สกรู เกลียวหยาบ vs เกลียวละเอียด ต่างกันยังไง? ส่งผลต่อความแข็งแรงจริงไหม

Customers Also Purchased

เมื่อพูดถึงการใช้งาน สกรู ในงานช่างหรืออุตสาหกรรมต่างๆ หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือจะเลือกใช้ "สกรูเกลียวหยาบ" หรือ "สกรูเกลียวละเอียด" แบบไหนดีกว่ากัน? และทั้งสองชนิดมีผลต่อความแข็งแรงและประสิทธิภาพในการยึดชิ้นงานจริงหรือไม่ บทความนี้จะมาเจาะลึกถึงความแตกต่างระหว่างสกรูทั้งสองชนิดนี้อย่างละเอียด พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงการเลือกใช้อย่างเหมาะสมกับงานแต่ละประเภท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดปัญหาการใช้งานในระยะยาว

ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับเกลียวของสกรู

ก่อนจะลงลึกถึงข้อเปรียบเทียบ เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับเกลียวของสกรูกันก่อน โดยทั่วไป "เกลียว" คือแนวคดที่วนรอบแกนของสกรู มีหน้าที่สร้างแรงยึดเหนี่ยวระหว่างสกรูกับวัสดุให้แน่นหนา ไม่หลุดง่าย

  • Pitch (พิตช์): คือระยะห่างระหว่างยอดเกลียวหนึ่งถึงอีกยอดเกลียวหนึ่ง หน่วยเป็นมิลลิเมตรหรือจำนวนเกลียวต่อนิ้ว
  • Profile (หน้าตัดของเกลียว): อาจเป็นรูปสามเหลี่ยม, สี่เหลี่ยม, ทรงกลม ซึ่งส่งผลต่อแรงยึดและลักษณะงาน

เกลียวหยาบและเกลียวละเอียดนั้นต่างกันที่จำนวนรอบของเกลียวต่อหน่วยความยาว และลักษณะของแรงยึดเหนี่ยวที่เกิดขึ้น ซึ่งเราจะอธิบายต่อไปอย่างชัดเจนในบทความนี้

การวัดขนาดเกลียวใน 2 ระบบมาตรฐาน

ในอุตสาหกรรมทั่วโลก การวัดขนาดเกลียวของสกรูมี 2 ระบบหลักที่ใช้งาน ได้แก่ ระบบเมตริก (Metric) และ ระบบอเมริกัน (Unified Thread หรือ UNC/UNF) โดยทั้งสองระบบมีวิธีวัดและกำหนดขนาดที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อการเลือกใช้งานที่ถูกต้อง

1. ระบบเมตริก (Metric Thread System)

ระบบเมตริกใช้หน่วยวัดเป็นมิลลิเมตร (mm) โดยทั่วไปจะระบุขนาดสกรูตามรูปแบบดังนี้:
M6 × 1.0 × 25
หมายถึง: เส้นผ่านศูนย์กลาง 6 มม., ระยะห่างเกลียว (Pitch) 1.0 มม., ความยาวสกรู 25 มม.

  • M หมายถึงว่าเป็นเกลียวแบบเมตริก
  • ค่า Pitch (พิตช์) วัดเป็นมิลลิเมตรต่อ 1 รอบเกลียว เช่น 1.0 หมายถึงเกลียวห่างกัน 1 มม.
  • เกลียวละเอียดจะมี Pitch ต่ำ เช่น 0.75 หรือ 0.5 มม.

ข้อดี ของระบบเมตริกคือใช้งานแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียและยุโรป เข้าใจง่าย และหน่วยวัดเป็นระบบสากล

สกรู เกลียวหยาบ vs เกลียวละเอียด ต่างกันยังไง ส่งผลต่อความแข็งแรงจริงไหม

2. ระบบอเมริกัน (Unified Thread Standard - UTS)

ระบบอเมริกันหรือที่เรียกว่าระบบ UNC (Unified National Coarse) และ UNF (Unified National Fine) ใช้หน่วยเป็นนิ้ว และวัดจำนวนเกลียวต่อนิ้ว (Threads Per Inch หรือ TPI)

1/4-20 UNC × 1"
หมายถึง: เส้นผ่านศูนย์กลาง 1/4 นิ้ว, มี 20 เกลียวต่อนิ้ว, ความยาว 1 นิ้ว

  • UNC (Coarse): เกลียวหยาบ
  • UNF (Fine): เกลียวละเอียด

ในบางกรณีจะเห็นชื่ออื่นเช่น UNEF (Extra Fine) สำหรับงานพิเศษที่ต้องการเกลียวถี่ยิ่งขึ้น

ข้อดี คือใช้ในอเมริกาเหนือและบางอุตสาหกรรม เช่น การบินและยานยนต์ที่พัฒนาในอเมริกา
หมายเหตุ: ไม่ควรสับสนหรือใช้สลับกันระหว่าง 2 ระบบนี้ เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายของเกลียวหรือการยึดที่ไม่แน่นหนา

สกรูเกลียวหยาบคืออะไร?

