Customers Also Purchased
ลูกบล็อก (Socket) เป็นอุปกรณ์ช่างที่สำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในงานซ่อมรถยนต์ งานติดตั้งเครื่องจักร หรืองานบำรุงรักษาเครื่องมือกลต่าง ๆ หน้าที่หลักของ ลูกบล็อก คือใช้ร่วมกับด้ามขัน (เช่น ประแจบล็อก หรือบล็อกกระแทก) เพื่อถ่ายแรงไปยังหัวน็อตหรือหัวสกรูให้สามารถขันหรือคลายได้ง่ายขึ้น แต่ปัญหาสำคัญที่ช่างหลายคนมักพบก็คือ “ขนาดของลูกบล็อก” ที่มีหลากหลายจนสับสน วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับประเภท ขนาด มาตรฐานของ ลูกบล็อก อย่างละเอียด พร้อมวิธีเลือกให้ตรงกับงาน เพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย
ลูกบล็อก คืออะไร?
โครงสร้างของ ลูกบล็อก
ลูกบล็อก มีลักษณะเป็นกระบอกทรงกลม ทำจากโลหะที่มีความแข็งแรงสูง โดยออกแบบมาให้รองรับแรงบิดจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านหนึ่งของ ลูกบล็อก จะมีรูสี่เหลี่ยมสำหรับเสียบกับด้ามขันหรือบล็อกไฟฟ้า ซึ่งมีขนาดหลากหลายตามมาตรฐาน เช่น 1/4 นิ้ว, 3/8 นิ้ว, 1/2 นิ้ว เป็นต้น ส่วนอีกด้านของ ลูกบล็อก จะเป็นช่องรูปทรงหกเหลี่ยมหรือสิบสองเหลี่ยมภายใน สำหรับครอบกับหัวน็อตหรือโบลต์ โดยออกแบบให้พอดีกับหัวน็อตเพื่อกระจายแรงอย่างสม่ำเสมอและลดโอกาสการลื่นหรือเสียหาย ทั้งนี้ยังมี ลูกบล็อก บางประเภทที่ออกแบบให้เป็นทรงแปดเหลี่ยมหรือมีร่องภายในเสริม เพื่อใช้กับหัวน็อตเฉพาะทางเพิ่มเติมอีกด้วย
วัสดุที่ใช้ผลิต
ลูกบล็อก ที่ดีมักทำจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น เหล็กโครมวานาเดียม (Chrome Vanadium Steel) หรือเหล็กกล้าชุบแข็ง (Hardened Steel) ซึ่งผ่านกระบวนการชุบแข็งด้วยความร้อนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานต่อแรงกระแทก โดยเหล็กโครมวานาเดียมมีคุณสมบัติเด่นคือมีความเหนียว ไม่เปราะง่าย ทนต่อการสึกกร่อน และสามารถรับแรงบิดได้สูงมาก ซึ่งเหมาะสำหรับงานขันน็อตแน่นๆ หรือใช้กับเครื่องมือที่มีแรงบิดสูง เช่น บล็อกลมหรือบล็อกไฟฟ้า
ใน ลูกบล็อก บางประเภท โดยเฉพาะ ลูกบล็อกกระแทก (Impact Socket) จะใช้วัสดุที่มีการเติมสารพิเศษ เช่น โมลิบดีนัม (Molybdenum) เพื่อเสริมความเหนียวและยืดหยุ่นต่อแรงกระแทก ทั้งนี้ยังมีการเคลือบผิวด้วยวัสดุกันสนิม เช่น ออกไซด์ดำ (Black Oxide) หรือเคลือบนิกเกิล-โครม เพื่อป้องกันการเกิดสนิมและยืดอายุการใช้งาน
ขนาดของ ลูกบล็อก มีกี่แบบ?
