วิธีเลือก ลูกกลิ้งทาสี ให้เหมาะกับงานของคุณ พร้อมวิธีดูแลรักษาอย่างมืออาชีพ

Customers Also Purchased

ลูกกลิ้งทาสี” คือคู่หูของการทาสีบนพื้นผิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะผนังหรือพื้นผิวอื่น ๆ เพราะมันถูกออกแบบมาให้ดูดซับสีได้ในปริมาณที่ “พอดี” แล้วค่อย ๆ รีดออกอย่างสม่ำเสมอทุกองศาที่กลิ้งผ่าน ผลลัพธ์คือชั้นสีที่ปิดเต็มพื้นผิวเร็วกว่าแปรงหลายเท่าและเรียบเนียนกว่าเครื่องพ่นสี บทความนี้จะพาคุณไล่ตั้งแต่ประโยชน์ของลูกกลิ้งทาสี การเลือกขนาดและชนิดขนให้ตรงงาน เทคนิคกลิ้งแบบมืออาชีพ ไปจนถึงวิธีล้าง เก็บ และดูแลให้ปลอก หนึ่งอันอยู่ได้นานหลายโปรเจ็กต์

ทำไมต้องใช้ลูกกลิ้ง?

  1. ทาครอบคลุมพื้นที่กว้างเร็วขึ้น – พื้นที่ 20–30 ตร.ม. ทาเคลือบแรกจบภายใน 10–15 นาที เร็วกว่าแปรงอย่างน้อย 3 เท่า
  2. ผิวสีสม่ำเสมอ ไม่เกิดรอยเส้นพู่กัน – เส้นขนหมุนรอบแกนต่อเนื่อง เนื้อสีจึงแผ่เรียบ ลดเส้นสายพู่กันที่ทำให้ผนังดูไม่เนียน
  3. ลดการกระเด็นและหยดสี – ปลอกขนทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำ อุ้มสีไว้ก่อนค่อยปล่อยออกเมื่อแตะผนัง จึงไม่ฟุ้งกระจายเลอะพื้น
  4. ประหยัดแรงปีนบันได – ต่อด้ามยาวได้ง่าย กลิ้งเพดานสูง 3–4 ม. โดยยืนกับพื้น ลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ
  5. ใช้งานง่าย แม้มือใหม่ – เพียงเลือกขนาดและชนิดขนให้ตรงงาน ผลลัพธ์ใกล้เคียงช่างมืออาชีพได้ไม่ยาก
  6. ประหยัดสี – เมื่อรีดสีบนถาดจนพอดี ทุกหยดที่อุ้มจะถูกกระจายบนผนัง ไม่สูญเสียไปกับฟองอากาศหรือคราบหยดที่ต้องเช็ดทิ้ง

สรุปสั้น ๆ: ลูกกลิ้งคือคำตอบของงานผนังใหญ่ที่ต้องการ "เร็ว + เรียบ + คุมงบ" — โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องมือซับซ้อน

เลือกขนาดลูกกลิ้งทาสีอย่างไรให้เหมาะกับงานทาสีอย่างไรให้เหมาะกับงาน

ขนาด (ความกว้าง) ของลูกกลิ้งมีผลโดยตรงต่อความเร็วในการทำงานและความคล่องตัว ด้านล่างคือขนาดมาตรฐานที่พบได้ทั่วไป และคำแนะนำในการใช้งาน

วิธีเลือก ลูกกลิ้งทาสี ให้เหมาะกับงานของคุณ พร้อมวิธีดูแลรักษาอย่างมืออาชีพ

เคล็ดลับ ถ้าทำงานหลายประเภท ให้เตรียม 2 ขนาดคือ 9 นิ้วสำหรับพื้นที่กว้าง และ 4 นิ้วรุ่นสลิมสำหรับเก็บมุม จะครอบคลุมงานได้เกือบทั้งหมด

ประเภทของลูกกลิ้งทาสี

ลูกกลิ้งแต่ละชนิดถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ “พื้นผิว” และ “ชนิดสี” ที่ต่างกัน 

