การบำรุงรักษา เครื่องเจาะดิน ให้ใช้งานได้หลายๆปี

Customers Also Purchased

การลงทุนใน เครื่องเจาะดิน ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่เล็กนัก โดยเฉพาะหากเป็นเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลคุณภาพสูงที่ใช้ในงานเกษตร งานติดตั้งเสา หรือแม้แต่ในภาคก่อสร้าง ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูงและความซับซ้อนของระบบกลไกภายใน การดูแลรักษา เครื่องเจาะดิน ให้มีอายุการใช้งานยาวนานจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือซื้อใหม่ แต่ยังลดเวลาในการหยุดงานเพราะเครื่องเสีย และยังช่วยให้ เครื่องเจาะดิน ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในทุกครั้งที่ใช้งาน การบำรุงรักษาที่ดีจึงถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าทั้งด้านการใช้งานและความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานเอง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับวิธีการดูแลรักษา เครื่องเจาะดิน อย่างถูกต้อง พร้อมเคล็ดลับดีๆ ที่ผู้ใช้งานจริงนิยมทำกัน ทั้งในภาคสนามและการเก็บรักษาในคลัง

ความสำคัญของการบำรุงรักษา เครื่องเจาะดิน

ยืดอายุการใช้งานของ เครื่องเจาะดิน

เครื่องเจาะดิน ที่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องสามารถใช้งานได้หลายปีโดยไม่ต้องซ่อมแซมใหญ่ หรือเปลี่ยนเครื่องใหม่ ซึ่งหมายถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ทั้งยังลดความเสี่ยงในการทำงานติดขัดกลางคัน ลดต้นทุนในการจ้างช่างซ่อมหรือหาอะไหล่เร่งด่วน อีกทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของงานในแต่ละวันได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องหยุดพักเพื่อซ่อม เครื่องเจาะดิน อย่างกะทันหัน

ป้องกันความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานหนัก

เครื่องเจาะดิน ที่ใช้งานในดินแข็ง ดินเหนียว หรือในสภาพพื้นที่ลาดเอียง มักต้องเผชิญกับแรงกระแทกและแรงต้านที่สูงกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดินมีหินปะปนหรือมีรากไม้ฝังลึก แรงต้านดังกล่าวจะส่งผลให้ระบบเฟือง หมุดยึด และหัวเจาะต้องทำงานหนักขึ้นมาก หากไม่มีการตรวจสอบและดูแลอย่างสม่ำเสมอ ชิ้นส่วนภายในอาจหลวม เสียหาย หรือเกิดการสึกหรอเร็วกว่าที่ควร ทำให้ไม่เพียงแค่ เครื่องเจาะดิน เสื่อมสภาพเร็วเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้ประสิทธิภาพการเจาะลดลง ความเร็วในการทำงานช้าลง และต้องใช้แรงคนมากขึ้น ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์ของการใช้ เครื่องเจาะดิน โดยตรง

ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ

เครื่องที่สึกหรอ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากหัวเจาะเริ่มหลวม เพลาขับมีรอยแตกร้าว หรือการเชื่อมต่อระหว่างชิ้นส่วนภายในเริ่มเสื่อมสภาพ ความเสี่ยงที่หัวเจาะจะหลุดขณะหมุนด้วยความเร็วสูงถือเป็นอันตรายอย่างรุนแรงที่อาจทำให้เกิดบาดเจ็บกับผู้ใช้งาน หรือกระเด็นไปยังผู้อื่นที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง นอกจากนี้ เพลาขับที่อ่อนแรงหรือแตกร้าวยังอาจทำให้ เครื่องเจาะดิน เกิดการสะบัดอย่างควบคุมไม่ได้ ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถถือ เครื่องเจาะดิน ได้อย่างมั่นคง ส่งผลให้เสียการทรงตัวและเกิดอุบัติเหตุ เช่น ล้ม กระแทก หรือเครื่องพุ่งไปในทิศทางที่ไม่ตั้งใจได้ การสึกหรอของระบบภายในแม้เพียงเล็กน้อยหากละเลย อาจสะสมจนกลายเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุที่รุนแรงในอนาคตได้

