Customers Also Purchased
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เคยสับสนกับการเลือกซื้อ "ซิลิโคน" เพราะบนชั้นวางมักจะมีให้เลือกหลายแบบ แต่ที่มักเห็นบ่อยสุดคือ ซิลิโคนชนิดกรด และ ซิลิโคนชนิดไร้กรด ซึ่งต่างก็มีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันไป บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจให้ชัดเจน เพื่อให้คุณเลือกใช้ซิลิโคนได้เหมาะสมกับงานของคุณมากที่สุด
ซิลิโคน คืออะไร? รู้ก่อนใช้ เลือกใช้งานได้ถูก
ซิลิโคน (Silicone) คือวัสดุยาแนวประเภทหนึ่งที่มีโครงสร้างเป็นโพลิเมอร์ที่มีลักษณะเด่นในการยืดหยุ่น สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความร้อนสูง รังสียูวี การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และสารเคมีบางชนิดได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้ ซิลิโคนจึงถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในงานต่างๆ เช่น งานยาแนวรอยต่อของอาคารเพื่อป้องกันการรั่วซึมและการขยายตัว-หดตัวของวัสดุ งานติดตั้งกระจกเพื่อการยึดเกาะที่มั่นคงและปลอดภัย งานสุขภัณฑ์และงานติดตั้งในห้องน้ำเพื่อป้องกันเชื้อราและรอยรั่ว รวมถึงในงานอุตสาหกรรม เช่น งานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ และระบบปรับอากาศ เนื่องจากคุณสมบัติในการเป็นฉนวนกันความร้อน กันน้ำ และมีความทนทานต่อสารเคมี ทำให้ซิลิโคนกลายเป็นวัสดุที่จำเป็นและมีความสำคัญในงานหลากหลายประเภท
อย่างไรก็ตาม ซิลิโคนที่เราพบเห็นทั่วไปยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ ซิลิโคนชนิดกรด และซิลิโคนชนิดไร้กรด ที่มีคุณสมบัติและการใช้งานแตกต่างกันอย่างชัดเจน
ประเภทซิลิโคน
- ชนิดกรด (Acid / Acetoxy Cure) – ระเหยกรดอะซิติกในระหว่างการคิวร์ จึงส่งกลิ่นฉุนคล้าย “น้ำส้มสายชู” และอาจกัดกร่อนโลหะบางชนิด แต่แห้งเร็วและแข็งกว่า
- ชนิดไร้กรด (Neutral Cure – Alkoxy หรือ Oxime) – ปล่อยแอลกอฮอล์หรือออกซิม จึงไม่กัดกร่อน ไม่มีกลิ่นฉุน และยึดเกาะวัสดุได้หลากหลายกว่า แต่จะแห้งช้ากว่าเล็กน้อย
ซิลิโคนชนิดกรด (Acetoxy Silicone)
ซิลิโคนชนิดกรด หรือ Acetoxy Silicone เป็นซิลิโคนที่ในระหว่างกระบวนการแห้งตัว (curing) จะมีการปล่อยกรดอะซิติก (Acetic Acid) ออกมา ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนเล็กน้อย จึงส่งผลให้ซิลิโคนชนิดนี้มีกลิ่นเฉพาะตัวคล้ายกลิ่นน้ำส้มสายชูที่ค่อนข้างฉุนและชัดเจน อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติพิเศษที่ทำให้ซิลิโคนชนิดกรดได้รับความนิยม คือความรวดเร็วในการแห้งตัว สามารถเซตตัวผิวได้เร็วภายในเวลาเพียง 5-15 นาที เหมาะสำหรับงานที่เร่งด่วนหรือพื้นที่ที่ต้องการใช้งานอย่างรวดเร็ว เช่น การติดตั้งกระจกที่ต้องใช้พื้นที่ในเวลาไม่นานหรือการซ่อมแซมฉุกเฉิน
ข้อดีของซิลิโคนชนิดกรด
- แห้งเร็ว เหมาะสำหรับงานที่ต้องการใช้งานพื้นที่เร็ว
- ยึดเกาะกับวัสดุประเภทแก้วหรือเซรามิกได้ดีเยี่ยม
- ราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับชนิดไร้กรด
ข้อจำกัดของซิลิโคนชนิดกรด
- ปล่อยกรดอะซิติก ทำให้มีโอกาสกัดกร่อนโลหะบางชนิด เช่น ทองแดง สังกะสี หรืออลูมิเนียม
- ไม่เหมาะกับการใช้งานกับหินธรรมชาติ เช่น หินอ่อน เพราะอาจเกิดคราบเหลืองและกัดผิวหินได้
- กลิ่นค่อนข้างฉุน ควรใช้งานในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก
ซิลิโคนชนิดไร้กรด (Neutral Cure Silicone)
ซิลิโคนชนิดไร้กรด หรือ Neutral Cure Silicone มีลักษณะพิเศษตรงที่ระหว่างการแห้งตัว จะไม่ปล่อยกรดออกมา แต่จะปล่อยสารประเภทแอลกอฮอล์หรือออกซิม ทำให้ไม่มีการกัดกร่อนโลหะ มีกลิ่นที่อ่อนกว่า และเหมาะกับการใช้งานกับวัสดุที่หลากหลายกว่า
ข้อดีของซิลิโคนชนิดไร้กรด
- ไม่กัดกร่อนโลหะและปลอดภัยกับวัสดุทุกประเภท เช่น กระจก โลหะ หินธรรมชาติ
- มีกลิ่นอ่อน หรือแทบไม่มีกลิ่นเลย เหมาะกับพื้นที่ปิด
- ยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการขยายตัวและหดตัวจากสภาพแวดล้อมภายนอก เช่น ความร้อน ความเย็น หรือแรงลม
ข้อจำกัดของซิลิโคนชนิดไร้กรด
- แห้งช้ากว่าซิลิโคนชนิดกรดเล็กน้อย ใช้เวลาผิวแห้งประมาณ 10-30 นาที
- ราคาสูงกว่าชนิดกรด เนื่องจากใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนกว่า
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติหลัก
คุณสมบัติ | ซิลิโคน ชนิดกรด | ซิลิโคน ชนิดไร้กรด |
กลิ่นขณะคิวร์ | ฉุน (กรดอะซิติก) | กลิ่นอ่อนหรือแทบไม่มี |
เวลาแห้งผิว | 5–15 นาที | 10–30 นาที |
การกัดกร่อนโลหะ | อาจกัดกร่อน Cu, Zn, Pb | ไม่กัดกร่อน |
การยึดเกาะหินอ่อน | เสี่ยงเกิดคราบเหลือง | ปลอดภัยกว่า |
ความยืดหยุ่นหลังคิวร์ | ปานกลาง‑สูง | สูงมาก |
ที่มา: สังเคราะห์ข้อมูลจาก Quality Seal, PLPT Global, Sealant Supplies
วิธีดูว่าซิลิโคนที่คุณซื้อนั้นเป็นชนิดไหน?