ลูกกลิ้งขนแกะ (ขนยาว)

ลูกกลิ้งชนิดนี้ใช้ขนแกะฟูยาวราว 18–25 มม. จุดเด่นคือ ‘ดูดสี’ ได้มากเป็นพิเศษ เพราะเส้นใยธรรมชาติซับเนื้อสีเข้าไปในโพรงขน เมื่อกลิ้งผ่านผนังคอนกรีตหรืออิฐบล็อก—ซึ่งเต็มไปด้วยรูพรุน—เม็ดสีจะถูกรีดลึกเข้าโพรง เคลือบผิวให้เต็มจนแทบไม่เห็นหลุม จึงเหมาะกับงานภายนอกที่หยาบและต้องการปิดพื้นผิวรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ขนที่ยาวและยืดหยุ่นสูงอาจทิ้งรอย ‘ผิวส้ม’ หากผู้ใช้กดแรงเกิน จำเป็นต้องเกลี่ยจังหวะสุดท้ายด้วยน้ำหนักมือเบา ปลอกขนแกะมีอายุการใช้งานยาวนานหากล้างทันทีหลังใช้ ราคาอยู่ในช่วงกลาง ไม่ถูกแต่คุ้มค่าเมื่อต้องรับมือผนังหยาบ 

ลูกกลิ้งขนสั้น

ปลอกใยสังเคราะห์ความยาวขน 6–12 มม. ถูกสร้างมาเพื่อสีฟิล์มบาง—โดยเฉพาะสีน้ำมัน แล็กเกอร์ หรือสีโพลียูรีเทนที่ต้องโชว์ความเรียบเงา เพราะขนสั้นจะไม่ดูดสีมากเกินไป ลดปัญหาหยดย้อยและฟองอากาศ เมื่อกลิ้งบนไม้ MDF หรือโลหะขัดเรียบ ชั้นสีที่ได้จึงบาง เนียน ไม่มีรอยเส้นพู่กัน ข้อจำกัดคือต้องจุ่มสีบ่อยกว่าแบบขนยาว และควรรีดสีบาง ๆ ทุกครั้งเพื่อป้องกันสีหนาเกิน ปลอกชนิดนี้ล้างค่อนข้างง่าย เหมาะกับงานตกแต่งภายในที่ผู้ใช้ต้องการผิว high‑gloss หรือ semi‑gloss ไร้ริ้ว

ลูกกลิ้งขนเชือก

โครงสร้างเป็นเส้นเชือกถักแน่นรอบแกน ความยาวขนเฉลี่ย 15–20 มม. จึงอุ้มสีได้เทียบเท่าขนแกะ แต่มีความทนทานต่อการขัดถูสูงกว่า นิยมใช้กับสีรองพื้นที่มีของแข็งสูงหรือสีเท็กซ์เจอร์หยาบ เหมาะอย่างยิ่งกับผนังปูนเก่า พื้นผิวซ่อมแซมที่มีคราบปูนโป๊ว หรือผนังใหม่ที่ยังไม่ฉาบเรียบ น้ำหนักมากเมื่ออิ่มสี มือใหม่ควรพักแขนเป็นระยะ แต่ข้อดีคืองานเสร็จเร็ว กลบร่องรอยได้ในการทา 1–2 สโตรก

วิธีเลือก ลูกกลิ้งทาสี ให้เหมาะกับงานของคุณ พร้อมวิธีดูแลรักษาอย่างมืออาชีพ

ลูกกลิ้งโฟม

ทำจากโฟม PU ความหนาแน่นต่ำ ข้อดีใหญ่ที่สุดคือ ‘เบาและราคาประหยัด’ จึงเป็นขวัญใจสาย DIY ที่ต้องการเก็บลายไม้ ทาร่องเล็ก หรือเคลือบใสบนชิ้นงานขนาดย่อม โฟมจะซับสีได้น้อย ทำให้ควบคุมปริมาณสีบนพื้นผิวได้แม่นยำ แต่โฟมมีแนวโน้มกักอากาศ จึงเกิดฟองได้ง่ายหากกลิ้งเร็วหรือกดแรง อีกทั้งโครงสร้างโฟมเสื่อมเร็ว—เหมาะกับงานชั่วคราวมากกว่างานผนังใหญ่ หลังใช้ควรถอดปลอกทิ้ง เพราะล้างแล้วมักไม่กลับสภาพเดิม

ลูกกลิ้งทำลวดลาย (Texture Roller)

ปลอกยางหรือพลาสติกแข็งถูกแกะสลักลายนูนหลากแบบ ไม่ว่าจะเป็นอิฐ หิน กิ่งไม้ หรือดอกไม้ ทำให้ผู้ใช้สร้างกำแพงลายสวยได้โดยไม่พึ่งวอลล์เปเปอร์ หลักการคือทาสีหรือปูนฉาบบาง แล้วกลิ้งลายเพียงครั้งเดียวแบบต่อเนื่อง ผิวจะคมชัดเมื่อพื้นผิวเดิมเรียบและใช้สีหนืดปานกลาง หากหยุดมือกลางทางจะเกิดรอยต่อที่มองเห็นง่าย จึงต้องวางแผนเส้นทางกลิ้งก่อนเริ่มงาน เหมาะกับผนังเน้นดีไซน์ ร้านกาแฟ ห้องนั่งเล่น หรือกำแพงฟีเจอร์วอลล์

ลูกกลิ้งขนสังเคราะห์พิเศษ

ผู้ผลิตบางรายพัฒนาใย polyester และ nylon เกรดสูง เคลือบสารลดไฟฟ้าสถิตเพื่อลดการหลุดของขนและการเกาะฝุ่น ผลคือปลอกที่อุ้มสีสม่ำเสมอ ลดการหยดสี และทำงานได้กับทั้งสีน้ำและน้ำมัน เหมาะกับผู้รับเหมาที่ต้องการ ‘ความเร็วของขนยาว’ แต่ต้องการ ‘ผิวเนียนของขนสั้น’ เพราะเส้นใยถูกจัดให้แน่นและเรียงทิศทางหมุนตัวลดการสาดกระจาย ราคาจะสูงกว่าแบบทั่วไปราว 1.5–2 เท่า แต่แลกกับอายุงานยาวและผลลัพธ์มืออาชีพในเวลาสั้น 

ลูกกลิ้งขนสักหลาด

ปลอกขนสักหลาดคือคำตอบสำหรับงานเคลือบเงาชั้นสุดท้าย ขนยาวเพียง 4–8 มม. นุ่มราวกำมะหยี่ เมื่อกลิ้งเคลือบแล็กเกอร์ หรือ polyurethane ชั้นเคลือบสุดท้าย มันจะกระจายเนื้อสีบางและไล่ฟองอากาศให้แตกตัวทันที ให้พื้นผิวใส เนียน ราวใช้ระบบพ่น อย่างไรก็ตาม สีน้ำมันที่แข็งตัวไวสามารถดึงเส้นใยหลุดได้ถ้าปล่อยปะหลังทา จึงต้องรีบล้างทินเนอร์และสบู่อ่อนทันทีที่เสร็จงาน ปลอกชนิดนี้ราคาสูงสุดในกลุ่ม แต่ให้คุณภาพผิวเทียบเครื่องพ่นในมือผู้ใช้ทั่วไป

วิธีเลือก ลูกกลิ้งทาสี ให้เหมาะกับงานของคุณ พร้อมวิธีดูแลรักษาอย่างมืออาชีพ

ลูกกลิ้งใช้ทาสีแบบใดได้บ้าง?