การวัดขนาด ลูกบล็อก
- ระบบเมตริก (Metric): ใช้หน่วยวัดเป็นมิลลิเมตร (mm) ซึ่งเป็นระบบที่นิยมใช้กันในระดับสากล โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรปและเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี และประเทศไทย ข้อดีของระบบเมตริกคือความเป็นระเบียบและเข้าใจง่าย ขนาดของ ลูกบล็อก ในระบบนี้มีตั้งแต่ 4mm ไปจนถึงมากกว่า 50mm โดยขนาดยอดนิยมที่ใช้บ่อยได้แก่ 8mm, 10mm, 12mm, 14mm, 17mm, 19mm, 22mm และ 24mm เป็นต้น ซึ่งเหมาะสำหรับงานช่างทั่วไปจนถึงงานอุตสาหกรรมเครื่องกลและยานยนต์
- ระบบนิ้ว (SAE หรือ Imperial): ใช้หน่วยวัดเป็นนิ้ว ซึ่งนิยมในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยขนาดจะระบุเป็นเศษส่วนของนิ้ว เช่น 3/16", 1/4", 5/16", 3/8", 7/16", 1/2", 9/16", 5/8", 3/4", ไปจนถึงขนาดใหญ่กว่า 1 นิ้ว เช่น 1-1/8", 1-1/4" เป็นต้น ระบบนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายในงานเกี่ยวกับรถยนต์สัญชาติอเมริกัน เครื่องจักรเก่าที่ผลิตในสหรัฐฯ และงานบำรุงรักษาทั่วไปในโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้มาตรฐานอเมริกัน การเลือกใช้ระบบนิ้วต้องแม่นยำ เพราะขนาดใกล้เคียงกับระบบเมตริกแต่ไม่เท่ากัน หากใช้ผิดอาจทำให้ขันน็อตได้ไม่แน่น หรือทำให้หัวน็อตเสียหายได้
โดยทั่วไป ลูกบล็อก จะถูกแบ่งตามสองขนาดหลัก
- ขนาดของหัว ลูกบล็อก (Drive Size): หมายถึงขนาดของแกนสี่เหลี่ยมที่ใช้เสียบเข้ากับด้ามขันหรือเครื่องมือ เช่น ประแจบล็อก, ประแจลมหรือบล็อกไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นตัวกลางในการถ่ายแรงจากมือหรือเครื่องมือไปยัง ลูกบล็อก มีหน่วยวัดเป็นนิ้ว โดยขนาดที่พบได้ทั่วไปได้แก่ 1/4 นิ้ว, 3/8 นิ้ว, 1/2 นิ้ว, 3/4 นิ้ว และ 1 นิ้ว ขึ้นอยู่กับความแรงที่ต้องการและประเภทของงาน เช่น งานเบา งานซ่อมรถยนต์ หรืองานอุตสาหกรรมหนัก
- ขนาดของช่องน็อต (Socket Size): หมายถึงขนาดของช่องด้านใน ลูกบล็อก ที่ใช้ครอบกับหัวน็อตหรือโบลต์ ซึ่งอาจอยู่ในหน่วยเมตริก (มิลลิเมตร) หรือระบบนิ้ว (นิ้วเศษส่วน) โดยขนาดต้องตรงกับหัวน็อตอย่างพอดีจึงจะสามารถถ่ายแรงได้อย่างเต็มที่ และไม่ทำให้หัวน็อตเสียหาย ขนาดช่องน็อตที่ใช้กันบ่อยได้แก่ 8mm, 10mm, 12mm, 14mm, 17mm, 19mm หรือ 1/2", 9/16", 5/8" เป็นต้น โดยจะเลือกใช้ตามประเภทงานและมาตรฐานของอุปกรณ์ที่ต้องการขัน
ขนาดหัว ลูกบล็อก
