10 วิธีเช็คว่า ตลับเมตร ของคุณยังแม่นอยู่ไหม? ทำเองได้ง่ายๆ

Customers Also Purchased

ตลับเมตร เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่อยู่คู่กับงานช่าง งาน DIY งานก่อสร้าง และแม้กระทั่งงานฝีมือในบ้านมาอย่างยาวนาน ด้วยความสามารถในการวัดระยะที่แม่นยำ พกพาสะดวก และใช้งานได้ง่าย ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ช่างทุกคนต้องมีติดตัว อย่างไรก็ตาม ตลับเมตร ก็เหมือนเครื่องมืออื่น ๆ ที่เมื่อใช้งานไปนานวันเข้า อาจเกิดการเสื่อมสภาพ การคลาดเคลื่อน หรือความไม่แม่นยำได้โดยไม่รู้ตัว

ดังนั้นการตรวจสอบ ตลับเมตร อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่ช่างมืออาชีพทุกคนควรใส่ใจ และข่าวดีก็คือ... คุณสามารถเช็ค ตลับเมตร ของคุณได้เองง่าย ๆ โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษหรืออุปกรณ์ราคาแพง วันนี้เราจะพาคุณไปดู “10 วิธีเช็คว่า ตลับเมตร ของคุณยังแม่นอยู่ไหม?” ซึ่งสามารถทำตามได้ทุกคน แม้จะเป็นมือใหม่ในวงการงานช่างก็ตาม

ทำไมต้องเช็คความแม่นยำของ ตลับเมตร?

เพราะ ตลับเมตร ไม่ใช่เครื่องมือที่เที่ยงตรงตลอดไป

การใช้งานเป็นประจำในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น หน้างานก่อสร้างที่มีฝุ่น ความชื้น หรืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงบ่อย รวมถึงการกระแทก การตกหล่น หรือการดึงสายแรงเกินไป ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้ ตลับเมตร สูญเสียความแม่นยำได้ เมื่อกลไกภายในเสื่อมสภาพ ตะขอปลายสายหลวมเกินไป หรือสายวัดเกิดการบิดงอ แม้เล็กน้อยก็อาจทำให้ค่าที่วัดได้คลาดเคลื่อนจากความจริง ดังนั้นแม้ ตลับเมตร จะดูแข็งแรงและทนทาน แต่หากไม่ได้รับการดูแลหรือใช้อย่างระมัดระวัง ก็มีโอกาสที่จะเสียศูนย์และส่งผลต่อความแม่นยำของการวัดได้โดยไม่รู้ตัว

ความคลาดเคลื่อนแม้เพียง 1 มม. อาจส่งผลร้ายแรง

ในการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ งานไม้ งานตัดโลหะ หรือโครงสร้างต่าง ๆ ความคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อย เช่น 1-2 มิลลิเมตร ก็อาจส่งผลให้ชิ้นงานเบี้ยว ไม่เสมอ หรือประกอบไม่ลงตัวได้ทันที ตัวอย่างเช่น หากวัดแผ่นไม้ผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ขนาดของชั้นวางไม่เท่ากัน เกิดช่องว่างระหว่างข้อต่อ หรือไม่สามารถยึดน็อตเข้าตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะส่งผลต่อทั้งรูปลักษณ์ ความมั่นคง และอายุการใช้งานของชิ้นงานโดยรวม ดังนั้น การวัดให้แม่นยำจึงถือเป็นหัวใจสำคัญของทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นการตัด การเจาะ การยึด หรือการประกอบให้เข้ารูปอย่างลงตัว

10 วิธีเช็คว่า ตลับเมตร ของคุณยังแม่นอยู่ไหม ทำเองได้ง่ายๆ

1. ตรวจสอบปลายตะขอว่ายังขยับได้ไหม?