วิธีที่ง่ายที่สุดในการแยกแยะชนิดของซิลิโคน คือการสังเกตจากฉลากบนบรรจุภัณฑ์ให้ละเอียด โดยซิลิโคนชนิดกรด มักระบุคำว่า "Acetoxy", "Acid Cure", "Acetic Silicone", หรือข้อความที่แนะนำให้ใช้กับวัสดุที่ไม่มีการกัดกร่อน เช่น กระจก เซรามิก และกระเบื้องทั่วไป อีกทั้งบางครั้งจะมีสัญลักษณ์เตือนเกี่ยวกับกลิ่นที่ฉุน และคำเตือนเรื่องการกัดกร่อนโลหะบางประเภทไว้อย่างชัดเจนด้วย
ส่วนซิลิโคนชนิดไร้กรด จะมีการระบุบนฉลากอย่างชัดเจนด้วยคำว่า "Neutral Cure", "Non-acid", "Alkoxy", "Oxime Cure" หรือบางครั้งอาจมีคำว่า "Low Odor", "Non-corrosive" หรือ "Safe for All Surfaces" เพื่อแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยต่อวัสดุที่หลากหลาย เช่น โลหะทุกชนิด หินธรรมชาติ เช่น หินอ่อนหรือหินแกรนิต พลาสติกคุณภาพสูง รวมถึงงานที่ต้องการความสะอาดและปลอดภัยสูง เช่น ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือพื้นที่ที่มีการใช้งานอย่างต่อเนื่องและต้องการความทนทานเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ เพื่อให้มั่นใจยิ่งขึ้น คุณสามารถทดสอบกลิ่นเบื้องต้นด้วยตัวเองขณะเปิดหลอดใช้งานครั้งแรก หากมีกลิ่นฉุนที่ชัดเจนคล้ายน้ำส้มสายชู สามารถมั่นใจได้เลยว่าเป็นซิลิโคนชนิดกรด ในทางตรงกันข้าม หากแทบไม่มีกลิ่นหรือมีกลิ่นอ่อนๆ จะเป็นซิลิโคนชนิดไร้กรดนั่นเอง
เลือกใช้ซิลิโคนอย่างไรให้เหมาะกับงาน?
การเลือกซิลิโคนให้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาหรือความเร็วในการแห้งตัวเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องพิจารณาถึงวัสดุที่ต้องการนำไปใช้งาน และสภาพแวดล้อมที่ซิลิโคนต้องรับมือด้วย
งานที่เหมาะกับซิลิโคนชนิดกรด
- งานติดตั้งกระจกทั่วไป หรือยาแนวกระเบื้องในห้องน้ำหรือห้องครัว
- งานที่ต้องการใช้งานพื้นที่เร็วและมีการถ่ายเทอากาศที่ดี
งานที่เหมาะกับซิลิโคนชนิดไร้กรด
- งานติดตั้งที่เกี่ยวข้องกับโลหะ เช่น อะลูมิเนียม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- งานที่เกี่ยวข้องกับหินธรรมชาติ เช่น การติดตั้งเคาน์เตอร์หินอ่อน หรือพื้นหินธรรมชาติ
- งานภายนอกอาคารที่ต้องรับแรงลมและการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิสูง
สรุปง่าย ๆ เลือกซิลิโคนอย่างไรไม่ให้ผิดพลาด!
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและป้องกันความผิดพลาดจากการใช้งานซิลิโคน ควรตรวจสอบชนิดวัสดุที่คุณจะยาแนวก่อนซื้อทุกครั้ง พร้อมคำนึงถึงข้อดี-ข้อเสียและลักษณะงานที่เหมาะสม โดยเฉพาะหากคุณมีข้อจำกัดด้านกลิ่น การกัดกร่อน หรือระยะเวลาแห้งตัว
การเลือกซิลิโคนให้เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังช่วยยืดอายุวัสดุและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต