็นจะครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขึ้นมาก ๆ เลย

ลองนึกภาพว่าคุณยืนอยู่สี่แยก แล้วมองไปที่กระจกจราจร คุณจะเห็นภาพรวมของถนนทั้งสองฝั่งที่มาบรรจบกันที่สี่แยกนั้นได้หมดเลย แม้ว่าบางส่วนของถนนจะถูกกำแพงบังอยู่ก็ตาม ภาพที่เห็นในกระจกอาจจะดูไกล ๆ หน่อย หรือดูเล็ก ๆ ไปบ้าง แต่สิ่งสำคัญคือคุณจะเห็นว่ามีรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์กำลังเคลื่อนที่มาจากทิศทางไหนบ้าง ทำให้คุณมีข้อมูลมากพอที่จะตัดสินใจได้ว่าจะต้องจอดรอให้รถผ่านไปก่อน หรือจะเลี้ยวรถออกไปได้เลยอย่างปลอดภัย

พูดง่าย ๆ ก็คือ กระจกจราจรช่วยเราเรื่องความปลอดภัยได้หลัก ๆ แบบนี้ค่ะ

  • ลดจุดบอดในการมองเห็น: อันนี้คือหัวใจหลักเลย มันช่วยให้เรามองเห็นในจุดที่ปกติมองไม่เห็น ทั้งรถ คน หรือสิ่งกีดขวาง ทำให้เรามีเวลาตัดสินใจและหลบเลี่ยงอุบัติเหตุได้ทัน
  • ให้เวลาเราคิด: เมื่อเราเห็นอันตรายที่กำลังจะมาล่วงหน้า เราก็จะมีเวลามากขึ้นที่จะตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อดี จะเหยียบเบรก จะชะลอ หรือจะเปลี่ยนเลน การมีเวลาคิดนี่แหละที่สำคัญมากๆ ในการป้องกันอุบัติเหตุ
  • ลดโอกาสชนกัน: พอเรามองเห็นได้กว้างขึ้น มีเวลาคิดมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดการชนกันก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัดเลย
  • ขับขี่มั่นใจขึ้น: การที่เรามองเห็นรอบด้านได้ดีขึ้น ทำให้เราขับรถได้สบายใจขึ้น ไม่ต้องขับไปลุ้นไปว่าจะมีอะไรโผล่มาไหม
  • เตือนให้ระวัง: การมีกระจกจราจรก็เหมือนป้ายเตือนกลาย ๆ ว่า "ตรงนี้มีจุดอับนะ ระวังด้วย!" ทำให้คนขับระมัดระวังตัวเองมากขึ้นโดยอัตโนมัติ

กระจกจราจรคืออะไร ทำไมต้องติดตั้ง และช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างไร

เลือกกระจกจราจรแบบไหนดี?

กระจกจราจรก็มีหลายแบบนะคะ แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ลองดูว่าแบบไหนเหมาะกับที่เราจะไปติด

1. แบบอะคริลิก (พลาสติกใส)

  • ข้อดี: น้ำหนักเบา ทนแรงกระแทกได้ดีกว่าแก้วเยอะ ไม่แตกเป็นชิ้นเล็กๆ ถ้าโดนอะไรกระแทก
  • ข้อเสีย: เป็นรอยขีดข่วนง่ายกว่า อาจจะดูขุ่นๆ ได้บ้างถ้าใช้ไปนานๆ
  • เหมาะกับ: พื้นที่ทั่วไปที่ไม่ค่อยมีอะไรมากระแทกแรงๆ เช่น ลานจอดรถตามห้าง โรงเรียน หรือในชุมชน

2. แบบโพลีคาร์บอเนต (พลาสติกเหนียวพิเศษ)

  • ข้อดี: โคตรทนทาน! ทนแรงกระแทกดีกว่าอะคริลิกอีก แทบไม่มีวันแตกเลย ทนแดดทนฝนได้ดี
  • ข้อเสีย: ราคาจะสูงกว่าอะคริลิก และอาจจะเกิดรอยขีดข่วนได้บ้าง
  • เหมาะกับ: พื้นที่ที่เสี่ยงโดนทำลายสูงๆ เช่น บริเวณที่มักมีคนปาของใส่ โรงงาน หรือที่ที่อากาศแปรปรวนมาก ๆ

3. แบบแก้ว (กระจกจริงๆ)

  • ข้อดี: ภาพคมชัดที่สุด เหมือนมองกระจกจริงๆ เป๊ะ ไม่เป็นรอยขีดข่วนง่าย
  • ข้อเสีย: เปราะบางที่สุด แตกง่ายถ้าโดนกระแทกแรงๆ
  • เหมาะกับ: พื้นที่ที่ไม่ค่อยมีโอกาสโดนกระแทก หรือต้องการความคมชัดของภาพสูงมาก ๆ

4. แบบสเตนเลส

  • ข้อดี: ทนทานที่สุด ไม่แตก ไม่เป็นสนิม ทนทุกสภาพอากาศ
  • ข้อเสีย: ภาพอาจจะดูบิดเบี้ยวได้ง่ายกว่าแบบอื่น ไม่ค่อยคมชัดเท่าไหร่ แล้วก็น้ำหนักเยอะด้วย
  • เหมาะกับ: พื้นที่ที่เสี่ยงต่อการถูกทำลายหรือถูกงัดแงะสูงๆ หรือสภาพแวดล้อมที่โหดมากๆ อย่างท่าเรือ หรือโรงงานสารเคมี

นอกจากนี้ บางรุ่นก็มีหมวกกันแดดมาให้ด้วยนะ เพื่อช่วยลดแสงสะท้อนที่แยงตาตอนกลางวัน หรือบางทีก็มีแบบมีฮีทเตอร์(Heated Mirror) สำหรับที่อากาศหนาวมาก ๆ จะได้ไม่เป็นฝ้าหรือน้ำแข็งเกาะค่ะ แต่แบบมีฮีตเตอร์ประเทศไทยไม่นิยมหรอกนะ คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าเพราะอะไร (ร้อนตับแตก) เพราะไทยไม่ใช่เมืองหิมะค่า ไม่มีน้ำแข็งเกาะ

ติดตั้งกระจกจราจรยังไงให้ได้ผลดีที่สุด?