การเลือกจับคู่ “ชนิดสี” กับ “ประเภทขนลูกกลิ้ง” ไม่ได้มีผลแค่ความเร็วในการทำงาน แต่ยังส่งผลถึงความเงา ความทนทาน และอายุการใช้งานของเนื้อสีในระยะยาว ด้วยเหตุนี้จึงต้องเข้าใจคุณสมบัติของสีแต่ละประเภทเสียก่อน 

สีน้ำ (Acrylic Water‑Based)

สีน้ำมีค่าความหนืดต่ำ ฟิล์มสีบางและอาศัยการระเหยของน้ำเป็นหลักในการแห้งตัว จุดสำคัญคือต้อง “ป้อนสี” ให้ผิวปูนหรือยิปซั่มได้ชุ่มทั่วถึงในครั้งเดียว ลูกกลิ้ง ขนแกะ หรือ ขนเชือก ที่มีความยาว 18–25 มม. จึงเหมาะที่สุด เพราะอุ้มปริมาณน้ำสีได้มาก เม็ดสีจะถูกรีดลึกเข้ารูพรุนของปูน ช่วยลดการเกิดฟองอากาศและคราบด่างในชั้นสี เคล็ดลับคือชุบน้ำหมาดปลอกก่อนจุ่มสี 1–2 นาที เส้นใยจะอิ่มตัวพอดี ลดการดูดน้ำสีจากถาดมากเกินไป 

สีอะคริลิก (Acrylic Interior)

สีอะคริลิกสูตรน้ำ 100 % มีความหนืดปานกลาง จึงไหลตัวและปรับระดับได้ดี ไม่เกิดรอยหยดง่าย — แม้ใช้ลูกกลิ้งขนยาวปานกลาง 13–15 มม. ก็ยังควบคุมฟิล์มได้สบาย แต่ถ้าต้องการผิวเนียนเป็นพิเศษให้เปลี่ยนมาใช้ลูกกลิ้งขนสังเคราะห์เกรดดี ความยาว 10–12 มม. เพื่อรีดฟิล์มบางสม่ำเสมอ ผิวสีที่ได้จะเป็นกึ่งด้าน (low-sheen) ลดเส้นลูกกลิ้งและผิวส้มได้ดี เหมาะสำหรับห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือโถงทางเดินที่ต้องการทำความสะอาดง่าย
       เคล็ดลับงานเนียน — กลิ้งสองชั้นโดยเว้นระยะ 2–3 ชั่วโมงต่อชั้น ชั้นแรกช่วยอุดรูพรุน ชั้นที่สองเพิ่มความทึบแสงและความทนเช็ดถู เมื่อสีเซ็ตตัวเต็มที่แล้วสามารถเช็ดคราบทั่วไปได้หลายหมื่นรอบโดยไม่ด่างหรือด้านเร็ว ทั้งยังคงสีสวยสดยาวนานกว่าสีน้ำเกรดมาตรฐาน

สีน้ำมัน / Alkyd

สีน้ำมันมีความเหนียวและแห้งตัวโดยอาศัยกระบวนการออกซิเดชัน หากฟิล์มหนาเกินไปจะยืดเวลาการแห้งจนเกิดฝุ่นจับและเป็นคราบผิว ดังนั้นต้องใช้ลูกกลิ้ง ขนสั้น (6–8 มม.) หรือ ขนสักหลาด เพื่อลดการอุ้มสี ขณะกลิ้งให้รีดสีเต็มความกว้างถาดแล้วกลิ้งเร็วแต่น้ำหนักมือเบา จะได้ชั้นสีบางเรียบ สวยเงา เคล็ดลับเพิ่มเติมคือผสมน้ำมันสนเล็กน้อย (3–5 %) เพื่อเพิ่มการไหลตัวก่อนทาชั้นสุดท้าย 

สีเท็กซ์เจอร์และปูนตกแต่ง

งานสีและปูนฉาบประเภทนี้จะผสมเม็ดทราย ฟิลเลอร์ หรือเส้นใยไฟเบอร์เล็ก ๆ เอาไว้เพื่อสร้างลายพื้นผิว เวลาใช้งานให้เลือก ลูกกลิ้งขนแกะหรือขนเชือก ที่ขนยาวอย่างน้อย 20 มม. เพราะขนยาวจะ “อุ้ม” เม็ดทรายเข้าไปเติมเต็มร่องผนังได้ในจังหวะเดียว