การบำรุงรักษา เครื่องเจาะดิน ให้ใช้งานได้หลายๆปี

ตรวจเช็กก่อนใช้งาน เครื่องเจาะดิน ทุกครั้ง

ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง

ก่อนเริ่มงานควรตรวจวัดระดับน้ำมันหล่อลื่นทุกครั้ง โดยใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมตามสเปกที่ผู้ผลิตแนะนำ การตรวจสอบสามารถทำได้โดยใช้ก้านวัดระดับ (Dipstick) ที่ติดมากับเครื่อง หากพบว่าระดับน้ำมันอยู่ต่ำกว่าระดับที่กำหนด ควรเติมให้พอดีก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ทั้งนี้ น้ำมันเครื่องทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนเคลื่อนไหวภายในเครื่องยนต์ เช่น ลูกสูบ เพลาข้อเหวี่ยง แบริ่ง และระบบวาล์ว หากระดับน้ำมันไม่เพียงพอจะทำให้เกิดการเสียดสีโดยตรงของโลหะกับโลหะ ซึ่งนำไปสู่การสึกหรอ อุณหภูมิสะสม และอาจถึงขั้นทำให้เครื่องยนต์พังได้ การละเลยการตรวจระดับน้ำมันจึงเสมือนปล่อยให้เครื่องยนต์เสี่ยงต่อความเสียหายร้ายแรง

ตรวจสอบหัวเจาะว่าหลวมหรือชำรุดหรือไม่

หัวเจาะที่หลวมหรือมีรอยแตกร้าวอาจทำให้ เครื่องเจาะดิน สะบัดหรือหลุดออกระหว่างเจาะ ซึ่งอันตรายมาก โดยเฉพาะในกรณีที่ เครื่องเจาะดิน ทำงานด้วยรอบความเร็วสูง หากหัวเจาะไม่แน่นหนาหรือมีจุดร้าวซ่อนอยู่ อาจทำให้เกิดการแตกกระจายของชิ้นส่วนในขณะที่กำลังเจาะดิน ส่งผลให้เศษโลหะหรือหัวเจาะหลุดกระเด็นออกมาด้วยแรงเหวี่ยงสูง ซึ่งไม่เพียงทำให้ เครื่องเจาะดิน เสียหาย แต่ยังเสี่ยงต่อการบาดเจ็บรุนแรงของผู้ใช้งานและคนที่อยู่ใกล้เคียง ผู้ใช้งานจึงควรหมั่นตรวจสอบความแน่นของหัวเจาะทุกครั้งก่อนเริ่มงาน และควรเปลี่ยนหัวเจาะใหม่ทันทีหากพบรอยแตกร้าว รอยสึก หรือการบิดเบี้ยวของชิ้นส่วน

ตรวจรอยรั่วตามท่อน้ำมันหรือระบบเชื้อเพลิง

ควรดูว่ามีน้ำมันรั่วหรือไม่ โดยเฉพาะบริเวณข้อต่อท่อน้ำมัน ฝาปิดถัง และจุดต่อระหว่างท่อกับเครื่องยนต์ หากพบคราบน้ำมันซึมหรือหยดบนพื้น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเกิดการรั่ว ควรรีบตรวจหาจุดรั่วซึมอย่างละเอียด และดำเนินการซ่อมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนทันที การปล่อยให้เกิดการรั่วของน้ำมันนอกจากจะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังเสี่ยงอย่างมากต่อการเกิดไฟไหม้จากประกายไฟ หรือทำให้เครื่องยนต์ดับกลางคันขณะใช้งาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุและความเสียหายต่อผู้ใช้งานหรือพื้นที่รอบข้างได้ การตรวจรอยรั่วควรทำเป็นประจำ และควรพกอุปกรณ์ซ่อมชั่วคราวติดไว้เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

การล้างทำความสะอาด เครื่องเจาะดิน หลังใช้งาน

ล้างดินและเศษวัสดุออกจากหัวเจาะและตัว เครื่องเจาะดิน

เมื่อเจาะเสร็จ ดินมักจะติดแน่นตามเกลียว หัวเจาะ ร่องเฟือง และช่องระบายของ เครื่องเจาะดิน ซึ่งเป็นจุดที่สะสมความชื้นและเศษดินได้ง่าย หากปล่อยไว้โดยไม่ทำความสะอาด ดินจะแห้งแข็งและเกาะแน่นจนทำให้การหมุนของหัวเจาะฝืดหรือผิดสมดุล การใช้แปรงลวดจึงเหมาะสำหรับขัดเอาเศษดินที่เกาะแน่นออก โดยเฉพาะบริเวณรอยต่อโลหะ ส่วนปืนลมสามารถใช้เป่าฝุ่นและดินที่อยู่ในซอกลึกให้หลุดออกโดยไม่ต้องถอดชิ้นส่วน การทำความสะอาดควรทำอย่างละเอียดทุกครั้งหลังใช้งาน โดยควรใส่ถุงมือและแว่นตานิรภัยขณะทำ เพื่อป้องกันเศษดินและฝุ่นกระเด็นเข้าตาและมือ