ปลายตะขอของ ตลับเมตร ถูกออกแบบมาให้ “ขยับได้เล็กน้อย” ประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติทางวิศวกรรมที่ช่วยให้สามารถชดเชยความหนาของตัวตะขอเมื่อใช้งานในสองลักษณะต่างกัน คือ การวัดแบบดึง (Hook Outside) และแบบดัน (Push Inside) ในการวัดแบบดึง ตะขอจะยื่นออกจากสายวัดเพื่อให้จุดเริ่มต้นของการวัดตรงกับขอบนอกของวัตถุ ส่วนในการวัดแบบดัน ตะขอจะถูกกดกลับเข้าไปเล็กน้อย เพื่อหักล้างค่าความหนาของตะขอเองให้จุดเริ่มต้นของการวัดอยู่ที่ตำแหน่งเดียวกันอย่างแม่นยำ

หากตะขอไม่สามารถขยับได้ หรือลื่นหลวมเกินไป จะทำให้ไม่สามารถชดเชยความคลาดเคลื่อนดังกล่าวได้ และส่งผลให้ค่าที่วัดจาก ตลับเมตร ผิดไปจากค่าจริงโดยไม่รู้ตัว จึงควรตรวจสอบว่าตะขอยังสามารถขยับได้อย่างลื่นไหล ไม่ติดขัดหรือหลวมเกินควร เพื่อคงความแม่นยำของ ตลับเมตร ในทุกสถานการณ์การใช้งาน
  • ดึงปลายสายออกมาเบา ๆ โดยจับที่ตะขอแล้วดึงออกจนสุดความยาวที่ต้องการ จากนั้นลองผลักกลับเข้าไปในตัวเรือนอย่างช้า ๆ สังเกตดูว่า “ตะขอปลายสาย” มีระยะการขยับไปมาประมาณ 1-2 มิลลิเมตรหรือไม่ การขยับนี้ควรเป็นไปอย่างลื่นไหล ไม่มีอาการฝืดหรือติดขัด และไม่ควรหลวมจนเห็นได้ชัดเจนว่าตะขอโยกได้ง่ายเกินไป
  • หากพบว่าตะขอขยับไม่ได้เลย อาจมีสิ่งสกปรกไปอุดขวาง หรือสปริงภายในเสื่อมสภาพ ในกรณีที่หลวมมากจนวัดค่าคลาดเคลื่อนเกิน 1 มิลลิเมตร แนะนำให้พิจารณาซ่อมหรือเปลี่ยนตลับเมตรใหม่ โดยเฉพาะหากคุณต้องใช้ในงานที่ต้องการความเที่ยงตรงสูง เช่น งานไม้ งานบิวท์อิน หรือการประกอบเฟอร์นิเจอร์

2. เปรียบเทียบกับไม้บรรทัดเหล็ก หรือเครื่องมือวัดที่แม่นยำ

ไม้บรรทัดเหล็กคุณภาพดีเป็นเครื่องมือที่ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการที่แม่นยำสูง โดยผ่านการตรวจสอบด้วยมาตรฐานอุตสาหกรรมหรือผ่านการสอบเทียบจากห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง จึงให้ค่าที่แม่นยำและเชื่อถือได้มากกว่า ตลับเมตร ทั่วไป ซึ่งอาจเกิดการยืดหด บิดงอ หรือคลาดเคลื่อนจากการใช้งาน การใช้ไม้บรรทัดเหล็กจึงเป็นวิธีที่นิยมในวงการวิศวกรรมหรือการผลิตที่ต้องการความเที่ยงตรงระดับมิลลิเมตร โดยเฉพาะในการสอบเทียบเครื่องมือวัด เช่น ตลับเมตร ไม้เมตร หรือเครื่องมือวัดระยะอื่น ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าค่าที่วัดได้ยังคงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ยอมรับได้

  • วางไม้บรรทัดเหล็กแนบกับสายวัดของ ตลับเมตร โดยวางให้ทั้งสองแนบกันตลอดแนวความยาวอย่างระมัดระวัง อย่าให้มีช่องว่างหรือความเอียง เพราะอาจทำให้ผลที่ได้คลาดเคลื่อนได้
  • เริ่มตรวจสอบที่จุดเริ่มต้นของสายวัด โดยดูว่าตัวเลข 0 บน ตลับเมตร ตรงกับจุดเริ่มต้นของไม้บรรทัดเหล็กหรือไม่ หากคลาดเคลื่อนแม้เล็กน้อย ควรตรวจสอบว่าตะขอปลายสายอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่
  • จากนั้นตรวจสอบต่อที่ตำแหน่งกลางสาย เช่น ที่ 50 ซม. หรือ 1 ฟุต แล้วเปรียบเทียบว่าตัวเลขบน ตลับเมตร และไม้บรรทัดเหล็กตรงกันหรือไม่
  • สุดท้าย ตรวจดูที่ปลายสายวัด เช่น ที่ 100 ซม. หรือ 1 เมตร ว่าค่าตรงกับไม้บรรทัดหรือมีความคลาดเคลื่อนหรือไม่
  • หากพบว่ามีค่าคลาดเคลื่อน ให้พิจารณาว่าปัญหาเกิดจากตะขอที่ขยับไม่พอดี หรือสายวัดที่อาจยืด/หดผิดรูป

3. ตรวจสอบสภาพของสายวัด

  • สายวัดมีรอยงอ พับ หรือรอยขีดข่วนหนักหรือไม่ เช่น รอยพับที่เกิดจากการดีดกลับเร็วเกินไป หรือการพับทับตัวเองขณะจัดเก็บ ซึ่งอาจทำให้สายวัดบิดเบี้ยวและอ่านค่าคลาดเคลื่อน
  • ตรวจสอบหมึกพิมพ์บนสายวัดว่ามีความชัดเจนหรือไม่ ตัวเลขเลือน เส้นแบ่งจาง หรือสีซีดอาจทำให้มองค่าผิด และอาจส่งผลให้วัดผิดพลาดในระยะไกล
  • สังเกตว่ามีอาการสายวัดพับตกหรือหักคาเวลายืดออกหรือไม่ โดยเฉพาะในจุดที่ใช้งานบ่อย เช่น บริเวณใกล้ตะขอปลายสายหรือช่วงกลางสาย หากพบว่ามีส่วนใดของสายวัดไม่สามารถยืดได้ตรงเรียบ อาจเป็นสัญญาณว่าสายเริ่มเสียรูปและควรพิจารณาเปลี่ยนใหม่

วิธีดูแล

  • ทำความสะอาดสายวัดหลังใช้งานทุกครั้ง โดยใช้ผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดคราบฝุ่น เศษไม้ หรือสิ่งสกปรกที่อาจติดอยู่บนสายวัด โดยเฉพาะบริเวณปลายตะขอที่มักเป็นจุดสะสมของเศษโลหะหรือขี้ฝุ่น
  • ควรเก็บ ตลับเมตร ไว้ในที่แห้ง และหลีกเลี่ยงความชื้น เพราะอาจทำให้สายวัดขึ้นสนิมหรือหมึกพิมพ์เลือน
  • อย่าปล่อยให้สายดีดกลับแรง ๆ เพราะจะทำให้เกิดการบิดงอหรือเกิดรอยพับที่เป็นจุดเริ่มต้นของความเสียหาย รวมถึงอาจกระแทกตัวเรือนจนทำให้กลไกภายในหลุดหรือเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ควรจับปลายตะขอแล้วปล่อยสายวัดให้หดกลับอย่างช้า ๆ เพื่อยืดอายุการใช้งาน

10 วิธีเช็คว่า ตลับเมตร ของคุณยังแม่นอยู่ไหม ทำเองได้ง่ายๆ

4. เช็คความตรงของเทปวัด

สายวัดที่บิดงอหรือบวมตรงกลางจะทำให้ค่าที่อ่านได้ผิดจากความจริง เนื่องจากสายวัดไม่สามารถวางแนบกับพื้นผิววัดได้อย่างราบเรียบ ซึ่งจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างสายวัดกับวัสดุที่ต้องการวัด เมื่อมองจากด้านบน อาจดูเหมือนว่าสายวัดตรง แต่ในความเป็นจริงแล้ว จุดที่ใช้ในการอ้างอิงค่าระยะอาจลอยขึ้นเล็กน้อย ทำให้การอ่านค่าคลาดเคลื่อน นอกจากนี้สายที่บวมหรือป่องอาจเกิดจากการถูกบิดหรือพับสะสมจนทำให้ชั้นเคลือบบนสายเสียรูป ซึ่งไม่เพียงส่งผลต่อความแม่นยำในการวัดเท่านั้น แต่ยังทำให้การพับเก็บและยืดสายวัดทำได้ยากขึ้น และอาจเร่งการเสื่อมสภาพของเครื่องมือโดยรวม

วิธีเช็ค

  • ยืดสายวัดออกบนพื้นหรือโต๊ะเรียบที่มีระนาบสม่ำเสมอ โดยใช้มือทั้งสองข้างกดสายวัดให้เรียบแนบกับผิวโต๊ะตั้งแต่ปลายตะขอจนถึงช่วงกลางและปลายสาย
  • สังเกตว่าตลอดแนวสายวัดมีการแนบสนิทกับพื้นผิวหรือไม่ หากมีจุดใดที่ยกตัวขึ้นมาเล็กน้อยจนเกิดช่องว่าง แม้เพียงไม่กี่มิลลิเมตร แสดงว่าสายนั้นอาจบิดหรือบวมตรงกลาง ซึ่งจะทำให้ค่าที่วัดได้เพี้ยนจากความจริง
  • ใช้สายตาระดับแนวราบดูจากด้านข้างเพื่อให้เห็นชัดว่ามีจุดใดยกตัวสูงกว่าระนาบหรือไม่ หากพบว่ามีการยกตัวหรือไม่แนบสนิทในหลายจุด และไม่สามารถดัดให้คืนรูปได้ ควรพิจารณาเปลี่ยน ตลับเมตร ใหม่เพื่อรักษาความแม่นยำในการทำงาน

5. ตรวจสอบความยาวมาตรฐาน 1 เมตรหรือ 100 ซม.

  • ใช้ไม้เมตรหรือเครื่องมือที่ผ่านการสอบเทียบแล้ว เช่น ไม้เมตรเหล็กมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือเวอร์เนียร์คาลิเปอร์แบบยาว มาวัดเทียบกับ ตลับเมตร ของคุณ โดยควรเลือกเครื่องมือที่ได้รับการสอบเทียบ (Calibration) จากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจว่าค่าที่นำมาเปรียบเทียบนั้นแม่นยำจริง
  • เริ่มต้นโดยยืดสายวัดของ ตลับเมตร ออกมาให้ถึง 100 ซม. บนพื้นผิวที่ราบเรียบและแน่นหนา แล้วนำไม้เมตรแนบทาบให้ตรงตลอดความยาว
  • ตรวจสอบความตรงกันของตัวเลขทั้งจุดเริ่มต้น กลาง และปลายของสายวัด หากตัวเลขบน ตลับเมตร และไม้เมตรไม่ตรงกัน หรือมีการขยับไปทางใดทางหนึ่งแม้เพียง 1 มิลลิเมตร แสดงว่า ตลับเมตร มีความคลาดเคลื่อน
  • หากค่าคลาดเคลื่อนเกินกว่า 1 มม. ถือว่าไม่ควรใช้งานสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น งานติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ งานตัดไม้ หรืองานโครงสร้างที่ต้องอาศัยความเที่ยงตรง