       เคล็ดลับคือจุ่มสีแล้วกลิ้งช้า ๆ ย้ำไปในทิศทางเดียว ไม่ต้องรีดสีบนถาดนานเกินไป—ปล่อยให้เนื้อสีข้นคลุมเม็ดทรายและเส้นใยให้มิด เพื่อไม่ให้ลายถูกดึงกลับเป็นร่อง

เสร็จงานแล้วควรรีบล้างปลอกทันที เพราะเนื้อปูนจะเริ่มแข็งภายในประมาณ 30 นาที ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะทำความสะอาดยากและอาจต้องเปลี่ยนปลอกใหม่ 

แล็กเกอร์ใส PU / 2K

แล็กเกอร์และโพลียูรีเทนแบบสองส่วน (2K) ต้องการผิวเรียบไร้ฟองเพื่อโชว์ลายไม้หรือสี Metallic ใต้ฟิล์ม ลูกกลิ้ง ขนสักหลาด หรือ โฟมเนื้อละเอียดเกรดงานเฟอร์นิเจอร์ จึงเป็นตัวเลือกหลัก ขนสักหลาดจะกระจายเนื้อสีบางมาก (60–80 µm) และดันฟองอากาศให้แตกตัวซ่อนอยู่ใต้ผิว ส่วนโฟมให้ผิวใสแต่ต้องกลิ้งระวังเพราะอุ้มสีได้น้อย เคล็ดลับคือกลิ้งให้น้อยครั้งที่สุด แล้วปล่อยสีปรับระดับตัวเอง (self‑level) 

       จำง่าย: “สีเหลว → ขนยาว / สีข้น → ขนสั้น” และยิ่งต้องการผิวเงาไร้ริ้ว ให้ไปทางขนสั้นหรือสักหลาดเข้าไว้ 

วิธีเลือก ลูกกลิ้งทาสี ให้เหมาะกับงานของคุณ พร้อมวิธีดูแลรักษาอย่างมืออาชีพ

แชร์เคล็ดลับวิธีใช้ลูกกลิ้งทาสีอย่างมืออาชีพ

  1. ลอกขุยก่อนใช้ – พันเทปกาวรอบปลอกแล้วดึงออก 2‑3 ครั้งเพื่อดึงขนเส้นหลวมและเส้นใยฝุ่นออก ขั้นตอนนี้ป้องกันไม่ให้เศษขนหลุดติดฟิล์มสีจนเกิดปุ่มเล็ก ๆ บนผนัง หลังดึงเทปให้เคาะปลอกเบา ๆ เพื่อสลัดเส้นใยที่ยังเกาะอยู่
  2. ชุบน้ำหมาดปรับเส้นใย – จุ่มปลอกในน้ำสะอาด (หรือทินเนอร์กรณีสีน้ำมัน) บีบหมาด ขนลูกกลิ้งจะพองตัวและเปิดรูพรุนให้รับสีเท่ากัน พร้อมลดแรงตึงผิวเม็ดสี ทำให้สีไหลตัวดีและลดฟองอากาศ
  3. เทคนิค “W‑M” – เริ่มกลิ้งวาดตัว W หรือ M ใหญ่ 1 ครั้งเพื่อกระจายสีเบื้องต้น จากนั้นเกลี่ยทับแนวดิ่งให้เต็มช่องว่าง วิธีนี้ลดรอยทางสีแห้ง (lap‑mark) เพราะขอบแถบสีเดิมจะถูกกลบรอยในจังหวะลงสีถัดไป
  4. ซ้อนทับประมาณ 25 % – ทุกแถบใหม่ควรเกยทับแนวเดิมหนึ่งในสี่ของหน้ากว้างลูกกลิ้ง รอยต่อจึงไร้เส้นแบ่ง เม็ดสีเชื่อมต่อกันเป็นฟิล์มเดียว ในพื้นที่อากาศแห้งร้อนควรเร่งจังหวะกลิ้งเพื่อไม่ให้ปลายแถบเดิมแห้งผิวก่อน
  5. ปล่อยน้ำหนักลูกกลิ้ง ไม่กดแรง – การกดขอบปลอกกับผนังทำให้เส้นใยริมบานออก สะสมสีหนาเกินและทิ้งริ้วลายวงรี ให้ถือด้ามตามธรรมชาติ ปล่อยแรงกดจากน้ำหนักปลอกเอง (~250–350 กรัม) ก็เพียงพอให้สีเคลือบติดผนังเต็มชั้น
  6. ทาชั้นสองตามเวลาที่แนะนำ – ตรวจด้วยวิธี “แตะแล้วไม่ติดนิ้ว” (สัมผัสเบา ๆ ไม่มีสีเปียกติดปลายนิ้ว) จึงเริ่มทาชั้นต่อไป หากเร่งทาบนฟิล์มที่ยังชื้น ลูกกลิ้งจะดึงสีชั้นแรกขึ้นมาเป็นขุย ส่งผลให้เกิดด่างและผิวขรุขระ
  7. Back‑roll (กลิ้งเก็บ) เพิ่มความเรียบ – สำหรับงานเพดานหรือผนังที่ต้องการผิวเนียนพิเศษ ให้กลิ้งทับเร็ว ๆ ด้วยลูกกลิ้งขนสั้นสะอาดทันทีหลังพ่นสี เทคนิคนี้บังคับให้เม็ดสีปรับระดับ ลดฟองอากาศและทำให้ผิวเรียบเสมอ
  8. ควบคุมอุณหภูมิ–ความชื้นห้อง – เปิดพัดลมหมุนอากาศเบา ๆ รักษาความชื้นสัมพัทธ์ 40‑60 % จะยืดเวลาเปิดผิวสีให้นานขึ้น ช่วยเกลี่ยง่าย ลดจำนวนชั้นที่ต้องทา

