6 ข้อควรระวังในการใช้งาน เครื่องวัดอุณหภูมิ แบบไม่สัมผัส

Customers Also Purchased

เครื่องวัดอุณหภูมิ แบบไม่สัมผัส หรือเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรดนั้น เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมสูงในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นในสายการผลิตอาหาร โรงงานอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การตรวจสอบอุณหภูมิพื้นผิวของเครื่องจักร ตลอดจนถึงการใช้งานในภาคครัวเรือน และทางการแพทย์ การทำงานของเครื่องวัดอุณหภูมิชนิดนี้อาศัยหลักการแปลงค่ารังสีอินฟราเรดที่แผ่ออกมาจากวัตถุเป็นค่าความร้อนที่สามารถแสดงผลเป็นตัวเลขได้อย่างรวดเร็ว และไม่ต้องสัมผัสกับวัตถุโดยตรง ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในเรื่องของความปลอดภัย และความสะดวกในการใช้งาน

อย่างไรก็ตาม แม้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสจะดูเหมือนใช้งานง่าย แต่หากขาดความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้งาน ก็อาจทำให้ค่าที่เครื่องวัดอุณหภูมิวัดได้นั้นคลาดเคลื่อนจนส่งผลต่อความเสียหายได้ ทั้งในแง่ของคุณภาพสินค้า ความปลอดภัยในการทำงาน หรือแม้แต่การวินิจฉัยทางการแพทย์ ความรู้ความเข้าใจในวิธีใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในบทความนี้เราจะเจาะลึกถึงข้อควรระวังในการใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสทั้งหมด 6 ข้อด้วยกัน เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำที่สุด

1. ระวังมุมวัด และระยะห่างที่ไม่เหมาะสม

เครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสมีข้อดีตรงที่สามารถวัดอุณหภูมิได้โดยไม่ต้องแตะต้องวัตถุ ทำให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก หรืออาจเกิดอันตราย แต่ในความสะดวกนั้นยังแฝงไว้ด้วยข้อจำกัดบางประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของระยะ และมุมการวัด ซึ่งหากผู้ใช้ไม่เข้าใจ หรือใช้งานผิดวิธี อาจทำให้ค่าที่ได้จากเครื่องวัดอุณหภูมิเบี่ยงเบนจากความเป็นจริงอย่างมาก และอาจส่งผลกระทบต่อการวิเคราะห์ หรือการตัดสินใจในภาคอุตสาหกรรม หรือการแพทย์ได้เลยทีเดียว

6 ข้อควรระวังในการใช้งาน เครื่องวัดอุณหภูมิ แบบไม่สัมผัส

ระยะวัดมีผลต่อความแม่นยำ

เครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสแต่ละรุ่นถูกออกแบบมาพร้อมอัตราส่วนระหว่างระยะวัดกับขนาดพื้นที่วัด (Distance-to-Spot หรือ D:S) ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น อัตราส่วน 10:1 หมายความว่าเมื่อวัดจากระยะห่าง 10 หน่วย เครื่องจะรับข้อมูลจากบริเวณกว้างประมาณ 1 หน่วย หากผู้ใช้วัดจากระยะที่ไกลเกินไป โดยไม่สอดคล้องกับค่า D:S ของเครื่องนั้น ๆ อาจส่งผลให้ค่าที่ได้ไม่สะท้อนอุณหภูมิจริงของเป้าหมาย

ปรับมุมให้อยู่ตรงจุดที่ต้องการจริง ๆ

การตั้งมุมของหัวเซ็นเซอร์เครื่องวัดอุณหภูมิถือเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างยิ่งในการใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัส เพราะหากเครื่องเอียงไปจากแนวตั้งฉาก หรือไม่ได้เล็งตรงจุดที่ต้องการวัดจริง ๆ เซ็นเซอร์อาจรับรังสีจากพื้นที่รอบข้าง หรือพื้นหลังที่ไม่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้ค่าที่อ่านได้คลาดเคลื่อน และไม่น่าเชื่อถือ เพื่อความแม่นยำสูงสุดในการใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิ ผู้ใช้ควรระมัดระวังในประเด็นต่อไปนี้:
  • ตั้งหัวเซ็นเซอร์ให้ใกล้เคียงกับแนวตั้งฉากของพื้นผิวที่ต้องการวัดมากที่สุด
  • หลีกเลี่ยงการวัดในมุมเอียง หรือเฉียง โดยเฉพาะกับวัตถุที่มีพื้นผิวไม่เรียบ หรือโค้ง
  • หากจำเป็นต้องวัดพื้นผิวโค้ง ให้ลองวัดหลายมุมแล้วนำค่ามาเฉลี่ยเพื่อความน่าเชื่อถือ
  • ตรวจสอบบริเวณรอบวัตถุที่วัดให้มั่นใจว่าไม่มีแสงสะท้อน หรือวัตถุอื่นที่อาจรบกวนการรับรังสีอินฟราเรด
  • สำหรับผู้ที่ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิรุ่นขั้นสูง ควรเปิดฟังก์ชันช่วยประมวลผลมุมวัดอัตโนมัติหากมี