สกรูเกลียวหยาบ (Coarse Thread Screw) คือสกรูที่มีระยะห่างระหว่างเกลียวกว้าง ทำให้จำนวนเกลียวต่อความยาวสั้นมีน้อยกว่าเกลียวละเอียด สกรูชนิดนี้พบได้ทั่วไปในงานก่อสร้าง งานไม้ และงานติดตั้งที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูงมาก

ลักษณะเด่นของสกรูเกลียวหยาบ

  • จำนวนรอบเกลียวน้อยกว่า ทำให้สามารถขันเข้าได้รวดเร็ว
  • เหมาะกับวัสดุเนื้อนิ่ม เช่น ไม้ พีวีซี พลาสติก หรือยิปซัมบอร์ด
  • ไม่อุดตันง่าย เศษวัสดุหลุดออกจากร่องเกลียวได้ง่าย ลดปัญหาการติดขัดขณะขันเข้า

ข้อดีของสกรูเกลียวหยาบ

  1. ขันง่ายและเร็ว: ใช้แรงน้อยกว่าในการเจาะเข้า โดยเฉพาะเมื่อต้องขันด้วยมือหรือเครื่องมือไร้สาย
  2. ประหยัดเวลา: เหมาะกับงานจำนวนมาก เช่น งานประกอบเฟอร์นิเจอร์ หรือสร้างโครงสร้างไม้
  3. ทนต่อการสึกหรอในวัสดุนิ่ม: เกลียวจะไม่หลุดหรือเสียรูปง่ายเมื่อใช้งานกับไม้หรือพลาสติก
  4. ราคาถูกกว่าโดยทั่วไป: เนื่องจากมีความซับซ้อนในการผลิตน้อยกว่า

ข้อเสียของสกรูเกลียวหยาบ

  1. แรงยึดน้อยในวัสดุแข็ง: ไม่สามารถยึดวัสดุอย่างเหล็กหรืออะลูมิเนียมได้แน่นเท่าที่ควร
  2. อาจคลายตัวได้ง่ายในงานที่มีแรงสั่นสะเทือน: เช่น งานติดตั้งมอเตอร์หรือเครื่องจักร
  3. ใช้พื้นที่มากในแนวลึก: เนื่องจากจำนวนเกลียวน้อย ต้องออกแบบรูที่ลึกขึ้นเพื่อการยึดที่แน่นหนา

สกรู เกลียวหยาบ vs เกลียวละเอียด ต่างกันยังไง ส่งผลต่อความแข็งแรงจริงไหม

สกรูเกลียวละเอียดคืออะไร?

สกรูเกลียวละเอียด (Fine Thread Screw) มีจำนวนรอบของเกลียวต่อความยาวมากกว่า ทำให้ร่องเกลียวถี่และละเอียด เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำและแรงยึดที่สูง เช่น งานเครื่องจักร งานรถยนต์ หรืออุปกรณ์ที่ต้องการความแน่นหนาและทนต่อแรงสั่นสะเทือน

ลักษณะเด่นของสกรูเกลียวละเอียด

  • จำนวนเกลียวมากกว่าในระยะเท่ากัน จึงสร้างแรงยึดและแรงเสียดทานที่มากกว่า
  • ให้ความแม่นยำสูง เหมาะกับงานประกอบละเอียด เช่น ชิ้นส่วนกลไกหรือเครื่องยนต์
  • แรงคลายตัวต่ำกว่า ช่วยลดโอกาสหลวมในสภาพที่มีแรงสั่นสะเทือนสูง

ข้อดีของสกรูเกลียวละเอียด

  1. ยึดแน่นกว่าในวัสดุแข็ง: เช่น เหล็กหรือโลหะผสม เพราะเกลียวละเอียดจะมีการกระจายแรงอย่างทั่วถึง
  2. เหมาะกับการใช้ในสภาพแรงดันหรือแรงสั่นสะเทือน: เช่น งานประกอบเครื่องยนต์ หรือโครงสร้างที่ต้องการความทนทานสูง
  3. คลายตัวยากกว่า: ลดปัญหาการต้องขันซ้ำบ่อยครั้ง
  4. เหมาะกับการปรับละเอียด (Fine Adjustment): งานที่ต้องตั้งระยะหรือแรงดึงที่ต้องการความแม่นยำจะใช้เกลียวละเอียดมากกว่า

ข้อเสียของสกรูเกลียวละเอียด

  1. ขันช้ากว่า: เนื่องจากจำนวนรอบเกลียวมาก ต้องหมุนนานกว่าเกลียวหยาบถึงจะเข้าได้ลึกเท่ากัน
  2. เสี่ยงต่อการเสียหายของเกลียว: โดยเฉพาะเมื่อขันด้วยแรงสูงหรือขันไม่ตรงแกน
  3. อุดตันง่าย: เศษวัสดุมีโอกาสติดในร่องเกลียวมากกว่า หากไม่ทำความสะอาดก่อนการใช้งาน

สกรู เกลียวหยาบ vs เกลียวละเอียด ต่างกันยังไง ส่งผลต่อความแข็งแรงจริงไหม

บทสรุป

ไม่ว่าจะเป็น สกรู เกลียวหยาบ หรือ เกลียวละเอียด ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่เหมาะสมกับงานในแบบของตัวเอง การเลือกใช้งานให้เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้โครงสร้างแข็งแรงขึ้น แต่ยังช่วยลดต้นทุน เวลา และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว

  • หากคุณต้องการความรวดเร็ว ประหยัด และใช้กับวัสดุอ่อน — เลือกเกลียวหยาบ
  • หากคุณต้องการความแม่นยำ ทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน และงานละเอียด — เลือกเกลียวละเอียด
การรู้จักข้อแตกต่างและนำไปประยุกต์ใช้อย่างถูกต้อง คือหัวใจของการใช้งานสกรูอย่างมืออาชีพ
การเข้าใจระบบวัดเกลียวทั้งเมตริกและอเมริกัน เป็นหนึ่งในพื้นฐานที่ช่างและวิศวกรควรรู้เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการเลือกสกรูและชิ้นส่วนยึดต่างๆ การเลือกเกลียวให้ถูกระบบ นอกจากจะช่วยให้ประกอบงานได้แน่นหนาและปลอดภัยแล้ว ยังลดความเสี่ยงของการเสียหายจากการขันผิดเกลียวอีกด้วย