การเลือกและติดตั้งกระจกจราจรให้ถูกที่ถูกทางก็สำคัญไม่แพ้กันเลย

  • เลือกขนาดให้เหมาะ: ถ้าอยากมองเห็นได้ไกล ๆ กระจกก็ต้องใหญ่ขึ้นนะ ปกติจะมีตารางบอกเลยว่าขนาดไหนเหมาะกับระยะมองเห็นเท่าไหร่
  • เลือกวัสดุให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม: ถ้าเป็นที่ที่มีเด็กวิ่งเล่น หรือมีโอกาสโดนปาหิน ควรเลือกวัสดุที่ทนแรงกระแทกสูง ๆ อย่างโพลีคาร์บอเนตหรืออะคริลิก
  • เลือกตำแหน่งดี ๆ : ต้องติดให้สูงพอที่จะมองเห็นได้โดยไม่โดนรถคันอื่นบัง และต้องอยู่ในมุมที่เห็นจุดอับสายตาได้ชัดเจนที่สุดด้วย
  • ความสูงที่พอดี: ส่วนใหญ่จะติดที่ความสูงประมาณ 2.5 - 3 เมตรจากพื้น จะได้มองเห็นได้ทั่วถึง
  • ปรับมุมให้เป๊ะ: พอติดเสร็จแล้ว ต้องลองปรับมุมกระจกให้ดีที่สุด เพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพรวมของจุดอับสายตาได้ชัดเจนที่สุดนะ

ข้อจำกัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของกระจกจราจร (ที่ควรรู้ไว้)

แม้กระจกจราจรจะดีมาก ๆ แต่ก็มีข้อจำกัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราควรรู้ไว้นะคะ

  • ภาพอาจจะบิดเบี้ยวหน่อย ๆ : ด้วยความที่มันโค้งนูน ทำให้ภาพที่เห็นในกระจกอาจจะดูเล็กกว่าจริง หรือบิดเบี้ยวไปบ้างเล็กน้อย ทำให้กะระยะทางผิดพลาดได้บ้าง ผู้ขับขี่จึงควรระมัดระวังและลดความเร็วในบริเวณที่มีกระจกจราจรคะ
  • แสงสะท้อน: ถ้าไปติดตั้งในตำแหน่งที่โดนแดดเปรี้ย งๆ อาจจะมีแสงสะท้อนแยงตาได้บ้าง ควรเลือกตำแหน่งให้ดี หรือเลือกกระจกที่มีคุณสมบัติลดแสงสะท้อนค่ะ
  • ต้องดูแลทำความสะอาด: กระจกจราจรก็เหมือนกระจกทั่วไปนะคะ ถ้ามีฝุ่น คราบสกปรก หรือรอยขีดข่วนเยอะ ๆ มันก็จะทำให้มองไม่ชัด ต้องหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ
  • ไม่ใช่ข้ออ้างให้ประมาท: จำไว้ว่ากระจกจราจรเป็นแค่ตัวช่วยเสริมเท่านั้นนะคะ มันไม่ได้หมายความว่าเราจะขับรถประมาทได้เต็มที่ การขับรถด้วยความระมัดระวัง การลดความเร็วในจุดอันตราย และการปฏิบัติตามกฎจราจร ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ


กระจกจราจรคืออะไร ทำไมต้องติดตั้ง และช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างไร

กระจกจราจรคือฮีโร่ตัวจิ๋วที่มองข้ามไม่ได้!

เห็นไหมว่าเจ้า กระจกจราจร เนี่ย ถึงจะดูเรียบง่าย ไม่มีเทคโนโลยีอะไรซับซ้อน แต่ด้วยคุณสมบัติในการขยายมุมมองและช่วยให้เรามองเห็นจุดอับสายตา มันได้ช่วยชีวิตผู้คนมากมาย และลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้อย่างมหาศาลจริง ๆ ไม่ว่าจะปากซอยบ้าน ทางแยกใกล้ ๆ โรงเรียน หรือแม้แต่ในโรงงาน กระจกจราจรก็คือ "ดวงตา" ที่คอยช่วยให้เรามองเห็นในสิ่งที่เรามองไม่เห็น และเป็นผู้ช่วยเงียบๆ ที่คอยปกป้องชีวิตของเราและเพื่อนร่วมทางให้ปลอดภัยบนท้องถนน

ดังนั้น ครั้งหน้าถ้าคุณขับรถผ่านจุดอับสายตา แล้วเห็นกระจกนูน ๆ แวบ ๆ อยู่ตรงนั้น อย่าลืมนะครับว่านั่นคือเพื่อนร่วมทางที่คอยดูแลความปลอดภัยให้คุณอยู่เสมอ! คุณเองล่ะ เคยเจอกระจกจราจรช่วยชีวิตคุณบ้างไหม? มาแชร์ประสบการณ์กันได้นะ!