หลีกเลี่ยงการฉีดน้ำแรงสูงเข้าระบบเครื่องยนต์

เพราะอาจทำให้น้ำเข้าไปในกรองอากาศหรือระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นจุดที่อ่อนไหวและสำคัญมากต่อการทำงานของ เครื่องเจาะดิน หากน้ำซึมเข้ากรองอากาศ อาจทำให้เกิดการอุดตันหรือทำให้เครื่องดูดอากาศได้ไม่เต็มที่ ทำให้การจุดระเบิดและการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้เครื่องสะดุดหรือกำลังตก ส่วนระบบไฟฟ้า เช่น คอยล์จุดระเบิดหรือสายไฟ หากเปียกน้ำอาจทำให้เกิดการช็อตหรือเกิดความเสียหายต่อวงจร จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำฉีดแรง ๆ โดยให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ที่ไม่หยดหรือชุ่มเกินไป ค่อย ๆ เช็ดบริเวณเปลือกเครื่องและส่วนที่เปื้อนดินแทน พร้อมหลีกเลี่ยงการสัมผัสขั้วต่อไฟฟ้าโดยตรง

ปล่ยให้แห้งก่อนเก็บ

หากเก็บในสภาพชื้น อาจทำให้เกิดสนิมตามแกนเพลา หัวเจาะ หรือเฟืองต่างๆ ได้ เนื่องจากความชื้นจะเร่งปฏิกิริยาออกซิเดชันระหว่างโลหะกับออกซิเจนในอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอากาศภายในที่เก็บมีการระบายอากาศไม่ดี หรือพื้นเก็บสัมผัสกับดินหรือซีเมนต์โดยตรง สนิมที่เกิดขึ้นอาจเริ่มจากผิวโลหะแล้วลามลึกจนสร้างความเสียหายต่อโครงสร้าง ทำให้ชิ้นส่วนหมุนติดขัด หลวม หรือเกิดการแตกหักเมื่อใช้งานในครั้งต่อไป ดังนั้น ควรจัดเก็บ เครื่องเจาะดิน ในที่แห้ง อากาศถ่ายเทสะดวก และควรทาน้ำมันกันสนิมบริเวณชิ้นส่วนโลหะก่อนเก็บทุกครั้งเพื่อยืดอายุการใช้งาน

การบำรุงรักษา เครื่องเจาะดิน ให้ใช้งานได้หลายๆปี

การเก็บรักษา เครื่องเจาะดิน เมื่อไม่ได้ใช้งาน

ปล่อยน้ำมันเชื้อเพลิงออก

ควรถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงออกจากถังให้หมด หากทราบแน่ชัดว่าจะไม่ได้ใช้งาน เครื่องเจาะดิน เป็นระยะเวลานาน เช่น ช่วงหมดฤดูเพาะปลูกหรือช่วงหยุดยาว น้ำมันที่ค้างอยู่ในถังและระบบท่อสามารถเสื่อมสภาพได้ตามเวลา โดยเฉพาะหากมีความชื้นปนอยู่ จะก่อให้เกิดคราบเหนียวเหนอะที่เกาะตามผิวถังและท่อจ่าย ส่งผลให้ระบบจ่ายน้ำมันอุดตันในอนาคต การปล่อยน้ำมันออกและเปิดฝาถังทิ้งไว้สักระยะเพื่อให้อากาศไล่ความชื้นจะช่วยลดโอกาสการเกิดคราบเหนียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถอดหัวเจาะเก็บแยกต่างหาก

หัวเจาะควรแยกเก็บไว้ต่างหากจากตัว เครื่องเจาะดิน โดยห่อด้วยผ้าแห้งหรือพลาสติกป้องกันสนิม เพื่อช่วยลดแรงกดจากน้ำหนักหัวเจาะที่อาจกดทับเกลียวหรือเพลาหมุนในขณะเก็บยาวนาน การวางแยกจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดการบิดเบี้ยวหรือสึกหรอที่ไม่จำเป็น นอกจากนี้ยังง่ายต่อการตรวจสอบ ทำความสะอาด และทาน้ำมันกันสนิมก่อนใช้งานในครั้งถัดไป

คลุม เครื่องเจาะดิน ด้วยผ้าหรือพลาสติกคลุมเครื่องมือ

การคลุมเครื่องด้วยผ้าหนา หรือใช้พลาสติกคลุมเครื่องมือโดยเฉพาะ จะช่วยป้องกันฝุ่นละออง ความชื้น และไอน้ำไม่ให้ซึมเข้าสู่เครื่อง โดยเฉพาะหากจัดเก็บในโรงเก็บหรือห้องที่ไม่มีการควบคุมความชื้นอย่างเหมาะสม การใช้วัสดุคลุมที่สามารถระบายอากาศได้จะช่วยป้องกันการก่อตัวของไอน้ำภายในที่คลุมและลดโอกาสการเกิดสนิมได้ดี ควรคลุมหลังจากเครื่องเย็นสนิทและผ่านการทำความสะอาดแล้วเท่านั้น