6. สังเกตเสียงและความลื่นไหลของกลไก

  • เวลาดึงสายวัดออก เสียงควรจะลื่น ไม่มีสะดุด หรือเสียงแปลก ๆ เช่น เสียงฝืด เสียงขูด หรือเสียงแตกร้าว ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงปัญหาในกลไกภายใน เช่น สปริงเริ่มอ่อนตัว เศษฝุ่นหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปติด
  • ระบบล็อกควรทำงานได้ดี ไม่หลุดง่ายหรือล็อกไม่อยู่เมื่อปล่อยมือ หากกดปุ่มล็อกแล้วสายวัดยังไหลกลับหรือไม่คงที่ ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนว่าระบบล็อกเริ่มเสื่อม อาจต้องซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่
  • เสียง “คลิก” ขณะล็อกควรแน่น ชัดเจน สะท้อนถึงกลไกที่ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเสียงคลิกเบา หายไป หรือรู้สึกว่าปุ่มล็อกไม่แน่น แสดงว่ากลไกภายในเริ่มหลวมและอาจส่งผลต่อการวัดที่แม่นยำ

7. วัดวัตถุชิ้นเดิมหลายรอบ

  • เลือกวัตถุหนึ่งชิ้นที่มีขอบหรือมุมที่ชัดเจน เช่น ไม้แท่งที่ตัดเรียบ หรือกระเบื้องเซรามิกที่มีขนาดมาตรฐาน
  • วางวัตถุบนพื้นเรียบ แล้วใช้ตลับเมตรวัดความยาวของวัตถุจากขอบหนึ่งไปยังอีกขอบหนึ่ง โดยใช้จุดเดิมเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดในทุกครั้ง
  • ทำการวัดซ้ำกัน 5 ครั้งติดต่อกัน โดยอย่าเปลี่ยนมุมการมองหรือแรงที่ใช้ดึงสายวัด
  • ค่าที่อ่านได้ควรเท่ากันทุกครั้ง หากมีความแตกต่างแม้เพียง 1-2 มิลลิเมตรในบางครั้ง แสดงว่าตลับเมตรอาจมีปัญหาเกี่ยวกับความเสถียรของกลไก เช่น ระบบล็อกไม่คงที่ สปริงมีการยืดหยุ่นไม่สม่ำเสมอ หรือปลายตะขอขยับผิดตำแหน่ง

10 วิธีเช็คว่า ตลับเมตร ของคุณยังแม่นอยู่ไหม ทำเองได้ง่ายๆ

8. ตรวจสอบตำแหน่งศูนย์ของตะขอ

ถ้าจุดเริ่มต้นของตะขอ (ศูนย์) ไม่ตรงจริง หมายความว่าระยะที่วัดจากปลายสายไม่เริ่มต้นที่ 0 อย่างแท้จริง ซึ่งจะส่งผลให้ทุกค่าที่วัดได้จาก ตลับเมตร มีความคลาดเคลื่อนโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการวัดแบบดึงออก (วัดจากภายนอก) หรือแบบดันเข้า (วัดจากภายใน) ความผิดเพี้ยนนี้จะส่งผลสะสมยิ่งวัดระยะไกลมากขึ้น ทำให้การประกอบงานไม่แม่นยำ และอาจส่งผลให้ชิ้นงานทั้งหมดเสียหายหรือผิดแบบได้

วิธีเช็ค

  • ใช้เวอร์เนียดิจิตอลหรือไม้บรรทัดเหล็กที่ผ่านการสอบเทียบแล้ว วัดจากขอบในของตะขอปลายสายไปยังตำแหน่งที่ระบุไว้ว่าเป็นจุดเริ่มต้น (ศูนย์) บนตัวสายวัด โดยต้องตรวจสอบในสภาพนิ่ง ไม่มีแรงดึงหรือดันเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการเบี้ยวจากแรงภายนอก
  • หากพบว่าระยะระหว่างขอบตะขอถึงจุดเริ่มต้นมีค่ามากหรือน้อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น (โดยทั่วไปไม่ควรเกิน ±1 มม.) ให้พิจารณาว่าตะขออาจบิดงอ เสียรูป หรือสปริงภายในหลวมจนขยับผิดระยะ ซึ่งจะส่งผลต่อทุกการวัด
  • หากใช้ในการงานสำคัญ เช่น งานโครงสร้าง งานตกแต่งภายใน หรืองานที่มีผลต่อความปลอดภัย แนะนำให้หยุดใช้งานทันทีและเปลี่ยน ตลับเมตร ใหม่