2. ระวังค่าการแผ่รังสี (Emissivity) ไม่สอดคล้องกับพื้นผิววัตถุ

การเข้าใจลักษณะของพื้นผิววัตถุที่ต้องการวัดอุณหภูมิถือเป็นหัวใจสำคัญของการใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัส เพราะเครื่องวัดอุณหภูมิประเภทนี้ต้องพึ่งพาพลังงานรังสีอินฟราเรดที่แผ่ออกมาจากพื้นผิววัตถุ ซึ่งจะถูกแปลผลโดยอิงตามค่าหนึ่งที่เรียกว่า "Emissivity" ถ้าผู้ใช้งานไม่เข้าใจว่าค่านี้คืออะไร หรือไม่ได้ตั้งค่าให้ตรงกับลักษณะของวัตถุจริง ๆ ค่าที่แสดงออกมาอาจจะผิดเพี้ยนจนไม่สามารถใช้อ้างอิงได้เลย โดยเฉพาะเมื่อใช้กับวัตถุที่มีผิวมัน หรือสะท้อนแสงสูง เช่น โลหะขัดเงา ซึ่งมีค่าการแผ่รังสีต่ำมาก

Emissivity ส่งผลต่อการแปลค่ารังสีเป็นอุณหภูมิ

Emissivity ในการคำนวณอุณหภูมิ แสดงถึงความสามารถของพื้นผิววัตถุในการแผ่รังสีอินฟราเรด โดยวัตถุที่ต่างกัน เช่น โลหะขัดเงา พื้นผิวเคลือบ ผิวหยาบ,พลาสติก หรือยาง จะมีค่า Emissivity ที่ต่างกัน หากตั้งค่าผิดพลาด เครื่องวัดอุณหภูมิอาจตีความพลังงานอินฟราเรดผิด ส่งผลให้ค่าอุณหภูมิที่แสดงคลาดเคลื่อนได้มาก

ควรปรับค่า Emissivity ให้เหมาะสมกับแต่ละวัตถุ

เครื่องวัดอุณหภูมิคุณภาพสูงมักจะมีฟังก์ชันให้ปรับค่า Emissivity ได้ ควรศึกษาเอกสารประกอบการใช้งาน หรือแหล่งข้อมูลอ้างอิง เช่น ตารางค่า Emissivity สำหรับวัสดุต่าง ๆ เพื่อให้ตั้งค่าได้อย่างแม่นยำ

6 ข้อควรระวังในการใช้งาน เครื่องวัดอุณหภูมิ แบบไม่สัมผัส

3. ระวังการใช้งานในพื้นที่ที่มีฝุ่น ควัน หรือไอน้ำ

พื้นที่ที่มีฝุ่นละออง ควัน หรือไอน้ำมักเป็นบริเวณที่พบได้ทั่วไปในโรงงานอุตสาหกรรม โรงครัว และพื้นที่กลางแจ้งบางประเภท ซึ่งสภาพแวดล้อมลักษณะนี้ที่อาจดูเหมือนเป็นเรื่องปกติมีผลกระทบอย่างมากต่อความแม่นยำของเครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัส เพราะรังสีอินฟราเรดที่ใช้ในการตรวจวัดอุณหภูมิอาจถูกรบกวนโดยอนุภาคขนาดเล็กในอากาศ ทำให้ค่าอุณหภูมิที่อ่านได้ไม่สะท้อนค่าจริงของวัตถุที่ต้องการวัด

การเข้าใจข้อจำกัดของการใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิในพื้นที่ที่มีมลภาวะทางอากาศ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการวางแผนการวัด และการเลือกตำแหน่งใช้งานของเครื่องวัดอุณหภูมิให้เหมาะสม

อากาศไม่ใส = ความผิดพลาดในการวัด

รังสีอินฟราเรดสามารถถูกดูดซับหรือหักเหจากอนุภาคในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ไอน้ำ หรือควัน หากมีสิ่งเหล่านี้อยู่ระหว่างเครื่องวัดกับวัตถุที่ต้องการวัด จะทำให้ปริมาณรังสีที่เข้าสู่เซ็นเซอร์ลดลง ส่งผลให้ค่าที่วัดได้ต่ำกว่าความเป็นจริง ปัญหานี้มักเกิดขึ้นบ่อยในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะสูงห รือในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี เช่น:
  • โรงงานที่มีการเชื่อมหรือหลอมโลหะ
  • ห้องครัวเชิงพาณิชย์ที่มีไอน้ำ และควันจากการประกอบอาหาร
  • พื้นที่กลางแจ้งที่มีฝุ่นละอองลอยอยู่ในอากาศจำนวนมาก
  • สภาพอากาศชื้นจัดที่มีหมอก หรือละอองน้ำในอากาศ
ผู้ใช้งานควรตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนเริ่มวัดทุกครั้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนจากปัจจัยเหล่านี้ และหากจำเป็น ควรใช้เครื่องวัดที่มีเลนส์เฉพาะทางหรือฟิลเตอร์ที่สามารถต้านทานผลกระทบจากมลภาวะเหล่านี้ได้

ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีมลภาวะสูงขณะทำการวัด

หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องวัดอุณหภูมิในพื้นที่ที่มีฝุ่น ควัน หรือไอน้ำ การลดระยะห่างระหว่างเซ็นเซอร์กับวัตถุที่ต้องการวัดให้ใกล้ที่สุดก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดผลกระทบจากอนุภาคในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีนี้ยังเหมาะสำหรับการวัดในจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว เพราะช่วยให้ค่าที่แสดงมีความแม่นยำ และเสถียรยิ่งขึ้น

4. ระวังอุณหภูมิพื้นหลังที่สูงหรือต่ำผิดปกติ

หนึ่งในปัจจัยที่ผู้ใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสมักมองข้ามก็คืออุณหภูมิของพื้นหลังในบริเวณที่ทำการวัด แม้ว่าผู้ใช้จะเล็งเครื่องไปยังเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ หากมีแหล่งความร้อน หรือความเย็นอยู่ใกล้เคียง พลังงานอินฟราเรดจากฉากหลังอาจส่งผลต่อค่าที่เซ็นเซอร์รับรู้ได้โดยตรง การไม่คำนึงถึงองค์ประกอบนี้อาจนำไปสู่การตีความค่าที่ผิดเพี้ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ต้องการวัดจุดเล็กมาก หรือมีพื้นหลังที่มีอุณหภูมิแตกต่างจากวัตถุเป้าหมายอย่างชัดเจน

พื้นหลังมีผลกับการรับรังสีอินฟราเรด

เครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสไม่สามารถแยกแยะได้ว่ารังสีอินฟราเรดที่รับเข้ามามาจากแหล่งใดบ้าง หากพื้นหลังมีความร้อนหรือความเย็นจัดเกินไป รังสีจากพื้นหลังอาจแทรกเข้ามาทำให้ค่าที่แสดงผิดเพี้ยน

ใช้ฉากบัง หรือเล็งมุมให้ปลอดจากพื้นหลังรบกวน

ควรหาฉากที่มีอุณหภูมิคงที่เป็นกลาง หรือไม่มีรังสีอินฟราเรดสะท้อนมา หรือเล็งเครื่องวัดให้หลีกเลี่ยงการรับรังสีจากฉากหลังมากเกินไป

5. อุณหภูมิของตัวเครื่องเอง อาจส่งผลต่อการวัดได้

แม้ว่าจุดมุ่งหมายของการใช้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสคือการวัดความร้อนของวัตถุอื่นโดยไม่ต้องสัมผัสโดยตรง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม คืออุณหภูมิของตัวเครื่องเอง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการแสดงผลได้โดยตรง โดยเฉพาะเมื่อเครื่องวัดอุณหภูมิถูกย้ายจากสภาพแวดล้อมหนึ่งไปยังอีกสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันอย่างรวดเร็ว เช่น จากห้องแอร์ไปยังพื้นที่กลางแจ้งที่มีแดดจัด การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่รวดเร็วเช่นนี้อาจทำให้เซ็นเซอร์ภายในยังไม่สามารถปรับตัวตามทัน ส่งผลให้ค่าที่วัดได้ไม่แม่นยำ และไม่เสถียร

ตัวเครื่องก็ต้องอยู่ในช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสม

หลายคนอาจไม่ทราบว่าเครื่องวัดอุณหภูมิเองก็มีขอบเขตอุณหภูมิการทำงานที่เหมาะสม หากนำเครื่องจากที่เย็นจัดไปวัดในที่ร้อนจัดทันที (หรือกลับกัน) อาจทำให้ค่าที่ไม่ตรงกับความจริง เพราะชิ้นส่วนภายในยังไม่สมดุลกับสภาพแวดล้อม

ปรับอุณหภูมิของเครื่องให้คงที่ก่อนเริ่มวัด

ควรวางเครื่องไว้ในสภาพแวดล้อมเดียวกับจุดที่ต้องการวัดอย่างน้อย 15-30 นาที เพื่อให้ชิ้นส่วนภายในเครื่องปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิโดยรอบก่อนเริ่มใช้งานจริง

6 ข้อควรระวังในการใช้งาน เครื่องวัดอุณหภูมิ แบบไม่สัมผัส

6. อย่าลืมสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิ (Calibrate) เป็นระยะ

แม้ว่าเครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสจะออกแบบมาให้ใช้งานสะดวก และพร้อมใช้งานตลอดเวลา ในความเป็นจริง เครื่องมือเหล่านี้ก็ยังต้องการการดูแล และบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเรื่องของการสอบเทียบ (Calibration) ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการรักษาความแม่นยำของการวัด การละเลย หรือใช้งานโดยไม่เคยสอบเทียบเลย อาจทำให้ค่าที่อ่านได้คลาดเคลื่อนโดยที่ผู้ใช้งานไม่รู้ตัว ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการควบคุมคุณภาพ หรือการวินิจฉัยที่ต้องอาศัยข้อมูลอุณหภูมิที่ถูกต้อง

เครื่องวัดต้องมีการสอบเทียบอย่างสม่ำเสมอ

การใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสติดต่อกันนาน ๆ โดยไม่มีการสอบเทียบอาจทำให้ค่าคลาดเคลื่อนสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยที่ผู้ใช้ไม่ทันสังเกต

ควรสอบเทียบทุก 6–12 เดือนตามการใช้งาน

ส่งเครื่องตรวจสอบกับห้องแล็บที่ได้รับการรับรอง หรือเทียบกับแหล่งอุณหภูมิที่ทราบค่าแน่นอน เช่น จุดเยือกแข็งของน้ำ หรือน้ำเดือด เพื่อความมั่นใจว่าเครื่องวัดอุณหภูมิอินฟราเรตยังคงให้ค่าที่ถูกต้อง

6 ข้อควรระวังในการใช้งาน เครื่องวัดอุณหภูมิ แบบไม่สัมผัส

สรุป

การใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิแบบไม่สัมผัสให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ไม่ใช่แค่เพียงการกดปุ่มแล้วอ่านค่าจากหน้าจอเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจในหลักการทำงานของเครื่อง ลักษณะของพื้นผิววัตถุที่วัด สภาพแวดล้อมในขณะใช้งาน และการสอบเทียบที่เหมาะสม เพราะเครื่องวัดอุณหภูมิประเภทนี้แม้จะใช้งานง่าย แต่ก็เปราะบางต่อปัจจัยแวดล้อมหลายด้านที่อาจทำให้ค่าที่แสดงออกมาเบี่ยงเบนจากความจริงได้อย่างไม่รู้ตัว

การตระหนักรู้ถึงข้อควรระวังที่กล่าวมา จึงเปรียบเสมือนแนวทางพื้นฐานที่จะช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบ่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมุม และระยะวัด ค่า Emissivity พื้นผิววัตถุ มลภาวะทางอากาศ อุณหภูมิพื้นหลัง ตัวเครื่อง หรือการสอบเทียบอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทุกปัจจัยล้วนส่งผลต่อความแม่นยำในการวัดทั้งสิ้น

เมื่อเข้าใจประเด็นเหล่านี้อย่างถ่องแท้ และนำไปปรับใช้ในการใช้งานจริง ไม่ว่าจะในงานอุตสาหกรรมที่ต้องการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด งานวิจัยที่ต้องการข้อมูลที่น่าเชื่อถือ หรือแม้แต่การดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน คุณก็จะสามารถใช้ เครื่องวัดอุณหภูมิ แบบไม่สัมผัสได้อย่างมั่นใจ มีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลที่ผิดพลาดได้อย่างแท้จริง