วิธีล้างลูกกลิ้ง หลังใช้งานเสร็จ

การล้างลูกกลิ้งทันทีหลังใช้งานเป็นจุดชี้ชะตาอายุการใช้งาน — ปลอกดี ๆ ราคาไม่กี่ร้อยแต่ถ้าดูแลถูกวิธีสามารถใช้ได้หลายสิบโปรเจ็กต์ ขั้นตอนต่อไปนี้ออกแบบให้มือใหม่ทำตามได้ในห้องน้ำหรือพื้นที่ซักล้างเล็ก ๆ ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์อุตสาหกรรม

1. รีดสีส่วนเกินออกก่อนสัมผัสน้ำ

  • ถือปลอกไว้เหนือถังสีหรือถาด ใช้เกรียงเหล็กหรือแม้แต่บัตรพลาสติกเก่าขูดสีออกให้มากที่สุด ยิ่งรีดออกมากเท่าไร ขั้นตอนล้างน้ำจะง่ายขึ้นและประหยัดน้ำยาทินเนอร์ สีที่รีดออกควรปล่อยให้แข็งตัวในถาดแล้วทิ้งแบบขยะเปียก—อย่าล้างทิ้งลงท่อเพราะอุดตันท่อระบายน้ำและทำให้สีจับตัวในระบบบำบัด

2. แยกวิธีล้างตามชนิดสี

  • สีน้ำ: เตรียมน้ำอุ่น 40–45 °C ผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อย หมุนปลอกในน้ำ ใช้มือบีบเส้นขนเบา ๆ จนสีจาง จากนั้นเปลี่ยนน้ำสะอาดล้างซ้ำอีก 1 รอบเพื่อไล่ฟองผงสี 
  • สีน้ำมัน: จุ่มปลอกลงในทินเนอร์หรือน้ำมันสน เขย่าเบา ๆ 30 วินาที ทินเนอร์จะแตกโมเลกุลเรซินให้หลุดจากเส้นใย ย้ายปลอกไปถังทินเนอร์สะอาดอีกใบแล้วหมุนซ้ำเพื่อขจัดคราบสุดท้าย จากนั้นล้างด้วยสบู่อ่อนหรือน้ำยาล้างจานเพื่อลดกลิ่นและคราบมัน ก่อนล้างน้ำเปล่า
  • เคล็ดลับลดกลิ่นทินเนอร์: หยดน้ำส้มสายชู 2–3 หยดในน้ำล้างสุดท้าย กลิ่นจะระเหยจางเร็วขึ้น