9. ทดสอบการใช้งานจริงในงาน DIY

  • วัดไม้ที่มีความยาวประมาณ 30 ซม. โดยใช้ ตลับเมตร ของคุณวัดจากปลายด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ทำเครื่องหมายให้ชัดเจนในจุดที่ระบุว่าเป็น 30 ซม. จากนั้นใช้เครื่องมือที่แม่นยำ เช่น เวอร์เนียร์คาลิเปอร์หรือไม้บรรทัดเหล็ก มาตรวจสอบความยาวที่ตัดจริงอีกครั้ง
  • ควรทำการวัดและตัดไม้ 2–3 ชิ้น โดยใช้ ตลับเมตร วัดเท่าเดิมทุกครั้ง แล้วเปรียบเทียบผลลัพธ์ว่าไม้ที่ตัดออกมายาวเท่ากันจริงหรือไม่ และวัดเทียบด้วยเครื่องมือที่แม่นยำซ้ำอีกครั้ง
  • หากพบว่าความยาวไม่ตรงซ้ำ ๆ ในระดับ 1–2 มิลลิเมตรขึ้นไป นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า ตลับเมตร ของคุณมีปัญหาด้านความแม่นยำ อาจเกิดจากตะขอปลายสายที่ขยับคลาดเคลื่อน หรือสายวัดที่ยืดตัวมากเกินไปเมื่อใช้งาน

10. เปรียบเทียบกับ ตลับเมตร อีกเส้นหนึ่ง

  • ใช้ ตลับเมตร อีกเส้นที่เชื่อถือได้มาวัดพร้อมกัน โดยควรเป็น ตลับเมตร ที่ผ่านการสอบเทียบหรือมีประวัติการใช้งานที่เชื่อถือได้ในงานที่ต้องการความแม่นยำ
  • วางสายวัดทั้งสองเส้นให้แนบขนานกันบนพื้นผิวเรียบ เช่น โต๊ะไม้หรือพื้นปูน แล้วยืดออกให้ได้ระยะเท่ากัน เช่น 1 เมตร หรือ 2 เมตร โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าตะขอปลายสายของทั้งสองเส้นถูกวางในจุดเริ่มต้นเดียวกัน และไม่มีการเบี้ยวหรือคลาดเคลื่อน
  • ตรวจสอบตำแหน่งของตัวเลขในช่วงต่าง ๆ ตลอดแนวสาย เช่น ที่ 10 ซม., 50 ซม., 100 ซม. หรือจุดอื่น ๆ ตามความยาวของสายวัด ดูว่าค่าบน ตลับเมตร ทั้งสองตรงกันหรือไม่อย่างต่อเนื่อง
  • หากมีจุดใดคลาดเคลื่อน แนะนำให้วิเคราะห์ว่าเกิดจากสายวัดยืดตัวผิดรูปหรือตะขอปลายสายไม่สมดุล และควรหลีกเลี่ยงการใช้งาน ตลับเมตร ที่ให้ค่าคลาดเคลื่อนในงานที่ต้องการความแม่นยำ

สรุป: การเช็ค ตลับเมตร คือสิ่งเล็กๆที่ส่งผลใหญ่

การตรวจสอบ ตลับเมตร ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แต่ช่วยลดความผิดพลาดในงาน DIY ได้อย่างมาก โดยเฉพาะงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น งานบิวท์อิน งานติดตั้งบานพับ งานเจาะหรือประกอบชิ้นส่วนหลายชิ้น การที่คุณมั่นใจว่า ตลับเมตร ของคุณยัง “เที่ยงตรง” คือการเพิ่มความแม่นยำให้กับงานโดยรวม


>>> เลือก ตลับเมตร เพิ่มเติม