- 1/4 นิ้ว (6.35 mm): สำหรับงานเล็ก งานอิเล็กทรอนิกส์ งานซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์ หรือการถอดน็อตในพื้นที่แคบ ขนาดนี้เหมาะสำหรับช่างที่ต้องการความแม่นยำสูง โดยมักใช้กับ ลูกบล็อก ขนาดเล็กตั้งแต่ 4mm ถึงประมาณ 13mm เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้แรงบิดที่มากเกินไปซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์หรือหัวน็อตเสียหาย
- 3/8 นิ้ว (9.5 mm): เป็นขนาดที่ใช้งานได้หลากหลายมากที่สุด เหมาะสำหรับงานซ่อมรถยนต์ทั่วไป เช่น ถอดน็อตห้องเครื่อง น็อตช่วงล่าง หรืองานเครื่องจักรเบา ใช้งานคู่กับ ลูกบล็อก ขนาดประมาณ 6mm ถึง 22mm ได้อย่างเหมาะสม ให้แรงบิดพอเหมาะ ไม่หนักหรือเบาเกินไป ถือเป็นขนาดยอดนิยมที่ควรมีติดกล่องเครื่องมือไว้
- 1/2 นิ้ว (12.7 mm): ขนาดมาตรฐานที่ใช้กันมากในงานหนักขึ้น เช่น งานติดตั้งเครื่องจักร งานยานยนต์ที่ต้องการขันน็อตแน่น เช่น ถอดล้อรถ ถอดโช้ค หรือแม้แต่งานประกอบโครงเหล็ก มักใช้ร่วมกับ ลูกบล็อก ขนาด 10mm ถึง 32mm และสามารถรองรับการใช้งานร่วมกับบล็อกลมหรือบล็อกไฟฟ้าได้ดี
- 3/4 นิ้ว (19 mm): ใช้สำหรับงานอุตสาหกรรมระดับกลางถึงหนัก เช่น เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องจักรก่อสร้าง หรืออุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่ต้องการแรงบิดสูง ลูกบล็อก ขนาดนี้มักใช้งานร่วมกับ ลูกบล็อก ขนาด 19mm ขึ้นไปจนถึง 50mm ขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน
- 1 นิ้วขึ้นไป (25.4 mm): สำหรับงานหนักพิเศษ เช่น รถบรรทุกขนาดใหญ่ งานเหมือง งานวิศวกรรมโครงสร้าง หรืองานในอุตสาหกรรมพลังงาน ขนาดนี้ให้แรงบิดสูงมาก ใช้กับ ลูกบล็อก ขนาดใหญ่ 32mm ขึ้นไป และต้องใช้เครื่องมือที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อความปลอดภัย เช่น บล็อกลมขนาดใหญ่หรือเครื่องขันไฮดรอลิก
รูปแบบของ ลูกบล็อก
ลูกบล็อกธรรมดา (Standard Socket)
- ใช้งานทั่วไป มีความยาวพอดีมือ เหมาะสำหรับการใช้งานในสถานการณ์ที่น็อตหรือโบลต์สามารถเข้าถึงได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้ความยาวเพิ่มเติม ตัวของ ลูกบล็อก จะมีความยาวประมาณ 25-30 มม. (ขึ้นอยู่กับขนาดและยี่ห้อ) ซึ่งทำให้ควบคุมแรงบิดได้ง่ายและไม่เทอะทะ เหมาะกับงานซ่อมแซมเครื่องใช้ภายในบ้าน งานรถยนต์ งานมอเตอร์ไซค์ หรือเครื่องจักรขนาดกลางที่ต้องการความคล่องตัว ข้อดีคือ ลูกบล็อก ธรรมดาจะสามารถถ่ายแรงได้เต็มประสิทธิภาพเนื่องจากระยะที่สั้น ช่วยลดแรงเสียดทาน และเหมาะกับการใช้งานร่วมกับบล็อกมือหรือบล็อกไฟฟ้าแบบพกพา
ลูกบล็อกยาว (Deep Socket)