3. ทำความสะอาดแกนเหล็กและหัวท้ายปลอก

  • จุดที่สีมักค้างจนแข็งคือรอยต่อหัวท้ายและร่องยึดปลอก ใช้แปรงสีฟันเก่าชุบทินเนอร์ขัดเบา ๆ อย่าใช้ไขควงงัดเพราะบาดปลอกเป็นแผลและทำให้ขนหลุดง่าย เมื่อแน่ใจว่าสะอาด ฉีดน้ำแรงปานกลางไล่คราบอีกทีและซับด้วยผ้าสะอาด 

4. สะบัดและกลิ้งไล่น้ำส่วนเกิน

  • จับด้ามหมุนฟาดเบา ๆ กลางอากาศ อย่ากระแทกกับผนังหรือพื้นเพราะโครงลวดจะคด จากนั้นกลิ้งปลอกบนแผ่นไม้อัดหรือผ้าขนหนูแห้ง แรงเสียดทานจะดึงหยดน้ำเล็ก ๆ ออกและจัดเส้นใยให้กลับสู่ทรงกลมสม่ำเสมอ 

5. ตากในแนวนอน อากาศถ่ายเทดี

  • วางปลอกบนตะแกรงหรือลวดแขวนให้ขนหงายขึ้น หลีกเลี่ยงวางตั้งเพราะน้ำจะไหลลงกองที่ปลาย ทำให้เส้นใยด้านล่างบวมและเสียรูป ตั้งพัดลมเป่าเบา ๆ 30 นาทีแล้วทิ้งให้แห้งสนิทข้ามคืน หากรีบใช้ซ้ำใน 24 ชม. ให้ห่อปลอกด้วยพลาสติกแร็ปและเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา สีจะไม่แข็งตัวเพราะอุณหภูมิต่ำและความชื้นคงที่

ข้อควรเลี่ยง: อย่าผสมทินเนอร์กับน้ำล้างเดียวกัน เพราะเกิดชั้นฟิล์มเรซินลอยผิวแยกออกยากมากและส่งกลิ่นแรง

วิธีดูแลรักษาลูกกลิ้งทาสีให้ใช้งานได้นาน

การดูแลลูกกลิ้งไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่ต้องทำ "ถูกจังหวะ–ถูกวิธี" เพื่อยืดอายุปลอกให้ใช้งานได้หลายสิบโปรเจ็กต์ โดยไม่ต้องซื้อใหม่ทุกครั้ง 

  • ห่อพลาสติกแน่นเมื่อพักงานสั้น (≤ 24 ชม.) รีดสีส่วนเกินออกก่อน จากนั้นห่อด้วยพลาสติกแร็ปหรือถุงซิปล็อก ปิดปลายให้สนิท อากาศจะไม่สัมผัสเม็ดสีทำให้สีไม่แข็งตัว วิธีนี้ประหยัดน้ำและทินเนอร์เพราะไม่ต้องล้างระหว่างวัน เคล็ดลับ: วางถุงในตู้เย็นช่องธรรมดาเพื่อลดอุณหภูมิ สีจะหนืดช้าลงอีกเท่าตัว 
  • เล็มขอบขนชี้ฟูหลังงานใหญ่ เมื่อใช้ลูกกลิ้งทานาน ๆ เส้นขนริมปลอกจะบานและแข็ง ใช้กรรไกรปลายแหลมเล็มออกตามรอบวง การตัดขนส่วนที่เสียรูปจะทำให้ปลอกกลิ้งได้แนบสนิท ลดรอยเส้นแข็งในงานถัดไป 
  • แขวนหรือวางปลอกในแนวนอน หลังล้างและสะบัดหมาดแล้ว ให้แขวนบนลวดหรือวางบนตะแกรงตาถี่โดยให้ขนหงายขึ้น หลีกเลี่ยงวางตั้งพิงผนังเพราะแรงกดจากน้ำหนักตัวเองจะทำให้ขนด้านล่างแบนถาวร เมื่อต้องเก็บในกล่องเครื่องมือ ให้ห่อปลอกด้วยผ้าฝ้ายหรือกระดาษทิชชูหนา 2 ชั้นก่อนเสมอ 
  • เก็บในที่แห้งและอากาศถ่ายเท ความชื้นเป็นตัวเร่งให้เชื้อรากินโปรตีนหรือเส้นใยธรรมชาติ รวมถึงทำให้กาวยึดขนกับแกนเหล็กเสื่อม หากต้องเก็บฤดูฝนให้ใส่ถุงซิลิกาเจล 2–3 ซองในกล่องเก็บ หรือหยดน้ำมันสนบนผ้าแล้วเช็ดขนเบา ๆ ชั้นบาง แทนการใช้สารกันราที่อาจตกค้างในสีงานถัดไป 