ปัญหาที่พบบ่อย พร้อมวิธีรับมือ

เครื่องเจาะดิน สตาร์ทยากหลังไม่ได้ใช้หลายเดือน

  • เช็กน้ำมันใหม่ก่อนสตาร์ต
  • ตรวจสอบระดับน้ำมันเชื้อเพลิงและคุณภาพของน้ำมันในถัง หากน้ำมันมีสีผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น หรือมีสิ่งเจือปน ควรถ่ายออกและเติมใหม่
  • เปลี่ยนหัวเทียนหากจุดระเบิดไม่ติด
  • ถอดหัวเทียนออกมาตรวจสอบ หากมีคราบเขม่าหรือรอยไหม้ ให้ขัดทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่ทันที ตรวจระยะห่างขั้วไฟฟ้าให้ตรงตามสเปกเครื่อง เพื่อให้การจุดระเบิดมีประสิทธิภาพ
  • ตรวจระบบคาร์บูเรเตอร์ว่าตันหรือไม่
  • ถอดกรองอากาศและตรวจช่องอากาศเข้าไปยังคาร์บูเรเตอร์ ทำความสะอาดหัวฉีดและช่องป้อนน้ำมัน โดยใช้น้ำยาล้างคาร์บูเรเตอร์ หากมีคราบเหนียวหรือสิ่งอุดตันควรล้างให้สะอาด และประกอบกลับอย่างแน่นหนา

เครื่องเจาะดิน สะดุดหรือแรงบิดตก

  • ตรวจหัวเจาะว่าคดหรือมีดินติดแน่นหรือไม่
  • หัวเจาะที่คดหรือผิดรูปแม้เพียงเล็กน้อยสามารถทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนผิดปกติ ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเจาะลดลง และเพิ่มโอกาสที่หัวเจาะจะหักหรือหลุดในขณะใช้งาน ควรตรวจสอบด้วยสายตาอย่างละเอียด หรือหมุนหัวเจาะด้วยมือเพื่อสังเกตการเบี้ยว การทำความสะอาดหัวเจาะควรใช้แปรงลวดขัดเศษดิน และหากดินแข็งติดแน่นควรแช่น้ำหรือใช้น้ำยาทำความสะอาดช่วยละลายเศษดินออก
  • ตรวจแรงอัดเครื่องยนต์และกรองอากาศ
  • แรงอัดของเครื่องยนต์ที่ลดลงอาจเกิดจากปะเก็นฝาสูบรั่ว แหวนลูกสูบสึก หรือวาล์วรั่ว การตรวจแรงอัดสามารถใช้เครื่องมือวัดแรงอัดกระบอกสูบ (Compression Tester) ได้ หากค่าแรงอัดต่ำกว่าค่ามาตรฐาน ควรนำเครื่องเข้าเช็กโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ส่วนกรองอากาศที่อุดตันจะทำให้อากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้น้อยลง ส่งผลให้เครื่องกำลังตกและเปลืองน้ำมัน ควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่อย่างสม่ำเสมอ

เครื่องเจาะดิน สั่นแรงผิดปกติ

  • อาจเกิดจากเพลาคดซึ่งทำให้แรงหมุนของเครื่องไม่สมดุล เกิดแรงเหวี่ยงที่ผิดปกติ ทำให้ตัวเครื่องสั่นสะเทือนรุนแรงจนส่งผลต่อโครงสร้างและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน หรืออีกสาเหตุหนึ่งคือการยึดหัวเจาะไม่แน่น อาจมาจากเกลียวหลวม หรือน็อตคลายตัวจากแรงกระแทกซ้ำ ๆ หากปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข หัวเจาะอาจหลุดขณะทำงานและกระเด็นออกด้วยแรงสูงซึ่งเป็นอันตรายมาก
  • ควรหยุดใช้งานทันทีและนำไปตรวจสอบโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการตั้งศูนย์ ตรวจความตรงของเพลา และยึดหัวเจาะให้แน่นตามมาตรฐานความปลอดภัย

สรุป

เครื่องเจาะดิน เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและช่วยประหยัดแรงงานอย่างมากหากดูแลอย่างเหมาะสม อย่าลืมว่าอายุการใช้งานของเครื่องไม่ได้ขึ้นอยู่กับแบรนด์หรือราคาเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับความใส่ใจของผู้ใช้งานด้วย หากคุณดูแลเครื่องอย่างสม่ำเสมอ ตรวจเช็กก่อนใช้ ทำความสะอาดทุกครั้ง และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันตามรอบ คุณก็สามารถใช้ เครื่องเจาะดิน เครื่องเดียวได้นานหลายปี คุ้มค่ากับทุกบาทที่จ่ายไปแน่นอน

>>> เช็คราคา เครื่องเจาะดิน ที่นี่