- สำหรับขันน็อตที่อยู่ลึก เช่น น็อตยึดล้อรถ หรือน็อตที่อยู่ในช่องแคบลึกเข้าไปในโครงสร้างที่ ลูกบล็อก ธรรมดาไม่สามารถเข้าถึงได้ ลูกบล็อกยาว (Deep Socket) มีลักษณะความยาวมากกว่า ลูกบล็อก ทั่วไป โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50-100 มม. ขึ้นอยู่กับขนาดและผู้ผลิต ช่วยให้สามารถสอดเข้าไปถึงตำแหน่งน็อตที่อยู่ลึกหรือซ่อนอยู่ได้อย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังช่วยให้การขันน็อตที่มีเกลียวยาว เช่น น็อตยึดล้อ หรือโบลต์ในระบบช่วงล่างรถยนต์ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ป้องกันการลื่นหลุด และเพิ่มแรงบิดได้ดีกว่าเมื่อใช้กับด้ามขันหรือบล็อกลม
ลูกบล็อกกระแทก (Impact Socket)
- ใช้กับเครื่องมือกระแทก เช่น บล็อกลม บล็อกไฟฟ้า หรือเครื่องมือขันน็อตที่ต้องการแรงบิดสูงอย่างต่อเนื่อง โดยลูกบล็อกประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้รองรับแรงกระแทกและแรงบิดแบบฉับพลันที่เกิดจากเครื่องมือกระแทก ซึ่งแตกต่างจากแรงขันธรรมดาของมือมนุษย์
- ทำจากเหล็กกล้าชุบแข็งที่มีความเหนียวเป็นพิเศษ มักใช้โลหะผสมพิเศษ เช่น Chrome-Molybdenum (Cr-Mo) และผ่านกระบวนการชุบแข็งความร้อน (heat-treated) เพื่อให้มีความยืดหยุ่นและทนต่อแรงกระแทกได้ดี ผิวภายนอกมักเคลือบด้วยสารป้องกันสนิม เช่น ออกไซด์ดำ (Black Oxide) ซึ่งเป็นสีดำด้านที่ไม่สะท้อนแสง แตกต่างจาก ลูกบล็อกธรรมดาที่มักจะมีสีเงินมันเงาจากการชุบโครเมียม
- ลูกบล็อก กระแทกมีผนังที่หนากว่าลูกบล็อกทั่วไป เพื่อป้องกันการแตกร้าวในระหว่างการใช้งาน และออกแบบมาให้มีแรงยึดแน่นกับหัวบล็อกเพื่อไม่ให้หลุดขณะเครื่องมือหมุนด้วยความเร็วสูง เหมาะสำหรับงานหนัก เช่น ถอดล้อน็อตรถบรรทุก งานในโรงงานอุตสาหกรรมหนัก หรือซ่อมเครื่องจักรที่ใช้แรงบิดสูงมาก
ลูกบล็อกหลายเหลี่ยม (6-point / 12-point)
- 6 เหลี่ยม เหมาะกับงานหนัก ไม่ลื่นหลุดง่าย เพราะผนังด้านในของช่องรับหัวน็อตจะตรงกับผิวสัมผัสของน็อตอย่างแม่นยำ ทำให้สามารถรับแรงบิดได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องใช้แรงขันสูง เช่น ถอดน็อตล้อรถหรือเครื่องจักรขนาดใหญ่ ช่วยลดความเสี่ยงของการทำให้หัวน็อตกลมหรือเสียหาย
- 12 เหลี่ยม ใส่ง่ายในที่แคบ หมุนมุมละเอียดขึ้น เนื่องจากสามารถวางตำแหน่ง ลูกบล็อก ให้ตรงกับหัวน็อตได้ในทุก ๆ 30 องศา ต่างจากแบบ 6 เหลี่ยมที่ต้องตรงทุก 60 องศา จึงเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่จำกัด เช่น ภายในห้องเครื่องยนต์หรือใต้แชสซี โดยเฉพาะเมื่อต้องทำงานด้วยมือเดียวหรือไม่สามารถมองเห็นหัวน็อตได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจุดสัมผัสระหว่าง ลูกบล็อก กับหัวน็อตมีมากขึ้นแต่เล็กลง จึงอาจไม่เหมาะกับงานที่ใช้แรงบิดสูง
คำแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกซื้อ ลูกบล็อก
ซื้อ ชุดลูกบล็อก ดีกว่าซื้อแยก
คุ้มค่าในระยะยาว มีให้เลือกใช้งานครบ ทั้งในด้านขนาด รูปแบบ และอุปกรณ์เสริม ซึ่งเหมาะกับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นงานซ่อมรถ งานติดตั้งเครื่องจักร หรืองานในโรงงานอุตสาหกรรม ชุดลูกบล็อก มักมาพร้อมกล่องเก็บอย่างเป็นระเบียบ ทำให้พกพาง่ายและจัดเก็บสะดวก มีการจัดเรียงขนาดชัดเจน ลดเวลาในการหาชิ้นส่วนแต่ละตัว
มีทั้งหัวแปลง หัวต่อยาว หัวบิดมุม ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลาย เช่น หัวแปลงขนาดช่วยให้ใช้ด้ามขันเดียวกับ ลูกบล็อก หลายขนาด หัวต่อยาวช่วยเข้าถึงน็อตที่อยู่ลึกหรือซ่อนอยู่ในโครงสร้าง และหัวบิดมุม (Universal Joint) ช่วยขันน็อตในมุมอับหรือจุดที่ด้ามขันไม่สามารถเข้าได้โดยตรง ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและความแม่นยำในการทำงาน ลดความเสี่ยงในการทำให้ชิ้นส่วนอื่นเสียหาย และทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น
เลือกแบรนด์คุณภาพ
เช่น Wera, Kingtony, Makita, Milwaukee, DeWalt, Bosch, Snap-On ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจจากช่างมืออาชีพทั่วโลก โดยแต่ละแบรนด์มีจุดเด่นเฉพาะตัว เช่น Koken และ Wera ขึ้นชื่อเรื่องความแม่นยำของขนาดและคุณภาพการชุบผิวที่ยาวนาน ส่วน Snap-On และ Proto เป็นแบรนด์อเมริกันที่เน้นความแข็งแรงและรองรับแรงบิดสูงได้ดีเยี่ยม Makita, Milwaukee และ DeWalt ก็มีชื่อเสียงในตลาดเครื่องมือไฟฟ้า โดยมีชุดลูกบล็อก ที่รองรับกับเครื่องมือแบรนด์ตัวเองได้อย่างลงตัว
รับประกันความทนทาน และความแม่นยำของขนาด ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ช่างทุกคนควรให้ความสำคัญ เนื่องจาก ลูกบล็อก ที่ผลิตด้วยมาตรฐานสูงจะมีค่าความคลาดเคลื่อนต่ำ ส่งผลให้สามารถจับยึดหัวน็อตได้อย่างแน่นหนา ไม่เกิดการลื่นหลุดระหว่างใช้งาน และไม่ทำให้หัวน็อตเสียหายจากแรงบิดที่ไม่เหมาะสม
สรุป
ลูกบล็อก มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งในแง่ของขนาด รูปแบบ และระบบการวัด (เมตริกหรือนิ้ว) ซึ่งการเลือกใช้งานให้เหมาะสมไม่เพียงแต่จะช่วยให้งานซ่อมบำรุงหรือติดตั้งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยยืดอายุของเครื่องมือและป้องกันความเสียหายจากการใช้ผิดประเภทอีกด้วย หากคุณกำลังมองหา ชุดลูกบล็อก คุณภาพสูง อย่าลืมเลือกจากแบรนด์ชั้นนำและตรวจสอบความเข้ากันได้กับเครื่องมือของคุณทุกครั้งก่อนซื้อ