เมื่อติดนิสัยดูแลตาม 4 ข้อข้างต้น ลูกกลิ้งคุณภาพดีหนึ่งปลอกจะอยู่ได้ยาว — ประหยัดทั้งค่าสี (เพราะขนไม่หลุดปะปน) และเวลาเตรียมงานทุกครั้งที่ทา

วิธีเลือก ลูกกลิ้งทาสี ให้เหมาะกับงานของคุณ พร้อมวิธีดูแลรักษาอย่างมืออาชีพ

หากไม่ทำความสะอาดลูกกลิ้งทาสี จะเกิดอะไรขึ้น?

  • ขนแข็งเป็นก้อน: สีแห้งอัดเส้นใยติดกัน กลิ้งครั้งถัดไปจะขูดผนังเป็นรอย 
  • ฟิล์มสีไม่สม่ำเสมอ: ก้อนสีเก่าหลุดปะปนในชั้นใหม่ เกิดเม็ดฝังผิว 
  • สิ้นเปลืองงบ: ต้องซื้อปลอกใหม่และเสียเวลาทำความสะอาดพื้นเลอะ 
  • อายุงานลูกกลิ้งสั้นลงครึ่งหนึ่ง: ต้นทุนซ่อนเร้นที่มักถูกมองข้าม 

ดูแลลูกกลิ้งอย่างมืออาชีพ = ประหยัดแรง เวลา และค่าสีในทุกโปรเจ็กต์ 

สรุป

       เลือกถูก → ทาเร็ว → ผิวเนียน → ใช้งานคุ้ม

  1. ขนาด – ใช้หน้ากว้างใหญ่ที่สุดเท่าที่มือคุณถือถนัด และภาชนะสีรองรับได้ ลดรอยต่อแถบทาสี
  2. ความยาวขน – ผิวหยาบ → ขนยาว; ผิวเรียบ/ต้องการเงา → ขนสั้นหรือสักหลาด
  3. จับคู่กับชนิดสี – สีน้ำใช้ขนยาว / สีหนืดหรือแล็กเกอร์ใช้ขนสั้นเพื่อป้องกันหยดย้อย
  4. เทคนิคกลิ้ง – ลอกขุย ชุบน้ำหมาด กลิ้งตัว W-M ซ้อนทับ 25 % ปล่อยน้ำหนักลูกกลิ้งเอง
  5. ล้าง-ดูแล – รีดสีส่วนเกิน ล้างตามชนิดสี สะบัดหมาด ตากแนวนอน ห่อพลาสติกพักงานสั้นได้

หมั่นล้างทันทีและเก็บอย่างถูกวิธี ปลอกคุณภาพดี 1 อันจะใช้งานได้ยาวนาน ประหยัดทั้งค่าสี ค่าแรง และเวลาซ่อมทาสีในอนาคต ผลลัพธ์คือผนังเรียบสวย พร้อมความภูมิใจว่า “ทำได้เองเหมือนมืออาชีพ”

เลือกซื้อ ลูกกลิ้งทาสี เพิ่มเติม